หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


พอดีเพิ่งดู เรื่องจริงผ่านจอ เรื่อพระจตุคามรามเทพ เลยฝากข้อเขียนของท่าน ว.วชิรเมธี ว.วชิรเมธี มาให้สดับกันครับ

โดยคุณ : icy_nominee เมื่อวันที่ : 09/03/2007 00:04:51

********ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ ผู้ที่นับถือนะครับ แค่มีข้อคิดจากพระ รูปหนึ่งที่ผมถูกใจ เลยเอามาฝากกันครับ ***

ผู้เขียนเพิ่งกลับจากการจาริกแสวงบุญ ที่ประเทศินเดีย ดินแดนซึ่งถือกันว่าเป็นดั่ง "เรือนเพาะชำของศาสนา" หมายความว่า ศาสนาทั้งหลายในโลกเกือบทั้งหมด ล้วนถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศอินเดีย ดังนั้นอินเดียจึงเป็นแผ่นดินที่มีเทพเจ้ามากที่สุด มากถึงขนาดเขาเชื่อกันว่าไม่น้อยไปกว่าเม็ดทรายในแม่น้ำคงคาเสียอีก บรรดาเทพทั้งหลายที่คนไทยกำลังเห่อบูชากันอยู่ในเมืองไทย ก็ล้วนแล้วแต่นำเข้ามาจากอินเดียแทบทั้งสิ้น ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า "จตุคามรามเทพ" ก็เป็นหนึ่งในเทพเหล่านั้นด้วย

    แต่ก็เป็นเรื่องน่าตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งๆ ที่อินเดียมีเทพเจ้ามากที่สุด ทว่ากลับเป็นดินแดนที่มีคนจนอาศัยอยู่มากที่สุด ยิ่งรัฐที่ถือกันว่าเป็นเมืองเทพเจ้าอย่างพาราณสี หรือ BANARAS ด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง เมืองนี้เป็นอาณาจักรโบราณแต่กาลก่อนพระพุทธองค์อุบัติเสียด้วยซ้ำ ว่ากันว่าพาราณสีคือเมืองของพระศิวะเจ้า มองไปทางไหนจะเห็นแต่รูปพระศิวะกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ชาวเมืองก็มีความภูมิใจว่า ที่นี่เป็นนครศักดิ์สิทธิ์ แต่ทั้งๆ ที่เป็นเมืองของเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ก็ยังมีคนจน คนอดอยากอยู่มากมาย ขอทานกระจายกันอยู่แทบทุกหัวมุมถนน นอกจากเมืองพาราณสีแล้ว ยังมีเมืองที่จนที่สุดในอินเดียอีกเมืองหนึ่งที่น่าสนใจนั่นคือ เมืองมคธ หรือรัฐพิหารในปัจจุบัน ว่ากันว่า รัฐพิหาร (มคธ) คือรัฐที่ยากจนที่สุดในอินเดีย ทั้งๆ ที่ในอดีตเมืองนี้คือศูนย์กลายความเจริญทุกรูปแบบ เพราะมีพระเจ้าพิมพิสาร, พระเจ้าอชาตศตรู และจอมจักรพรรดิอโศกเป็นผู้ครองนครสือต่อกันมา แต่ไฉนมาถึงยุคนี้มหานครที่เคยยิ่งใหญ่ กลายเป็นรัฐที่ยากจนที่สุดไปแล้ว ลองสอบถามไกด์ท้องถิ่นได้ความว่า สาเหตุของความยากจนก็คือ "คอร์รัปชั่น" ของนักการเมืองนั่นเอง

    ทำไมแผ่นดินที่มีเทพเจ้ามากที่สุด กลายเป็นแผ่นดินที่มีขอทานอยู่มากมาย ทำไมนครรัฐมหาอำนาจที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุด 3 รัชสมัยติดต่อกันกลายเป็นรัฐที่ยากจนที่สุดในปัจจุบัน ตอบได้ว่า

    (๑) ขอทานมีมาก   แสดงว่าการขอหรือการบนบานบวงสรวง ฝากชีวิตไว้กับเทพเจ้าทั้งหลายนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เพระหากอานุภาพของเทพเจ้ามีจริง แผ่นดินอินเดียคงไม่มีขอทาน เพราะทุกอย่างที่ประชาชนบนบานร้องขอ เทพเจ้าก็คงบันดาลให้ได้ทั้งหมด (หรือว่าเทพเจ้าเข้าเกียร์ว่างกันหมดแล้ว)

    (๒) คนจนมีมาก   นอกจากแสดงว่าเดชานุภาพของเทพเจ้าไม่มีจริง และเป็นเรื่องไร้สาระแล้ว ตัวซ้ำเติมทางกายภาพที่สำคัญก็คือ วัฒนธรรมคอร์รัปชั่นที่มีอยู่ในกล่มนักการเมืองนั่นเอง
    เรื่องคอร์รัปชั่นในอินเดียนั้น ผู้เชียนและคณะผู้จาริกแสวงบุญพบด้วยตัวเองตั้งแต่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของอินเดียตั้งแต่วันแรกและวันสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่อง โกงกันชนิดไม่อายแขกบ้านแขกเมืองกันเลยทีเดียว ทั้งวันแรกและวันสุดท้าย
    ทั้งการบูชาเทพเจ้าอย่างอุ่นหนาฝาคั่งที่พบมาในอินเดีย และการคอร์รัปชั่นที่ทำให้รัฐมหาอำนาจกลายเป็นรัฐที่จนที่สุดในอินเดีย ไม่น่าเชื่อว่าทั้ง 2 สิ่งนี้หาพบได้ในเมืองไทยของเรานี่เอง เชื่อแล้วละว่าปาฏิหาริย์มีจริง
    ด้วยเหตุดังนั้นกระแสการบูชา "จตุคามรามเทพ" ในเมืองไทยก็ดีวัฒนธรรมคอร์รัปชั่นในเมืองไทยก็ดี รวมทั้งการกำหนดชะตากรรมของประเทศ และชะตากรรมของรัฐธรรมนูญด้วยการฟังเสียง "หมอดู" เป็นหลักก็ดี 3 สิ่งนี้คือดัชนี ชี้วัดชะตากรรมของสังคมไทยว่าในอนาคตอันใกล้นี้ บ้านเมืองของเราจะมีสภาพเป็นอย่างไร ขอทำนายล่วงหน้าว่า

    (๑) ยิ่งคนบูชาเทพเจ้ามากขึ้น จำนวนคนจนจะเพิ่มมากขึ้น
    (๒) เทพเทวดาจะย้ายจากอินเดีย เข้ามาประจำการอยู่ในไทยอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
    (๓) อาชีพที่มีความสำคัญในการกำหนดชะตากรรม ของประเทศคือ หมดดู
    (๔) พระสงฆ์จะเสกวัตถุมงคลแบบโลกาภิวัฒน์คือ เสกวัตถุมงคลข้ามศาสนาอย่างไม่เห็นแก่หน้าพระพุทธเจ้า (แม้จะใช้คำว่า "เทวาภิเษก" แทน "พุทธาภิเษก" แต่ก็ยังไม่เหมาะสมอยู่นั่นเอง เพราะการ "เสก" ไม่ใช่กิจของสงฆ์)
    (๕) สถิติคนงอมืองอเท้า หรือขอทานจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    (๖) วัฒนธรรมคอร์รัปชั่นจะลงลึกถึงไขกระดูกคนไทย
    (๗) การโกงกินจะถูกทำให้เป็นเรื่องสามัญ เช่นเดียวกับเรื่องภาคใต้ที่วันไหนไม่มีเสียงปืนวันนั้น คือวันผิดปกติ
    (๘) ถัดจากจตุคามรามเทพ จะมีการเปิดแคมเปญเทพองค์ใหม่ตามมาอีกหลายระลอก และนี่คือธุรกิจที่ทำง่าย แต่รับประกันว่ารวยแน่นอน เพราะคนไม่รู้อะไรในเมืองไทยยังมีอีกมหาศาล
    (๙) มีความเป็นไปได้ว่า ทหารอาจต้องอยู่ในอำนาจอย่างยาวนานต่อไป เพราะคนไทยยังเข้าใจว่า ประชาธิปไตย คือการเลือกตั้ง และนักเลือกตั้งเท่าที่เห็นก็แทบไม่มีสปิริตของนักการเมือง หากมีแต่นักธุรกิจการเมืองอยู่ทั่วไป
    (๑o) ประเทศไทยอาจหยุดการพัฒนาเป็นเวลานาน หรือหากพัฒนาต่อไปก็คงจะล้มครืนลงอีกหลายครั้ง เพระรากฐานทางปัญญาของสังคมไทยอ่อนปวกเปียก ซ้ำยังไม่มีใครตระหนักรู้ถึงสิ่งนี้อีกต่างหาก ชนชั้นนำมัวแต่ออกแบบรัฐธรรมนูญ แต่หลงลือการออกแบบพลเมืองของประเทศไทย รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด แต่อยู่ในมือของคนที่ขาดความรู้ และไม่เห็นคุณค่านั้นจะมีความหมายอะไร










จาก อินเทรนด์ อินธรรม

ของท่าน ว.วชิรเมธี wvmedhi@yahoo.com





ความคิดเห็นที่ 1


อิ อิ แต่ว่า วัตถุมงคลที่มีมีเก็บไว้หรือแขวนคอ ผมกล้าบอกได้ว่า แผงเช่าพระทั้งหลายไม่ได้กินจากผมหรอกครับ เพราะผมจะไปที่วัดโดยตรง เพื่อเงินที่ผมเช่าไปบูชานั้นผมต้องแน่ใจว่า เงินผมใช้เป็นปัจจัยเข้าวัด ส่วนพระท่านจะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของท่านเพราะผมถือว่าผมทำบุญแล้ว แต่ถ้าจะเอานอกวัด ผมต้องได้มาแบบไม่เสียปัจจัย คือ มีคนเมตตามอบให้ ฮิ อิ จะว่าไปแล้วถ้างมงายน่ะพระท่านไม่ช่วยอะไรหรอก จะเอาบารมีคนอื่นมาใช้น่ะ ตัวเองต้องสร้างบารมีเองก่อน ถ้าไม่พอค่อยไปหยิบยืมบารมีคนอื่น ขอในสิ่งที่เป็นไปได้ ไม่ผิดศีลธรรม รักษาศีลห้าให้ครบ(ยากจริงๆสำหรับปุถุชนกิเลสหนาเช่นผม) แต่อย่างน้อยเวลาต้องอยู่ที่อ้างว้าง เหงา เดียวดาย จากบ้านมาไกลก็มีวัตถุมงคลที่แขวนอยู่ที่คอนี่แหละเป็นที่ยึดเหนี่ยว ไม่เชื่อถามทหารหาญตามชายแดนดูสิ ไม่งั้น ตชด.ค่ายพระรามหก ตำรวจพลร่มค่ายนเรศวร ทหารที่ศูนย์การทหารราบ คงไม่มีวัตถุมงคลเก็บกันแทบทุกนายแบบนี้ อิ อิ อย่างน้อยหลายคนก็รอดตายอย่างปาฏิหารย์ก็มี อย่าให้รู้ว่าที่ไหนวัตถุมงคลขลัง ก็แล้วกัน หุ หุ
โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 10/03/2007 17:18:54


ความคิดเห็นที่ 2


จริงแล้ว องค์จตุคามรามเทพ จะเป็นเทพจริงๆหรือเปล่า อันนี้ไม่รู้ รู้แต่ว่า ผมก็แขวนเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้งมงายนะครับ เพราะองค์จตุคามรามเทพนั้น ตามหลักจารึกมีตัวตนจริงๆ เป็นเจ้าผู้ครองอาณาจักรศรีวิชัย สมัยก่อนกรุงสุโขทัย เป็นกษัตริย์นักรบ ที่มีร่างกายผิวสีคล้ำ(ตามประสาคนใต้) จนได้ฉายาว่า องค์ราชันดำแห่งทะเลใต้ ได้แพร่อาณาเขตุไปกว้างใหญ่ไพศาล และเป็นผู้ที่ยึดมั่นและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เป็นผู้สร้างพระมหาธาตุที่นครศรีธรรมราช อันเพื่อให้เป็นจุดศุนย์กลางสำหรับพุทธศาสนิกชนสมัยนั้น แล้วตกลงท่านเป็นเทพจากพวกฮินดูตรงไหน น่าจะเป็นความเข้าใจผิดของผู้คนที่ถูกพวกหากินบนความไม่รู้ บนความงมงาย ของชาวบ้านมาหลอกขาย(จนมีของปลอมเกลื่อนเมือง) จะว่าไปแล้วก็เหมือนเรานับถึอพระสยามเทวาธิราชก็ได้ ที่ผมแขวนไว้ก็เพราะเเครพท่านในความเก่งกล้าสามารถและทรงคุณธรรม ไม่ได้คิดว่าจะมีปาฏิหารย์อะไร แต่เมื่อแขวนแล้วผมเห็นหลายคนมีกำลังใจทำมาหากินก็เยอะ จากคนเคยท้อก็มุมานะจนสำเร็จผมก็เคยเห็น แต่คนดันเอามาแปลงเรื่องจนเป็นว่าคนได้ได้โชคลาภจากท่านเสียฉิบ
โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 10/03/2007 16:19:04


ความคิดเห็นที่ 3


ผมมีคนรู้จัก (อดีต....) ไปเรียนอยู่ที่นั่น เค้าบอกว่า ที่นั่นบูชาแม้กระทั่งต้นกระเพรา ที่เค้าปลูกไว้หลังบ้านเช่า -*-

ดูๆไป ชักคล้ายพี่ไทย ไหว้กล้วยแฝด วัวดั้งหัก -*-

โดยคุณ icy_nominee เมื่อวันที่ 09/03/2007 00:07:16


ความคิดเห็นที่ 4


ผมว่า ปัญหาจริง ๆ อยู่ที่ พระสงฆ์ มากกว่าครับ...

ฆราวาส ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ...ถ้า พระสงฆ์ ไม่บิณฑบาต หรือ โปรดสัตว์ โดยการทำเครื่องรางของขลัง....

พิธีปลุกเสก ก็เป็นพระสงฆ์ ครับ...ที่ทำพิธี...

ความศรัทธาของ ฆราวาสในบริเวณพื้นที่ใกล้วัด หรือ ผู้ที่เลื่อมใสวัดที่ตนเองทำบุญ....ก็อยากให้วัดมีโบสถ์ วิหาร ที่สวยงาม ใหญ่โต มีลักษณะเด่นเป็นของตัวเอง โดยเป็นการเลียนแบบ วัดหลวง (วัดหลวงจะไม่มีเมรุเผาศพ)....การจัดหาปัจจัยมาสร้างโบสถ์ วิหาร ก็โดยการทำวัตถุนิยม เครื่องรางของขลัง...

ด้วยความคิดเห็นส่วนตัว นี่น่าจะเป็นจุดที่เปลี่ยนความคิดทางการปฏิบัติของพระสงฆ์ ทำให้เกิดการเน้นวัตถุนิยม มากกว่า การสร้างจิตที่ดี ในการดำรงชีวิต....

ทำให้ผมไม่ได้ใส่บาตรมา 4 - 5 ปีแล้ว เพราะบริเวณที่ผมทำงาน มีคนใส่บาตรกันล้นบาตร และพระสงฆ์บางรูปยืนสงบนิ่ง อยู่หน้าร้านขายข้าวใส่บาตร...และผมคิดว่า ผมไม่ใส่สัก 1 คน ข้าวในบาตรก็น่าจะยังคงเหลือเป็นเศษอาหารแน่ ๆ....บางครั้งบริษัท ทำบุญสังฆทาน ผมก็เห็นเครื่องสังฆทานของคนก่อน ๆ ที่มาทำบุญก่อนผม ฝุ่นจับเขรอะ คิดว่าของในถังน่าจะหมดอายุแล้ว...

ผมเลยเปลี่ยนการทำบุญโดยการ บริจาคทุนโรงพยาบาลศิริราช กับ โรงพยาบาลรามาธิบดี แทน...มีหลายกองทุนให้บริจาค ทั้ง กองทุนเด็กที่ติดเชื้อเอดส์ ผู้ป่วยอนาถา เครื่องมือแพทย์ และทุนการศึกษาแพทย์....ครั้งละ 100-5,000 แล้วแต่ศรัทธา ถ้าถูกหวย ก็เยอะหน่อย...

ตอนนี้เริ่มมีเป้าหมายใหม่ที่บริจาคทำบุญเพิ่มอีกคือ โรงพยาบาลเด็กราชวิถี กับบ้านเด็กกำพร้ารังสิต....

แต่ปัจจุบันผมก็ยังบูชาพระพุทธรูป หรือพระผง (หลวงปู่ทวด ติดไว้บนจอคอมฯ ที่เรานั่งทำงาน เพราะถือว่าเป็นเครื่องทำมาหากินและเลี้ยงชีวิตเราและครอบครัว) ที่ผู้ใหญ่ให้ไว้กับผม ด้วยวัตถุประสงค์ที่ดีที่มอบให้เรา แต่วัตถุประสงค์ให้การสวดมนต์และบูชา คือสร้างความมั่นใจ ว่าเราจะแก้ปัญหาในการทำงานให้สำเร็จลุล่วงตามเจตนา...

ผมเลยคิดว่า เราควรจะพัฒนา พระสงฆ์ ก่อนเป็นอันดับแรก น่าจะดีที่สุดครับ...และน่าจะช่วยสร้างความเจริญให้ชาติได้ดีครับ...

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 09/03/2007 08:28:16


ความคิดเห็นที่ 5


ที่บอกว่าสังคมไทยห่างพระห่างเจ้า ก็งี้แหล่ะ...................พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงสอน เล้ย....เรื่องพันนี้................ พระองค์สอนให้รู้จักการละ เชื่อในเรื่องของกรรม .............. ผมยึดมั่นในพุทธศาสนา ผมเชื่อในคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า...................ผมเชื่อในเรื่องกรรม ผมเชื่อในเรื่องบารมีอันเกิดจากกรรม ผมเชื่อในเรื่องเทวดาซึ่งเป็นเพียงสถิตภพหนึ่งของสิ่งมีชีวิต........................ผมไม่เคยเชื่อเลย ว่าการไม่เคยสร้างบารมีจากทาน ศีล และภาวนา จู่ๆ จะมีเทพองค์ไดลอยเหน่งๆลงมาช่วยสร้างความเจริญให้ได้.......... โง่เขลา อวิชามืดบอดกันทั้งนั้น.............. ห้อยพระเพราะรถจะไม่คว่ำ พกพระเพราะฟันไม่เข้ายิงไม่ออก พกพระเพราะทำมาค้าขึ้น ขณะยังทำตัวต่ำละเมิดศิล แค่ปกติ 5 ทำไม่ได้ วันๆอาฆาตฆ่าทำลายชีวิตผิดศีลข้อ1 กอบโกยค้าขายเอาเปรียบขี้โกงผิดศีลข้อ2 ค่ำมาเย็นมาร่ำสุราผลาญสติ ผิดศีลข้อ5 ต่อด้วยไปเที่ยวอาบน้ำผิดศีลข้อ3  ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนมาช่วยดอกถ้ายังเป็นอย่างนั้น.................. ผมมีของขลังดีที่สุด................ศีล 5 ไง ............ผมพยายามรักษาศีล 5 แม้บารมีจะไม่ถึงในขั้นอุกฤษต์ แต่มันศักดิ์สิทธิ์กว่าการนับถือผีถือเจ้าองค์ไหนๆ...................เชื่อผม เทอะ.....................ถ้าไม่จริง ให้เจ้าไหนก็ได้ที่ว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลกมาหักคอผมให้ตามสามวันเจ็ดวันนี้เลยสิ ผับผ่า..................
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 09/03/2007 09:35:42


ความคิดเห็นที่ 6


เอกภพนี้ทุกอย่างดุลย์ด้วยสมการ...............ข้อนี้แม้นักวิทยาศาสตร์เอกของโลกก็ยืนยัน ทุกทฤษฎี ทุกกฎแสดงออกด้วยสมการ(แม้เรื่องไทม์แมชชีนที่ยังไม่ถูกสรุปเป็นทฤษฎีก็แสดงด้วยค่าสมการ)...............ก็เมื่อทุกอย่างดุลย์เป็นตาช่างด้วยเครื่องหมายเท่ากับ เหตุนี้มีหรือจะมี"สิ่งที่ได้มาฟรีๆ"...............ถ้าไม่หนาพอจะมีใจเอนเอียงในเรื่องเวียนว่ายตายเกิด .................. เราสร้างอะไรทำอะไรมาแต่หนหลังหามีใครรู้............ซึ่งถ้าคล้อยตามเรื่องของสมการ คงให้เห็นว่าดีชั่วโชคดีร้ายในวันนี้ ล้วนเป็นผล ของเหตุในอดีต ............."ไม่มีคำว่าฟลุ๊คในเรื่องของกรรม"......................เมื่ออดีตผ่านไปไม่ทำให้หวน ก็มิไยเมื่อปารถนาจะได้แต่สิ่งดี จึงมิเพียรทำดีในปัจจุบันนี้เล่า.............. ทาน บารมีนำสู่ความสะดวก ศีล บารมีนำสู่ความไม่ตกต่ำทารุนสาหัส.....................และเมื่อปารถนาถึงที่สุด ภาวนา บารมีที่จะเป็นทางสู่วิมุต............... อย่างเราปุถุชน ทานเป็นเรื่องที่เห็นได้พอทำได้................แต่จะให้ลึกล้ำกว่า ลองน้อมเข้าหาศีลเป็นบารมีบ้างสิ ใจจะสงบกันลงบ้าง.....................หรือจะให้บรรเจิด เอาภาวนา เป็นทุนในกระเป๋า ชาติหน้าหนหน้าอาจไม่ต้องได้เกิดมาเห็นหน้ากันอีก..........................

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 09/03/2007 10:49:34


ความคิดเห็นที่ 7


อะจึ๋ย...ผมหนะ..จตุคาม ในคอ..สององค์..เฉลิมพระเกีรติ กับ บูรณะหลักเมือง ปี 47 ขุนแผนไข่ซีก ไพรีพินาศ ยอดธงวัดไก่เตี้ยอยุธยา  จิตรลดา พระนเรศวรรุ่นสู้ สมด็จเผ่า มเหศวร...เต็มคอไปหมด.. ขนาดเมื่อปีก่อน..ลงใต้คนขับรถของจังหวัดปัตตานี เค้าจะไปส่งคณะผมที่ยะลา..ท่านยังเลี้ยวรถเข้าบ้านก่อน..ไอ้ผมก็..งง...ท่านเล่นไปนิมนต์..พระพุทธรูป..ที่บ้านไปด้วยเลยครับ..ของเหล่านี้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ..ครับ.....พูดยาก..ครับของงี้..ผมหนะทั้ง..ท่องอิติปิโส..แต่บอกตามตรง..ศีล 5 หนะ ผมทำได้ไม่หมดทุกข้อ...อย่างน้อยก็...สุรา..เมระยะมัจฉะ...ละก๊าบ...เอื๊ก!......หรือว่า..ม่ายจิง...ผม..ม่าย...มาวววววว....แต่ผมก็..ไม่เคย..ทำให้ผู้ใดเดือดร้อน..จากการกระทำของผม....ใครรู้จักผมจะรู้..ว่าผมเป็นไง...ของงี้อยู่ที่บุคคลครับ...ต่อให้นับถือศีล 5 ก็เถอะ....รู้จักตน..พอเพียง..เพียงพอในความเป็น..ตน...ดูแลครอบครัว...อุปการะบุตร ภรรยา..มิให้เดือดร้อน...ไม่ละโมบ...พอใจในสิ่งที่ตนมี...หาทรัพย์..ตามกำลัง..ที่หาได้...ไม่ขี้โกง...ไม่ฉ้อราษฏร์..บังหลวง...ชีวิต..ก็..มีความสุขได้ครับ....
โดยคุณ CAPT.TOM เมื่อวันที่ 09/03/2007 13:55:45