กองทัพเรือไต้หวันถือได้ว่าเป็นกองเรือที่ทันสมัยมากที่สุดกองทัพหนึ่งในภูมิภาคเอเชียด้วนเรือรบที่ทันสมัยหลายๆลำ ได้ใช้อุปกรณ์ที่มีความทันสมัยจากชาติตะวันตกโดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ไต้หวันต้องพึ่งพามาเป็นอันดับ1ด้านการซื้ออาวุธ เพื่อไว้ใช้ในการต่อกรกับประเทศมหาอำนาจอย่างจีนแผ่นดินใหญ่ เรือรบที่ใหม่ที่สุดและมีขีดความสามารถสูงสุดของกองทัพเรือไต้หวันในปัจจุบันนี้เป็นเรือชั้น Kee Lung class destroyer (Kidd class) ซึ่งแต่เดิมสหรัฐได้ต่อให้กับอิหร่านในสมัยที่ยังมีความสัพันธ์อันดี ก่อนเกิดการก่อรัฐประหารขึ้นในปะรเทศ โดยเรือชั้นนี้ได้ถูกต่อขึ้นทั้งหมดจำนวน4ลำ โดยอาสัยแบบแผนตัวเรือของเรือพิฆาตชั้น Spruance เป็นหลัก พร้อมทั้งออกแบบให้มีขีดความสามารถในการป้องภัยทางอากาศเป็นหลัก เรือในชั้นนี้ได้แก่เรือ
เรือในชั้นนี้มีระวางขับน้ำเต็มที่ 9783 ทัน
เรือมีความยาว 171.6 เมตร และ กว้าง16.8 เมตร
เครื่องยนต์ 4 × General Electric LM2500-30 gas turbines, ให้กำลังถึง80000กำลังม้าที่ความเร็ซสูงสุด33นอต
ระบบอาวุธ
2 × Mark 26 Standard missile launchers
2 × Mark 141 quad launcher with 8 × RGM-84 Harpoon
2 × Mark 15 20 mm Phalanx CIWS
2 × Mark 45 5 in (127 mm) 54 cal gun
2 × Mark 32 triple tube mounts with 6 × Mark 46 torpedoes
1 × Mark 112 ASROC launcher
ระบบอิเลคทรอนิก
SPS-48E air search radar
SPG-60 gun fire control radar
SPS-55 surface search radar
SPQ-9A gun fire control radar
SQS-53 sonar
SLQ-32(V)3 Outboard II
ส่วนอากาศยานประจำเรือเป็นแบบ SH-70 Seahawk
Frigate ship of the Taiwan Navy
ในปัจจุบันนั้นกองทัพเรือไต้หวันได้ประจำการเรือฟริเกต ต่างแบบกัน3รุ่นได้แก่
Chi Yang class frigate (Knox class) เป็นการจัดซื้อเรือเก่าที่ปลดประจำการจากกองทัพเรือสหรัฐมาเข้าประจำการมีด้วยกัน8ลำคือ
Cheng Kung class frigate (Oliver Hazard Perry class) เป็นเรือชั้นเดียวกับเรือฟริเกตชั้น Perry FFG-7 ของกองทัพเรือสหรัฐ แต่ได้ซื้อลิขสิทธแล้วมาทำการต่อในไต้หวันเอง มีจำนวน8ลำคือ
Kang Ding class frigate (La Fayette class) ในส่วนของเรือชุดนี้ ทางทร.ไต้หวันได้สั่งต่อจากประเทศฝรั่งเศษ โดยยึดแบบแผนของเรือฟริเกตชั้น ลาฟาเยต เป็นหลักประการด้วยกันทั้งหมด5ลำสั่งต่อในปี1990 เรือในชั้นนี้ได้แก่เรือ
PFG-2 Cheng Kung-class [Perry] Frigate
เรือชั้นนี้ได้ถูกต่อขึ้นเองในไต้หวันหลังจากได้รับลิขสิทธการต่อเรือจากสหรัฐ เรือชั้นนี้ไต้หวันได้ใช่ในภารกิจป้องกันภัยทางอากาศเป็นหลัก(AAW) ก่อนที่จะได้มีการสั้งซื้อเรือชั้นKiddเข้าประจำการ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเรือชั้นนี้สามารถทำการรับได้ทั้ง3มิติ ด้วยระบบอาวุธยุโธปกรณ์ที่ทันสมัย ได้แก่
Chi Yang-class [Knox] Frigate
เรือชั้นนี้กองทัพเรือไต้หวันได้จัดหามาประจำการทั้งหมด8ลำ ในปี1998 เรือชุดนี้ได้ใช้ในภารกิจ Sea contro คือ การลาดตระเวณทางทะเล ในระยะที่เกินระยะทำการของเครื่องบินบนฝั่ง หลังจากซ่อมทำคืนสภพจากสหรัฐ ซึ่งได้เปลี่ยนระบบอำนวนการรบ ระบบเรดาห์ ระบบการเดินเรือ ระบบอาวุธให้ทันสมัยขึ้นเพื่อรองรับต่อความต้องการในภารกิจ sea contro ส่วนในอนาคต กองทัพเรือไต้หวันได้มีแผนในการจะจัดซื้อเรือพิฆาตชั้น Spruance เข้าประจำการแทนเรือชั้น Knox นี้ โดยมีแผนจะนำเข้าประจำการทดแทนเรือชั้นดังกล่าว 4 ลำ
ในส่วนของระบบอาวุธนั้นยังได้ยึดถือระบบอาวุธมาตรฐานที่ได้รับการติดตั้งมาบนเรือก่อนหน้านี้เป็นหลักได้แก่
ความเร็วสูงสุดคือ27นอต ระวางขับน้ำกว่า4000ตัน
เรือชั้นนี้เป็นเรือชั้นเดียวกับที่กองทัพเรือไทยได้จัดหาเข้ามาประจำการจำนวน2ลำHTMS Phutthayotfa Chulaok (F 461) และ HTMS Phutthaloetla Naphalai (F 462)
เรือที่ประจำการในกองทัพเรือไต้หวันได้แก่
Kang Ding-class [La Fayette] Frigate
Taiwan's Kuang Hua II เป็นชื่อของโครงการจัดหาพัฒนากำลังรบของกองทัพเรือไต้หวันในยุค80
หลังจากได้วางแผนจัดหาเรือฟริเกตขนาดเล็กระวางยขับน้ำ2000ตันในยุค80 จากเกาหลีใต้นั้น ได้เกิดการเปลี่ยนแผนเป็นจัดหาเรือที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น3000ตันจากฝรั่งเศษแทน โดยได้จัดซื้อเรือฟริเกตชั้นลาฟาเยตจำนวน6ลำเข้าประจำการ ซึ่งเรือที่ไต้หวันสั่งต่อนนั้นได้ใช้ระบบอาวุธที่มีความแตกต่างจากกองทัพเรือฝรั่งเศษคือ ใช้จรวด Hsiung Feng II ASCMs ซึ่งไต้หวันพัฒนาขึ้นเองแทนที่จะใช้ เอกโวเซต อย่างฝรั่งเศษ พร้อมทั้งยังได้ติดตั้งจรวดต่อต้านอากาศยานแบบSea Chaparral บรเวณด้านหน้าสะพานเดินเรือ เรือชั้นนี้เป็นเรือที่ได้รับการออกแบบมาสำรับภารกิจต่อต้านเรือดำน้ำ(ASW) ทั้งยังได้รับการออกแบบมาให้ล่องหนต่อเรดาห์ รวมถึงระบบโซนาที่มีประสิทธิภาพสูง
ระบบอาวุธ
เรือในชั้นดีได้แก่เรือ
นอกจากนี้ทร.ไต้หวันยังมีแผนการต่อเรือ Agis ด้วยนะครับ คือ Tien Tan class ซึ่งก็คือเรือพิฆาตชั้น Arleigh Burke เห็นอเมริกาอนุมัติเรียบร้อยแล้วด้วยครับ จำนวนการจัดหา 4 ลำ เพราะคงคิดว่าเรือชั้น KIDD class คงรับมือภัยคุกคามไม่ไหว ราคาโหดครับ ลำละ 40,000 กว่าล้านบาท
นอกจากนี้มีแผนจัดหาเรือ คอร์เวต จำนวนมากถึง 15-20 ลำ ซึ่งคาดว่าเรือชั้น MEKO A-100 ของเยอรมันน่าจะชนะ
แล้วยังมีเรือดำน้ำชั้นต่างๆอีก 4 ลำ และกำลังแผนแบเรือดำน้ำดีเซลเองเพื่อใช้งานให้ครบ 12 ลำ ตามแผน
ไต้หวันจัดได้ว่ามีกองทัพเรือและกองทัพอากาศที่ใหญ่มากติดอันดับโลก น้องๆมหาอำนาจเพียงแต่ไม่มีเรือบรรทุกบ.และเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ตรงจุดนี้นั้นทางเกาหลีใต้แซงหน้าไต้หวันไป 1 ขั้น จริงๆกองทัพขนาดนี้ ทร. อาเซียนก็รบด้วยไม่ไหวแล้วครับ
แหม่ ถ้าทางอาเซียนนี่ร่วมมือกันได้จริงๆนี่นะ ผมว่าน่าจะดีกว่านี้เยอะ
ถ้าอาเซียนร่วมมือกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวเลิกระแวงเลิกกัดกัน จะอีกสักกี่สิบปี ผมก็จะรอ
จะรอวันที่กองทัพอาเซียนเกรียงไกร เหมือนยุโรป...
แต่คิดว่าต้องเผชิญวิกฤตก่อนถึงจะดีละมั้งนะ เหอๆ โดนมหาอำนาจโจมตีสักหน่อยก็คงดี อาเซียนจะได้พัฒนา