เท่าที่ผมสังเกตุเครื่องบินรบของทั้ง 2 ค่ายนี้ในช่วงหลังๆนี้ จะสังเกตุได้ว่าตั้งแต่มีการพัฒนาระบบ Trust Vector นี้เครื่องบินของทั้ง 2 ค่ายคือ อเมริกากับรัสเซีย ตามความคิดผม ผมได้สังเกตุความแตกต่างออกมาได้ดังนี้
- ฝั่งอเมริกา จะเน้นทางด้านเทคโนโลยี Stealth ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ ระบบช่วยเหลือทางการรบ (Awacs) แต่จะไม่เน้นทางด้าน สรรถนะในการบินที่พลิกแพลง ทำให้ความคล่องตัวของเครื่องบินมีไม่สูงมากนัก
- ฝั่งรัสเซีย เครื่องบินรบฝั่งรัสเซียมีขีดความสามารถความคล่องตัวที่สูงมาก สามารถรบแบบ Dog Fight ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง แต่ระบบช่วยเหลือสนับสนุนการรบยังเป็นรองฝั่งอเมริกา และระบบ Stealth ยังพัฒนาได้ไม่เทียบเท่าฝั่งอเมริกา
จากที่ผมตั้งข้อสังเกตุเหล่านี้ เลยมีข้อสงสัยว่า ทำไมอเมริกาถึงไม่เน้นที่จะพัฒนาระบบการบินที่พลิกแพลง ไปเน้นระบบ Stealth ระบบอื่นๆแทน
หรือว่าทางฝั่งอเมริกาไม่มีขีดความสามารถที่จะสร้างเครื่องบินรบที่มีสมรรถนะทางการบินพลิกแพลงแบบ Su-37 ได้ ซึ่งมันก็ขัดกับการเป็นเจ้าเทคโนโลยีอย่างอเมริกา ซึ่งน่าจะทำได้แต่ดันไม่ทำ
เลยอยากทราบความเห็นของผู้รู้ทั้งหลายว่า ข้อสังเกตุของผมมีส่วนใดที่ไม่ถูกต้องบ้าง และมีความเห็นอย่างไรในการพัฒนาเครื่องบินรบของทั้ง 2 ฝั่ง
เพราะ stealth ได้เปรียบในการต่อสู้ระยะนอกสายตาจะมองเห็น (BVR) ส่วนความคล่องแคล่ว (aglility) จะให้ผลเฉพาะการต่อสู้ในระยะประชิด (WVR) ซึ่งในระยะประชิดนั้นปัจจุบันเทคโนโลยีของจรวดอากาศ-สู่-อากาศพิสัยใกล้ที่มีมุมยิงกว้าง (HOBS AAM) เช่น AIM-9X, Python-4/5, IRIS-T, R-73M ที่ใช้งานควบคู่กับหมวกบินติดศูนย์เล็ง (HMD) เช่น หมวก DASH, หมวก JHMCS ก้าวไปไกลมาก โอกาสที่จะรอดพ้นเมื่อถูกยิงด้วยจรวดเหล่านี้มีน้อยมาก ดังนั้นการรบในระยะประชิดจึงสูสีกัน แม้ว่า บ.จะมีสมรรถนะต่างกันก็ตาม
ในมุมมองส่วนตัวของผมนะครับ...
สมัยก่อนใช้ไม้ ก้อนหิน (ประชิดตัว)
ต่อมา อีดาบ (ประชิดตัว ใช้ฝีมือส่วนตัว แต่กว่าจะเก่ง)
ต่อมา ปืนไฟ , ปืนใหญ่ (เริ่มมีระยะห่าง แต่ยังต้องคำนวณลม,ประสิทธิภาพอาวุธตัวเอง/คู่ต่อสู้)
สมัยนี้ จรวด , ขีปนาวุธ (ห่างขึ้นไปอีก เทคโนโลยีคำนวณให้เสร็จ)
เอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มข้อมูล ลดความเสี่ยงของตัวคนและเพิ่มความแม่นยำ หวังผลมากขึ้น
Dog Fight -- ใช้ฝีมือ สมรรถนะและประสบการณ์ของนักบิน กว่าจะได้ประสบการณ์มาแต่ละนิดนั้น เปลืองการฝึกและเสี่ยงทุกครั้งที่ออกปฏิบัติการ เพราะหากวันนั้นนักบินไม่พร้อมเต็มที่อาจทำให้ประสิทธิภาพในการขับลดลงได้
Stealt , Awacs , ระบบ(ข้อมูล)ช่วยเหลือ -- เทคโนโลยีเหล่านี้ให้ข้อมูลเพื่อช่วยให้สามารถช่วยประเมินสถานการณ์ คำนวณผลที่อาจจะเกิดขึ้นได้ครับ ทำให้ไม่ต้องไปจมกับความเสี่ยง
ผมคิดว่าโลกปัจจุบันและอนาคตคือโลกของสงครามข้อมูลครับ สามารถนำไปปรับใช้ได้ทุก ๆ ด้าน เช่น แค่เราจะออกไปซื้อข้าวปากซอย เรามี จส.100 ทำหน้าที่เป็น Awacs ให้เรา รถติด,ฝนตก,ทำทาง ฯลฯ ให้ข้อมูลเรามาประเมินได้ว่าคุ้มมั้ยที่เราจะออกไปเอง หรือจะเปลี่ยนเป็นโทรสั่งแบบ Delivery(หน่วยสนับสนุน) มาแทน
แต่ถ้าเราไม่ฟัง จส.100 แต่ขับรถดุ่ย ๆ ออกไปเลย ก็ประมาณว่าเราไป Dog Fight กับรถคันอื่นบนถนนเอาดาบหน้ากระมังครับ หากรถไปเสียกลางถนนขึ้นมาอีก แต่เปลี่ยนเป็นบนอากาศ ความสูญเสียคงจะเกิดขึ้นตามมาครับ
นักบินธรรมดา แค่ขับเครื่องเป็น กดปุ่มยิงได้ มีเครื่องบินดี ระบบช่วยเหลือดี ข้อมูลพร้อม กดยิงจรวด 10 นัด ทำลายศัตรูได้ 10 ลำ
นักบินเก่ง ๆ แต่ทุกอย่างห่วย ต้องคลุกวงในแทบตายกว่าจะทำลายได้แต่ละลำ หลัง ๆ มีเหนื่อย หมดแรง แพ้ภัยตัวเอง
เผื่อท่านอื่นมีความรู้ดี ๆ มาแบ่งปันต่อครับ
ส่วนหนึ่งที่เครื่องพี่หมี คล่องแคล่วกว่าเครื่อง พี่กันก็เพราะว่าตอนมันยังเป็นแบบร่างนั้น ภัยคุกคามของสองยักนั้นต่างกัน
พี่กันนั้นจะเรียกว่าภัยคุกคามมาจะมหาสมุทรเป็นหลัก พี่แกเลยต่อเรือบรรทุกเครื่องบินซะเพียบเอาไปจัดการเครื่องบินตั่งแต่เนิ่นๆ หรือถ้ามันหลุดลอดมาก็สามารถตรวจจับได้ตั่งแต่ไกล เพราะเครื่องบิน ต้องบินข้ามทะเลมา การออกแบบเลยมุ่งสมมุติฐานว่า สามารถตรวจจับเครื่องบินฝ่ายตรงข้ามได้ก่อน และเครื่องบินฝ่ายตรงข้ามไม่มีน้ำมันเหลือพอให้สู้อีกแล้ว
เลยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบินได้คล่องนักก็ได้
ส่วนพี่หมี กลับ กันเลยเพราะภัยคุกคามมาจากทางบก (กลุ่ม nato) น้ำมันเต็มๆ แถมมีป่ามีภูเขาให้บินหลบเรดาห์ ด้วย จะขึ้นบินจากสามบินตรงไหนก็ไม่รู้
พี่หมีเลยหว่านแหว่าอาจจะ ตรวจจับได้ก่อนถึงตัวนิดเดียว น่าจะต้องใช้ท่า หมากัดกันแน่นอน ก็เลยเป็นที่มาของ mig 29 ที่เก่งดอกไฟท์ และสามารถย้ายไปใช้สนามบิน ที่ทุรกันดารได้ดี
ผิดพลาดท้วงได้
เรื่องนี้ถ้าพูดจริงๆ มันยาวครับเอาคร่าวๆ ง่ายเลยก็คือหลักนิยมทางทหารไม่เหมือนกันครับ อีกอย่างที่สำคัญก็คืออเมริกาไม่ได้เป็นเจ้าเทคโนโลยีทุกอย่างหรือทุกด้านครับ บางด้านก็ยังเป็นรองรัสเซียอยู่และบางด้านก็เหนือกว่ารัสเซีย อย่างเช่น F-35 ก็ซื้อเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนของรัสเซียเพราะรัสเซียออกแบบเครื่องกลพวกจรวดขับดันและระบบส่งกำลังเก่งมาก อเมริกาเองก็ยอมรับเรื่องนี้ดี อย่างชัดๆ ก็พวกอาวุธที่เป็นจรวดจะเห็นว่ารัสเซียพัฒนาให้ยิงได้ไกลกว่าอเมริกามากถ้าเทียบกันแบบรุ่นต่อรุ่นจรวดความยาวพอๆ กันเร็วๆ พอๆ กันแต่ยิงได้ไกลกว่ามาก หรือพวกเครื่องยนต์เครื่องบินรบที่สามารถปรับเปลี่ยนทิศทางได้รัสเซียก็นำหน้าอเมริกาอยู่หลายช่วงตัว ส่วนจุดเด่นเทคโนโลยีของอเมริกาก็คงรู้ๆ กันอยู่เพราะข้อมูลเยอะ
หรืออย่างเทคโนโลยีอวกาศขนาดนาซ่าก็ยังซื้ออุปกรณ์บางอย่างของรัสเซียเอาไว้ไปศึกษาหรือใช้สอนในนาซ่าเองเลย อย่างสถานีอวกาศนานาชาติตอนแรกชาติที่ลงขันไม่อยากเชิญรัสเซียมาร่วมแต่อเมริการู้ดีว่าถ้าไม่มีรัสเซียร่วมพัฒนาด้วยไม่เสร็จง่ายๆ แน่ๆ เลยไปเชิญรัสเซียให้มาร่วมหุ้นด้วย สถานีอวกาศนานาชาติถึงมีรูปร่างคล้ายสถานีอวกาศเมียร์มากๆ แบบบางคนเรียกเมียร์รุ่นขยายขนาด
จริงๆ ระบบสนับสนุนทางการรบพวกสถานีเรดาห์หรือพวก Awacs ต่างๆ นั้น รัสเซียก็มีเยอะครับแต่ที่เห็นอเมริกามีเยอะเพราะอเมริกาออกไปโชว์พาวเวอร์บ่อยเท่านั้นเอง และประเทศที่อเมริการบด้วยก็ไม่ได้มีศักยภาพในการสนับสนุนก่อกวนการรบได้ใกล้เคียงหรือสูสีอเมริกา เลยโดนอเมริกาสอยเอาสอยเอาเพราะเห็นก่อนยิงก่อนทั้งที่เรดาห์เครื่องบินรบเองยังกวาดไม่เจอเลยแต่ Awacs กวาดเจอก็ส่งข้อมูลให้ยิงและ Awacs ก็นำทางจรวดช่วยด้วยอีกแรง รบกับมวยคนล่ะรุ่นมันก็สบายสิครับ
ส่วนระบบ Stealth คนระดับรัฐมนตรีของรัสเซียเคยออกมาพูดออกไปทั่วโลกเมื่อหลายปีที่แล้วว่าสามารถสร้างเรดาห์ที่ตรวจจับเครื่องบิน Stealth ได้แล้ว(อันนี้ไม่รู้ออกมาพูดจริงหรือแค่พูดขู่ก็ไม่ทราบได้) เพราะประเทศที่ขับเคี่ยวทางทหารกันมาโดยตลอดมีหรือจะยอมให้เครื่อง Stealth ของอีกประเทศมาแอบบินโฉบไปโฉบมาเหนือน่านฟ้าได้ง่ายๆ ถึงตนเองจะยังพัฒนาเครื่องบิน Stealth ของตนเองยังไม่สำเร็จแต่ก็ต้องพัฒนาเรดาห์ที่สามารถตรวจจับเครื่องบิน Stealth ให้สำเร็จก่อนที่คู่แข่งจะผลิตเครื่องบิน Stealth ได้เสร็จ
ศักยภาพเทคโนโลยีนั้นไม่สามารถจะทำแล้วเจ๋งสุดๆ กว่าใครได้ทุกด้านครับ ขีดความสามารถบางด้านก็มีจำกัด ต้องมีด้านที่ตนเองด้อยกว่า และเมื่อรู้ว่ามีช่องโหว่ก็ต้องหาอะไรมาปิดช่องโหว่ครับ ทั้งสองประเทศต่างก็มีช่องโหว่ต่างก็มีจุดเด่นและจุดด้อยไม่มีใครเก่งทุกด้าน ของในโลกนี้มันต้องมีคู่แข่งที่สูสีเข้ามาแข่งขันด้วยเสมอครับไม่งั้นสมดุลจะเสียมากเกินไป