ก่อนอื่นครับ มาดู อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท กํบ สกุลเงิน US DOLLAR และ EURO
ค่าเงิน UPDATE วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550
ค่าเงิน DOLLAR
ค่าเงิน US DOLLAR ราคารับซื้อ 34.48 บาท ต่อ 1 US $
ค่าเงิน US DOLLAR ราคาขาย 35.91 บาท ต่อ 1 US $
ค่าเงิน EURO
ค่าเงิน EURO ราคารับซื้อ 46.28 บาท ต่อ 1 ยูโร
ค่าเงิน EURO ราคาขาย 47.34 บาท ต่อ 1 ยูโร
อ้างอิง จาก http://www.bangkokbank.com/Bangkok+Bank+Thai/Web+Services/Rates/FX+Rates.html
มาดู ทางด้าน ราคา เครื่องบินขับไล่
ราคา มี หน่วยเป็น US DOLLAR
1.F/A-18 E/F โมเดล ปี 1998 ราคา US $ 60m
2.F-16 Fighting Falcon late models about '98 US $ 25m
3.F-15 Eagle โมเดล ปี 1998 ราคา US $ 43m
4.F-14 TOMCAT โมเดล ปี 1998 ราคา US $ 48m
5.SAAB JAS-39 GRIPEN about '98 US $ 25m
6.SU-30 MKI for India โมเดล ปี 1998 US $ 45m
7.SU-30 MKM for Malaysia โมเดล ปี 2003 US $ 50m
8.MIG-35 โมเดล ปี 2007 ราคา US $ 70m
ราคา ที่มีหน่วยเป็น เงิน EURO
1.Dassault Rafale ราคา เครื่องละ 50m EURO
2.Eurofighter Typhoon Austrian version '03 ราคา 62m EURO
เมื่อคิดเป็นเงินไทย
1.F/A-18 E/F จะมีราคา 2,154.6 ล้านบาท
2.F-16 ราคา 897.75 ล้านบาท
3.F-15 Eagle ราคา 1,544.13 ล้านบาท
4.F-14 Tomcat ราคา 1,723.68 ล้านบาท
5.JAS-39 GRIPEN ราคา 897.75 ล้านบาท
6.SU-30 MKI รุ่น ทอ.อินเดีย ราคา 1,615.95 ล้านบาท
7.SU-30 MKM รุ่น ทอ.มาเลเซีย ราคา 1,795.5 ล้านบาท
8.MIG-35 โมเดล ล่าสุด 2007 ราคา 2,513.7 ล้านบาท
*หมายเหตุ ราคานี้ ยังไม่ รวม อาวุธ
มาดู อีก 2 ตัวที่เหลือ ค่าเงิน ยูโร
1.RAFALE ราคา เครื่องละ 2,367 ล้านบาท
2.Eurofighter Typhoon ราคาเครื่องละ 2,935.08 ล้านบาท
*ราคา ยังไม่ รวมอาวุธ เช่นกัน
ผมไม่ เก่ง คณิตศาสตร์ ไม่รู้ว่าผมคิดถูกหรือเปล่า
หน่วย มัน น่าจะเป็น พันล้าน หรือ หมื่นล้าน
ถ้าเครื่องบิน เครื่องละ หมื่นล้าน มันก็แพงเกินไปแล้ว
วิธี ทีผมใช้คิด ครับ
ตัวอย่าง ที่ 1
F/A-18 E/F ราคา 60m US $ ก็เอา 60x35.91 = 2154.6 หน่วย น่าจะเป็น ล้านบาท
ไม่ทราบว่า คิดถูกหรือเปล่า แล้วเขาใช้เงิน DOLLAR เอาราคาขาย มาใช้ หรือเปล่า
ผู้รู้บอกหน่อยครับ
เคย ได้ยินข่าวมาว่า ทอ. มีงบประมาณ ในการ จัดหาเครื่องบินขับไล่ ฝูงใหม่ 12 เครื่อง ในวงเงิน 20,000 ล้านบาท
ถ้าที่ข้างบน ผมคิดถูก เราจะมาดูกันว่า เครื่องบิน ที่ กองทัพอากาศ สนใจ 3 รุ่น 12 เครื่อง จะราคาเท่าไร
1.JAS-39 GRIPEN เครื่องละ 897.75 ล้านบาท คูณ 12 เครื่อง = 10,773 ล้านบาท
2.SU-30 MKI ( รุ่นของ อินเดีย ) เครื่องละ 1615.95 ล้านบาท คูณ ด้วย 12 เครื่อง = 19,391.4 ล้านบาท
3.F/A-18 E/F เครื่องละ 2154.6 ล้านบาท คูณ ด้วย 12 เครื่อง = 25,855.2 ล้านบาท
*หมายเหตุ ราคายังไม่ รวม อาวุธ
ถ้า ข่าวที่ได้ยินมา ว่า ทอ.ไทย มีงบ 20,000 ล้านบาท เป็นจริง เครื่องบินขับไล่ ที่ ทอ.ไทย สามารถ ที่จะซื้อ ได้ และ เหลือ เงิน ซื้อ อาวุธ ได้อีก ก็คงจะมีแต่ JAS-39 GRIPEN
อ้างอิง ราคา เครื่องบินขับไล่
http://en.wikipedia.org/wiki/Comparison_of_21st_century_fighter_aircraft
แต่ ทำไม ราคา F-16 มันเท่า กับ JAS-39 เลยอ่ะ ความจริง มันต้องแพงกว่านี้ อ่ะ
F-15 เคยอ่าน ใน แทงโก้ ว่า ราคา F-15K ของ เกากลีใต้ และ F-15SG ของ สิงคโปร์ ราคาเครื่องละ 100 US $ โค-ตะ-ระ แพงเลย หรือคิดเป็นเงิน ไทย 3,591 ล้านบาท
จำนวนเครื่องต่อฝูงของ ไทย รู้สึกจะเป็น 16 ลำ ครับ...
ถ้ามา 12 เครื่อง หวยคงไปลงที่ SU-30 ครับ...เป็นแบบ ที่นั่งเดี่ยว ซะ 8 เครื่อง แบบ 2 ที่นั่ง ซะ 4 เครื่อง
1 หมู่บินก็จะประกอบไปด้วย 1 ที่นั่ง 2 ลำ กับ 2 ที่นั่ง 1 ลำ...อย่างนั้น รึเปล่าก็ไม่รู้ครับ...
คำนวนจากราคาที่ท่าน TOP SECRET ตามนั้นน่ะครับ...
( m ย่อมาจาก 1 million = 1 ล้าน หรือ 1 พันพันเหรียญ)
F-16 50/52 + ที่อเมริกาเสนอขายให้เรานั้นถือว่าทันสมัยกว่ารุ่นปี 98 ที่น้อง TOP เสนอมาครับ โดยเสนอมาที่ราคา 45 ล้านเหรียญครับ ราคาเท่า SU 30 MKI ปี 2003
ส่วน JAS-39 เป็นเครื่องที่เกินจำเป็นของทอ.สวีเดนและเก็บสำรองอยู่สภาพใหม่เอี่ยม แต่ตอนนั้นเสนอขายให้ ทอ.เรา ราคาเครื่องละ 30 ล้านเหรียญเท่านั้นเองครับ ตอนแรกผมก็ตาลุกวาวเลยครับว่าให้เหมา JAS-39 มาเลย 2 ฝูงครับ(ตอนนั้นมีงบถึง 45,000 ล้านบาท) แต่พอรู้ว่าเครื่องรุ่นนี้ไม่มีใครใช้นอกจากสวีเดน จึงทำให้ชะงักครับ เพราะเสี่ยงต่อการหาอะไหล่มาใช้งานยามสงครามมาก และที่สำคัญในยามปกตินั้น เตรียมใจเรื่องค่าอะไหล่ได้เลยครับ แพงสุดๆเพราะผลิตจำนวนน้อย แถมมีใช้แค่สวีเดนที่เดียว เหมือนเราซื้อรถยุโรปหรูอย่างซาบบและเปอร์โย ซีตรองน่ะครับ อะไหล่หายากกกสสส์และก็แพงไม่ได้น้อไปกว่า BMW น่ะครับ
ส่วน SU-30 ราคาถูกมากครับ อะไหล่หาง๊ายง่ายราคาอะไหล่ก็ไม่แพง แต่เป็นเครื่องที่สิ้นเปลืองอะไหล่และน้ำมันมาก
ส่วน F-16 50/52+ นั้นเทียบได้กับ BMW ครับ ราคาพอสมควรทีเดียว อะไหล่หาง่ายมากเช่นกัน แต่ราคาไม่ถูก
ดังนั้นการที่ทอ.จะจัดหาอะไรนั้น ต้องดูจุดประสงค์ภาระกิจและพื้นที่เป้าหมายรับผิดชอบครับ
.......ดูจากราคาแล้ว ยังไงๆ บ.ข.ขนาดใหญ่ตราหมี ก็ยังวนเวียนเป็นตัวเลือกในท.อ.ไทยอยู่ดีละครับ ผิดกับเครื่องจากตะวันตก อะไหล่หาง่ายแต่เจอ สต๊อปเปอร์คือ ราคา เข้าไปถึงกับมึนเหมือนกัน
....บ.ข.ยุโรปและตะวันตก ตัวเลือกมีแค่ เอฟ 16 กับ แจส 39 เองอ่ะ แต่แจส เล็กไป เบาไป มีใช้กันน้อยไปแต่ได้ที่เล็กแต่เทคนิคประจำตัวมีสูงเทคึโนโลยีสูงมาก
....ที่ดูแล้วถูกที่สุดในค่ายตะวันตก อะไหล่หาง่ายที่สุดความสามารถทางการรบคุ้นมือ มีใช้ทั่วไปเหลือแต่ เอฟ 16 50/52 เองล่ะครับ
........ที่เหลือจำพวก 2 เครื่องยนต์ จากตะวันตก (จะเอาตังค์ที่ไหนไปซื้อเนี้ย แพงขนาด ซื้อได้จะครบฝูงหรือไม่ แถมค่าระบบอาวุธที่ติดหรือหามาให้ก็แพงอีกต่างหาก )
....หลือแต่ บ.ข.ตราหมีอ่ะครับ ครอบครองได้ไม่มียากแต่จะมีปัญหาในเรื่องอะไหล่ ค่าเชื้อเพลิง จนถึงอาวุธใช้ร่วมกับชาวบ้านไม่ได้นี่อ่ะสิ
......ถ้าเป็นทาง ภาคใต้ เป็นไปได้มี ซู 30 ซักฝูงก็ดีเพราะสามารถทำการรบได้ครบตั้งแต่ครองอากาศจนโจมตีทางลึก คุ้มครองกองเรือได้ ช่วยป้องกันพื้นที่ทางภาคใต้ทั้งหมดได้เลยอ่ะครับ