อยากถาม ท่านๆ สมาชิก THAIFIGHTERCLUB ทั้งหลาย ว่า เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย กับ การที่เรา จะเอา ดาวเทียม ไทยคม กลับมาเป็น ของคนไทย ชาติไทย
แต่ตอน นี้ ไม่ทราบว่า จะเรียกคืน ดาวเทียม โดยวิธีใด
ฟังข่าวมาครับ บอกว่า จะขาย พันธบัตร และ นำเงินที่ได้ จากการขาย พันธบัตร ไปซื้อคืน ดาวเทียม จาก สิงคโปร์
ขอความร่วมมือครับ
ขอให้เขียนแต่ เรื่อง ดาวเทียม น่ะครับ
เรื่องอื่น ไม่เอาน่ะครับ( เรื่อง การเมือง )
ดาวเทียม เฉยๆครับ จะเป็นของใครก็เป็นไป
แต่ว่า วงโคจรดาวเทียมครับสำคัญกว่า
หากว่าดาวเทียมไทยคมหมดอายุ
ชาติไทยต้องได้สิทธิ์วงโคจรครับ ไม่ใช่ว่า สิงค์โปร์ ได้สิทธิ์ไป ตรงนี้ สำคัญสุดๆ
ไม่เห็นด้วยที่จะซื้อคืนครับ ผู้ว่าการ ICT ยังมาบอก แต่เราต้องใช้ในแง่ของกฎหมายนอมินี ให้มันเสียค่าปรับหนักๆครับ จ่ายทุกปี และผมเห็นว่าถึงซื้อคืนมาตอนนี้ใครจะมาบริหารจัดการละครับ เพราะยังมีหนี้สินที่ต้องจ่ายค่าซื้อดาวเทียมจากประเทศฝรั่งเศล อีกหลายพันล้าน
-ส่วน ITV สิงคโปร์ตัดหางปล่อยวัดไปแล้ว รอให้หุ้นมันร่วงหนักๆจนสิงคโปร์เทขายทิ้ง รัฐบาลก็รีบซื้อหุ้นคืน(เงินที่ได้จากค่าปรับ)แล้วเตะผู้บริหารชุดเก่าออก
-สนานบินอุดรเครื่องบิน F-16 ของสิงคโปร์ยกเลิกการฝึกชั่วคราว
วงโคจรดาวเทียม ก็ไม่ใช่ของคนไทย คนไทยส่วนนึงคิดว่าเป็นของเรา
เราจองไว้แต่ถ้าไม่ยิงขึ้นไปใน7ปี ITU เขาก็เอาคืน
การพูดของสื่อบางสื่อทำให้คนไทยหลายคนคิดผิดว่า วงโคจรเป็นของประเทศเรา
อ่าคับๆๆๆ คือผมเองก็ปิดตัวครับ ขนาดผมเป็นโอตาคุ ไปงานอนิเมะ ยังใส่แว่นดำหมวกฮู้ดผ้าคลุมหน้าเยย (เจ้าหนี้ในกลุ่มเยอะ กลัวๆๆๆ)
โฮะๆๆ แต่ปกติสำหรับพี่น้องชาวรามหากนัดกันนอกเหนือโอตาคุ ผมยินดีมีทติ้งเสมอ เพราะผมถือว่า "พี่น้อง" ลูกท่านพ่อขุนเหมือนกัน ผมไม่เคยอายเลยเอ็นมะติดเรียนราม ภูมิใจด้วยซ้ำ (เพราะกะจะเข้าแต่แรก ไม่ได้กะเข้าที่อื่น)
รัฐศาสตร์ คุณZepia ทำใจครับหากรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ หลอนนิดๆตรงหากตระกูลมะใหญ่มะรวยก็ต้องเก่งจิงๆคับถึงหางานได้
รัฐศาสตร์บริหารรัฐกิจ ง่ายครับ ผ่าน LW318 ก็จบแล้ว ข้อสอบวิชาอื่นๆสบายๆ
รัฐศาสตร์ปกครอง ที่ผมกำลังซวยอยู่ได้เจอ 4 จตุรเทพครับ LW318,PS333,PS315,PS316 แง้!!!! จะจบมั้ยเนี่ย!!!ติดแต่ไอ้พวกนี้
นอกประเด็นเลยขอโทษนะครับคุณฟามลับสุดย๊อดดด
ถ้าจะเอากลับมา แล้วกลายเป็นรัฐวิสาหกิจอะ ไม่เห็นด้วยเลย ไม่ต้องไปดึงมาเลย จะเอามาทำไมก็ไม่รู้
ในลิ้งค์แรกที่ท่าน Juldas เอามาแปะไว้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า สัดส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ของชินแซทฯก็ยังเป็นของคนไทยอยู่ ประเด็นเรื่องเชื้อชาติอะไรก็ไม่น่าจะเอามาเป็นประเด็นเลยในเมื่อผู้ที่เป็นเจ้าของสัมปทานจริงๆก็คือรัฐบาลไทย คนที่โอเปอเรตมันก็อยู่ในไทย สถานีฐาน ศูนย์ควบคุมสั่งการอยู่ในไทยหมด ควบคุมโดยคนไทยหมดอยู่แล้ว แต่เขาอยู่เป็นบริษัทมหาชนที่ดำเนินงานคล่องตัวดีอยู่แล้ว ทำอะไรรวดเร็ว ทันการแข่งขันของตลาด และต้องโปร่งใสด้วย เพราะผู้ถือหุ้นต่างๆที่มาถือหุ้นอยู่เขาย่อมต้องการรู้ว่าเงินที่ลงทุนไปมันไปอยู่ไหน เอาไปทำอะไร การโกงอะไรกันในองค์กรก็เป็นไปได้ยาก
แล้วถ้าดึงมาเป็นรัฐวิสาหกิจละ ผลเสียชัดๆที่จะเกิดกับประเทศเลยก็คือในแง่ภาพพจน์ ความน่าลงทุนในสายตานักลงทุนต่างชาติ ใครจะอยากมาลงทุนละ กับประเทศแบบนี้ เดี่ยวก็มีนโยบายการเงินโง่ๆออกมาแบบกันสำรอง 30% เดี่ยวอยู่ดีๆก็มีการยึดสัมปทานคืนทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เดี่ยวก็แก้กฏหมายไปมาเพียงเพื่อจะเอาผิดกับกลุ่มคนบางกลุ่ม นโยบายโลเลไปๆมาๆแบบนี้ ผมเป็นนักลงทุนผมก็เผ่นละ ผมก็ไปมองเวียดนาม มาเลย์ สิงคโปร์ จีน พวกนั้นดีกว่า
แล้วพอเอามาเป็นรัฐวิสาหกิจเนี้ย รัฐมีปัญญาทำให้มันดีได้หรือเปล่า จะทำอะไรได้คล่องตัวเหมือนเดิมไหม หรือจะต้องติดระบบราชการ เช้าชามเย็นชาม ไปแข่งกับใครไม่ได้ สุดท้าย จากที่เป็นผู้นำในเรื่องธุรกิจดาวเทียม ชินแซทก็จะกลายเป็นบริษัทโนแนมไม่ทำกำไร ไม่มีใครสนใจ แล้วก็หลุดออกจากตลาดไป แบบนี้นะหรือ ที่คนไทยอยากได้กัน แทนที่เราจะมีบริษัททางเทคโนโลยีสูงๆเป็นหนึ่งใน Flagship companies ของประเทศ แบบที่คนอื่นเขามี Samsung, Toyota, Sony, Airbus ฯลฯ เราก็จะไปดึงกลับมาให้มาเหี่ยวแห้งตายตามแบบรัฐวิสาหกิจอื่นๆเช่น รฟท. แบบนั้นนะหรือ ???
ผมไม่ได้เข้าเรื่องการเมืองแล้วนะครับ นี่คือความเห็นในแง่ธุรกิจล้วนๆ
ผมไม่เห็นด้วยเลยครับ
ไร้สาระ+คลั่งชาติ เกินเหตุ
โดยส่วนตัวแล้ว เอาเงินที่จะไปซื้อดาวเทียมที่จะหมดอายุการใช้งานแล้ว ไปสร้างดาวเทียมใหม่ยิงแทนดวงเก่าดีกว่า วงโคจรตรงนี้เคยมีปัญหาแย่งกับฮ่องกงมาแล้ว ดังนั้น เพื่อรักษาสิทธิที่พึงมี ก็สมควรที่จะวางแผนยิงดวงใหม่ได้แล้ว ไม่ใช่เอาเงินไปละยกับดวงเก่าครับ ถ้าพูดถึงชื่อพระราชทาน รล. หลายๆลำก็ขายให้ต่างชาติแยกชิ้นส่วน มันไม่ใช่เหตุผลที่สมควรเสียเงินครับ
ขอให้เขียนแต่ เรื่อง ดาวเทียม น่ะครับ
เรื่องอื่น ไม่เอาน่ะครับ( เรื่อง การเมือง )
เป็นคำขอร้อง ที่ตาหลกกก...มาก ๆ ครับ...
ก็มันเป็นเรื่องการเมือง...กับขอไม่ให้พูดเรื่องการเมือง...เหอ เหอ เหอ...ผมโง่ครับ...ไม่ค่อยเข้าใจตรรกะครับ...
ความคิดเห็นมีอยู่เกลื่อนกลาด...ถ้าใจท่านไม่เชื่อ...ก็จะมาถามทำไมครับ...
เดี๋ยวนี้เว๊ปนี้ เขาเปิดอิสระแล้วนะครับ...สามารถหาความคิดเห็นได้เต็มที่ครับ...ผมยกตัวอย่างมาให้..
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5157105/P5157105.html
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5152439/P5152439.html
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5156110/P5156110.html
อ่านให้ครบทุกความเห็นนะครับ...มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย...แล้วโปรดใช้วิจารณญาณ ของท่านเองครับ...
ถ้าถามผม ผมไม่เห็นด้วย เพราะไม่มีประโยชน์อันใดที่จะเอาคืน เรื่องความมั่นคงก็ไม่เกี่ยว ดาวเทียมต่อให้ขายไปก็เป็นสิทธิแค่การบริหารจัดการ และการหาประโยชน์ ดาวเทียมทั้งดวง ก็ยังเป็นของไทย หมดอายุมันก็กลายเป็นขยะอาวะกาศ มีประโยชน์อันใดที่จะแย่งชิง ตอนนี้ไทยก็มีสิทธิการใช้งานเต็มที่เพราะเป็นเจ้าของสัมปทาน เทมาเส็กก็แค่การบริหารจัดการ ผมยังมองไม่ออกว่า ยึดคืนมาแล้วจะทำอย่างไร เพื่อจะให้มันมีคุณค่าต่อไป
ดาวเทียมที่มีการให้บริการครอบคลุมหลายพื้นที่ ผมว่ามันก็เหมือน ตลาดสำหรับจับจ่ายคลื่นความถี่ ถ้าเราเอาคืนมา แล้วเราจะมีโนยบายบริหารอย่างไร จะเอาความถี่ที่มี ไปขายให้ไคร ลูกค้าจะเชื่อมั่นแค่ไหน แล้วศักย์ภาพในการดำเนินงานเป็นอย่างไร สุดท้าย เอามาแล้วจะขาดทุนหรือไม่
ถ้ามีนโยบายที่ชัดเจนผมคงจะคิดทบทวนดูใหม่ครับ
แต่เท่าที่เห็นทุกวันนี้ ดาวเทียมไทยคมกลายเป็นเครื่องมือของคนบางกลุ่ม เอามาปลุกกระแสรักชาติ แต่ผลประโยชน์ทั้งมวล จะตกกับคนแค่กลุ่มเดียว ที่กำลังคิดจะครอบครองดาวเทียม ดังที่เคยคิดขอสัมปทานกับลาว แต่เจ้งไปก่อน
ก็ต้องดูเงื่อนไขก่อนว่าได้มามีผลประโยชน์กับชาติอย่างไร มีเสียอย่างไร ผมข้อมูลยังน้อย บ่ได้ตามเรื่องนี้มาก จะสอบง่ะ!
คุณ BloodRoyal เรียน ม.รามคำแหง หรือ ครับ
ถ้าใช่ ก็เป็น ลูกพ่อขุน เหมือนกัน จะสอบเหมือนกัน
ใช่คับ จะจบเมื่อไหร่น๊า อยากจบใจจะขาดแล้ว
ปล.ห้ามถามเรื่องเกรด ห้ามถามว่าเหลือกี่เล่ม มะงั้นหยาบคายมั่ก ฮือๆ
ผมชอบ ไป ศูนย์หนังสือราม ครับ ไปอ่านหนังสือฟรี ไป ล็อค ที่มันมีหนังสือ สงคราม เครื่องบิน หน่วยรบพิเศษ
ไม่ทราบว่า ท่าน BloodRoyal ได้ไปบ้างหรือเปล่า
ผมก็อยากจะจบเร็วๆ เหมือนกัน จะได้เอาความรู้ที่มี แค่หางอึ่ง ไป พัฒนา ประเทศ
MEETING กัน มั๊ยครับ
ไม่เอาดีกว่า ถ้า มีใครเจอหน้า ความลับสุดยอด มันก็ไม่เป็นความลับสุดยอด เพราะผมชื่อ TOP SECRET
คงจะมีเพียงท่าน WEBMASTER เท่านั้น ที่รู้ ชื่อที่อยู่ผม แต่ท่าน Webmaster อย่าเอามาเปิดเผยน่ะ
ท่า BloodRoyal พำนัก พักอาศัยอยู่ที่ไหนครับ อยู่หน้า ราม หรือเปล่า ผมอยู่ ราม 65 อ่ะ บอกแค่นี้แหล่ะ
ผม เห็นด้วย
ดาวเทียม ไทยคม เป็นสมบัติ ของชาติ
ชื่อว่า ไทยคม เป็น ชื่อ ที่ ในหลวง ทรงพระราชทาน
ผมไม่รู้ ว่าจะพูดอะไรต่อไป
แต่ มันเป็น ของคนไทย ของชาติไทย
ผมอยากได้ สมบัติ ชาติคืน ครับ
วงโคจรไม่ใช่ของเรา
ตัวดาวเทียมเป็นของ ICT ตั้งแต่เริ่มต้น บ.ชินหรืออื่นๆเป็นเพียงผู้ได้รับสัมปทานบริหาร การจัดการ การซ๋อมบำรุง และอื่นๆ
ดาวเทียมไทยคมทั้งหมด มีลักษณะคล้ายกระจกบานใหญ่ทำหน้าที่สะท้อน สัญญาณกลับลงโลกเท่านั้น
สัดส่วนการถือหุ้นส่วนใหญ่ยังเป็นของไทย
จะยึดของเรากลับมาเป็นของเรา ทำไมครับไม่เข้าใจตอนนี้หลายๆชาติที่เป็นพันธมิตรทั้งหลายสงวนท่าทีต่างๆเอาไว้ แต่หากไทยทำการยึดคืนจริงคงมีปฏิกิริยาออกมาเพราะถือว่าเป้นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ถึงแม้จะอ้างเรื่องความมั่นคง
ธุรกิจนี้มีความเสี่ยงสูง ถึงแม้จะใกล้หมดอายุสัมปทานแล้วอาจจะยังไม่ถึงจุดคุ้มทุนก็ได้
เอาเงินที่จะซื้อคืนไปทำอย่างอื่นดีกว่า ตอนนี้เศรษฐกิจกตลงต่ำ ต่ำจนบางสถาบันบอกไม่ได้ว่าจุดต่ำสุดอยู่ตรงไหน
ไร้สาระครับ พอหมดเรื่องสุวรรณภูมิ ก็หาเรื่องใหม่ นี่ยังไม่รู้ว่าหากไทยคมจบแล้วจะเป็นเรื่องไหนอีก
อันนี้เป็นข่าวล่าสุดเกี่ยวกับ ชินแซทฯ ครับ เอามาให้อ่านกัน
---------------------------------------------
?สามารถ? ฮุบดาวเทียมไทยคมฉลุย! [24 ก.พ. 50 - 05:10] |
|
?สามารถ? ฮุบดาวเทียมไทยคมฉลุย! [24 ก.พ. 50 - 05:10] |
http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=38060 |
-------------------------------------------
ถ้าคนที่ซื้อกลับมาเป็นบริษัทเอกชนแบบนี้ เอามาแล้วยังเป็นธุรกิจเอกชนอยู่ ก็ยังถือว่าดี ดีกว่าเอามาปล่อยให้ตายแบบรัฐวิสาหกิจอื่นๆ แต่ความเสียหายที่เกิดกับภาพพจน์ บรรยากาศการลงทุนของประเทศมันก็ยังมีอยู่แหละครับ ใครจะไปรู้ว่าถ้าเขาเข้ามาลงทุน มาซื้อหุ้นร่วมทุนอะไรในไทย แล้ววันนึงใครจะเอามาหยิบเป็นประเด็นการเมืองแบบนี้อีกไหมจนต้องถูกบีบให้เขาถอยออกมาแบบนี้
แล้วคราวนี้ไม่เห็นมีใครออกมาตั้งแง่ ตั้งข้อสงสัยกันเลยว่ากลุ่มสามารถที่เข้ามาซื้อหุ้นคืนได้สบายๆนั้นมีผลประโยชน์อะไรแอบแฝงหรือเปล่า ไปตกลงอะไรกับใครไว้หรือเปล่าถึงเกิดเป็นขบวนการ เป็นกระแสทวงดาวเทียมคืนจนสุดท้ายตัวเองก็ได้หุ้นมาง่ายๆ ได้กิจการมาบริหารแบบแทบจะไม่ต้องทำ ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ผมไม่ได้ว่าเขามีลับลมคมในอะไรหรอก ได้คืนมาเป็นคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่มันก็ยังดี ดีกว่าไปเป็นรัฐวิสาหกิจ เพียงแต่อยากให้ทุกท่านลองคิดดูในทางกลับกันเท่านั้นว่าถ้าเจ้าของเดิมเป็นสามารถ แล้วกลุ่มที่เข้ามาซื้อเป็นชินคอร์ปละ จะเกิดข้อครหาแบบที่ผมสงสัยไหม ผมว่าเดี่ยวก็มีเอามาเล่นเป็นกระแสการเมืองอีก ประมาณว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน เอาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นเดิมพันเพื่อไปบีบเขาให้ขายหุ้นให้ชินคอร์ป ฯลฯ
ผมว่าไอ้ที่มันวุ่นวายกันมาทั้งหมดมันก็แค่เกมส์การเมือง เอากระแสคลั่งชาติมาเดินหมากทางการเมืองกันเท่านั้นแหละ พวกเรา ปชช. คนเล็กๆ จะรู้ หรือไม่รู้อะไรด้วยก็เป็นแค่หมากตัวเล็กๆที่เขาจับมาวางบนกระดานเล่นการเมืองกันไปมา เท่านั้นเอง
อ้อ อย่าลืมสังเกตกันเล่นๆนะครับ ว่าตอนเทมาเส็กขายหุ้นคืนให้สามารถอะ เขาเสียภาษีกันหรือเปล่า หึหึ (จะได้รู้กันไปว่าการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ต้องเสียภาษีไหมมันขึ้นอยู่กับใครเป็นคนขายหรือเปล่า)
ไม่น่าจะเข้าท่านะผมว่ายิงขึ้นไปใหม่เลยดีกว่า
อายุการใช้งานดาวเทียวก็หลายปีแล้ว
และอายุการใช้งานของดาวเทียมก็ขึ้นอยู่กับเชื้อเพลิงที่ใช้ในการรักษาตำแหน่ง ยังไงก็ซื้อแพงอยู่แล้วเอาของใหม่เลยดีกว่า
จริงๆแล้ววงโคจรของดาวเทียมไม่ได้อยู่ตรงประเทศไทยพอดีหรอก อยู่แถวๆ มหาสมุทรอินเดียนั่นก็มีครับ
ถ้าต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นอย่างถูกกฎระเบียบเราก็ไม่ว่าอะไรหอกครับ แต่ถ้ามีลูกเล่นตุกติกและมันผิดกฎหมายบ้านเราคงยอมไม่ได้หรอกครับ
แกะรอยข้อเท็จจริง กรณีทวงคืน "ดาวเทียม" แค่ปลุกกระแสรักชาติ "ทุบทักษิณ"!
ปฐมบทแห่งการทวงคืนดาวเทียมไทยคม ถูกชนวนระเบิดขึ้น โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือประธาน คมช. ซึ่งกล่าวระหว่างเป็นประธานบรรยายพิเศษหัวข้อ "อุดมการณ์รักชาติ" ณ สโมสรทหารบก เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์
ประธาน คมช.เปรียบเทียบว่า ไทยสู้สิงคโปร์ไม่ได้เพราะคนไทย ทำงานเป็นทีมไม่เป็น แข่งฟุตบอลก็แพ้สิงคโปร์ทั้งๆ ที่สิงคโปร์เป็น ประเทศเล็กๆ แต่ร่ำรวยมหาศาลจนสามารถซื้อทรัพย์สินของไทย 1.4 แสนล้าน
"ผมกำลังคิดถึงเรื่องทรัพยากรและทรัพย์สมบัติของชาติที่ถูกซื้อไปจำนวน 1.4 แสนล้านบาท ผมอยากได้คืน ผมอยากได้ของผมคืนมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวเทียม ซึ่งเป็นสมบัติของชาติชิ้นหนึ่งที่ผมอยากได้คืน คงต้องว่าต่อไปในส่วนของอนาคตว่าจะนำสมบัติของเรากลับคืนมาได้หรือไม่ ผมไม่ต้องกู้แผ่นดินแต่ผมจะกู้สมบัติของผมคืนมา" พล.อ.สนธิกล่าว
เมื่อนักข่าวถามว่าจะทวงคืนดาวเทียมกลับมาได้อย่างไร
พล.อ.สนธิตอบว่า "ผมอยากได้เฉยๆ เพราะผมมีหน้าที่ในการกู้ชาติ กู้แผ่นดิน และกู้สมบัติของชาติ ส่วนจะทำอย่างไรผมยังไม่รู้ถึงวิถีทาง เพียงแต่มีความต้องการเท่านั้น"
เพียงแค่ความอยากได้ (เฉยๆ) ของประธาน คมช.ได้ก่อให้เกิดกระแสรักชาติแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว คนในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และผู้รักชาติทั้งหลายต่างออกมารับลูกโดยยังไม่ได้ศึกษาความเป็นไปได้ด้วยซ้ำว่า ทำได้หรือทำไม่ได้ หรือทำแล้วเสียมากกว่าได้ หรือไม่ยังไม่มีใครตอบได้ชัดเจน
แต่ที่แน่ๆ รัฐบาลสิงคโปร์ประหลาดใจและมึนงงอย่างมากกับคำพูด ของประธาน คมช.ที่อยากได้ดาวเทียมไทยคมคืนจากสิงคโปร์ โฆษก กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ เรียกร้องขอคำอธิบายที่ชัดเจนจากรัฐบาลไทยกรณีสัมปทานดาวเทียม 4 ดวง ซึ่งบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น ขายสิทธิสัมปทานให้กับบริษัทเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ อันเป็นกิจการเพื่อ การลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์
ผ่านมา 1 สัปดาห์ยังไม่มีใครตอบได้ชัดเจนว่า ความอยากของ พล.อ.สนธิจะเป็นจริงได้หรือไม่ แม้แต่นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ที่ได้ เข้าหารือกับ พล.อ.สนธิไปแล้วก็ยังไม่สามารถให้ความกระจ่างใดๆ แก่สังคมไทย
ทว่า วิธีการซื้อเวลาของรัฐมนตรีไอซีทีก็คือ การสั่งให้สำนักงานสถิติ แห่งชาติไปสำรวจความคิดเห็นของประชาชนภายใน 1 เดือนว่า คนไทยอยากได้ดาวเทียมไทยคมคืนจริงๆ หรือไม่ ? ถ้าชาวบ้านอยากได้ดาวเทียมคืนเกิน 50% ไม่มากก็ยังไม่ควรดำเนินการ แต่ถ้าความอยากของประชาชนเกิน 75% ขึ้นไป ค่อยมาว่ากันว่าจะดำเนินการอย่างไร
นับเป็นความชาญฉลาดของรัฐมนตรีไอซีทีโดยแท้ เพราะเอาเข้าจริงแล้วจนถึงนาทีนี้กระบวนการทวงคืนจะดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าวได้หรือไม่ อย่างไร บริษัทกุหลาบแก้วเป็นบริษัทต่างด้าวหรือไม่ก็ยังไม่มีคำตอบ หรือการจะซื้อคืนดาวเทียมไทยคมในราคาเท่าไร และใครจะเป็นคนควักเงินซื้อดาวเทียมก็ยังไม่มีใครตอบได้อีกเช่นกัน
ดังเห็นได้จากการประชุมคณะรัฐมนตรี (20 ก.พ.) รัฐมนตรีไอซีที ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ส่งเอกสารการตรวจสอบการถือหุ้นแทน (นอมินี) บริษัทกุหลาบแก้ว (ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ที่เข้าไปถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด) มาให้ พร้อมขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าไปสอบสวนด้วย เพราะคดีที่อยู่ ในมือตำรวจไม่มีความคืบหน้า
เมื่อรัฐบาลและ คมช.ยังมืดแปดด้านในการหาช่องทางกฎหมาย ทวงคืนดาวเทียมไทยคม จึงมีการตั้งนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ไปศึกษากระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งนายจรัญเองก็ยอมรับ ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่เรื่องที่หาคำตอบได้ในเร็ววัน
ยิ่งฟังเสียงสะท้อนจากนายอานุภาพ ถิรลาภ นักวิชาการด้านโทรคมนาคม ยิ่งรู้ว่าเรื่องนี้แค่ความอยากอย่างเดียว...คงไม่พอ
นายอานุภาพให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า การดึงสัมปทานดาวเทียมกลับคืนมาเป็นของไทยคงไม่สามารถทำได้ในลักษณะการยึดคืนโดยอ้างเรื่องของความมั่นคงหรือประกาศต่างๆ ของ คมช.ได้ เพราะ จะขัดต่อความชอบธรรมและส่งผลทางลบในสายตาของต่างชาติ ส่วนเรื่องจะซื้อคืนก็สามารถดำเนินการได้ลำบากเช่นกัน เพราะหาก ผู้รับสัมปทานไม่ยอมขายหรือโก่งราคาสูงๆ ก็คงไม่สามารถซื้อได้
เช่นเดียวกับ "กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ" นักการเมืองจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่รู้ทันระบอบทักษิณ ตั้งประเด็นน่าสนใจว่า จริงๆ แล้ว เทมาเส็กฯ ไม่ค่อยสนใจกิจการดาวเทียมเท่าใดนักหรอก เพราะ กิจการดาวเทียม เพื่อการสื่อสารเป็นธุรกิจที่อาจกำไรดีแต่มีปัจจัยเสี่ยงสูง (high risk high return)
หากพิจารณาจากอายุใช้งาน ส่วนใหญ่ดาวเทียมจะมีอายุใช้งาน ประมาน 15 ปี ดาวเทียมที่ชื่อไทยคม 1A และไทยคม 2 คือ 2 ดวงนี้ สู่วงโคจรเมื่อปี 2536 ใช้งานมา 14 ปีแล้ว กำลังจะกลายเป็นเศษเหล็ก
ส่วนไทยคม 3 เกิดปัญหาทางเทคนิคต้องปลดระวางตัดบัญชีออกไปเหลือแค่ไทยคม 4 และไทยคม 5 ไทยคม 4 ไอพีสตาร์ ถูกส่งขึ้นโคจร เมื่อเดือนสิงหาคม 2548 อายุการใช้งานอีกกว่า 10 ปี ส่วนไทยคม 5 ปล่อยขึ้นสู่วงโคจรเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ เพื่อทดแทนไทยคม 3 ที่ถูกปลดระวางไป
พูดง่ายๆ ก็คือ ธุรกิจนี้ใช้เงินลงทุนมหาศาลแต่อายุการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไม่นาน แถมผลกำไรก็ไม่ได้สูงอย่างที่หลายคนคิด
ดังเห็นได้จากบริษัทชินแซทเทลไลท์กำไรไม่มากนัก ปี 2548 กำไร 1,383.72 ล้านบาท ปี 2549 คาดว่าน่าจะขาดทุนเนื่องจากความเสียหาย ที่เกิดขึ้นจากการปลดระวางไทยคม 3 สำหรับเงินปันผลนั้นไม่ได้จ่ายมาหลายปีแล้ว จ่ายช่วงปี 2546 ได้เงินปันผลหุ้นละ 0.50 บาท หลังจากนั้น ก็เงียบหายไป
นายกอร์ปศักดิ์ชี้ประเด็นว่า หัวใจของเรื่องนี้จึงอยู่ที่บริษัทกุหลาบแก้ว ว่าเป็นบริษัทนอมินีหรือไม่ คดีความอยู่ที่กรมตำรวจทำท่าจะเงียบหายไป ถ้าเรื่องนี้ชัดเจนบริษัทชินคอร์ปจะกลายเป็นบริษัทต่างชาติผิดสัญญาสัมปทาน รัฐมีสิทธิยกเลิกสัญญาสัมปทานได้ แต่ถ้าจะสมานฉันท์ไม่เอากันถึงตายก็นั่งโต๊ะเจรจา นักธุรกิจเจรจาได้อยู่แล้ว ประเด็นสำคัญอยู่ที่ แนวทางการหาข้อยุติที่ทุกฝ่ายควรได้ประโยชน์ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนชื่อทักษิณ ชินวัตร
แต่คนที่ฟันธงได้อย่างน่าฟังที่สุดคือ นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ผู้เคยมีประสบการณ์ทำดาวเทียมในประเทศลาวมาแล้วกล่าวว่า รัฐบาล ไม่ควรยึดคืนสัญญาสัมปทานดาวเทียมเพราะไม่มีหลักฐานแสดงความผิด ที่เพียงพอ และตามกระบวนการต้องขึ้นศาล ใช้เวลาในการพิจารณานานและอาจถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายกลับคืนได้
"ไม่ควรซื้อคืนสัญญาสัมปทานดาวเทียม เพราะเป็นการใช้งบประมาณจำนวนมากโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ รัฐต้องทบทวนวัตถุประสงค์ให้ ชัดเจนว่าจะนำสัญญาสัมปทานดาวเทียมคืนกลับมาสู่รัฐด้วยเหตุผลอะไร และต้องคำนึงถึงผลประโยชน์จากบริการที่ประชาชนได้รับด้วย" นายบุญชัยกล่าว
ล่าสุดหลังจากเวลาผ่านไป 7 วัน รัฐมนตรีไอซีทีออกมาชี้แจงเป็น เรื่องเป็นราวว่า กระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่ระบุว่ากลุ่มเทมาเส็กต้องการ จะขายชินคอร์ปทิ้งทั้งกลุ่มนั้นเป็นเพียงข่าวลือที่ตนได้ยินมาเท่านั้น ไม่ได้เป็นข้อสรุปที่ได้จากการเจรจาใดๆ จึงขอเตือนนักลงทุนรายย่อย ทั้งหลายที่คิดจะซื้อหุ้นของ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น และ บมจ.ชินแซท เทลไลท์ เพื่อนำมาขายคืนให้กับรัฐนั้น ขอให้ทราบว่าขณะนี้รัฐยังอยู่ ในกระบวนการตัดสินใจเท่านั้น และการซื้อหุ้นคืนจะเป็นวิธีสุดท้ายที่จะมีการนำมาพิจารณากัน พร้อมกับหาราคาที่เหมาะสมด้วย ซึ่งรัฐจะไม่เลือก วิธีซื้อคืนแน่นอนถ้าหากต้องซื้อในราคาแพง
"ตอนนี้ราคาหุ้นทั้ง 2 ตัวขึ้นสูงกว่าเดิม ขอให้นักลงทุนรายย่อยระวัง ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มที่หวังปั่นราคาหุ้นด้วย"
สำหรับประเด็นที่มีการกล่าวกันว่า แม้ว่ากุหลาบแก้วจะเป็นต่างด้าว แต่อาจไม่ทำให้ชินแซทฯเป็นต่างด้าวไปด้วย เพราะชินคอร์ปถือหุ้นอยู่ เพียง 41% เท่านั้น
รัฐมนตรีไอซีทีชี้แจงว่า ในอดีตชินคอร์ปเคยถือหุ้นในชินแซทฯ 51% แต่ได้ทำเรื่องขออนุมัติลดสัดส่วนการถือหุ้นลงโดยไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วม การงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 ซึ่งในส่วนนี้อาจจะ ทำให้การขออนุมัติดังกล่าวไม่มีผลตามกฎหมาย เท่ากับว่าชินคอร์ป ยังถือหุ้นชินแซทฯอยู่ 51% หากบริษัทกุหลาบแก้วเป็นต่างด้าวชินแซทฯ ก็เป็นต่างด้าว
อย่างไรก็ตาม การจะยึดคืนนั้นนายสิทธิชัยกล่าวว่า อาจจะต้องใช้เวลากับกระบวนการทางศาลราวๆ 5 ปีจึงจะได้ข้อยุติ !!!
"กว่าจะถึงตอนนั้นอาจจะไม่เหลืออะไรแล้วก็ได้ เพราะดาวเทียม ที่ชินแซทฯมีอยู่อีก 5 ปีข้างหน้าไทยคม 1-2 ก็ใช้ไม่ได้แล้ว ส่วนไอพีสตาร์-ไทยคม 5 ก็จะเหลืออายุการใช้อีกประมาณ 5 ปี ดังนั้นถ้าเทียบ ความคุ้มค่าแล้วการสร้างดาวเทียมใหม่เองกับไปซื้อคืนจากชินแซทฯก็น่าจะพอๆ กัน แต่ที่แน่ๆ คือสร้างใหม่เองทำได้เร็วกว่ายึดคืนแน่นอน" รัฐมนตรีไอซีทีกล่าว
บทสรุปของเรื่องนี้น่าจะจบลงแบบคลื่นกระทบฝั่ง อีก 2-3 วันข่าวนี้ จะหลบไปอยู่หน้าในของหนังสือพิมพ์ ผู้คนในสังคมจะลืมเลือนไปแล้วว่าประธาน คมช.อยากได้ดาวเทียมเพราะอะไร
แต่ที่แน่ๆ เกมรุกของรัฐบาลและ คมช.ต่อกลุ่มอำนาจเก่าค่อนข้าง ได้ผลดีเกินคาด เพราะคนไทยส่วนใหญ่เชื่อตามประธาน คมช.ไปเรียบร้อยแล้วว่าระบบเก่านอกจากจะคดโกงแล้ว ยังขายดาวเทียมสมบัติชาติให้แก่สิงคโปร์ (อีกด้วย)
นี่คือเกมรุกรบที่ได้ผลดีเกินคาด !!!!
เป็นบทความที่น่าสนใจดีครับ