หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


วิธีแก้ปัญหาภาคใต้ เชิญเพื่อนๆ ร่วมแสดงความคิดเห็นครับ

โดยคุณ : Webmaster เมื่อวันที่ : 16/02/2007 13:51:09

แต่ขอความกรุณา อย่าพูดเสียดสี โจมตี ให้ร้าย คนอื่นน่ะครับ และอย่าทะเลาะกันเองด้วยครับ อิอิ

 

เพื่อมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรา จะได้ ไอเดีย ใหม่ๆ ไปแก้ปัญหาภาคใต้ครับ

 

ขอบคุณทุกท่าน ที่ให้ความร่วมมือครับ





ความคิดเห็นที่ 1


ผม แนะนำ หนังเรื่อง

2 คน 2 คม(Infernal Affairs)

http://www.movieseer.com/ReviewsBil.asp?moID=2776&rID=361&Channel=1

 

ไปหาดูน่ะครับ

โดยคุณ Webmaster เมื่อวันที่ 16/02/2007 13:53:35


ความคิดเห็นที่ 2


คุณอารีย์ ขันแตกแล้ว.............. สะท้อนให้เห็นถึงความจริงของแนวทางแก้ปัญหา...................
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 16/02/2007 13:58:33


ความคิดเห็นที่ 3


อือ ผมทำรายงานเรื่องนี้ไว้  24  หน้า ใครอยากจะเอาก็ MSN มาหรือ mail มาละกัน แต่คิดว่าคงมะมีเอิ้กๆ

หลักๆเลยมันคืองานมวลชลโดยแท้ จะให้จัดทัพจัดศึกไปรบคงไม่ได้ เพราะมันแยกไม่ออก

ตอนนี้ทำได้แต่เพียงอดทนรอคอย

ยึดหลักตามกฎธรรมชาติ ที่สูงต้องทำตัวต่ำต้อยก่วาที่ต่ำจึงจะปกครองได้

มหาสมุทรที่กว้างใหญ่ กลับมีสายน้ำไหลมาจากทั่วสารทิศ ทั้งน้ำตก ทั้งลำธาร มากมายไหลมาบรรจบเพราะอยู่ต่ำกว่า

แต่ขุนเขาที่แกร่งหนักแน่นก็จะอยู่ ยิ่งสูงใหญ่ยิ่งว้าเหว่ ยากซึ่งมีสิ่งมีชีวิตถ้อยทีถ้อยอาศัย

สถานการณ์ภาคใต้มันเจ็บปวดมานับสิบๆปีมาแล้วครับ

ปัญหาก็เช่นข้าราชการทั่วไปซึ่งประจำอยู่ตามส่วนต่างๆของประเทศ เมื่อกระทำผิด (โดยเฉพาะพวกสีกากี) จะถูกสั่งย้าย คงจะรู้จักคำนี้ดีนะครับ "สั่งย้าย" ซึ่งย้ายไปไหน?

ประจำที่ปักษ์ใต้ไงครับ ไปรังแกคนมุสลิมต่อ

เคยมีเหตุการณ์สองสามเหตุการณ์ยกตัวอย่างให้ฟังละกันนะครับ แต่ขออุบที่มา

1.นายตำรวจสั่งจับวัยรุ่นซึ่งขี่มอเตอร์ไซไม่ใส่หมวก (ก็นะ ยอมรับแหละว่าผิดกฎแต่ตำรวจทำเกินไป) และจากนั้นนายตำรวจผู้น้อยก็ได้ทำการจับเอาด้ามปืนทุบไปที่ข้างหลัง และจับเตะถีบใส่ทั้งคนทั้งมอเตอร์ไซ ทั้งด่าทอต่างๆนานา

2.มีข้าราชการบางคนไม่อยากจะเซ่ดเกิดขึ้นราวๆปี 2520-2530 (กลางๆเนี้ย เขาบอกเขาจำมะได้) มีข้าราชการผู้หนึ่ง เมาเหล้าเมายาแล้วไปหลับนอนในมัสยิด และแถมแหกปากต่างๆนานา (เหล้าหนึ่งหยด อัลเลาะห์ไม่รับบุญ60วัน แถมซดในมัสยิด คิดเอาเขาโกรธขนาดไหน)

3.อันนี้ผมเล่าด้วยความเจ็บปวดแทนสหายชาวมุสลิมนะ...ก็ข้าราชการเลวๆคนนึง ไปกินข้าวบ้านชาวบ้านคนหนึ่ง (กินฟรี ถูกต้อง!) ซึ่งบ้านหลังนั้นมีลูกชายกับลูกสาวอายุรุ่นๆกำลังโตๆ ข้าราชการเลวนี่ก็เห็นลูกสาวถูกใจจึงจับขืนใจในบ้านนั้น พร้อมข่มขู่พ่อแม่ว่าอย่ายุ่ง(ด้วยอาวุธอะไรคิดเอง) เรื่องนี้ค่อนข้างใหญ่นะครับ เพราะเขาไม่ยอมเลย ไปฟ้องร้องเรียนต่างๆที่โน่นที่นี่ ก็บอกจะรับๆ แล้วก็เงียบ ดองงงง ไว้ จนกระทั่งมากรุงเทพฯขอความช่วยเหลือก็ไม่ได้เรื่องอะไรเล้ย

 

เป็นอย่างนี้มา ผมยกตัวอย่างแค่นี้นะ เอาละเข้าประเด็นละ

คิดว่าคนที่เจ็บปวดมีกี่คนต่อหนึ่งกรณีครับ?

ตัวเขาที่โดนรังแกน่ะเจ็บชัวร์ 1 คนละ แล้วพ่อแม่เขาละ? พี่น้อง? ข้างบ้าน?(มุสลิมทุกคนเป็นพี่น้องกัน) แล้วเพื่อนๆละครับ?

และผมถามว่า หากมีคนที่เจ็บปวด ถึง 2 กรณี แล้วคนที่เจ็บปวดที่เกี่ยวข้องสองคู่นี้มีโอกาสมาได้ "แลกเปลี่ยนระบายความเจ็บปวด" คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นครับ?

ฉนั้นในส่วนตัวความคิดของผมนั้น ผมไม่เห้นด้วยจะใช้นโยบายรุนแรง หรือความรุนแรงมากขึ้น แต่ต้องอดทน(ซวยทหารน่ะแหละ เซ็ง แต่ต้องทำใจ) เราต้องอดทนต่อไป ต้องเน้นช่วยเหลือมวลชลจริงๆ ต้องไม่โกรธทุกอย่าง ต้องอภัย (ใช่ผมอาจจะดีแต่พูด) เรื่องเหล่านี้เราทุกคนผิดอย่างที่ผมพูดไป ประชาธิปไตยทุกคนมีสิทธิ์จะระงับเหตุการณ์แต่ไม่ทำกัน (ไม่ช่วยมุสลิมที่ซวย แต่วางเฉยกัน เขามากรุงเทพฯก็ไม่มีใครเคลื่อนไหว)

ไอเดียตอนนี้ใหม่ๆ คงหาได้ยาก มีแต่ต้องกระทำให้จริงจังมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญเรื่องการอุ้มแพะในอดีต จับอุ้มโต๊ะครูต่างๆ ในอดีตถือเป็นจุดอ่อนจิงๆ เพราะตอนนี้เขาใช้นโยบายที่เราเคยทำมาเล่นงานพวกเราด้วยการส่งสตรีคลุมหน้ามาปิดถนน ปิดทางต่างๆ (ซึ่งน่าปวดหัวจริงๆ)

การประสานงานไปทางมาเลเซียหลายคนอาจจะคิดว่า จะเข้าทางมาเลเซีย ผมขอยืนยันปฏิเสธ เพราะทางรัฐบาลมาเลเซียก็ปวดกบาลเรื่องนี้เช่นกัน ผมยืนยันได้ เพราะหากว่าแยกรัฐปัตตานีได้สำเร็จ มาเลเซียตอนบนก็จะเสียดินแดนไปส่วนนึง เชิญหาข้อมูลแผนที่ในอดีตของรัฐปัตตานีได้เลยนะ

มีนักวิชาการหลายท่านที่สนิทสนมกับราชวงศ์ของทางมาเลเซียกลันตัน ซึ่งก็ได้มีการไปพบปะขอคำปรึกษากันอยู่ตลอด ซึ่งก็ยังหาแนวทางไม่ได้

เรื่องเหล่านี้ต้องใช้เวลาครับ ผมคิดว่าคงยากมากๆเลยตอนนี้

ในความคิดพวกเขาแค้นจัดแค้นถึงขนาดที่แค้นๆๆๆๆ ผสมโรงกับมีการใช้คำสั่งสอนทางศาสนาที่ผิดๆ ซึ่งผมเองก็มีข้อมูลตรงจุดนี้อีกนะครับ (จะอ่านก็ขอมาเด้อ)

ผมขอกำชับแทนให้ไอเดียใหม่ละกันครับ

"อะไรชอบอะไรไม่ชอบ" นี่คือสิ่งที่ทุกคนควรรู้กันในสังคม

ชาวมุสลิมปักษ์ใต้เกลียดสถาบันอะไรมากที่สุดครับ? ผมพูดตรงๆเลย เอ้า "พวกสีกากี" และพวกเขารักเคารพสถาบันอะไรมากสุดครับ แหม่ง่ายๆ "ศาสนา"

ต้นเหตุเป็นไงก็ช่างครับ แต่มันเป็นไปแล้วทีนี้มาดูกันว่าจะทำเยี่ยงไรให้เขาหันมาเข้าใจว่าเรารู้สึกผิดจริงๆ อยากกลับมาอยู่ร่วมกันเหมือนดังก่อน?

ใช้กำลัง? ก็ได้สนุกแบบอิรัก อัฟกันแน่นอน กี่ปีจะจบ?

ง้อ? ก็ต้องโหดกว่าง้อแฟนแน่นอนครับ เพราะสาเหตุที่ทำให้เลิกกับแฟนคนนี้เพราะ "เราฆ่าเขาไว้เยอะ อุ้มเขาไว้เยอะ"

ไม่ใช่เพียงฆ่าคนไม่กี่คนนะ แต่คนไม่กี่คนคือ "พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติสนิท มิตรสหาย"

ซึ่งมันทวีคูณความเจ็บแค้น หากผมฆ่าพ่อแม่ของคุณแล้วผมของ้อคืนดีด้วยนี่ ก็ลองเดาดูครับกี่ปีคุณจะให้อภัย? เผลอๆ ชาติหน้ายังโกรธกันเลย

ที่สำคัญหน่วยงานทางสารสนเทศต้องไปถึงตัวประชาชน อาทิเช่น เรื่องของการชี้แจงการบิดเบือนทางศาสนาซึ่งละเอียดอ่อนมาก อาจจะทำให้เขาคิดได้ว่า "เฮ้ย เอ็งรู้ดีกว่าข้ารึไง?" จึงควรจะใช้หลักเหตุผล ทำเอกสารแจกไปตามมัสยิดแปะไว้หน้ามัสยิดประกาศไปว่า หลักคำสอนส่วนใดถูกหรือไม่ พร้อมทั้งขอความช่วยเหลือจากคณะกรรมการอิสลามต่างๆในระดับสากล ให้เข้ามายืนยันในการตีความหลักศาสนา (ขอทางสายสุหนี่น๊า ชีอะห์ในปักษ์ใต้มีน้อย)

ไม่ใช่ว่าพูดๆออกข่าวทีวีครับ มันเหมือนดูถูกเขา เขาจะไม่เข้าใจครับ อันนี้ฝากอีกอันละกัน -*-

และอีกเรื่องคือเหล่าบรรดาพี่ๆทหารที่เข้าพื้นที่ ก็ต้องมีระเบียบวินัยให้เคร่งครัดสุดๆ เพราะผมได้ข่าวมาจากวงในบางแห่งว่า ชุดหนึ่งที่ส่งไปนั้น ไปติดพันเรื่องพฤติกรรมชู้สาวจนเกิดเรื่องขึ้นมา ถือว่าเรื่องใหญ่นะครับสำหรับชาวมุสลิม

ฉนั้นพี่ๆทุกคนต้องไม่ลืมตนเองนะครับ รวมถึงเหล้าต่างๆอย่าดื่มน๊า

สุดท้ายนี้ ผมขอให้พี่ๆทหารรวมทั้งชาวมุสลิมทั้งหลาย ปลอดภัยจากระเบิด กระสุนของแต่ละฝ่ายไปจนกว่าจะยุติเหตุการณ์นี้ด้วยเถิด...

300 ปี ที่ไม่เคยสงบ...

ใครมีความเหงอะไรยังไงผมรออ่านนะครับ ผิดพลาดประการใดผมขออภัยและน้อมรับความผิดมา ณ ที่นี้ครับ

ปล.คนญี่ปุ่นมักไม่อายในทฤษฎีของตน และมักจะพยายามเผยแพร่ให้ทั่วถึงกันเพื่อให้พัฒนากันร่วมกัน คนไทยจึงควรเอาเยี่ยงอย่าง อย่างกความรู้อย่าอายที่จะผิด และก้าวเดินไปให้ถูกทางด้วยเหตุผล

โดยคุณ BloodRoyal เมื่อวันที่ 16/02/2007 17:21:07


ความคิดเห็นที่ 4


ทำให้ประชาชนเป็นฝ่ายเรา


ผมพูดก็ง่าย แต่มันคือสิ่งที่ทำยากที่สุดในเหตุการณ์นี้

โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 16/02/2007 18:44:11


ความคิดเห็นที่ 5


ผมว่าไทยน่าจะลองนำ UAV ไปใช้งานในภาคใต้ดูนะครับ ขอแนะนำ RQ-8 Fire Scout (แต่ ทบ.ยังไม่มี UAV เลยนี่) แต่ก็ลองเสนอดูครับ


โดยคุณ Navy Hawk เมื่อวันที่ 16/02/2007 19:10:32


ความคิดเห็นที่ 6


ท่านเว็บมาสเตอร์แนะนำ 2 คน 2 คม
 
ผมแนะนำ behind enemy line 2 เฉพาะฉากที่มีทูตเกาหลีใต้พูดนะอิอิ
โดยคุณ LuciFer?` เมื่อวันที่ 16/02/2007 19:19:54


ความคิดเห็นที่ 7



benind enemy line 2 ชอบอยู่ฉากเดียวเนี่ยแหละครับ
ด่า ปธน.มะกันซะหน้าชาเลย เหอๆ

แต่ดูเอามัน ผมว่าภาค 1 กินขาดง่ะ
โดยคุณ Zepia เมื่อวันที่ 17/02/2007 00:05:51


ความคิดเห็นที่ 8


น้องเพื่อนผมโดน ยิงที่  ตูด (ขอโทษนะที่ใช้คำนี้)

เพื่อนน้องผมเขาไปดูแลความปลอดภัยแถวๆ มัสยิด  ตอนหลังโดนลอบยิง แบบหมาหมู่มันมากันเป็นสิบเลยเขาบอกว่าจังหวะนั้นถ้าไม่คอยยิงคุ้มกัน เพื่อนอีกคนที่ใช้วิทยุไปขอกำลังเสริม แล้วละก็คงหลบมาได้แน่นอน (ตัวคนเดียวคงหนีทัน) แต่สุดท้ายเพื่อนก็โดนยิง  หลังจากนั้นเขาก็โดนรุมเละเลย

โชคดีมากที่ไม่ตาย เขาบอกว่าทีแรกก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นมันรู้ได้ไงว่ามีกันมากี่คน (เขาว่าเหมือนโจรมันจะรู้ว่าเราทำอะไร, ที่ไหน, มีกี่คน) แต่เขาจำได้ว่า เห็น อาสาสมัครคนหนึ่งมาร่วมถล่มด้วย ก่อนที่เขาจะหมดสติไปจากแผลกระสุน และมีกำลังเสริมมาช่วยได้ทัน ไม่ได้สติอยู่หลายวัน  พอรู้สึกตัว ญาติที่มาเฝ้าก็มาถามเขาว่า

บังเอิญไปได้ยินไอ้อาสาสมัครนรกคนนั้นคุยอยู่กับพยาบาล (ซึ่งพยาบาลคนนี้เป็นแฟนของอาสาสมัครนรก)

ถามว่าเขาตายหรือยังก็เลยสงสัย  เขาก็บอกไปว่าไอ้นี่แหละก็มาร่วมถล่มเขาด้วย

พอจะเอากำลังไปจับ มันไหวตัวทันหนีไปก่อน

 

โจรมาอยู่ในคราบอาสาสมัคร คอยส่งข่าว

นางพยาบาลก็เป็นแฟนโจรคอยช่ายเหลือกัน

และอีกมากมายที่เราไม่รู้

โดยคุณ MCS51 เมื่อวันที่ 17/02/2007 01:24:02


ความคิดเห็นที่ 9


 

เห็นใจทหารบางคนต้องเลี้ยงดู พ่อ แม่ และลูกเมีย    ต้องมาตายก่อนในวัยอันควร

บางคนเหมือนเพื่อนน้องผมคนนั้นดูท่าจะพิการ ขาไร้ความรู้สึก

 

เราคงต้องช่วยกันทั้งประเทศเพื่อให้เรื่องมันจบซะทีครับจะได้ไม่ต่องมีใครมาตายอีก  มุสลิมที่ดีก็ไม่ด่างพร้อยด้วย

คงต้องเอามวลชนมาเป็นของเราให้มากๆ และแยกคนดีกับคนร้ายให้ได้

โดยคุณ MCS51 เมื่อวันที่ 17/02/2007 01:36:48


ความคิดเห็นที่ 10


กระทู้นี้กว้างมากดีจริงๆครับ ในฐานะที่เป็นทหารคนหนึ่ง ของเสนอแค่ เอาจุดเล็กๆก่อน ในด้านการทหาร
๑.แก้ไขระบบการบริหารจัดการภายในหน่วยงานใหทันต่อภัยคุกคาม
ตอนนี้ ถ้าเทียบ ระบบวรรอบการตัดสินใจ เอาตามของ ทหารอากาศที่ใช์ Boyd's Cycle  ODAA loop
ที่ เริ่มด้วย การสังเกตุวิเคราะห์  การกำหนดทิศทาง  การตัดสินใจ และการปฏิบัติ
หรือ กระบวน การแสวงข้องตกลงใจทางทหาร MAPP MDMP
ฝ่ายตรงข้าม กับ ฝ่ายเรา ตอนนี้ต่างกันราวฟ้ากับดิน
..ฝ่ายตรงข้ามใน
ระดับยุทธวิธี  ใช้ ระบบ เซลอิสระที่ ต่อสู้กับ ฝ่ายเรา
ระดับยุทธการ ใช้การวางแผนประสานการปบ.ของเซลอิสระ ในพื้นที่กว้างๆ
ในระดับยุทธศาสตร์ การดำเนินการทางการเมืองยังคงอยู่ในภาวะตั้งรับ
.ถ้าเทียบ สองระดับแรกแล้ว ..ตอนนี้ วงรอบการตัดสินใจของฝ่ายเราช้ามาก..เราต้องรอการตัดสินใจหลายอย่างๆจาก ผบ.ระดับสูง ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ต้อง ..
การแก้ปัญหา ประการแรก  ในส่วนของกำลังจนท.พลเรื่องตำรวจ ทหาร คือการแก้ปัญหาในระบบ การควบคุมบังคับบัญชา
๑.ปรับบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจนของระดับ ยุทธการ ยุทธศาสตร์และยุทธวิธี เพื่อให้ระดับยุทธการ มีอิสระมากขึ้นรองรับกัภัยคุกคาม
การเข้าใจสภาพของความขัดแย้ง การปะทะ FOG of War
ที่บางครั้งต้องปล่อยให้ ผบ.หน่วยรองได้ตัดสินใจ ไม่ใช่ ผบ.พล จะไปบัญชาการหมวด เข้าตี
การที่กองร้อยพ่ายแพ้หรือผิดพลาดในการรบไม่ได้หมายถึง เราจะต้องแพ้สงคราม...และการพ่ายแพ้แต่ละครั้งอาจจะสร้างบทเรียน
และทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น
๒.ในการวางแผนให้นำเจ้าหน้าที่หรือผู้รับผิดชอบงบประมาณมานั่งฟังด้วย เพื่อให้ เบ็ดเสร็จ  และทราบว่า ทำได้หรือไม่ในแง่งบประมาณในทันที ไม่ใช่ ฝ่ายยุทธก่ารคิดไปเรื่อยๆ แต่มาจบที่ไม่มีงบประมาณ หรือมานั่ง ป้องกันงบประมาณที่ทำให้รู้สึกเหมือน ขอทาน หรือมากู้เงิน.. เมื่อออกเป็นคำสั่งกำหนดความพยายามหลัก ,ภารกิจ ท เพจเกจพร้อมกับงบประมาณ
 ปัจจุบันมักเกิดปัญหาด้านทรัพยากรที่ไม่มาตามภารกิจที่ได้รับมอบ
แต่ที่กล่ามาข้างต้น ก็คือ Fog of war ของกองทัพไทย ที่ห่างสมรภูมิมานาน.. แต่ผมเชื่อว่า ทุกอย่างจะคลี่คลายไปด้วยดี แต่อาจจะไม่ทันใจเหมือนเล่นเกม ที่สั่งตัวไหน ตัวนั้นทำได้ตามขีดความสามารถที่ระบบุในเกม

เอาแค่นี้ ก่อนครับ อาจจะไม่ตรงใจหลายท่าน





โดยคุณ dboy เมื่อวันที่ 17/02/2007 09:21:07


ความคิดเห็นที่ 11


ผมยอมรับ ว่า
๑. เรื่องความไม่ยุติธรรมเช่น. การรีดไถ( ทุกภาคก็มี )
การที่ข้าราชการวางตัวเป็นเจ้านาย..( ภาคอื่น ก็มี แต่ที่นี่อาจจะมากหน่อย การที่ยัดข้อหา,เืพื่อจับกุมดำเนินคดีก็มี

 เรื่องแก๊งมอเตอร์ไซด์ ที่ กวนมากๆ บางครั้ง ก็ไล่ยิงตำรวจ ไม่มีใครพูด...แน่นอนว่าตำรวจทำไม่ถูกครับ เพราะเป็นผู้รักษากฏหมาย
พอจับได้ ก็เป็นเรื่องอย่างที่ว่า แต่เรื่องเบื้องหลังจากนั้น เค้าไม่เล่าให้ฟังหรอกครับ
เรืองบางเรื่อง ถูกแต่งขึ้นมาครับ พี่น้อง..
.เรื่องที่ท่านเล่ามานะหนังไทยราคาถุกครับ
...แต่ก็ยอมรับว่าเงื่อนไขเรื่องราวทำนองนั้นมีจริงบ้าง แต่หลายครั้งที่ถูกแต่งเติม..โดยเฉพาะช่วงนี้ครับ
สงครามข่าวสาร เป็นความพยายามหลักที่เกิดขึ้นในสงครามครั้งนีั้้้
ี้

โดยคุณ dboy เมื่อวันที่ 17/02/2007 09:27:34


ความคิดเห็นที่ 12


คนที่ให้ข่าวมาเป็นข้าราชการคนหนึ่งที่สามีรับราชการตำรวจครับ

แล้วตัวเขาเองก็เป็นคนปักษ์ใต้แต่กำเนิดแต่เป็นคนพุทธครับ ซึ่งเหตุความไม่สงบทำให้เขาลาออกจากอาชีพเดิมซึ่งเป็นข้าราชการท้องถิ่นคนนึง

ฉนั้นที่ผมเล่ามันคงเกินจริงบ้างแต่คงไม่มากเท่าไหร่หรอกครับ

ที่สำคัญ หน้าบ้านผมก็ปักษ์ใต้ ข้างบ้านทางขวาก็ปักษ์ใต้(แต่สันดานเสียไอ้เวงนี่)

เยื้องหน้าซอยก็สนิทกันดีคนยะลาไปมากรุงเทพฯบ่อยๆ (บ้านทำอาชีพค้าขาย)

จะถูกผิดหรืออย่างไร แต่อย่างน้อยๆช่างตัดผมที่ผมไปตัดประจำก็เป็นมุสลิมปักษ์ใต้ที่เคยไปอยู่กับมุสลิมกลุ่มที่จับปืนต่อสู้กับรัฐบาลในอดีตกาลยุค ผกค โน่น แล้วกันครับ...

มีอีกหลายอย่างฮะ รวมถึงไอ้กระผมเองก็ลงพื้นที่ไปเมื่อราวๆกลางปีที่แล้วเช่นกันหนึ่งอาทิตย์ (กึ่งเที่ยวกึ่งหาข้อมูลซึ่งเสียวดีจิงๆ ไปกับรุ่นพี่ชาวมุสลิม)

ฉนั้น ผมว่าข้อมูลผมก็คงไม่มั่วนักหรอกครับ ในฐานะที่ผมเองก็เรียนคณะรัฐศาสตร์ปกครองคนนึง

โดยคุณ BloodRoyal เมื่อวันที่ 17/02/2007 13:05:46


ความคิดเห็นที่ 13


อ้ะ ขออภัยครับลืมเสริมอีกนิดนะครับ

บางครั้งเรื่องของภาษานี่ก็สุดๆจะปวดหัวนะครับ

ข้าราชการที่มาซ่านี่มันก็มีทุกที่แหละครับ แต่ส่วนใหญ่พวกตัวแสบจิงๆจะถูกสั่งลงปักษ์ใต้แหละครับ

พวกนี้ถามว่าพูดยาวีรู้เรือ่งไหม? เวลาเขามาติดต่ออะไรต่างๆพูดยาวีแล้วก็ไล่ตะเพิดออกไปนี่ มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วนะครับ

ทางอีสานซ่าอย่างน้อยคนกรุงเทพฯยังพอฟังรู้เรื่องเลย แต่ถามว่ายาวีนี่ คุณเดาภาษาออกมั้ยครับ? และถามว่าระดับความรุนแรงเวลากระทำกันนี่มันต่างกันนะ

คนพูดไทยทำร้ายคนพูดไทย กับคนพูดไทย ไปทำร้ายคนพูดยาวี นี่คืออีกเหตุผลหนึ่งทางด้านจิตวิทยาครับ

เหอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ขออัญเชิญพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสำหรับมณฑลปัตตานี 6 กรกฎาคม 2466 นะครับ

1.ระเบียบหรือวิธีปฏิบัติอย่างใดเป็นทางให้พลเมืองรู้สึก หรือเห็นไปว่าเป็นการเบีบยดเบียนกดขี่ศาสนาอิสลาม ต้องยกเลิกหรือแก้ไขเสียทันทีการใดจะจัดขึ้นใหม่ก็อย่าให้ขัดกับลัทธินิยมของอิสลาม หรือยิ่งทำให้เห็นเป็นการอุดหนุนศาสนามูฮัมหมัดได้ยิ่งดี

2.การกะเกณฑ์อย่างใดๆก็ดี การเก็บภาษีอาการหรือพลีอย่างใดๆ ก็ดี เมื่อพิจารณาโดยส่วนรวมเทียบกัน ต้องอย่าให้ยิ่งกว่าพลเมืองในแว่นแคว้นของประเทศราชของอังกฤษ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงติดต่อกันนั้นต้องเกณฑ์ต้องเสียอยู่เป็นธรรมดา เมื่อพิจารณาเทียบกันแต่เฉพาะอย่างต้องอย่าให้ยิ่งหยอ่นกว่ากันจนถึงเป็นเหตุเสียหายในการปกครองได้

3.การกดขี่บีบคั้นแต่เจ้าพนักงานของรัฐบาล เนื่องแต่การใช้อำนาจในทางที่ผิดไม่เป็นธรรมก็ดี เนื่องแต่การดูหมิ่นลู่ดูแคลนพลเมืองชาติแขกโดยฐานที่เป็นคนต่างชาติก็ดี เนื่องแต่การหน่วงเหนี่ยวชักช้าในกิจการตามหน้าที่เป็นเหตุให้รากฎรเสียความสะดวกในทางเลี้ยงชีพก็ดี พึงต้องแก้ไขระมัดระวังมิให้มีขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องให้ผู้ทำผิดรับผลตามความผิดโดยยุติธรรม ไม่ใช่สักแต่ว่าจัดการกลบเกลื่อนให้เงียบไปเสีย เพื่อจะไว้หน้าสงวนศักดิ์ของข้าราชการ

4.กิจการใดทั้งหมดอันเจ้าพนักงานจะต้องบังคับแต่ราษฎรต้องระวังอย่าให้ราษฎรต้องขัดข้องเสียการในทางหาเลี้ยงชีพของเขาเกิดสมควร แม้จะเป็นการจำเป็นโดยระเบียบการก็ดี เจ้าหน้าที่พึงสอดส่องแก้ไขอยู่เสมอเท่าที่สุดจะทำได้

5.ข้าราชการที่จะแต่งตั้งออกไปประจำตำแหน่งในมณฑลปัตตานี พึงเลือกแฟ้นแต่คนที่มีนิสัยซื่อสัตย์ สุจริต สงบเสงี่ยมเยือกเย็น ไม่ใช่สักแต่ว่าส่งไปบรรจุให้เต็มตำแหน่งหรือส่งไปเป็นการลงโทษเพราะเลว

เมื่อจะส่งไปต้องสั่งสอนชี้แจงให้รู้ลักษณะทางการอันพึงประพฤติระมัดระวังโดยหลักที่ได้กล่าวไว้ในข้อ 1 ข้อ 3และ ข้อ 4 ข้างบนนั้นแล้วผู้หใญ่ในท้องที่พึงสอดส่องฝึกฝนอบรมกันต่อๆ ไปในคุณธรรมเหล่นั้นเนืองๆ ไม่ใช่แต่คอยให้พลาดพลั้งลงไปก่อนแล้วจึงว่ากล่าวลงโทษ

6.เจ้ากระทรวงทั้งหลายจะจัดวางระเบียบการอย่างใดขึ้นใหม่ หรือบังคับการอย่างใดในมณฑลปัตตานี อันเป็นทางพาดพานถึงสุขทุกข์ราษฎรควรฟังความเห็นสมุหเทศาภิบาลก่อน ถ้าสมุหเทศาภิบาลขัดข้องก็ควรพิจารณาเหตุผลแก้ไขหรือยับยั้ง ถ้าไม่เห็นด้วยว่ามีมูลขัดข้องก็ควรหารือกระทรวงมหาดไทย แม้ยังไม่ตกลงกันได้ระหว่างกระทรวงก็พึงนำความขึ้นกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย

 

ฝากๆให้ยึดแนวทางนะครับ จะสังเกตุได้ว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่เละๆนี่เกิดจาก ไม่ระวังข้อ 3 กันเล้ย...โดยเฉพาะย้ายคนเลวไปปฏิบัติงานบรรจุตำแหน่งเนี่ย เศร้าใจๆ

อีกอย่างต้องเปลี่ยนความคิดของคนไทยบางส่วนด้วย ซึ่งข้างบ้านผมบางคนก็น่าตบกะโหลกจิงๆ ไปสอนลูกเขาเด็กๆ 10 ขวบ ว่าพวกแขกเลวๆมันฆ่าพวกเรา เฮ้อ ให้ตายเหอะ...

โดยคุณ BloodRoyal เมื่อวันที่ 17/02/2007 13:21:26


ความคิดเห็นที่ 14


   

      เฮ้อ........พิมพ์แสดงความเห็นอยู่เกือบชม.    พอส่งหายเกลี้ยง      แต่ผมคิดไม่เหมือนท่าน Blood Royal กับท่าน X-1 ที่อยู่ในกระทู้ก่อนเลย       แต่เฮ้อขี้เกียจพิมพ์แล้ว..........

 

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 18/02/2007 00:56:50


ความคิดเห็นที่ 15


ขอ MSN หน่อยจิคับ มาแลกเปลี่ยนฟามรู้กับมุมมองกัน

โดยคุณ BloodRoyal เมื่อวันที่ 18/02/2007 07:47:25


ความคิดเห็นที่ 16


ส่วนตัวนะ น่าจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือ คุมเข้มตลอดแนวชายแดน ไทย-มาเลย์เชีย และตั้งด่านตรวจทุกเส้นทางก่อนเข้าพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อที่จะดูว่าไม่มีพวกขบวนการค้าและส่งอาวุธเถื่อนให้กับพวกก่อความไม่สงบ พออาวุธเริ่มหมดแล้วพวกเขาจะทำไรได้

โดยคุณ Kido เมื่อวันที่ 19/02/2007 02:40:28


ความคิดเห็นที่ 17


มันก็อยากอยู่เหมือนกันที่เราจะทำอย่างไรที่จะเอามวลชลมาได้ จะไปจัดลูกเสือชาวบ้านก็กลัวระเบิด แต่พวกโจรมันปลูกฝังพวกเด็กๆเมื่อเด็กเขาเรียน เรียนแต่ปอเนาะคือเขาเรียนแต่ศาสนา ทำให้โตมาก็ไม่รู้จะทำอาชีพไร?ทำให้ว่างเพราะ ไม่รู้ภาษาไทยก็ทำให้เด็กถูกชักจูงง่าย ไม่แน่โจรพวกนี้อาจทำเป็นอาชีพ......และปัจจุบันอินเตอร์เน็ตก็เข้าง่าย...เช่นเว็บผู้ก่อการร้ายมันไม่อยากที่เขาจะติดต่อกับเครือค่ายผู้ก่อการร้ายก็อปออกมาก็เป็นคู่เมือการทำระเบิด*-*

ก็ขอให้เวลาและหลายๆสิ่งไปเปลี่ยนแปลงเถอะ

โดยคุณ S.A.W.A.T.60 เมื่อวันที่ 19/02/2007 15:50:14


ความคิดเห็นที่ 18


 

   ข้อสำคัญที่สุดอันดับแรกในการแก้ปัญาคือ   เราต้องได้ข้อมูลที่ถูกต้องเข้ามาก่อน     หลังจากนั้นการตั้งสมมุติฐานที่ถูกต้องจึงเป็นความจำเป็นอย่างมากในข้อถัดมา     

        ถ้าได้รับข้อมูลที่ผิดพลาด    ก็จะตั้งสมมุติฐานของสาเหตุต่างๆที่ผิดพลาด    นำไปสู่การแก้ปัญหาที่ผิดพลาด   

        ผมมีเพื่อนอยู่ในพื้นที่เจ้าปัญหา 2-3 คน     มีข้อมูลในมุมมองของชาวบ้านที่เขาไม่กล้าพูดต่อนักข่าว   เจ้าหน้าที่บ้านเมือง (พอเพื่อนมันรู้ว่าผมมีญาติและเพื่อนเป็นทหารเท่านั้นครับ  หุบปากเงียบเรื่องพวกนี้หมด  เลี่ยงที่จะคุย    นี่ขนาดอยู่กันในกทม.นะครับ   แล้วถ้าอยู่ในพื้นที่จะกลัวกันขนาดไหน)

       ดูจากข่าวสารในหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์และรายการต่างๆแล้ว     ข้อมูลบางข้อก็ยังไม่น่าจะถูกต้อง    แต่ผมยังไม่แน่ใจจนกว่าตนเองจะไปอาศัยอยู่ในพื้นที่จริงๆเลย       แต่ผมว่าเราตั้งสมมุติฐานบางเรื่องกันผิดนะครับ     เช่น    ตั้งสมมุติฐานว่ารัฐบาลทอดทิ้งและยากจน   จึงถูกชักจูงให้เข้าขบวนการ        หรือตั้งสมมุติฐานว่าเพราะชาวบ้านด้อยการศึกษาจึงถูกชักจูงได้ง่าย            หรือตั้งสมมุติฐานว่าชาวไทยมุสลิมถูกรังแกจากเจ้าหน้าที่แต่ฝ่ายเดียว   จึงระเบิดออกมาเป็นการต่อต้าน     ในขณะที่เพื่อนผมกลับบอกว่า      แม่ของเขาเองยังบอกให้ลูกหัดมานับถือศาสนาอิสลามบ้างก็ดีเพื่อจะเข้ากับพวกนั้นได้     และไทยพุทธหลายคนต้องแต่งตัวแบบเดียวกับชาวไทยมุสลิมในพื้นที่เพื่อให้รอดจากการถูกเล่นงาน     มีอีกเยอะมากที่พร่างพรูออกมาจากหัวอกคนในพื้นที่จริงๆ       ซึ่งตอนนี้พ่อแม่เพื่อนๆผมนั้นให้ลูกๆทุกคนขึ้นมาปักหลักกันในกทม.หมดแล้ว      ส่วนพ่อแม่พวกเขาขอตายบนแผ่นดินเกิดครับ

 

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 21/02/2007 01:00:15


ความคิดเห็นที่ 19


 

        มาถึงตรงนี้รู้แล้วนะครับว่าหลายต่อหลายคนในขบวนการนั้น   มีการศึกษาที่ดีมากๆในระดับป.ตรี   และอีกหลายๆคนในแกนนำนั้นมีฐานะที่ดีมากๆ        ดังนั้นข้อมูลหลายๆเรื่องที่รับมาจากสื่อมวลชนเองก็ไม่ได้ถูกต้องเลยด้วยซ้ำครับ     เพราะนักข่าวเองที่ทำข่าวก็ไม่ได้เป็นคนในพื้นที่    

          มีเรื่องเปรียบเทียบเล่าให้ฟังนะครับ   เพื่อให้เปรียบเทียบกับการที่ชาวบ้านให้ข้อมูลแก่นักข่าว

          ผัวเมียคู่หนึ่งมีฐานะดีโดยได้มรดกจากพ่อแม่   มีที่ดินแปลงหนึ่งสวยมากๆ  แต่ทั้งคู่นั้นไร้ปัญญาจะเริ่มต้นทำธุระกิจในที่ดินนั้นให้ประสบความสำเร็จ    สุดท้ายจึงได้ให้คนอื่นเช่าทำมาค้าขาย      

      นายเอได้เข้ามาเช่าพื้นที่ดินนั้นเพื่อค้าขายทำธุรกิจสวนอาหาร   ปรกฎว่าธุระกิจประสบความสำเร็จอย่างสูง       ทำให้ผัวเมียเจ้าของที่ตาลุกวาวและมุ่งมั่นว่าพวกตนจะต้องไล่ที่นายเอเพื่อเอาทำสวนอาหารแทนนายเอ     พูดง่ายๆว่าจะฮุบกิจการนายเอ      ดังนั้นทั้งคู่จึงเริ่มอ้างเหตุผลปัญหานานับประการมาทะเลาะกับนายเอ    เช่น    ทิ้งขยะมูลฝอยรบกวนเพื่อนบ้าน      กลิ่นจาการทำอาหารรบกวนเพื่อนบ้าน      เป็นต้น       ในที่สุดการทะเลาะนั้นถึงขั้นแทบจะลงมือลงไม้กัน     และเป็นเหตุอ้างที่จะไม่ต่อสัญญากับนายเอ     เมื่อสัญญาสิ้นสุดลงผัวเมียทั้งคู่จึงขับไล่นายเอออกไปสำเร็จแล้วดำเนินกิจการแทนนายเอทันที     

     เมื่อเพื่อนๆของผัวเมียคู่นี้มาเยี่ยมเยียนและเพื่อดูความก้าวหน้าของผัวเมียคู่นี้    คนเป็นเมียได้ออกมาต้อนรับเพื่อนๆแล้วอวดความสำเร็จของตนเองว่าตนเก่งกว่านายเอ   ที่นายเอออกไปเพราะดำเนินกิจการเจ้ง  แต่ตนกลับเห็นว่านายเอมีจุดบกพร่องในบางเรื่งจึงได้แก้ไขเมื่อนายเอออกไปจากพื้นที่ของตนแล้ว   ดังนั้นตนจึงประสบความสำเร็จ      ขณะที่เมียกำลังโอ้อวดนั้น     ผัวซึ่งอยู่หลังบ้านไม่ได้มาฟังด้วยก็โผล่มาที่หน้าบ้านทักทายเพื่อนๆ     และเพื่อนก็ถามว่าทำไงถึงทำกิจการสำเร็จ     ผัวซึ่งไม่ได้เตี๊ยมกับเมียมาจึงเผลอพูดออกไปว่า    

    ง่ายจะตาย   นายเอคนก่อนมันทำเอาไว้ดี    ผมก้แค่หาเรื่องทะเลาะกับเขาเสียแล้วพาลไม่ต่อสัญญาซะและก็ยึดกิจการมันมาซะเลย

     เมียได้ยินผัวเผลอพูด    ดังนั้นด้วยความกลัวเสียหน้าจึงได้ลากผัวกลับเข้าไปในบ้านแล้วเขกกระบาลผัว    พร้อมกับด่าว่า     ทำไมต้องไปบอกความจริงที่ทำให้ตนเองดูเลวร้ายแลดูไร้ปัญญาเล่า     ก็โกหกเข้าไปสิ   เพื่อนๆจะได้เชื่อและยกย่องว่าเราดี  เก่ง  ถูกต้อง.........

      เพื่อนบ้านรอบๆบ้านสองผัวเมียนี้ได้ยินเข้า     ก็ทำหน้าเบ้อยากอ๊วก     แต่ไม่มีใครกล้าเล่าความจริงให้เพื่อนๆของสองผัวเมียที่มาเยี่ยม    เพราะกลัวว่าสองผัวเมียนี้จะเอาคืนในภายหลังเนื่องจากมีตัวอย่างให้ดูมาแล้ว

 

     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า    คนมักจะโกหกเสมอเมื่อตนต้องให้ข้อมูลแก่สาธารณะชน      ดังนั้นข้อมูลในหลายๆเรื่องนั้นต้องไปขุดมาจากพื้นที่และผู้อยู่ในเหตุการณ์หลายๆคนและจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

 

 

      

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 21/02/2007 01:27:41


ความคิดเห็นที่ 20


แยกถั่วกับงาออกให้ได้ก่อน หรือเกลือที่กลายเป็นหนอน ถ้าแยกไม่ออก ไม่รู้ว่า การทำมวลชนจะได้ผล เพราะคนที่อยู่ที่นั่น เปลี่ยนแปลงยาก กลัวการเปลี่ยนแปลง ขนบธรรมเนียมประเพณีของเขา การเป็นอยู่ มีคนบางกลุ่มไม่อยากให้ตรงนั้นเจริญ เพราะถ้าเจริญขึ้นมา จะเสียอำนาจการปกครอง เช่นเคยนับถือผู้นำศาสนามาก แต่ถ้าเจริญมากขึ้นทำมาหากินตัวเป็นเกลียว บทบาทของผู้นำศาสนาลดลง อันนี้ยกตัวอย่าง เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ คุณคิดไหมว่าใน 3 จว นั้นคนกลุ่มใดร่ำรวย ถ้ามีใครแบ่งความร่ำรวยไปต่อหน้าต่อตา เช่นเกิดการแข่งขันในการทำมาหากินมากขึ้น ผู้เสียผลประโยชน์ก็คือคนกลุ่มนั้น ไม่คิดหรือว่าเงินที่ใช้ก่อการ มาจากไหน ถ้าเขาทำให้ชาวบ้านร่วมบริจาคละก้อ ไม่มีวันหมดหรอกเงินกองทุนตัวนี้ เพราะฉนั้นทำอย่างไรก็ได้ที่ทำให้เจ้าหน้าที่เป็นที่เกลียดชัง ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม ง่ายที่สุดก็คือ กระจายข่าวตอนทำพิธีทางศาสนานั้นแหละ มันเป็นปัญหาเรื่องสงครามข้อมูล แม้อยากร่วมมือแต่ก็กลัวอิทธิพลคนกลุ่มนั้นอยู่ดี ฉนั้นควรตัดไฟแต่ต้นลม และดึงจ่าฝูงออกจากฝูงให้ได้ หลังจากนั้น จะทำอะไรก็ทำ.........
โดยคุณ tik เมื่อวันที่ 21/02/2007 10:30:38