ขอบคุณ MCS-51 ครับ...หุหุผมเข้าใจผิดเองครับ ทีแรกคิดว่าเป็นเครื่องหมายเตือนนักบินว่าไม่ควรใช้งานกับจุดที่มีแสงจ้ามาก ๆ ซะอีก ที่แท้เค้าต้องการเตือนช่างและเจ้าหน้าที่ภาคพิ้นนี้เอง ว่าอย่ามอง ไม่งั้นเดี่ยวตาปอด?..เพราะภายในมี Laser aim อยู่

          ครับผมสงสัยต่อไปครับว่า โดยปกติแล้ว Cell รับภาพของกระเปาะ FLIR รุ่นใหม่ ๆ เค้ามักจะใช้ CCD(Charge-coupled device) เป็นส่วนใหญ่ คล้ายกับที่มีอยู่ในกล้องถ่ายรูป Digital คือผมอยากทราบว่าพอจะมีวิธีไหนบ้างครับ ที่เราจะสามารถรบกวนการทำงานของอุปกรณ์ตัวนี้ได้ครับ? หรือทำลายตัว Cap ที่อยู่ภายในCell ได้ ไม่ทราบว่ายิง IR ความเข้มสูงใส่ได้หรือเปล่าครับ?

การที่เรานำ อวป. ไปยิงอากาศยานของข้าศึกเป็นสิ่งที่สมควรกระทำครับท่าน tik แต่ในหลาย ๆ สถานการณ์การกระทำเช่นนั้น เป็นการใช้ทรัพยากรไปโดยสูญเปล่า หรืออาจจะต้องใช้ Missile เป็นจำนวนมากเพียงเพื่อทำลายเป้าหมายเดี่ยว

          ในความเข้าใจของผมยุทธวิธีในการรบของ ฮ. ยกตัวอย่างละกันจะได้เห็นภาพกันคือเจ้า AH-64 เค้าจะใช้วิธี ซุ่มยิงอยู่หลังที่กำบังเช่น ต้นไม้ หรือภูเขา ฯลฯ โดยจะทำการตรวจจับเป้าหมายด้วยเรดาร์ LongBow หรือ FLIR แต่หัวใจสำคัญในการยิงอาวุธคือระบบ FLIR ทั้งนี้ก็เพราะจรวด HellFire ซึ่งถือว่าเป็นหมัดเด็ดของ ฮ.รุ่นดังกล่าวนำวิถีด้วย laser ถ้าเราสามารถรบกวนหรือทำลายระบบ FLIR ของ AH-64 ได้มันก็ตาบอด เท่ากับว่าความสามรถในการใช้อาวุธในการทำลายยานเกราะและเป้าหมายต่าง ๆ ต่ำลง หรืออาจจะเป็นง่อยไปเลย อีกทั้งระบบ FLIR นั้นมีใช้กันอยู่ในอากาศยานทุกประเภท  ทั้งนี้ผมคิดว่ารวม ๆ แล้วมันก็คือระบบ Soft kill ดี ๆ นี้เอง ระบบ Radar ยังมีได้ FLIR ก็น่าที่จะมีเช่นกัน  ระบบนี้มันอาจจะเป็นอะไรง่าย ๆ ราคาถูกที่สามารถทำใด้  อีกทั้งหาซื้อได้ตามบ้านหม้อ แต่ทำฮ.ราคาพันล้านเป็นง่อยเปลี้ยเสียขาได้  

แสงเลเซอร์ แต่ถ้ารถถังหุ้มด้วยกระจกนะครับ มันจะยังทำงานได้ป่าว

ตอบคุณติก นะครับ

ผมคิดว่าไม่น่าจะรบกวนการทำงานของ ccd ได้หรอก

เพราะว่า อินฟาเรด กับ แสงขาว (ที่เรามองเห็นกันอยู่)

แสงอินฟาเรดทำงานในย่านความถี่ที่ต่ำกว่าแสงขาว

นั่นเอง

จะว่าง่ายๆก็คือ ย่านความถี่ต่างกันครับไม่น่าจะกวนกันได้

          เรียนคุณ rinsc_seaver ครับ Hellfire ทุกรุ่นใช้ Semi active laser homing ทั้งหมดครับ  ณ ปัจจุบันยังไม่ได้ออกรุ่นที่เป็น Radar,Optical,IR ครับ ทั้งนี้ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะการพยายามที่จะลดต้นทุนในการผลิตนั้นเองครับ  

          เรดาร์ LoandBow ของ AH-64 นั้นเค้ามีไว้ใช้เพื่อค้นหาและติดตามเป้าหมาย อีกทั้งทำให้นักบินสามารถเห็นภาพรวมของการรบในขณะนั้นได้ง่ายขึ้น ทำการยิงอาวุธได้เร็วขึ้น ลดความเสียงที่จะถูกยิงตก เข้าออกสมรภูมิได้เร็วขึ้น กว่าการใช้เพียงระบบ FLIR ค้นหาเป้าหมายซึ่งจำเป็นต้องบินวนอยู่หลายรอบ

          โดยนักบินสามารถทำการ Lock เป้าหมายจาก Radar แล้วส่งข้อมูลไปให้กระเปาะ FLIR ติดตามเป้าหมาย ตามพิกัดที่เรดาร์ระบุ หลังจากนั้นก็เล็งด้วย Laser (ฉาบเป้าหมายด้วย Laser) แล้วกดปุ่มยิงจรวด HellFire ออกไปเป็นอันจบพิธี  

          ด้วยความที่มันไวต่อแสง IR เป็นพิเศษนี้ละครับ ที่มันอาจจะกลับกลายเป็นจุดอ่อน ได้เช่นเดี่ยวกลับที่เคยเกิดขึ้นกับ AIM-9 รุ่นแรก ๆ ที่สามารถลวงได้อย่างง่ายดายได้ด้วย FLARE ทำให้ต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่วิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ของ Raytheon จะคิดหาวิธีแก้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          ครับผมขอตัวไปทานข้าวก่อนนะครับ  ดึก ๆ เดี่ยวจะกลับเข้ามาดูครับ ฝากไว้แล้วกันนะครับ อย่าง ๆ น้อย ๆ ผมมองว่าการลวงที่ดีอาจจะทำให้กองทัพจน ๆ อย่างเราเอาชนะสงครามที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ครับ  

ข้อมูลเพิ่มเติมครับ อื่นนี้เป็น Datasheet CCD sensor ของ TI ครับ

http://www.astro.uu.se/grundutb/wt/images/tc237.pdf

อืมลืมไปแนวคิดของคุณ S.A.W.A.T.60 ดีมากครับน่าสนใจดี

ท่าน  Red@Baron  ครับอันนี้ก็ไม่ทราบจริงๆเหมือนกันว่า

CCD ทางการทหารเขามี สเป็ค อย่างไรก็ไม่ทราบได้ผมว่านะมันคงเป็นชั้นความลับเหมือนกันเพราะถ้า ฝ่ายตรงข้ามรู้ก็จะ สามารถ ออกแบบต่อต้าน ระบบได้ง่ายๆ

แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัวก็คิดว่าน่าคงมีความสามารถ

สูงกว่า  ccd  โดยทั่วไปอย่างแน่นอน

ก็ดูได้โดยทั่วไปก็ได้เช่น IC ที่ใช้กันในวงจรทั่วไป ทนอุณหภูมิได้ประมาณ60-90 องศา แต่อุปกรณ์ทางทหารเขาทนได้มากกว่านั้น

100 +  ถึง 150 เชียวนะ

เปรียบเทียบโดยง่ายๆนะครับ