ขอความสันติจงประสบแด่พี่น้องทุกท่านผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาพบปะกับพี่น้องที่
โรงเรียนอิสลามดรุณวิทยาในวันนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านลาโต๊ะนิเส วาบา ที่มีส่วนรับผิดชอบจัด สัมมนาในวันนี้
ทุกท่านคงทราบดีแล้วว่าภารกิจหน้าที่ที่กระผมต้องรับผิดชอบในวันนี้ทั้งที่นี่ และที่ กรุงเทพฯ มีอยู่ไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตามภาระที่ต้องรับผิดชอบตรงนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งความเข้าใจ ต่อสถานการณ์ และปัญหานั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะความเข้าใจ จิตใจของพี่น้อง มุสลิม
ผมเองมิได้เป็นคนไกลที่ไหน ผมเป็นคนเชื้อสายปัตตานีแด่ได้อพยพไปอยู่กรุงเทพฯ นานแล้ว สังคมที่กรุงเทพฯ นั้นได้ทำให้ผมมีโอกาสเรียนหนังสือทุกคนควรตระหนักเหมือนกันว่า ชีวิตของ ความเป็นเด็กมุสลิมนั้น มีภาระที่ต้องทำ นอกจากจะต้องศึกษาด้านศาสนาแล้ว ก็ต้องมีภาระ ที่จะต้อง ศึกษาสายสามัญด้วย ชีวิตผมตอนเป็นเด็ก ๆ เป็นคนที่มีความมุ่งมั่น เมื่อเรียนหนังสือ ก็ต้องเรียนให้ดีที่สุด ความที่ต้องรับผิดชอบทั้งสองภาระนี้เอง คุณพ่อคุณแม่มุสลิมจึงส่งบุตร หลานเข้าเรียนศาสนา เราในฐานะที่เป็นลูกก็ต้องเรียนศาสนา เมื่อโตขึ้นก็ต้องเรียนสายสามัญ เพื่อสร้างอนาคต และจะได้ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่เมื่อยามแก่ชรานี่คือหน้าที่ของมุสลิม ฉะนั้น การที่ต้องมีภาระ พร้อมกันทั้งเรื่องของศาสนา และเรื่องของการดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ จึงเป็น ภาระของมุสลิมที่ จำเป็นจะต้องทำให้สมบูรณ์สำเร็จลุล่วง
ผมได้ประสบความสำเร็จตรงนี้ มาเป็นผู้บัญชาการทหารบก เพราะผมยึดหลักการเป็นมุสลิมที่ดี นั้นคือรากฐานของการทำงานที่ทำให้ผมมาจน ถึงจุดนี้ ผมดีใจที่ได้เป็นมุสลิม และดีใจที่มาอยู่กับ พวกเราตรงนี้ได้มีโอกาสทำหน้าที่ของ มุสลิมและได้ทำให้ทุก คนมีโอกาสเข้าใจ
ผมดีใจที่ได้เป็นคนปัตตานี ดีใจที่ได้ท่านเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่น่ารัก เป็นคนที่เข้าใจมุสลิมเป็น อย่างดี ผมได้มีความใกล้ชิดกับผู้ว่าราชการจังหวัดมาเป็นเวลานานพอสมควรและถือเป็นความ โชคดีของท่านที่ได้มีผู้ว่าราชการท่านนี้ ท่านมีนายอำเภอที่เป็นมุสลิมฉะนั้นในกระบวนการบริหาร จังหวัดปัตตานีอำเภอมายอ ก็ถือได้ว่าได้นำมาพาความไปสู่ความเข้าใจระดับล่วง คือระดับท้องถิ่น ถึงระดับอำเภอจังหวัด ผมคิดว่าข้าราชการทุกคนนั้นมีความเข้าใจ ดังที่ผมพูดตั้งแต่ตอนต้นว่าผม ดีใจและดีใจกับทุกท่านที่เป็นคนปัตตานีและคนอำเภอมายอ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของบ้านเมือง นั้นมีความสลับซับซ้อน การมีความเข้าใจและเข้าถึงรวมถึง การพัฒนาตามที่พระเจ้าอยู่หัว ตามที่ท่านได้พระราชดำรัชไว้ ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสได้เข้าเฝ้า พระองค์ท่าน ท่านฝากความห่วงใยมายังพวกท่าน ท่านให้ผมมาดูแลมุสลิมสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ ท่านทรงเน้นย้ำตลอดเวลา ว่าอย่าพูดถึงไทยพุทธและไทยมุสลิมให้พูดถึงว่าเราทุกคน คือ คนไทย
การที่ผมได้มาเป็น ผู้บัญชาการทหารบกและได้มีโอกาสมาดูแลพื้นที่ตรงนี้ ผมอยากจะเรียนกับ พี่น้องทุกท่านว่า เราโชคดีอีกประการหนึ่งก็คือ พระเจ้าอยู่หัวของพวกเราทรงห่วงใยมุสลิม ขอฝากทุกท่านว่า ในฐานะที่เราเป็นคนไทยคนหนึ่ง และมีความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว ของพวกเรา ในเวลาที่พระองค์ท่านเป็นทุกข์เราทุกคนไม่ว่าชาวพุทธหรือมุสลิมก็ตาม เราต้อง มีความจงรักภักดี ในเวลานี้ เราในฐานะมุสลิมต้องขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า ให้พระองค์ทรงเป็นขวัญ และกำลังใจของชาวมุสลิม
ในปัญหาสำคัญในพื้นที่ 3 จังหวัด ที่ผมพยายามจะแก้ปัญหาให้เกิด ความสงบเรียบร้อยในเวลานี้ ผมใช้หลักพระเจ้าอยู่หัวคือ ความเข้าใจ ความเข้าถึง ความพัฒนา เป็นรากฐาน
ความเข้าใจในขณะนี้ ผมได้พยายามอธิบายให้พี่น้องทหารทุกคน ตำรวจ และฝ่ายปกครองทุคน ได้เข้าใจเหมือนกันว่า พี่น้องมุสลิมทุกคนคือคนไทย ถ้าทุกคนคิดเหมือนกันอย่างนี้แล้ว เราก็คือพี่น้องกัน ฉะนั้น ข้าราชการทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองและประชาชนคือ คนไทย และเป็น พี่น้องกัน
ปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้ก็เนื่องมาจาก เราขาดความเอื้ออาทร ความห่วงใย การให้อภัย การมีน้ำใจต่อกัน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องคำนึง ในเวลาเดียวกัน พี่น้อง มุสลิมทุกคนจะต้องเข้าใจประเด็นนี้ร่วมกันว่า ทหารนั้นคือ ทหารของท่านทั้งหลาย ข้าราชการ คือผู้รับใช้ประชาชน ฉะนั้นความสำคัญก็คือ ความห่วงใยกันระหว่างประชาชนกับ ข้าราชการ เราอย่าแยกเราอย่าห่างกัน เมื่อเรามีทุกข์ ก็ต้องถามว่าข้าราชการจะบรรเทาทุกข์ให้ เราได้อย่างไร นี่ก็อีกประการหนึ่งที่อยากจะฝากทุกท่านไว้
ความห่วงใยอีกประการหนึ่งก็ คือ การศึกษาวันนี้เมื่อต้นปีการศึกษามีบุตรหลานของเราที่สอบ เข้าเรียนแพทย์ได้ ปรากฏการณ์ว่าไม่มีเงินเรียนหนังสือ ผมพยายามหาทุนมาสนับสนุน ผมบอกพวกเขาว่า ในเรื่องทุนนั้นหาให้ได้ แต่ที่สำคัญเมื่อจบแล้วจะต้องกลับมาดูแลพี่น้อง ของเรา ปัญหาที่ผมห่วงใยอีกประการหนึ่งก็คือ พวกเราให้ความสำคัญกับการศึกษาน้อยเกินไป ให้ความสำคัญกับวิชาที่จะต้องไปใช้ในการต่อสู่ในโลกนี้น้อยเกินไป เราจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อเป็นนายแพทย์ เป็นทนายความ เป็นวิศวกร เป็นนักคอมพิวเตอร์ เราจะต้องส่งลูกหลาน ของเราให้เรียนหนังสือ เพื่อให้เขาดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ก่อนที่จะส่งลูกหลานไปเรียนหนังสืออย่างนั้น เป็นภาระของพ่อแม่ต้องหาเงิน หาทองให้เขาได้เรียนการทำมาหากิน จึงเป็นสิ่งสำคัญ มันมีความเชื่อมโยงกัน ที่บอกว่าผมดีใจที่มาโรงเรียนแห่งนี้ เพราะผมได้เห็นเยาวชนมีการเรียนหนังสือมากขึ้นและเมื่อเรียนมากขึ้นก็กลับมาดูแลพวกเรามากขึ้น ถ้าผมไม่ได้เรียนหนังสือ ผมคงไม่มีโอกาสมายืนต่อหน้าท่านเวลานี้ ไม่มีโอกาสมาช่วยพวกท่านอย่างนี้
ผมขอเน้นย้ำกับพวกท่านทั้งหลายว่า เราต้องมีความเป็นธรรม ผมถามท่านว่าถ้าไม่ใช่ผมแล้ว เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าได้รับความเป็นธรรม เวลานี้ผมบอกกับเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า เราต้องมีความ เป็นธรรมกับประชาชน นี่คือสิ่งที่เรามีโอกาสเมื่อเราเรียนหนังสือมากขึ้น เราก็มีโอกาสรับใช้ ประเทศชาติมากขึ้น ตำแหน่งของเราก็ดีขึ้น เราก็มีโอกาสมากขึ้นพร้อมกันไปด้วย ฉะนั้นในการแก้ปัญหาของสังคม ต้องอาศัยทุกคนมาช่วยแก้ไขด้วยเหตุเอง พวกเราต้องเรียนหนังสือให้มากขึ้นเพื่อจะได้กลับมาเป็นนายอำเภอ กลับมาเป็นผู้ว่าฯ เรียนกลับมาเป็นหมอ มาทำธุรกิจต่าง ๆ เืพื่อสร้างความเจริญให้กับสังคมของเรา นี่คือความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างขึ้น ผมขอฝากท่านอุสตาซ นักศึกษาทุกท่านที่อยู่ตรงนี้ว่า มันเป็นความจำเป็น ฉะนั้นเราต้องขยันกว่าคนอื่น
ผมจำได้ว่าเมื่อตอนผมยังเป็นเด็กๆ ตื่นเช้ามาต้องไปโรงเรียน เรียนสามัญเมื่อกลับถึงบ้านแทนที่ จะได้มีโอกาสเล่นฟุตบอลหรือเล่นกีฬาเหมือนเด็กคนอื่น ก็ต้องกลับมาอ่านหนังสือเรียนหนังสือ ศาสนา กว่าจะเลิกก็ 3 ทุ่ม กลับมาถึงบ้านทำการบ้านทันบ้าง ไม่ทันบ้าง ก็ต้องไปทำตอนเช้า ที่โรงเรียนหรือใช้เวลาตอนพักทำการบ้านอะไรเหล่านี้เป็นต้น ฉะนั้นฝากเยาวชนทั้งหลายว่า เพื่อจะได้มีโอกาสเราต้องเรียนหนังสือ เพื่อจะได้กลับมาช่วยพี่น้องของเรา
ในเรื่องของสังคมนั้น ที่ผมมีโอกาสในวันนี้กระผมขอพูดกับพวกเราทุกคนว่า ชุมชนนั้นเป็นปัจจัย สำคัญในการบริหารจัดการ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ผมคิดว่า ถ้าเราจัดในสังคมในครอบครัว ของเราให้ดีแล้ว สังคมในหมู่บ้านก็จะดี ทุกอย่างมันก็จะดีตามไปด้วย ฉะนั้นพ่อแม่ต้องรักลูก และห่วงลูก ถ้าลูก ๆ ไปไหนพ่อแม่ไม่สนใจก็จะเกิดปัญหาในครอบครัว เป็นลูกก็ต้องดูแลทดแทน บุญคุณพ่อแม่ สังคมในพื้นที่ตรงนี้ ผมคิดว่า ผู้หญิงมีภาระหนัก ผู้ชายค่อนข้างเอาเปรียบ จริงไม่จริงก็คิดดู ผมพยายามทำให้ทุกคนเข้าใจว่า ผู้หญิงหนึ่งคนก็หนึ่งแรง ผู้ชายหนึ่งคน ก็หนึ่งแรง ถ้าเผื่อว่าผู้ชายและผู้หญิงร่วมกัน หรือสามีและภรรยาร่วมกันทำงาน ก็จะกลายเป็น 2 แรง ถ้าเราคิดว่า 1 แรง เท่ากับ 100 2 แรงก็เป็น 200 เราก็จะสามารถนำเงิน ที่เราช่วยกันทำมาหากิน มาดูแลลูกหลานของเราให้มีการศึกษาได้ ทั้งสายศาสนาและสามัญได้ อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ คือ ความเอื้ออาทรช่วยเหลือกัน เป็นสิ่งที่ผมอยากเห็นชุมชนของเราเป็นอย่างนั้น ผมอยู่ที่นี่ร่วม 2 ปีเศษ และมีได้มีโอกาสทำงานได้มีโอกาสมาทำงานในพื้นที่นี้ ผมมีความรู้สึกว่าผู้ชายเอาเปรียบ หลายคนยิ้ม...จริงหรือไม่ ไปคิดกันเอาเอง ศาสนาของเรา สอนให้ช่วยเหลือกัน ไม่ได้สอนให้สามีชี้นิ้วแล้วปล่อยให้ภรรยาทำงานทุกอย่าง เวลาผมไปเยี่ยม โรงเรียนต่าง ๆ จะเห็นว่าผู้ชายพูดไม่ค่อยเป็น และไม่ค่อยถาม ขี้อาย ต่างกับผู้หญิงมีความกล้า มีการแสดงออก เพราะสังคมเรานั้นปล่อยให้ผู้หญิงเผชิญกับปัญหามากเกินไป
ในเรื่องสุดท้าย ผมอยากจะพูดกับผู้นำศาสนาทั้งหลาย ผมเองยอมรับในเรื่องศาสนา ผมคงมี ความรู้ไม่เท่ากับท่านทั้งหลาย อย่างไรก็ตามในคัมภีร์อัลกุรอานนั้น ผมอาจจะแปลได้ไม่หมด แ่ต่ผมก็ได้อ่านฉบับแปลภาษาไทยมารอบกว่าแล้ว ผมเป็นคนอ่านหนังสือค่อนข้างละเอียด ผมอ่านคัมภีร์กุรอานที่แปลภาษาไทย มีคำสอนหลายอย่างในคัมภีร์อัลกุรอานที่มุ่งให้มุสลิม มีความทันสมัย ผมไปมาเลเซียมา ประเทศมาเลเซียนั้นอาจจะกล่าวได้ว่า เป็นประเทศมุสลิมที่ เจริญที่สุดในโลก แม้แต่ประเทศซาอุดิอาระเบียเอง เขาต้องมาดูงานที่มาเลเซีย เื่พื่อที่จะดูงาน ที่มาเลเซีย เพื่อที่จะดูว่า ในมาเลเซียนั้น เขาจัดการศึกษากันอย่างไร ที่นำเรื่องนี้มาเล่า เพื่อที่จะใ้ห้พวกท่านที่เป็นครูบาอาจารย์ เป็นอุสตาซ เป็นโต๊ะครู หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ เราอาจจะกล่าว ได้ว่า ประเทศมาเลเซีย เป็นประเทศที่พัฒนาทางเทคโนโลยีสูงที่สุดในประเทศมุสลิมทั้งโลก มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก มีการปกครองที่ดีที่สุดในโลกในบรรดาประเทศมุสลิม ผมได้มีโอกาสคุยกับรองนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ท่านได้ส่งความห่วงใยมายังพี่น้องมุสลิม 3 จังหวัด ท่านบอกว่าอยากให้พี่น้องมุสลิมสร้างความทันสมัยให้มากขึ้นการต่อสู้นั้น ถ้าเผื่อว่าเราต่อสู้ด้วย การใช้ปัญญามันจะเป็นการชัยชนะที่ยั้งยืน ส่วนการต่อสู้ด้วยกำลังไม่ใช่ชัยชนะที่ถาวร ฉะนั้นวิถีทางที่ชนะใน 30 ปี ข้างหน้า หรือ 40 ปีข้างหน้าคือ การเอาชนะด้วยปัญญา นั่นคือชัยชนะที่ยั่งยืน ถามว่าชัยชนะนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่ผมและรองนายกรัฐมนตรีเห็นร่วมกัน สิ่งที่ผมได้เรียนกับท่านทั้งหลายในวันนี้คงจะเป็นประโยชน์ในฐานะที่ผมเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของ ชาวปัตตานี ชื่อมุสลิมของผมคือ อับดุลลอฮ์ อะหมัดจุฬา