ถึงนอกเรื่องอาวุธแต่ผมก็มองว่า กำลังคน ก็เป็นปัจจัยสำคัญของอาวุธเช่นกัน
ในต่างประเทศที่ผมสัมผัสและได้รับข้อมูลมาจากเด็กรวยๆทั้งหลายที่ได้พบซึ่งไปต่างประเทศมามากมาย และจากการมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติมากมายในอินเตอร์เน็ตก็ทำให้ได้พบ (ซึ่งก็รู้มานานแล้ว แต่ทำใจรับมะได้) ว่าพวกเรานั้น สุดๆแห่งความเหลวแหลกจริงๆ
ขณะการทำงานในแต่ละเรื่อง พวกเราชาวไทยมักทำแบบขอไปที รีบทำรีบเสร็จ เสร็จแล้วก็รีบกลับบ้านไปพัก ทำโน่นนี่สบายๆ
แต่กลับกันกับคนเวียตนามเกาหลีที่ฟื้นตัวจากสงครามที่บ้างานกันสุดๆ ตั้งใจทำงานเป็นยิ่ง (ขี้เกียจเทียบญี่ปุ่น)
ฟังจากเพื่อนๆนี่น่าตกใจพอสมควรว่าคนเกาหลีทำงานวันละ 12 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ส่วนคนเวียตนามก็ไม่แพ้กัน 10 - 14 ชั่วโมง ซึ่งพบว่า 16 ชม เป็นเรื่องธรรมชาติ (ทั้งๆที่มันจะแซงเราแล้วนะ)
คิดไปไม่เพียงแค่นั้นที่ผมปวดกะโหลก คือประเทศไทยทำงานกันอาทิตย์ละ 5 วันเป็นส่วนมาก(6 ก็มีแต่น้อย) และเด็กนักเรียน เรียนกันอาทิตย์ละ 5 วัน เน้นแต่วิชาการ ขณะที่เด็กต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น มีกิจกรรมชมรมเสริมเข้ามาทดแทนวิชาการเรียนที่น้อยกว่าเรา (สังเกตุ เด็ก มัธยมเราเก๊งเก่ง แต่พอขึ้นมหาลัย ไหงสู้เขาไม่ได้?)
คิดๆไป ในไทยทำงานอาทิตย์ละ 5 วัน วันละ 8 ชั่วโมง
40 ชั่วโมงต่ออาทิตย์
เวียตนาม ผมคิดแค่ 10 ชั่วโมงอ่ะ 6 วัน
อาทิตย์ละ 60 ชั่วโมง เราขาดทุกเขาไป 20 ชั่วโมงทุกๆอาทิตย์
ถามว่าเดือนนึงเท่าไหร่ ปีนึงเท่าไหร่? จินตนาการเอาก็น่าคิดนะ (คิดแค่ต้นทุนค่าจ้างงานพอไม่ต้องคิดค่ากำไรที่น่าจะเป็น ผมต่อให้)
ผมเข้าใจดีถึงวัฒนธรรมความขี้เกียจเราว่ามันเป็นมาเช่นไร มันเกิดจากจุดประสงค์ที่ดีที่เราเป็นชาวพุทธที่ดีมากๆ ไม่หวังมาก อยู่สบายๆ กิเลสไม่มาก แต่ภายหลังยุคสมัยเปลี่ยนแปลง เรากลับกึ่งปรับตัวกึ่งไม่ปรับตัว ปากก็บอกจะพอเพียง แต่กิเลสนั้นหนาเตอะ(มันน่า...นัก)
ผมไม่ว่าอะไรเรื่องกิเลส ผมเองก็หนา แต่ผมถามว่าสังคมเราน่าจะเริ่มต้นมีการเปลี่ยนแปลงกันได้แล้วไม่ใช่ยึดติดกันแบบเดิมๆ ที่ทำงานน้อยๆ กินมากๆ
กินข้าวน้อยๆกับมากๆ เนื้อเยอะๆผักน้อยๆ
แต่คนเวียตนามกลับกินข้าวนี่หนามาก ผักเป็นกาละมัง แต่กลับกินเนื้อกระจิ๊ด (ชิ้นนึงอาจจกินเป็นอาทิตย์)
ผมว่าน่าจะมีหน่วยงานพัฒนาหน่อยนะ
ถึงประเทศจะมีผู้นำเฮงซวยขนาดไหนก็ตามจะใครก็ช่างที่ด่ากันอยู่ในใจของพวกท่าน (อย่ามาเถียงกันเรื่องนี้นะมะเอานะตัวเอง)
แต่ผมมั่นใจว่า "ขุนศึกแกร่ง ทหารไม่เก่งมันก็ไม่ได้เรื่อง"
แต่อย่างน้อยๆ "ขุนศึกไม่เก่ง แต่ทหารแกร่ง" นี่คือสิ่งที่ผมว่ามันน่าจะดีกว่าข้างต้น เพราะอย่างน้อยๆ ประชาชนก็สามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง
ทุกวันนี้เด็กไทยรุ่นใหม่ใช้แต่มือถือแพงๆ ถามว่าใช้เทคโนโลยีมันทำไรมั่ง? ป่าวเลยเพื่ออินเทรนด์(ไร้สาระ) สร้างเทรนด์อะไรต่างๆ วัฒนธรรมเน่าๆ สวิงกิ้ง ก๊ง กิ๊ก (ก็ชู้แหละวะ) สร้างความคิกขุอาโนะเนะ (แต่ไม่เอาความขยันเขามา) สร้างความเป็นเกาหลี (แต่ก็ไม่สำเหนียกเขียมตัวประหยัด) สร้างความเป็นประชาธิปไตย(แต่คนอื่นเป็นไงชั่งแม่ง นี่เรื่องของกู)
ผมมองดูอนาคตที่ต้องฝากไว้กับพวกเด็กเหล่านี้ได้แต่หวังไว้ในใจว่า พวกเขาจะกลับตัวกลับใจเหมือนกับพวกเราที่ซ่าๆกันมาก่อน แต่เท่าที่มองมันยากเสียเหลือเกิน เด็กรุ่นใหม่แค่ 13-15 ก็ฆ่าข่มขืนคนอื่น ไล่ฉุดทำร้ายผู้อื่น ปล้นเอยต่างๆนานา ค้ายา มากมายไปตามยุค ก้าวหน้าต่อไป
ซึ่งรุ่นพวกเราว่าเก๋ากันแล้ว แต่ยอมรับจริงๆ ผมสู้พวกเด็กรุ่นใหม่ไม่ได้เลยจริงๆ (เดินผ่านมันท้าต่อย เด็ก ม.2 นะเนี่ย)
กระทู้ออกมาเชิงบ่นนะครับ ยอมรับ
แต่ผมก็อยากรู้ว่าพวกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรในการพัฒนาชาติไทย ด้วยกำลังคนที่สำคัญ
แค่ดูนักศึกษาวิชาทหาร เด็กเกรียนเรียน รด ของไทยกับอิสราเอล และสิงค์โปร์ ก็ไม่อยากจะเซ่ดเลย
ส่งเด็ก รด ของไทยไปรบ ปะทะพวก รด อิสราเอล พวกสิงค์โปร์ ไปโดนเขายิงตายหมดอ้ะป่าวเนี่ย
เฮ้อ สุดท้าย เศร้าใจครับ เศร้าใจ...