เวียดนามปรับเป้าทุนต่างชาติดูด $11 พันล้าน/ปี
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 10 มกราคม 2550 23:02 น.
เศรษฐกิจของประเทศเติบโตในอัตราสูงมาก การลงทุนจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้าไป ชาวเวียดนามมีงานทำและเริ่มมีรายได้ดีขึ้น
ผู้จัดการรายวัน?ทางการเวียดนามได้ตัดสินใจปรับเป้าหมายการลงทุนของต่างประเทศ (foreign direct investment) ขึ้นสู่ระดับสูงแบบก้าวกระโดด หลังจากที่ในปี 2549 ตัวเลข FDI ได้พุ่งทะลุเกิน 10,000 ล้านดอลลาร์อย่างไม่คาดฝัน จากเป้าที่วางเอาไว้เพียงประมาณ 6,500 ล้านดอลลาร์
ในช่วงปีใกล้ๆ นี้เวียดนามได้กลายเป็นปลายทางสำคัญ การลงทุนของต่างประเทศโดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเนื่องจากประเทศนี้มีระบอบการเมืองที่มั่นคง มีเศรษฐกิจที่เติบโตในอันดับสูง ค่าแรงยังไม่สูงมาก มีตลาดแรงงานที่ใหญ่โต และอัตราการออกเขียนได้ของประชากรที่สูงมาก
ขณะเดียวกันเวียดนามที่มีประชากรกว่า 83 ล้านคนก็ยังเป็นตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
จากการเปิดเผยของนายฟานหืวว์ถัง (Phan Huu Thang) หัวหน้าสำนักงานการลงทุนของต่างประเทศ กระทรวงวางแผนและการลงทุน หรือ "กระทรวง MPI" (Ministry of Planning and Investment) เป้าหมาย FDI ได้ถูกปรับขึ้นเป็น 55,000 ล้านดอลลาร์ระหว่างปี 2549-2550 นี้ หรือ คิดเป็นอัตราเฉลี่ย 11,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
เป้าหมายในปี 2550 นี้ถูกปรับขึ้นเป็น 9,200 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 700 ล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นมากจากนักลงทุนญี่ปุ่นและเกาหลี รวมทั้งนักลงทุนอเมริกันด้วย โดยอาศัยบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อเนื่องจากเมื่อปีที่แล้ว
นางถังกล่าวอีกว่า สำนักงานของเขาได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ต้องปรับปรุงกฎหมายและระเบียบอีกหลายฉบับเพื่อส่งเสริมการลงทุน ทั้งนี้เพื่อให้เพดานเงินลงทุนจากต่างประเทศเป็นไปตามเป้าหมายใหม่ ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ (Tuoi Tre)
นอกจากนั้นกระทรวง MPI ยังได้เสนอให้รัฐบาลได้จัดตั้งสำนักงานส่งเสริมการลงทุนขึ้นมาอีกหลายหน่วย ในปลายทางใหญ่ต่างๆ เช่น ในสหรัฐฯ เกาหลี และ ญี่ปุ่น
ปัจจุบันนักลงทุนหลักจำนวน 5 อันดับแรก ที่เข้าลงทุนในเวียดนามไปจากไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง และสิงคโปร์ ทางการเวียดนามได้พยายามที่จะดึงดูดการลงทุนในแขนงเทคโนโลยีสารสนเทศ อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีชีวภาพ และ การแปรรูปอาหารทะเลให้มากขึ้น นายถังกล่าว
การก่อสร้างอาคารสูงผุดขึ้นทุกหนทุกแห่งในฮานอย ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า และอาคารที่พักอาศัย จากทุนของต่างชาติ
ในปี 2549 ตัวเลข FDI ที่สำรวจได้ยังไม่ครบถ้วนทั้งหมดในขณะนี้ เป็นเงินถึง 10,200 ล้านดอลลาร์
สมาชิกภาพของเวียดนามในองค์การการค้าโลก (World Trade Organization) จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดี (11 ม.ค.) นี้เป็นต้นไป ซึ่งเวียดนามเชื่อมั่นว่าจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ด้านการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากเวียดนามได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น
ในปี 2550 นี้ เวียดนามได้ตั้งเป้าการขยายตัวของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี เอาไว้ที่ 8.5% โดยเชื่อมั่นว่าแม้จะเกิดความผันผวนขึ้นในเศรษฐกิจโลก แต่เศรษฐกิจของเวียดนามก็จะยังขยายตัวไม่น้อยกว่า 8.2%
ในปี 2548 เงินลงทุนจากต่างประเทศคิดเป็นประมาณ 60% ของจีดีพีเวียดนาม สัดส่วนนี้จะสูงยิ่งกว่าเดิมในปีที่ผ่านมา
ตามรายงานของสำนักข่าววีเอ็นเอของทางการเวียดนามในวันพุธ (10 ม.ค.) นี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายเหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) ได้กำชับให้ทุกภาคส่วนทำการปฏิรูปการบริหารจัดการ และ เอาใจใส่ในการปราบปรามการทุจริตฉ้อราษฎรบังหลวง การใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลืองและสูญเปล่า เพื่อร่วมดันผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้ได้ตามเป้า
นายกรัฐมนตรีเวียดนามระบุดังกล่าวในการประชุมสัมมนาเรื่องภารกิจด้านงบประมาณกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในปี 2550 ที่จัดขึ้นในกรุงฮานอยเมื่อวันที่ 8 ม.ค. โดยย้ำภารกิจในการปราบปรามการคอร์รัปชันในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ อันเป็นภารกิจที่ได้รับมอบจากที่ประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเมื่อต้นปีที่แล้ว วีเอ็นเอกล่าว
นายหวอห่งฟุก (Vo Hong Phuc) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง MPI ได้กล่าวในงานเดียวกันนี้ว่า รัฐบาลจะต้องเร่งจัดตั้งสถาบันต่างๆ ที่ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจแบบตลาดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อหนุนช่วยการพัฒนาเศรษฐกิจในแขนงต่างๆ ตลอดจนพัฒนาสภาพแวดล้อมการลงทุนในประเทศ
กระทรวง MPI ยังเรียกร้องให้ต้องมีมาตรการปฏิรูประบอบการเงินกับการคลัง ปรับปรุงการบริหารจัดการสองแขนงงานสำคัญนี้ให้ดีขึ้น มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น ขยายการฝึกอบรมแรงงานและอาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของกลไกต่างๆ ของรัฐ ตลอดจนการต่อต้านและปราบปรามคอร์รัปชันด้วย
รัฐมนตรีการค้าเวียดนาม นายเจิ่นดิ่งเตวี๋ยน (Tran Dinh Tuyen) ได้ตอกย้ำเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ ที่ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ถึง 22% ทั้งนี้เพื่อเอื้ออำนวยและร่วมส่วนในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากได้เข้าเป็นสมาชิกของ WTO แล้ว ในปี 2549 เวียดนามยังได้รับฐานะประเทศคู่ค้าปกติถาวร หรือ PNTR (Permanent Normal Trade Relation) จากสหรัฐฯ อีกด้วย ซึ่งเปิดทางให้สินค้าจากเวียดนามเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ได้มากขึ้น
หากปราศจากฐานะ PNTR เวียดนามก็จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ อย่างเท่าเทียมกับสมาชิก WTO อื่นๆ ในตลาดใหญ่สหรัฐฯ และ สหรัฐฯ ก็จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการค้าการลงทุนเป็นการต่างตอบแทนจากเวียดนาม.
.......