หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ภาคอวสาน..เหตุการณ์ที่แนวลาวรักชาติที่ประกาศตนเป็นเอกราช

โดยคุณ : nagnoidar เมื่อวันที่ : 04/11/2006 03:18:14

ขอประกาศ !!!!! ครับ.....ว่าจากนี้ไปภาพประกอบ.. ถึงแม้ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา..แต่โดนใจ..... อยากโพส ......อยากโพส....คร๊าบบบ ? เธอคือ น้อง....พัดสะลิน  แสงสะหว่าง  หรือ ?น้องปูเป้?
Miss Sun silk Super Soft 2005
มาบางกอกตอนต้นปี 2549 ครับ 
(บันทึกและภาพจาก Laoupdate) มาต่อภาคอวสานกันเลย....

 

ฝ่ายแนวลาวอิสระมี พูมี วงวิจิต ซึ่งเคยเป็นเจ้าแขวง ซำเหนือ มาก่อน เป็นหัวหน้าคณะ ส่วนฝ่ายรัฐบาลเวียงจัน มีนายแพทย์ทองดี และพูมี หน่อสวรรค์ (คนนี้คุ้นหูคนไทยดี) และคณะเป็นตัวแทนมาเจรจา ข้อตกลงในการเจรจากันครั้งนั้น หาสาระอะไรไม่ได้ เพราะทางเวียงจันเสนอว่าทางแนวลาวอิสระเป็นฝ่ายกบฏ ต้องยุบกลุ่มเสียก่อนแล้วทางรัฐบาลจะนิรโทษกรรมให้ จากนั้นจึงจะเข้าสู่กระบวนการทางการเมืองปกติได้

ขณะที่ทางพูมี วงวิจิด ก็ยืนยันว่า แนวลาวอิสระที่มีเจ้าสุพานุวงเป็นประธาน (จริงๆ แล้ว ไกรสอนเป็นประธาน เจ้าสุพานุวงเป็นแค่กรรมการลำดับที่ 5 แต่ในขณะนั้นจะชูเจ้าสุพานุวงมากกว่า เพื่อสร้างภาพลักษณ์) เป็นขบวนการที่มีเกียรติ เพราะเป็นผู้ทำสงครามต่อต้านฝรั่งเศสปลดแอกลาวให้พ้นจากการเป็นเมืองขึ้น ไม่ใช่ผู้กระทำผิด การตกลงครั้งนั้นทำได้แค่ออกแถลงการณ์ร่วมด้วยข้อความแบบกว้างๆ ว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมกันสร้าง "สันติภาพ เอกราช ประชาธิปไตย เอกภาพและวัฒนาถาวร" เท่านั้นเอง ?แต่แค่นั้น ทางรัฐบาลที่เวียงจันก็รับไม่ได้ เพราะถือว่าศัพท์พวกนี้เป็นศัพท์ของพวกคอมมิวนิสต์ จึงสั่งปลดนายแพทย์ทองดีจากหัวหน้าคณะเสีย แล้วตั้ง  เพียอุ่นเฮือน นอละสิง เป็นหัวหน้าคณะแทน  ก็เหมือนเดิม ผู้แทนจากฝ่ายรัฐบาลเวียงจันตกลงอะไรไม่ได้เลย เพราะกลัวว่าจะไม่ถูกใจผู้ใหญ่ในรัฐบาล   สุดท้ายก็เลยตกลงกันว่า หากรัฐบาลเวียงจันรับรองความปลอดภัยและจัดหาพาหนะและสถานที่พักรับรองให้ คณะจากแนวลาวอิสระก็จะเป็นฝ่ายเดินทางไปเจรจาที่เวียงจันแทน  ??.ก็เป็นอันตกลงตามนั้น

 

การเจรจาที่เวียงจันไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้ได้เห็น เพราะขณะนั้นแม้ว่าฝรั่งเศสจะออกไปแล้ว แต่ผู้มาใหม่ก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน ด้วยนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ทุกรูปแบบ ทำให้สหรัฐฯ   เลือกที่จะเข้าแทรกแซงอินโดจีนทุกประเทศ  ลาวก็เป็นหนึ่งในนั้น

ดังนั้นท่าทีของรัฐบาลเวียงจันที่นำโดย  กระต่าย โดนสะสโสลิด  จึงเป็นไปอย่างหนักแน่นว่า คณะลาวอิสระหรือลาวต่อต้านของเจ้าสุพานุวง ต้องยอมวางอาวุธ และเข้ากระบวนการนิรโทษกรรมเสียก่อน จึงจะให้ลงเลือกตั้งได้ การเจรจาเป็นไปอย่างยืดเยื้อและไม่มีทีท่าว่าจะจบลงได้ แม้กระทั่งเมื่อเจ้าสุพานุวง ได้เชิญให้กระต่าย เดินทางไปเจรจากันที่ร่างกุ้งเพื่อหาข้อยุติ ก็ไม่สามารถตกลงกันได้อีก แถมยังกดดันให้คณะผู้แทนจากลาวอิสระเดินทางกลับไปซำเหนือ ซึ่งหมายถึงการยุติการเจรจาและเริ่มสู้รบกันใหม่    แต่ทั้งนี้ทางคณะกรรมาธิการสากลได้เจรจากดดันให้รัฐบาลเวียงจันกลับมานั่งโต๊ะเจรจากันอีกครั้ง เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งขึ้นให้ได้

 

ในปี 1956 หลังจากความพยายามเจรจาระหว่างรัฐบาลของกระต่ายกับคณะเจรจาจากซำเหนือไม่ประสบผลสำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว รัฐบาลของกระต่ายก็ประกาศให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.โดยลำพัง ซึ่งได้รับการคัดค้านจากทั้งคณะกรรมาธิการสากล และแนวลาวอิสระ รวมทั้งประชาชนในเวียงจันเองเป็นจำนวนมาก ที่รัฐบาลเวียงจันชิงจัดการเลือกตั้งเองทั้งที่ยังตกลงกันไม่ได้ การเลือกตั้งครั้งนั้น แม้ว่าพวกจากซำเหนือไม่ได้เข้าร่วม แต่ก็ไม่เป็นผลดีต่อกระต่าย โดนสะโสลิดเลย เพราะเขาแพ้เลือกตั้ง ทำให้เจ้าสุวันพูมาได้รับเลือกให้เป็นนากรัฐมนตรีแทน และเพื่อลดแรงกดดันจากนานาชาติ เจ้าสุวันพูมาก็สั่งให้คณะเจรจา ดำเนินการต่อไป

ขณะที่การเจรจายืดเยื้อแบบหาทางลงไม่เจอ เพราะอย่างไรกลุ่มลาวต่อต้านก็ไม่ยอมวางอาวุธ และเข้ากระบวนการนิรโทษกรรม ทางสหรัฐฯจึงเริ่มใช้กำลังแทรกแซง โดยการสนับสนุนให้มีการใช้กำลังทหารเข้าตีที่มั่นของคณะลาวต่อต้านที่แขวงหัวพันและพงสาลี เพื่อหวังว่า หากทั้ง 2 แขวงนี้เพลี่ยงพล้ำทางการทหาร ก็จะทำให้การเจรจาบนโต๊ะง่ายขึ้นด้วย  แต่สหรัฐฯคาดการณ์ผิด??.

ความพยายามของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนรัฐบาลเวียงจันของท้าวกระต่ายให้โจมตีกองกำลังของขบวนการประเทศลาวไม่ประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกันคณะกรรมาธิการสากลกดดันให้รัฐบาลเวียงจันเจรจากับคณะเจรจาของลาวอิสระให้ได้   ท้ายที่สุดแล้วก็ได้ข้อยุติคือ

1. รัฐบาลเวียงจันต้องยุบไปแล้วจัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นมาแทน โดยจะมีผู้ต่างหน้าของลาวอิสระเข้ามาร่วมรัฐบาลเพียง 2 คน คือ เจ้าสุพานุวง และพูมี วงวิจิด

2. เมื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมเรียบร้อยแล้ว ลาวอิสระ จะยุบกองทัพ ส่งอาสาสมัครเวียดนามกลับประเทศ และส่งมอบอาวุธยุทธ์โปกรณ์ คืนให้กับรัฐบาลทั้งหมด

3. เมื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมแล้วลาวอิสระจะคงไว้ซึ่งทหาร 2 กองพันระยะหนึ่ง จนกว่าทหารในส่วนที่เหลือจะสลายตัวและกลับบ้านของตนโดยไม่ถูกลิดรอนสิทธิหรือแก้แค้น

4. เมื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมแล้ว จะยก 2 แขวง คือ หัวพัน และพงสาลี ที่อยู่ในความยึดครองของลาวอิสระให้กับรัฐบาล

ด้วยข้อเสนอนี้ ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันได้และจัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นในปลายปี 1957 นั้นเอง โดยสุพานุวงได้นั่งกระทรวงวางแผนแห่งชาติ ขณะที่.......ท้าวพูมี วงวิจิด นั่งกระทรวงธรรมการและศิลปกรรม กระทรวงเกรด ซี ทั้งคู่เลยนะนั่นหลังจากการตั้งรัฐบาลผสมแล้ว ก็มีการจัดการเลือกตั้งขึ้น ซึ่งผลปรากฏว่าคนจากแนวลาวอิสระเป็นผู้ได้รับเลือก 8 คนเท่ากับฝ่ายรัฐบาลเวียงจัน

แต่กลุ่มเป็นกลาง (ลาวอิสระหนุนอยู่) ดันได้รับเลือกเข้ามาอีก 4 คน ทำให้เสียงจริงๆ ในสภาฯ โน้มเอียงมาทางฝ่ายลาวอิสระมากขึ้น แม้จะยังไม่ใช่ส่วนใหญ่ก็ตาม?.เมื่อเป็นดังนั้น ผุย ชะนะนิกอน จึงเล่นเกมยุบสภาแล้วให้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งเมื่อนับจากเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ ฝ่ายเวียงจันก็ชนะขาดลอย?ได้ตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีผุย ชะนะนิกอน เป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีผู้แทนของแนวลาวอิสระเข้าร่วมแม้แต่คนเดียว..เมื่อสถานการณ์พลิกผันเป็นเช่นนี้ รัฐบาลผสมที่กว่าจะเจรจาตั้งขึ้นมาได้ต้องล้มลงไปเพียงแค่ 6 เดือน พร้อมกับที่ทางลาวอิสระมอบการปกครองและอาวุธของกองทหารให้รัฐบาลไปตั้งเยอะแล้ว ไกรสอน พรหมวิหาร เลขาธิการใหญ่ของแนวลาวอิสระ (จริงๆ ก็คือพรรคคอมมิวนิสต์นั่นแหละ) ต้องเดินทางมาที่เวียงจันเพื่อประเมินสถานการณ์

ข้อสรุปของแนวลาวอิสระต่อสถานการณ์เช่นนี้คือ ให้แบ่งพรรคพวกออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือพวกที่เป็น ส.ส.เช่น พูมี วงวิจิด สีทน กมมะดัน หนูฮัก พูนสะวันฯลฯ พวกนี้ให้ทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาที่เวียงจันต่อไป ?.ขณะที่พวกที่ไม่ใช่ ส.ส.ให้ทยอยหลบหนีออกจากเมืองไปตั้งฐานที่มั่น ณ หัวพัน และพงสาลีเช่นเดิม เพราะคาดว่าจะต้องมีการปราบปรามครั้งใหญ่เกิดขึ้นแน่?ทั้งนี้แนวทางของพวกที่อยู่ในเวียงจันต่อคือ หากมีการกวาดล้างให้ยอมถูกจับกุม เพื่อแสดงให้เห็นถึงการยืนยันต่อสู้เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงเวียงจันเมื่อ 6 เดือนก่อนนี้?และหากเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นเอาเลือดเอาเนื้อกัน ก็ให้ยอมเสียสละชีพเพื่ออุดมการณ์เสียก็แล้วกัน?ใจเด็ดไหมล่ะ!!!!ทั้งหมดยอมตกลงตามนั้น

เหตุการณ์ในเวียงจันเป็นไปตามที่คณะกรรมการของแนวลาวอิสระได้วิเคราะห์ไว้ หลังจากกงานเลี้ยงฉลองรัฐบาลใหม่ที่จัดโดยท่านทูตสหรัฐฯประจำประเทศลาวให้แก่ผู้ร่วม ครม....ของผุย ชะนะนิกอน...แล้ว?แผนการกวาดล้างฝ่ายซ้ายก็เริ่มขึ้นทันที?.คนแรกที่โดนกวาดออกไปคือเจ้าสุพานุวง ซึ่งในฐานะที่ได้รับการยอมรับสูง จึงใช้วิธีส่งไปเป็นทูตประจำประเทศฝรั่งเศส???.