หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


กูรู มะกันชี้ ! " มะกันอยากถล่มโสมแดง แต่กำลังรบในเอเชียสู้โสมแดงไม่ได้ ! "

โดยคุณ : mastermind เมื่อวันที่ : 09/10/2006 21:52:06

ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุชแห่งสหรัฐ

       เอเอฟพี - การที่เกาหลีเหนือประกาศทดลองนิวเคลียร์ วันนี้ (9) ทำให้สหรัฐฯตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ใจหนึ่งก็อยากจะใช้กำลังถล่มโสมแดง แต่รู้ดีว่ากองกำลังของตนอ่อนแอกว่ากองทัพเกาหลีเหนืออยู่หลายขุม อีกทั้งการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์โดยไม่ดูตาม้าตาเรือ อาจสร้างปัญหาใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลุ่มละอองกัมมันตรังสี หรือผู้อพยพจำนวนมหาศาลที่จะไปสร้างปัญหาให้แก่พันธมิตรอเมริกัน ดังเช่น จีน และเกาหลีใต้
       
        คำประกาศทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของรัฐบาลเปียงยาง หากได้รับการยืนยันว่า เป็นจริง ย่อมขจัดความสงสัยที่มีมานาน ว่า ประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้มีการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่ ขณะเดียวกัน ก็ยิ่งทำให้ประเทศอื่นๆ ซึ่งเป็นปรปักษ์กับสหรัฐฯ ปรารถนาจะทำตามเกาหลีเหนือด้วย
       
        คริสโตเฟอร์ ฮิลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งรับผิดชอบงานด้านเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก แถลงเมื่อวันพุธ (4) ที่แล้วว่า เกาหลีเหนือกำลังยั่วยุให้นานาชาติใช้กำลังทางทหารเข้าจัดการ
       
        ดูเหมือนว่า สหรัฐฯก็อยากใช้กำลังปราบปรามเกาหลีเหนือ เพื่อป้องกันไม่ให้บรรดาศัตรูของสหรัฐฯเลียนแบบ
       
        ทว่า นักวิเคราะห์อเมริกัน กลับมองว่า ขีดความสามารถทางการทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ ยังอ่อนแอ
       
        จริงๆ แล้ว สหรัฐฯมีทั้งเรือดำน้ำและเรือรบในแปซิฟิก อีกทั้งยังมีเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ประจำการอยู่ที่เกาะกวม ซึ่งสามารถยิงขีปนาวุธลาดตระเวนเข้าใส่เกาหลีเหนือได้ทันทีที่ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช สั่งการ
       
        พร้อมกันนี้ ยังมีทหารอเมริกันราว 28,000 นาย ประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ ร่วมกับกองทัพเกาหลีใต้อันทรงพลังอีก 670,000 นาย
       
        แต่ปรากฏว่า เกาหลีเหนือมีทั้งกำลังทหารอันแข็งแกร่ง 1,200,000 นาย อาวุธเคมีที่เก็บสะสมไว้ และชุดปืนใหญ่ราว 11,000 ชุด ที่จะสร้างความเสียหายและคร่าชีวิตผู้คนมากมาย ในเกาหลีใต้
       
        ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญบางคน กล่าวว่า ขีปนาวุธพิสัยใกล้และพิสัยกลางของเกาหลีเหนือ อาจติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์แล้ว และจะทำให้ญี่ปุ่นและทหารอเมริกันราว 40,000 นายที่ประจำอยู่ที่นั่น ได้รับอันตราย
       
        ไมเคิล โอแฮนลอน ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารแห่งสถาบันบรูกกิงส์ กล่าวว่า หากสหรัฐฯ ถล่มเกาหลีเหนือ อาจทำให้เกาหลีใต้และจีน เปลี่ยนจากมิตรมาเป็นศัตรูของสหรัฐฯ เพราะทั้งสองประเทศนี้หวาดกลัวเรื่องผู้อพยพนับล้านๆ คน ที่จะทะลักเข้ามาในเขตแดนของตน พอๆ กับ หรือมากกว่าที่หวาดกลัวภัยนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเสียอีก
       
        นอกจากนี้ โรเบิร์ต ไอน์ฮอร์น อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ที่รับผิดชอบงานด้านการไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ กล่าวว่า แม้สหรัฐฯสงสัยว่าเกาหลีเหนือได้เพิ่มสมรรถนะยูเรเนียมพอที่จะทำอาวุธนิวเคลียร์ได้ 10-11 ลูก แต่ก็ไม่รู้ว่าโรงงานแปรรูปยูเรเนียมตั้งอยู่ที่ไหน
       
        บรูซ เบนเนตต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือ แห่งสถาบันแรนด์ คอร์เปอเรชั่น กล่าวว่า สหรัฐฯอาจจะโจมตีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กที่เมืองยองเบียน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นแหล่งป้อนพลูโตเนียมให้แก่เกาหลีเหนือ แต่การโจมตีนี้จะทำให้เกิดกลุ่มเมฆหมอกกัมมันตรังสีฟุ้งกระจายในบริเวณกว้าง
       
        เบนเนตต์ ยังกล่าวว่า สหรัฐฯอาจเล็งโจมตีเตาปฏิกรณ์อีก 2 เตา ในเมืองยองเบียนและแตชอน ที่ใหญ่กว่าเตาข้างต้น แต่ทั้งสองเตานี้ยังสร้างไม่เสร็จ เท่ากับว่า สหรัฐฯป้องกันไม่ให้รัฐบาลเปียงยางผลิตพลูโตเนียมเพิ่มในอนาคต แต่ไม่สามารถทำลายโครงการหรืออาวุธนิวเคลียร์ที่มีอยู่แล้วได้เลย
       
        สำหรับทางเลือกอื่นๆ นั้น สหรัฐฯอาจใช้วิธีปิดช่องทางคมนาคมทางทะเลของเกาหลีเหนือ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการขนส่งวัตถุดิบที่ใช้ในโครงการนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดี โดนัลด์ รัมสเฟลด์ รัฐมนตรีกลาโหม มองว่า ทางเลือกนี้ยังไม่สามารถป้องกันการแพร่กระจายนิวเคลียร์ได้ 100%

Credit : http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9490000125988

 

ส่วนตัว ผมคิดว่า สหรัฐน่าจะส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าไปลอบสังหารจะดีกว่าไหม (ถึงมันจะยากก็เถอะ แต่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด) เพื่อน ๆ สมาชิกคิดว่าไงครับ

มีต่ออีกประเด็น.....(ข้างล่าง)


ญี่ปุ่นอาจคิดมีอาวุธนิวเคลียร์บ้าง

เอเอฟพี - การประกาศของเกาหลีเหนือ วันนี้ (9) ว่า ได้ทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งแรกด้วยความสำเร็จแล้ว น่าจะเป็นแรงผลักดันให้ญี่ปุ่นขยายแสนยานุภาพทางทหารของตน อีกทั้งยังเพิ่มแรงกระตุ้นให้แก่การถกเถียงในหัวข้อซึ่งครั้งหนึ่งถือเป็นเรื่องต้องห้ามสูงสุด นั่นคือ แดนอาทิตย์อุทัยควรจะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเองหรือไม่
       
        การทดลองของโสมแดงบังเกิดขึ้น ขณะที่ญี่ปุ่นก็อยู่ในช่วงเดินหน้าขยายกำลังรบ ภายหลังพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง และถูกสหรัฐฯบังคับให้ประกาศที่จะไม่ใช้สิทธิในการมีกำลังทหาร ผ่านพ้นมาได้ราว 60 ปี
       
        นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ผู้เพิ่งขึ้นรับตำแหน่งมาได้แค่ 2 สัปดาห์นั้น ถือเป็น ?เหยี่ยว? ตัวจริงขนานแท้ในการดำเนินนโยบายต่อเกาหลีเหนือ อีกทั้งเป็นผู้สนับสนุนมายาวนานให้กองทหารญี่ปุ่นมีบทบาทเพิ่มขึ้น เคียงคู่ไปกับพันธมิตรสำคัญที่สุดอย่างสหรัฐฯ
       
        พวกนักวิเคราะห์ต่างคาดหมายกันว่า การทดลองของเกาหลีเหนือคราวนี้ จะเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่จุดยืนของอาเบะ ซึ่งต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่ร่างขึ้นในปี 1947 ขณะญี่ปุ่นยังถูกสหรัฐฯยึดครองภายหลังแพ้สงคราม จึงมีข้อความเน้นความเป็นชาติรักสันติอย่างยิ่ง ทั้งนี้ จุดสำคัญจุดหนึ่งในรัฐธรรมนูญที่นายกฯใหม่ ผู้นี้ อยากให้เปลี่ยนแปลงก็คือ เปิดทางให้กองทหารญี่ปุ่น เข้าไปร่วมการปฏิบัติการในต่างแดน เคียงข้างกับทหารพันธมิตรทั้งหลาย
       
        อันที่จริงแม้ญี่ปุ่นจะเน้นเรื่องรักสันติ อีกทั้งมีสหรัฐฯคอยรับประกันที่จะพิทักษ์คุ้มครอง แต่ในเวลานี้แดนอาทิตย์อุทัยก็มีกำลังทหารประจำการราว 240,000 คน และตั้งงบประมาณทางการทหารในระดับปีละ 4.81 ล้านล้านเยน (41,600 ล้านดอลลาร์)
       
        ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยทางการแล้วจะยังคงรักษาฐานะการเป็นชาติรักสันติ ทว่าจะยอมรับว่าญี่ปุ่นนั้นมีกองทัพ ไม่ต้องเลี่ยงไปเรียกเป็น ?กองกำลังป้องกันตนเอง? เหมือนดังปัจจุบัน
       
        เชื่อกันว่า ญี่ปุ่นมีศักยภาพที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้อย่างไม่ยากเย็น หากตัดสินใจทางการเมืองที่จะทำเช่นนั้น
       
        แต่นั่นย่อมหมายถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงมากทีเดียวสำหรับญี่ปุ่น ซึ่งยังคงเป็นชาติเดียวในโลกที่เคยสูญเสีย เพราะถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และได้รณรงค์เพื่อกำจัดอาวุธปรมาณูมานานปีแล้ว
       
        ทั้งนี้ ประมาณกันว่า มีประชาชนกว่า 210,000 คน เสียชีวิตไปในปี 1945 เมื่อกองทัพสหรัฐฯทิ้งระเบิดปรมาณู ทำให้เมืองฮิโรชิมา และ นางาซากิ พังพินาศย่อยยับ
       
        โยชิโนบุ ยามาโมโต ศาสตราจารย์ด้านการเมืองระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยอาโอยามะ กาคุอิน ชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออก จะเกิดการแข่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อใช้เป็นไม้เด็ดในการป้องปรามซึ่งกันและกัน
       
        ?ถึงแม้ขีปนาวุธของโสมแดงยิงไปไม่ถึงสหรัฐฯ แต่มันสามารถเล็งใส่และทำลายญี่ปุ่นได้อย่างสบาย? เขาชี้
       
        อดีตนายกรัฐมนตรี เอซากุ ซาโตะ ได้เคยเสนอเมื่อทศวรรษ 1960 ให้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ตอนที่จีนได้สร้างระเบิดนุกขึ้นมา ทว่าจุดยืนของเขาถูกบอกปัดจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้แผ่ร่มป้องกันนิวเคลียร์ให้แก่แดนอาทิตย์อุทัย
       
        เมื่อเร็วๆ นี้เอง นิตยสารฉบับหนึ่งที่ออกในปีนี้ได้อ้างว่า รัฐมนตรีต่างประเทศ ทาโร อาโซะ กำลังบอกกับรองประธานาธิบดี ดิก เชนีย์ ของสหรัฐฯ ว่า ญี่ปุ่นอาจจำเป็นต้องมีอาวุธนิวเคลียร์ หากเกาหลีเหนือเดินหน้าโครงการนุก ถึงแม้พวกผู้ช่วยของอาโซะพากันออกมาปฏิเสธรายงานข่าวนี้กันยกใหญ่

Credit : http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9490000125984

มีต่อ...สำคัญ (เหมือนกัน)


คิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ

 

เอเอฟพี - คิมจองอิล ผู้นำเกาหลีเหนือ วัย 64 ปี อาจมีภาพลักษณ์ที่น่าขบขันในสายตาของผู้คน ด้วยฝีมือของนักวาดการ์ตูนล้อเลียนชาติตะวันตก แต่ในมุมมองของบรรดาผู้เชี่ยวชาญแล้ว เขาเป็นผู้นำทางการเมืองที่ฉลาดสุขุม และไร้ความปรานี พร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นกุญแจสำคัญเพื่อความอยู่รอดแห่งระบอบการปกครองของเขาเอง
       
       ?คิมจองอิลไม่ใช่คนบ้าระห่ำ หรือเป็นคนที่ชอบตบตาใคร? ไมเคิล บรีน นักวิจารณ์และนักเขียนเกี่ยวกับเกาหลีเหนือกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี พร้อมเสริมว่า ?คิมได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมมากเพียงใด?
       
       นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า การตัดสินใจทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือครั้งนี้ อาจมีจุดประสงค์เพื่อดึงสหรัฐฯให้หันกลับมาเจรจากันโดยตรง และต้องการให้แดนอินทรีผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินมากกว่า ถึงแม้ว่านักวิเคราะห์อื่นๆ จะเชื่อว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยขับเคลื่อนภายในเกาหลีเหนือเองก็ตาม
       
       ?มีความเป็นไปได้ที่ปัญหาทุพภิกขภัยอาจกลับมาอีกในฤดูหนาวนี้ ถ้าหากเกาหลีเหนือไม่หาทางรักษาความช่วยเหลือจากนานาชาติไว้ ด้วยเหตุนี้ การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์จึงอาจเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยปลุกเร้าผู้คนในยามที่ต้องรัดเข็มขัดการใช้จ่าย? ปีเตอร์ เบ็ค นักวิเคราะห์จากอินเตอร์เนชั่นแนล ไครซิส กรุ๊ป กล่าว
       
       ?ภาพลักษณ์ของคิมที่ปรากฏในสายตาชาวโลก เขาอาจดูเป็นเพลย์บอยนิสัยประหลาด แต่แท้ที่จริงแล้ว คิมเป็นผู้นำที่มีความเฉลียวฉลาดในเชิงการเมืองเป็นอย่างมาก? บรีน เสริม
       
       ภาพลักษณ์ที่ปรากฏในสายตาของชาวเกาหลีเหนือเองก็เช่นกัน คิม คือ ผู้นำที่มีความฉลาดเฉียบแหลม โดยอาศัยการโฆษณาชวนเชื่อที่เน้นลัทธิบูชาบุคคล คิมยังคงได้รับการบูชาเป็นที่ยอมรับนับถือจากประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ แม้ว่าโสมแดงจะตกอยู่ในภาวะยากลำบากเป็นเวลาหลายสิบปี อีกทั้งเกิดปัญหาอดอยากไปทั่วในช่วงกลางทศวรรษ 1990 ซึ่งทำให้มีคนจำนวนนับแสนนับล้านต้องตายไป
       
       ?สำหรับชาวเกาหลีเหนือ คิมเป็นบุคคลที่เป็นเสมือนพระเจ้า? ยูซุครูล ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือจากกรุงโซล กล่าว ?สิ่งที่คิมต้องการก็คือสิ่งที่เกาหลีเหนือจะต้องได้?
       
       จากคำบอกเล่าของผู้ที่เอาใจออกหากจากผู้นำเกาหลีเหนือ สิ่งที่ผู้นำโสมแดงรายนี้ต้องการก็คือ ขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่สามารถนำมาสู้กับสหรัฐฯได้ เพื่อที่สหรัฐฯจะได้เลิกเข้ามายุ่งเกี่ยวแทรกแซงระบอบการปกครองของเกาหลีเหนืออีก
       
       ?ผมไม่คิดว่า คิมจะยอมแพ้เรื่องอาวุธนิวเคลียร์ง่ายๆ? บรีนเสริม
       
       คิม ผู้นำเกาหลีเหนือร่างเล็ก ที่ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐฯ เคยตั้งฉายาให้ว่า ?ปิ๊กมี่? เป็นบุตรชายคนโตของคิมอิลซุง ผู้สถาปนาประเทศเกาหลีเหนือ
       
       โสมแดงได้ใช้ลัทธิบูชาบุคคลมาโฆษณาชวนเชื่อ เปลี่ยนสถานะให้คิมพ่อลูกกลายเป็นบุคคลเหนือมนุษย์เพื่อครองใจประชาชน อาทิ ตามข้อมูลของกรุงเปียงยาง ขณะที่คิมจองอิลได้ลืมตาดูโลกในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 1942 ดาวดวงหนึ่งส่องแสงสุกสว่าง และมีสายรุ้ง 2 ตัวปรากฏเหนือสถานที่เกิด บริเวณภูเขาเป๊กดูอันศักดิ์สิทธิ์ในเกาหลี
       
       อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญอิสระจำนวนมาก ชี้ว่า แท้จริงแล้ว คิมเกิดในค่ายกองจรยุทธ์ในรัสเซีย ใกล้เมืองฮาบาโรว์สค์ ซึ่งพ่อของเขากำลังประจำการอยู่ที่นั่น เพื่อสู้รบกับกองทัพญี่ปุ่นที่เข้ามายึดครองคาบสมุทรเกาหลี
       
       ภายหลังจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยคิมอิลซุง ในปี 1964 คิมเริ่มไต่เต้าสู่ตำแหน่งผู้นำจากการเข้าร่วมกับพรรคคนงานเกาหลี และก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำพรรคในปี 1994 ภายหลังจากการเสียชีวิตของคิมผู้พ่อเป็นเวลา 3 ปี

Credit : http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9490000126000

แหล่งข่าวนี้น่าคิดนะครับ เรื่องที่ว่า จอง อิล กุข่าวเทสนุค ขึ้นมาหรือเปล่า ???


---- จบข่าว ----