อ่านข้อมูลจากเพจ AAG_th บันทึกประจำวัน
ข่าวมีอยู่ว่า หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งกองทัพเรือไทยอาจจะอยู่ระหว่างการจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะปานกลางอัตตาจร FK-3 จากจีน
เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๒(2019) สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ(Naval Acquisition Management Office) ได้ออกเอกสารประกาศราคากลางสำหรับโครงการจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศระยะปานกลางแบบเคลื่อนที่(Mobile Medium-Range Surface-to-Air Missile) ระยะที่๑
วงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ๑,๙๗๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($63,982,850) แหล่งที่มาของราคากลาง(ราคาอ้างอิง) ได้มาจากการสืบราคาจากท้องตลาด(https://aagth1.blogspot.com/2019/08/blog-post_8.html) ตามการจัดกำลังใหม่ที่แต่ละ กรม สอ.จะมีหน่วยขึ้นตรงสอง พัน.สอ. คือ กรม สอ.๑ มีหน่วยขึ้นตรง พัน.สอ.๑๑ และกองพันต่อสู้อากาศยานที่๑๒ และกรมต่อสู้อากาศยานที่๒ มี กองพันต่อสู้อากาศยานที่๒๑ และกองพันต่อสู้อากาศยานที่๒๒ รวมแล้ว ๒กรม สอ.จะมีความต้องการทั้งสิ้น ๔ระบบ(https://aagth1.blogspot.com/2018/10/blog-post_29.html)
อ้างอิงจากเพจ : http://aagth1.blogspot.com/2020/09/fk-3.html
แต่ Facebook ในเพจกลุ่ม ThaiArmedForce.com Main Discussion Group มีคนบอกว่า "เพจ AAG ไม่ใช่ทหารครับ เขาแค่คาดเดา" คือ เพจAAG_thคาดเดาไปเองว่าจะจัดหา 4 ระบบ และ เพจAAG_thได้เอาข้อมูลมาจากคนที่โพสอีกที ตามรูปคะ ตอนนี้สับสนมากๆกับข่าวคะ ว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ
อยากถามว่ากองทัพเรือจะจัดหา ระบบป้องกันภัยทางอากาศ FK-3 จำนวน 4 ระบบ จริงหรือป่าวคะ
ขอเรียนชี้แจงดังนั้นครับ ตามอัตราจัด หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือไทย ในนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ที่เอกสารถูกลบไปแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2018/10/blog-post_29.html)
ส่วนของกรมต่อสู้อากาศยานจะมีอยู่สองกรมคือ กรมต่อสู้อากาศยานที่๑ สอ.๑ มีหน่วยขึ้นตรงคือ กองพันต่อสู้อากาศยานที่๑๑ และกองพันต่อสู้อากาศยานที่๑๒ กับ กรมต่อสู้อากาศยานที่๒ มีหน่วยขึ้นตรงคือ กองพันต่อสู้อากาศยานที่๒๑ และกองพันต่อสู้อากาศยานที่๒๒
โดยในโครงการจัดซื้ออาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศระยะปานกลางแบบเคลื่อนที่(Mobile Medium-Range Surface-to-Air Missile) ระยะที่๑ วงเงิน๑,๙๗๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($63,982,850) นั้น(https://aagth1.blogspot.com/2019/08/blog-post_8.html)(http://www.supplyonline.navy.mi.th/pdf2/37781.pdf)
จากภาพในนิทรรศการวันแลกแปลี่ยนความรู้ ประจำปี พ.ศ.๒๕๖๓ ของ พัน.สอ.๑๑ สอ.๑ ที่มีภาพระบบ FK-3 SAM จีนปรากฎ จึงทำให้เข้าใจว่าการจัดระยะที่๑ วงเงินเท่านี้น่าจะเป็นหนึ่งระบบสำหรับหนึ่งกองพัน ก็น่าจะคาดได้ว่ายังมีอีกสามกองพันต่อสู้อากาศยานที่น่าจะมีโครงการจัดหาในระยะต่อไป
แต่ทั้งนี้การจัดหาจริงๆอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ เพราะมีหลายตัวอย่างในอดีตมาแล้ว อย่างเช่นการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ลำเลียง ฮ.ลล.๕ Sikorsky MH-60S จำนวน ๒เครื่อง ของกองการบินทหารเรือ ที่จริงมี กบร.ความต้องการรวม ๔เครื่อง แต่นำเข้าประจำการจริง ๒เครื่องเท่านั้นครับ
(เรื่องพวกนี้เปลี่ยนแปลงได้ตลอดปีหนึ่งมีข้อมูลออกมาอย่างหนึ่ง แต่พออีกปีการดำเนินการจริงเป็นอีกอย่างที่ต่างไป)
แล้วก็อีกแล้วหรือ? นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สมาชิกใน Facebook Group ดังกล่าวได้อ้างว่า Blog ของผู้เขียนลอกข้อมูลจากพวกเขา
ว่ากันตรงๆนะ Page Group Facebook นี้ไม่ค่อยให้แหล่งที่มาเดิม ถ้ามาจาก website ทางการของกองทัพหรือหน่วยงานราชการ
โดยมากพวกเขามักจะจับภาพหน้าจอ Print Screen Save เป็นรูป .JPEG มาลงกลุ่ม ที่มาดั้งเดิมจริงตรงๆ แล้วมักกล่าวว่าบทความทางทหารของไทยเกือบทุกอย่างมาจากตนเองที่ถูกนำมาวนไปมาแบบงูกินหาง
ขณะที่ Blog ผู้เขียนให้แหล่งที่มาดั้งเดิมโดยตรงทั้งหมดเช่นในกรณี สอ.รฝ.ทร.อาจจะกำลังอยู่ระหว่างการจัดหา FK-3 จีน(https://aagth1.blogspot.com/2020/09/fk-3.html) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๓
ผู้เขียนได้ไปค้นใน Page Facebook ของ สอ.รฝ.(https://www.facebook.com/acdc.navy/) ที่ลงไว้เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๖๓ ถึงเจอทั้งรูปและวิดีทัศน์ของงานนิทศรรการที่มีภาพและคู่มือ FK-3 ดังกล่าว
แต่ท่านสามารถกลับไปดูใน Facebook Group นั้นที่ลงเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๓ ได้ว่า ไม่ได้ให้แหล่งที่ดั้งเดิมจาก Page ของ สอ.รฝ.เลย
ก่อนหน้านี้เวลาผู้เขียนได้ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธยุทโธปกรณ์จากประกาศของหน่วยงานราชการ เช่น
กองจัดหากรมสรรพาวุธทหารบก กองทัพบก https://www.procureordrta.com/
กรมการขนส่งทหารบก กองทัพบก https://matulee.rta.mi.th/web/
ศูนย์ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างและราคากลางกองทัพเรือ http://www.supplyonline.navy.mi.th/
กรมช่างอากาศ กองทัพอากาศ http://www.dae.rtaf.mi.th/
กรมขนส่งทหารอากาศ กองทัพอากาศ http://trans.rtaf.mi.th/
ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ กรมบัญชีกลาง http://www.gprocurement.go.th/new_index.html
เวลานำข้อมูลเขียนลงบทความใน Blog ผู้เขียนต้องไปค้นเพื่อนำเอา Link ที่มาดั้งเดิมของการจัดหาหรือ File .PDF มาประกอบอ้างอิงเสมอ
แต่อย่างที่กล่าวกลุ่มนี้เวลาเขียนอะไรไม่ค่อยให้แหล่งที่มาดั้งเดิมจริงๆ ส่วนมาก Capture หน้าจอเท่านั้นตามที่กล่าวไป
ว่ากันตรงๆคือ ถ้าพวกเขาคิดว่าการมี Website หรือ Facebook ของตนจะเป็นช่องทางให้ผู้อื่นมาลอกบทความของตนเอง ก็น่าจะทำเป็น Web หรือ Group ปิด ที่ดูได้เฉพาะสมาชิกที่เลือกไว้แล้วเท่านั้นไม่ดีกว่าหรือ
แต่ที่ผ่านมาผู้เขียนไม่อยากจะใช้ช่องทางใน Facebook ชี้แจงครับ เพราะผู้เขียนไม่มีบัญชีและไม่คิดจะสมัครใช้บริการใดๆของ Facebook ที่มีผู้ไม่ประสงค์ดีแจ้ง Block Blog ของผู้เขียนทั้งที่ไม่มีความผิด และผู้เขียนไม่ได้โดนแบบนี้รายเดียวเสียด้วย(ฉันเกลียด Mark Zuckerberg!)
อีกกรณีที่ Blog ของผู้เขียนถูก Facebook Group ดังกล่าวอ้างว่าลอกข้อมูลมาจากพวกเขาก่อนหน้านี้ไม่นานคือ
กองทัพเรือไทยจะซื้อปืนกล MSI 30mm ติดตั้งบนเรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำชุดเรือหลวงคำรณสินธุ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๓(https://aagth1.blogspot.com/2020/04/msi-30mm.html)
Page และ Group Facebook Group ดังกล่าวในช่วงเดือนเมษายนมีการพูดคุยเรื่อง ซื้อระบบอาวุธปืนกล ๓๐ มม. ตราอักษร MSI พร้อมติดตั้ง จำนวน ๓ ระบบ ของกองทัพเรือ โดยจับภาพหน้าจอเอกสารประกาศมาลง แล้วก็มีการคุยกันว่าจะนำมาติดกับเรืออะไร
แต่ผู้เขียนไปพบเอกสารศูนย์ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างและราคากลางกองทัพเรือไทยระบุชัดเจนว่าเป็นอาวุธปืนรองสำหรับเรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำชุดเรือหลวงคำรณสินธุ ทดแทนปืน Breda 30mm แท่นคู่เดิม วงเงิน ๑๗๐,๑๑๑,๓๕๘บาท($5,242,503)
(http://www.supplyonline.navy.mi.th/pdf2/42276.pdf, http://www.supplyonline.navy.mi.th/pdf4/42276.pdf)
ว่ากันตรงๆผู้เขียนไม่ค่อยสบายใจนัก ที่สมาชิกบางรายในกลุ่มดังกล่าวมักจะอ้างว่า ข่าวในวงการทหารของไทยส่วนใหญ่มีที่มาจากพวกเขา พวกเขาคือของจริงที่ถูกต้องและเป็นทางการ อย่าไปเชื่อ Page หรือ Blog ส่วนตัวของใครก็ไม่รู้ จงเชื่อแต่พวกเขา อะไรทำนองนั้นครับ
ขอเพิ่มเติมอีกส่วนครับ บทความ กองทัพบกไทยรับมอบยานเกราะล้อยาง VN1 ระยะที่๒ และรถถังหลัก VT4 ชุดสุดท้ายจากจีน(https://aagth1.blogspot.com/2020/09/vn1-vt4.html) นี้ผู้เขียนนำภาพสามภาพมาจาก Page Facebook ดังกล่าว(https://www.facebook.com/thaiarmedforce)
โดยข้อมูลข่าวอื่นหลักๆมาจาก post ของ บก.สมพงษ์ ผู้จัดทำนิตยสารสมรภูมิ(https://www.facebook.com/sompong.nondhasa/posts/2680020695434358) รวมถึงวีดิทัศน์สารคดีข่าวกองทัพของ CCTV สาธารณรัฐประชาชนจีน
ผู้เขียนจะพยายามให้แหล่งที่มาดั้งเดิมตลอดยกเว้นแต่ว่าไม่สามารถหาได้จริงๆ เช่นต้นทางลบออกไปแล้ว ในกรณีของ Page Group Facebook ที่อ้างว่า Blog ผู้เขียนไปลอกข้อมูลพวกเขา ผู้เขียนจะขอพยายามเลี่ยงใช้ภาพและที่มาดั้งเดิมของพวกเขาให้มากที่สุดครับ
Webmaster นี้เชื่อถือ AAG_th ครับ ดูจากคะแนนความน่าเชื่อถือ มี 2 คะแนนครับ ^^
กระจ่างชัดเลยคะ ขอบคุณ AAG_th1 และ Webmaster ด้วยคะ ^_^
ทั้งเว็บและเพจของ TFC ไม่มีจุดประสงค์ในการแสดงความคิดเห็นเพื่อโจมตี เว็บหรือเพจอื่นๆครับ/Admin