เป็นที่ทราบว่า รถสายพานลำเลียงพลหุ้มเกราะ เอ็ม-113 เป็นม้าใช้มาตั้งแต่ยุค 60 ผ่านร้อนหนาวพอสมควร ในยุคที่อเมริกาประจันหน้ากับโซเวียตอย่างเข้มข้น เอพีซี เอ็ม-113 ของหน่วยแนวหน้า ก็ถูกทดแทนด้วย เอฟไอวี เอ็ม-2 แบรดลี่ย์ ซึ่งมีเกราะป้องกันตัวที่ดีกว่า มีอาวุธปืนที่มีอำนาจการยิงสูงกว่า ....................... แต่ใช่ว่า แบรดลี่ย์ จะดีพร้อมไปหมด เกราะป้องกันที่หนา และอำนาจการยิงของป้อมปืนใหญ่ ก็ถูกแลกด้วยปริมาตรที่สูญเสียไปสำหรับการขนส่งทหารราบ ................. เราจะสังเกตได้ว่า ในสงครามอิรัคครั้งแรก เอ็ม-113 ยังคงเคียงคู่ แบรดลี่ย์ และ เอ็ม-1 ออกตะลุยสงคราม ในฐานะยานเกราะบรรทุกทหารราบแท้ๆ .............. แต่เนื่องจากเอ็ม-113 มีเกราะที่บาง ความอยู่รอดจึงค่อนข้างต่ำ ..... แม้จะโมด้วยวิธีต่างๆ เสริมโน่นพอกนี่ แปะนั่นเข้าไป แต่อาการเวลาโดนอาร์พีจี เกินกว่าจะเยียวยา ในสงครามอิรัคครั้งที่สองจวบถึงสงคราอัฟกานิสถาน มะกันจึงขัดตาทับด้วยการส่ง เอ็มแรป (เอ็มอาร์เอพี) ยานยนต์ล้อยางบรรทุกทหารราบ เข้าไปทดแทน...... เอ็มแรป ไม่ได้มีดีแค่ระวางบรรทุกและเกราะป้องกัน แต่ตัวถังยังถูกออกแบบให้เป็น วีเชพ เพิ่มความอยู่รอดจากแรงอัดระเบิดแสวงเครื่องอีกด้วย ............. หากเพื่อนๆ เสริชในยูทู้ป โดยพิมพ์คำว่า แบตทั่ลเลี่ยน, คาวาลรี่ รีจิเมนต์ ซึ่งจะได้เจอหน่วยทหารม้าต่างๆของมะกัน บางหน่วยจะเป็นม้ารถถังประกอบด้วย เอ็ม-1 และ แบรดลี่ย์ (กองพันรถถังของเขาจะเป็นแบบผสม เป็นรถถัง/ไอเอฟวี 1 ร้อยถ./ 2 ร้อย ยก. หรือแบบ 2 ร้อยถ./ 1 ร้อย ยก. ) บางหน่วยจะเป็นม้ายานเกราะ(ล้อยาง) กองพัน สไตรเก้อร์ 8 x 8 และบางหน่วยก็จะเป็น เอ็มแรป ซึ่ง โอกาสจะได้เห็น เอ็ม-113 ถูกจัดเป็นยานหลักในกองพันของมะกัน คงไม่มีให้เห็นอีกแล้ว..............
สงครามตะวันออกกลางเริ่มซาลง ............ มะกัน เริ่มเห็นว่า เอ็มแรป ซึ่งแต่เดิมมัน เจ๋งมากในสงครามกองโจรตะวันออกกลาง แต่สำหรับภัยคุกคามอื่น มันไม่เหมาะในการใช้งานเสียทีเดียว ข้อเสียได้แก่ มันขับคลื่อนด้วยล้อ จำนวน 4x4 (บางรุ่น 6x6) มิหนำซ้ำ การถูกออกแบบเพื่อป้องกันแรงระเบิดแสวงเครื่อง ทำให้รูปทรงของมัน ดูเทอะทะ “โตงเตง” และอุ้ยอ้าย การลุยพื้นที่ธุระกันดาน หรือในสนามรบเต็มรูปแบบคงเป็นไปลำบาก
แอ่นแอนแอ๊น........... และแล้วก็มาถึงการกลับมาของ เอ็ม-113 ................ เดิมนั้น ผมเคยได้ยินโครงการ เอเอ็มพีวี ( อาร์เมอเหรด มัลติ ปัวโป๊ส วิหิเคิ่ล ) ของมะกันอยู่บ้าง บางข่าวบอกว่าจะออกแบบใหม่ ผมหล่ะ วาดภาพหน้าตา มันคงจะมโหรีมะลักกั่ก อวบอ้วนหนังหนา ไซส์คงไม่น้อยไปกว่า เอๆวี-7ไปถึงนั่น ...... เพราะถ้าเน้นปริมาตรบรรจุ และความอยู่รอดแบบหนาเตอะเป็นหนังกระทิงหนังแรดหล่ะก็ จะมา อรชร อ้อนแอ้น เหมือน ป้า เอ็ม-113 คงเป็นไปได้ยาก................. จนได้ยินว่า จะปรับปรุง เอ็ม-113 ซึ่งถ้าออกรูปนี้ คงต้องโป๊ะหน้า พอกสีข้าง กันอีกอักโข ซึ่งคงทำให้ปริมาตรภายในหายไปเยอะ เผลอๆจะนั่งกันได้ไม่กี่คน ..................... ซึ่งที่สุดก็มาถึงบางอ้อ เอนด์อัพ ลงเอยกันที่หน้าตาแบบว่า ถอดของป้า เอ็ม-113 มาเด๊ะ แต่ทรวดทรงองเอว และขนาดไซส์ เรียกว่า บ่ะละฮึ่ม กว่าของป้าเป็นไหนๆ..................
มะกัน ออร์เดอร์ ไปสามพันคัน ............... ซ้อมรบ คอบร้าโกลด์ ปีต่อไป เราคงได้เห็น เอเอ็มพีวี มาป้วนเปี้ยนแถวสัตหีบ ให้ขุนพลของไทย น้ำลายไหลเล่น ............ อ่านวิกิ บอกว่า แต่เดิมตั้งราคาโครงการไว้คันละ ล้านยูเอส เอาเข้าจริง ปาเข้าไปเกือบ สามล้าน โห............ราคาพอๆกับรถถังหลัก คงได้แต่กลืนน้ำลายไปพลางๆก็แล้วกันนะจ๊ะ
เปรียบเทียบไซส์ และสัดส่วน ระหว่าง ป้า เอ็ม-113 ในวัย 45 และ หลานสาว วัยกระเตาะ
เอ็มแร้ป ทั้ง 4คูณ4 และ 6คูณ6 โดยเฉพาะตัว 6คูณ6 นี่ นางเอกเลย ในภารกิจ กวาดล้าง ของเหล่าทหารม้ามะกันเค้า......... ในคลิบ ขนาดเสริมเกราะหนาเตอะ ไม่วายโดน อาร์พีจี-7 เป่าระยะเผาขน
สภาพ เอ็มเร็พ 6x6 โดนระเบิดเดี้ยง เหมือน เอ็มเร็พตัวนี้เคยเสนอขายให้ไทยหรือเปล่า ชื่อคูการ์ แต่สุดท้ายเราไปแต่งกับ รีว่า สะฉิบ........
ใหญ่ขนาดนั้น จะไม่กลายเป็นเป้าหรือครับ
อีกประการ หากนำไปใช้ในที่โล่งกว้างแบบในทะเลทรายอิรัก ก็อาจจะเหมาะสม แต่ถ้าเอามาวิ่งในป่า ในตัวเมืองจะไม่มีปัญหาความคล่องตัวหรือครับ
กำลังหากราฟฝิค เปรียบเทียบกับ เอ็ม-2/3 อยู่ครับ ว่าไผใหญ่กว่าไผ ............ แต่ดูแล้ว หนังหนิ อย่างแร่ดเลยครับ กรงเล็บหรือเขี้ยวถ้าไม่คมจริงแข็งแรงจริงคงทะลุผิวเข้าไปโดนเนื้อยาก............... แต่เห็นฝา แฮทช แล้ว อดนึกถึง เอ็ม-2/3 ไม่ได้ หน้าตาละม้ายมาก
เทียบกับ ป้า เอ็ม-113 ........... เกราะอลูมิเนียม ซึ่งเป็นหนังแท้ๆขอองป้า บางมาก ขีดความสามารถใช้ป้องกันอาวุธปืนเล็กถึงปืนกลเบา รวมถึงสะเก็ดลูกปืนใหญ่ที่ไม่แจ็คผ็อทจังเบอร์นัก สำหรับปืนกล 0.5 ลูกเจาะเกราะ เหมือนว่าจะทะลุผ่านได้ด้วย................ ในความรู้สึกของผม เอ็ม-113 (และ ไทป์-85) จะเหมาะในการรุกเข้าตีคืบหน้าไปกับรถถังแบบบุกตะลุย คือจุดประสงค์เพื่อป้องกันทหารราบปลอดภัยจากลูกปืนเล็กและสะเก็ดระเบิด ก่อนจะถึงระยะปล่อยทหารทั้งหมดลงรบด้วยเท้า ............... ในขณะที่การรบแบบกวาดล้าง ( ลำดับการรบ - ตี ขยายผล กวาดล้าง สถาปนา ) จะต้องเผชิญกับการรบนอกแบบ ทั้งการถูกลอบโจมตีด้วยอาวุธยิงและกับระเบิด ว่าไปก็เหมือนกึ่งๆจะเป็นเป้านิ่ง ดังนั้นจะเห็นว่าวัตถุประสงค์เริ่มแรก ระหว่าง เอพีซี และ เอเอ็มพีวี จะต่างกัน ดังนั้นคุณลักษณะจึงต้องต่างกันด้วย ............
มีหลายสำนัก พยายามจะยกระดับ เอ็ม-113 แต่คาดว่า แม้จะจัดหนักขนาดไหน คงยังไม่เป็นที่ถูกอกถูกใจคุณนายผู้ว่าท่าน............. ว่าไปแล้ว ลักษณะการรบแบบกวาดล้างนี่จะน่ากลัวที่สุดนะครับ เมื่อก่อนเห็นมะกันใช้ยานเกราะล้อยางในภารกิจกวาดล้าง โดยเฉพาะอเมริกันคอหนัง จะใช้ แอลเอวี-25 ....ซึ่งถ้าว่ากันตามคุณลักษณะแล้วไม่น่าจะเหมาะสม ซึ่งจริงแล้วมันจะเหมาะมากในการรบแบบออมกำลัง หรือแบบลาดตะเวณ หรือมิเช่นนั้นก็ควรเป็นการรบกึ่งระหว่าง ขยายผลและกวาดล้าง คืออย่างน้อยยังมีข้าศึกตั้งบังเก้อให้เห็นเป็นตัวตน........... ส่วนประเภทที่แอบตามซอกตึกหลบในบ้านอันนี้น่ากลัว เผลอแผล่บ พวกกดระเบิดถังแก้ซบึ้ม รถกระจุย เหมือนที่ วี-150 ของเราเคยพลาดมาแล้ว ........ นั่นแหล่ะครับ การรบแบบกวาดล้าง ที่สุดของเราก็จบที่ เอ็มแร้ป รีว่า ออกปฏิบัติภารกิจสลับกันกับ ปิ๊กอัพเอ็กซตร้าแค่บ ซึ่งหุ็มเกราะหนาประมาณ 1 มิลลิเมตร..................
อ่าว.............โม้เยอะไปหน่อย ลืมภาพ ป้า เอ็ม-113 เรย ................... สรุปคือ เอ็ม-113 ก็ยังทำงานได้ดีในฐานะ เอพีซี ยานเกราะ(บางๆ)นำทหารราบเข้าสู่สนามรบสำหรับประเทศที่มีเบี้ยน้อยหอยน้อย ส่วนประเทศไหนที่หอยใหญ่ เอ้ย..... เบี้ยใหญ่ ก็จัด ไอเอฟวี เข้าประจำการ เพราะนอกจาก ขนทหารเข้าสนามรบได้ปลอดภัยขึ้น เพราะหนังหนา เกราะหนากว่า เอพีซีมาก(ๆ) ก็ยังมีปืนใหญ่ อำนาจการยิงสูงอีกเสียด้วย .............. สยามของเรา เบี้ยน้อย ก็ต้องเป็น เอ็ม-113 และ ไทป์-85 ต่อไปครับ.................
มะกัน จะใช้ เอ็มแร็ป และ เอเอ็มพีวี ในภารกิจ รบแบบกวาดล้าง............... ส่วนของไทยเรา ก็มีหลายรุ่นครับ ทั้งเอ็มแร็ป และ รถหุ้มเกราะหนา 1 มม. ตามภาพด้านล่าง
โดยส่วนตัว ยังชอบM113ครับป๋ากบ โดยเฉพาะรุ่นหลานอย่างAIFV หรือ ACV-19 (ของตุรกี)
อย่างน้อยๆ ในภารกิจลาดตระเวณ หรือ ตรวจการณ์หน้า ควรจะว่ายน้ำได้ และมองเห็นยากๆหน่อย