กล่าวถึงจรวดต่อสู้รถถังขนาดเบา ประเภทพกพา ถ้าไม่นำวิถีก็ได้แก่ เอ็ม-72 หรือที่ใหม่กว่า เช่น เอที-4 ใหญ่ขึ้นมาอีกก็เป็น คาวลกุสตัฟ ภ้าเป็นของ โซเวียต/รัสเซีย ก็ บี-40(อาร์พีจี-2) อาร์พีจี-7 ,26 ,32
ในส่วนนำวิถี ที่ดังมาเนิ่นนานก็คงเป็น เอ็ม-47 ดราก้อนของอเมริกา ยังมีใช้งานใน ทบ.และ นย.ไทย ระบบนำวิถีแบบตามแนวเล็ง/เส้นลวด เหมือนกับโทว์ ......... สิ่งที่เป็นจุดเด่นคือ เวลาโคจรจะมีเสียงคล้ายจุดประทัดลูกบอล ตามไป ปังๆๆๆๆ ข้าศึกฟังแล้วน่าจะตกใจ.............
ปัจจุบัน อเมริกาปลดการดราก้อน และประจำการด้วยจรวดใหม่กว่าแบบ เจฟเฟลิน เป็นแบบนำวิถีด้วยอินฟารเด พลยิงเล็งและโปรแกรมให้จรวดจำเป้าหมาย ยิงแล้วก็จร จึงเป็นลักษณะยิงแล้วลืม................ สิ่งที่สำคัญและข้อได้เปรียบอีกประการของ เจฟเฟลิน คือ หลังจากยิง มันจะแหงนหน้าท่าจงอางฉกเหมือนมิก-29 เหินหาวขึ้นสู่ด้านบน โคจรแล้วทิ้งดิ่งลงสู่เป้าหมาย ดังนั้นจุดอิมแผ็ค เป้าหมายจึงเป็นส่วนบนหรือหลังคา ซึ่งถ้าเป็นรถถังจะเป็นส่วนที่เกราะบางที่สุด............... เอ่อ.........ก็ฉลาดไปอีกแบบ ว่าไปแล้ว ฮิ้วจ์ กับเรถิออน น่าจะร่วมมือออกแบบจรวดนำวิถีตามเสียงแสบๆเกิน 160 เดสิเบว เนาะ หัวรบไม่ต้องมาก ทีเอ็นที ครึ่งกิโลพอ จะเชียร์ให้ สนง.ตร.แห่งชาติซื้อประจำการ เวลาจับแว้น หรือพวกแต่งท่อ ประทับบ่ายิงตามท้ายเข้าท่อไปเลย ระเบิดตูมพอให้ล้อท้ายยก หกคะเมนตีลังกาตกถนน ตัยฮาร์ตัยเฮวว์ไป เนาะ....................
เจฟเฟลิน มันยอดจริงๆ
ดราก้อน
อันนี้ของ นย. ระยะยิงแปดร้อย............ ยิงลูกที่สิบ ลูกสุดท้าย........นะครับ
อันนี้ อาร์พีจี-30 ........... ฟังภาษารัสเซียไม่ออก แต่เห็นกราฟฝิค น่าจะพอเข้าใจ.................... ใครที่พิศมัย ระบบป้องกันแบบฮาร์คิวล์ ต้องดูนี่นะครับ................ ระบบฮาร์ดคิวล์ แพงระยับ วิธีแก้ โคตรง่าย ........... มีสับขาหลอก เหมือนฟรีคิค นอกเขตโทษยังไงยังงั้น...............
เมื่อตะกี้ โพสข้างบน ขออภัยด้วยนะครับ ............. กลับมาอ่าน ตกใจ ดันจับ คาว์ล กุ๊สต๊าฟ เข้าไปด้วย................ จริงๆ มันจัดเป็ร รีคอยเลส กัน หรือปืนไร้แรงสะท้อน นะครับ..................
ไหนๆก็ไหนๆ จัดจรวดไปแล้ว มาจัดหัวดินโพรงอีกจำพวก คือ ปรส. สมัยศึกช่องโอบก เราใช้ ปรส.82 ซัดรถถังที ของเวียดนามป้อมหลุดมาแล้ว .............. ในหนังสือประพันธ์โดย คุณ คิมซากัส เราจะได้เจอเจ้าอาวุธประเภทนี้เนืองๆ ในชื่อเล่น ปลาร้าสับ ยิงได้ทั้งรถถัง และ เบิม บังเกอร์............... มีทั้ง ขนาด 57 82 และ 106 ............... ไอ้เจ้า 106 ติดรถจิ๊บนี่ ต่อให้โคตะระพ่อแม่ เอ็ม-1 ชาแลนเจอร์ เมอร์คาว่า โดนเข้าไปเป็นป่นปี้แน่นอน.................
หน่วยนี้หล่ะครับ....... ที่ไปยิงรถถังเวียดนาม ช่องโอบก
โห..คุณกบ ปลาร้าสับ เอ๊ย ปรส106จะเอาM1กับchallenger อยู่เหรอ?? นัดเดียวไม่น่าเอาอยู่นะ แต่ถ้าใช้เกิน3นัดคงโดนสวนแน่
เรื่องอยู่ ผมว่าอยู่แน่ เพราะขนาดของหัวดินโพรงเจ้าปลาร้าสับ มันใหญ่กว่า โทว์ ที่ทบ. นย. ของเรามีใช้นะครับ (อาจจะน้อยกว่า โทว์-2) ดังนั้นเชื่อแน่ว่า เกราะด้านข้างที่บางกว่า ครึ่งเมตร ปลาร้าสับ ทะลุเข้าไป "ต.น." (แตกข้างใน) ได้สบาย..............
ปัญหามีอยู่ว่า เจ้าดุ้น 106 นี่มันก็เขื่อง มีหนำซ้ำ ตั้งอยู่บนรถจิ๊บ........ สถานการณ์การรบปัจจุบัน คงยากที่จะเข็ญเจ้าดุ้นนี้เข้าไปซัลโวที่ระยะเผาขนหน้าแข้ง 4-500 เมตร............... โอกาสแทบเป็น จู๋น............. อย่าว่าแต่สามลูกเลยครับ ลูกแรกจะได้ยิงหรือเปล่าไม่รุ............ เราจึงเห็นแต่โทว์ ซัลโวไฟแล่บ ป้อมกระเด็น เชื่อสิครับ ถ้าเกราะพัฒนาไปอีกขั้น เราอาจเห็นโทว์ โคจรแบบเจฟฟะลิน คือ หัวใหญ่ไม่พอ กดลงมาจากข้างบนอีก คราวนี้รถถังคงมีตะแกรงครอบหัวให้ดูตลก เป็นแน่แท้
อันนี้เป็นจรวด NLAW ของ Saab มันน่าสนใจดี พันฒนามาจาก MBT อีกที จรวดมันจะบินมาเหนือป้อมปืนแล้วปล่อย charge ลงด้านล่าง เจ๋งตรงทำลายเป้าหมายหลังบังเกอร์ได้นี้แหละ
https://www.youtube.com/watch?v=Nz2qCRNEyfE&t=285s
คงเหมือนกับ โทว์ 2 ในคลิบนี้ ครับ...................... ว่าก็ว่าเหอะ มันอาจจะจริงก็ได้ แต่ในความคิดผม มันระเบิดต่อเนื่อง รับกันยังกะพี่เขยกับน้องเมียอะไรปานนั้น ............ คือถ้าแรงระเบิดมันทะลุลงไปในป้อม ถึงขนาดทำให้ทั้งป้อมทั้งตัวรถระเบิดฉีกพังพินาจขนาดนั้น หัวรบมันต้องใหญ่หลายร้อยปอนด์กระมังครับ เพราะจุดปะทุมันห่างแผ่นเกราะหลายเมตร กว่าจะส่งความร้อนและแรงระเบิดผ่านอากาศลงไป ...................... ในกรณีจรวดที่ฝ่ายกบฎยิงรถถังซีเรียแบบไดเร็คฮิท ไฟระเบิดจากหัวรบที่เจาะเข้าไปมันไม่แรงถึงขนาดป้อมหลุดหรอกครับ ไอ้ตัวที่ทำให้ไฟพุ่งขึ้นมา หรือบางอันแรงจนป้อมกระเด้งขึ้น มันคือผลจากดินส่งและหัวกระสุนที่เก็บไว้ในรถเองลุกไหม้เอง ..................... ในความเห็นของผม ทั้งคลิบด้านบน และคลิป โทว์สองของผมนี้ ผมเดาว่า พี่แกคงใส่ทีเอ็นทีเข้าไปในรถถังเป็นครึ่งร้อยปอนด์กระมัง มันถึงระเบิดตูมกัมปนาท เด้งรับกันอย่างกับ พี่เขยกับน้องเมีย ได้ดังที่กล่าวไปแล้วนั้น...................
อันนี้ มิลาน ครับ................. ในคลิป มีทั้งที่ กบฏยิงใส่ ที-72 ตูมเดียวกระจาย อันนี้น่าจะเกิดจาก ดินส่ง และหัวกระสุนที่เก็บอยู่ระเบิดพร้อมกัน มันเลยรุนแรงมโหฬารขนาดนั้น .......และอีกอันเป็นการทดสอบ ยิงใส่รถถัง (คล้ายๆรถถังอินเดีย) ไฟระเบิดเจาะเข้าไป รถยังวิ่งต่อไปได้อีกสักพัก จนไฟข้างในเริ่มใหม้ รถชะลอ ป้อมเริ่มมีไฟแล่บออกแล้วเริ่มเผยอๆ ทำให้นึกถึงตอนวัยรุ่น ซัดผสมโซดาน้ำเข้าไปหลายเติบ ฉ็อตสุดท้ายยกกระดก วางแก้วแล้วต้องนิ่ง เพราะคอมันเริ่มจะคะย่อนๆของเก่าที่กลืนลงไปออกมาทั้งหมด.......... อาการเหมือนรถถังคันนี้เปี๊ยบบบบบ....
ถ้าจะะจัดหาจรวดนำวิถีต่อสู้รถถังเพื่อมาจรวดดราก้อนอยากให้พิจารณาจากหลายๆๆเจ้า
USA ก็ เจฟฟาลิน
รัสเซีย 9k-133 kornet
จีน HJ-9
ถ้าประสิทธิภาพพอๆๆกันควรจะเลือกเจ้าที่เสนอราคาต่ำที่สุด
มาแล้ว........... เหมือนกัน ยังกะ แก๊ะ ... แผะ......... ลื้อทำล่าย อั๊วะกะทำล่าย............. เอ็ชเจ-12 เจฟฟะลินเวอร์ชั่นจีน............
จรวดต่อต้านรถถัง. ถ้าจะเทียบคงต้องแยกง่ายๆเป็น 2 แบบ. แบบแรกใช้ทหารเพียงคนเดียวแบกไปไหนก็ได้พกพาสะดวก. ก็พวก RPG , Dragon , AT4 ซึ่งผมคิดว่าถ้าจะเจ้า Dragon ถึงเก่าก็น่าจะดีกว่าใช้ RPG. เสียที่ว่าไม่รู้จะมีเสียงดังตามท้ายทำไมให้ข้าศึกรู้ตัว. แบบนี้เน้นมีเยอะๆสำหรับหมู่ทหารราบเดินลาดตระเวน รอบเข้าโจมตี สมัยก่อนเคยเห็นนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซไปไหนๆได้สบาย จัดการได้ตั้งแต่ฐานที่มั่น ฐานปืน ค ปืนใหญ่ บังเกอร์. ยานรบประเภท ต่างๆ. ส่วนแบบที่สองเป็นแบบใช้คนแบกมากกว่า 1 คน หรือติดตั้งบนรถรบ ก็พวก TOW แบบนี้ผมว่าเหมาะกับประจำที่ รอให้ข้าศึกมาใกล้ในพื้นที่ๆอยู่ เพราะเคลื่อนที่ลำบาก. ต้องถอดเป็นชิ้นๆ ไปประกอบใกล้ข้าศึก.ต้องใช้เวลา แต่ข้อดีคือหมัดหนัก. ระยะยิงไกลกว่าแบบแรก. สรุปสำหรับเจ้า Dragon ผมยังยกมือให้ไปต่อ ดีกว่าใช้ RPG. หากจะทดแทนก็ต้องประมาณ AT4 รุ่นใหม่ที่สามารถยิงในอาคารได้ หรือให้ดีแงะออกมาแล้ววิจัยทำเองเลย ตัดเสียงแต๊กๆเวลายิง ออกไป ก็น่าจะดี
แต่ละคนก็มีของที่ชอบไม่เหมือนกัน
ส่วนผมชอบตัวนี้
เพราะหลากหลายกว่าเอายิงรถถัง
SPIKE ATGM
ดรากอนยังไม่ปลดประจำการอีกเหรอครับ นานมากเลยนะ
คงยังใช้อยู่ครับ......... ถ้าเป็น ที-55 ที-72 คงพอรับมืออยู่ ปัญหาก็คงเป็นเรื่องอายุ และชิ้นอะไหล่ครับ......