การเคลื่อนไหวของรัสเซียที่เข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศ ซีเรีย ต้องถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่กำลังถูกจับตาจากรัฐบาลนานาประเทศ อย่างใกล้ชิด จนรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องออกมาตั้งคำถามดังก้องโลกว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย เข้ามาตั้งฐานทัพในซีเรียด้วยจุดประสงค์อันใด!?!

การยื่นมือเข้ามาช่วยกองทัพรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด แห่งซีเรียต่อสู้กับกลุ่มกบฏและกลุ่มติดอาวุธที่มีมากมายหลายกลุ่ม โดยเฉพาะ กลุ่มมุสลิมติดอาวุธนิกายสุหนี่หัวรุนแรง รัฐอิสลาม หรือไอซิส มีขึ้นขณะสงครามกลางเมืองในซีเรีย อุบัติขึ้นมานานแล้วกว่า 4 ปี สร้างความเสียหายย่อยยับต่อชีวิตและทรัพย์สินมหาศาล ทว่า ประธานาธิบดีอัล อัสซาด ก็ยังคงดึงดันไม่ยอมลงจากเก้าอี้

ซ้ำร้าย สถานการณ์สงครามกลางเมืองในซีเรียกลับยิ่งทวีความน่ากลัวขึ้นอีกหลายเท่าตัว เมื่อกลุ่มไอซิสได้ผงาดขึ้นมาก่อความเหี้ยมโหดสุดป่าเถื่อน ระหว่างบุกโจมตียึดเมืองต่างๆ ในซีเรียและอิรัก จนทำให้สหรัฐฯ และชาติพันธมิตร ต้องจับมือกัน ส่งเครื่องบินรบปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพื่อหวังปราบปรามกลุ่มไอซิส ตั้งแต่ช่วงใกล้ปลายปี 2557 มาแล้ว

จอห์น แคร์รี รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ถามรัสเซียเข้ามาตั้งฐานทัพในซีเรียด้วยจุดประสงค์อะไร?

เพียงแต่ชาติพันธมิตรและสหรัฐฯ ไม่ยอมเสี่ยงที่จะส่งกำลังทหารภาคพื้นดินเข้ามาสู้รบในซีเรีย ลุยกับกลุ่มไอซิสแบบเผชิญหน้า ต่างจากรัสเซีย ที่งานนี้ กระโจนเข้าสู่สงครามกลางเมืองในซีเรียอย่างเต็มตัว จนถึงขั้นเข้ามาตั้งฐานทัพที่จังหวัดลาตาเกีย เลยทีเดียว

* จังหวัดลาตาเกีย

สาเหตุที่รัสเซียเข้ามาตั้งฐานทัพที่จังหวัด ลาตาเกีย แน่นอนว่า นอกจากจะเป็นจังหวัดริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย สะดวกในการขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ทางเรือแล้ว ลาตาเกีย ยังเป็นจังหวัดของกองกำลังติดอาวุธที่ภักดีต่อประธานาธิบดีอัล อัสซาด และกลุ่มติดอาวุธฝ่ายกบฏต่อต้านรัฐบาลได้ผลักดันกองกำลังติดอาวุธหนุนรัฐบาล ซีเรียมาจนมุมที่จังหวัดแห่งนี้

สถานการณ์ของกองกำลังติดอาวุธสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย กำลังตกอยู่ในภาวะคับขัน เพราะทางกองกำลังกบฏแข็งแกร่ง สามารถบุกคืบยึดเมืองต่างๆ ในจังหวัดลาตาเกียได้มากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้กองทัพรัสเซียจำเป็นต้องรีบมาตั้งฐานทัพที่จังหวัดลาตาเกีย เพื่อช่วยกองกำลังหนุนรัฐบาลซีเรีย สู้รบกับกลุ่มกบฏ และกลุ่มไอซิส ก่อนจะสาย

ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายรัสเซียในจังหวัดลาตาเกีย

*อาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซีย

บีบีซี รายงานว่า ขณะที่รัฐบาลซีเรียปฏิเสธเสียงแข็งว่า ไม่ได้มีการเข้ามาตั้งฐานทัพในซีเรีย หลังจากเริ่มมีข่าวแพร่งพรายออกมาในช่วงต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ในที่สุด ความเคลื่อนไหวของรัสเซียก็ ปิดไม่มิด เพราะมีหลักฐานจากภาพถ่ายดาวเทียมของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นชัดเจนว่ากองทัพรัสเซียมีการเคลื่อนไหว ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์เข้ามาจำนวนมาก

มีรายงาน เครื่องบินลำเลียงของกองทัพรัสเซียบรรทุกอาวุธหนักหลายลำเดินทางมา ถึงจังหวัดลาตาเกีย ขณะที่เรือรัสเซีย 2 ลำบรรทุกยานลำเลียงและอุปกรณ์อื่นๆ ได้แล่นมาจอดเทียบท่าเมืองตาร์ตุส ซึ่งเป็นเมืองที่รัสเซียตั้งฐานทัพเรือเล็กๆ อยู่ที่นี่มานานหลายปีแล้ว

*‘เขี้ยวเล็บ’ในซีเรีย

จนถึงเมื่อวันที่ 22 ก.ย.58 รัสเซียได้ส่งเครื่องบินรบ เข้ามาในซีเรียแล้ว 28 ลำ ประกอบด้วย เครื่องบินทิ้งระเบิด Su24 จำนวน 12 ลำ , เครื่องบินจู่โจม Su 25- 12 ลำ และเครื่องบินขับไล่ Su30 ซึ่งสามารถปฏิบัติภารกิจได้หลากหลาย อีก 4 ลำ นอกจากนั้น ยังมีโดรน หรืออากาศยานไร้คนขับ 2 ประเภท และ เฮลิคอปเตอร์ (มีทั้งสามารถติดอาวุธหลากหลาย และเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงทหาร ) รวมทั้ง ฐานยิงขีปนาวุธแบบภาคพื้นสู่อากาศ 3 เครื่อง , รถถัง 15 คัน และได้ส่งกำลังทหารภาคพื้นดินเข้ามาในซีเรียแล้วอย่างน้อย 500 นาย

*กองทัพซีเรียใช้อาวุธของรัสเซียถล่มไอซิส

19 กันยายน 58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า กองทัพอากาศซีเรียได้ยกระดับการโจมตีกลุ่มไอซิสหนักหน่วงมากขึ้น โดยได้ส่งเครื่องบินรบโจมตีทิ้งระเบิดถล่มเป้าหมายกลุ่มไอซิสที่เมืองพัลไม รา เมืองโบราณซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยยูเนสโก ถึงประมาณ 25 ระลอก หลังจากตกอยู่ใต้อุ้งมือของกลุ่มไอซิสมาตั้งแต่ เดือนพ.ค.58 จนนับเป็นการโจมตีกลุ่มไอซิสอย่างหนักที่สุดครั้งหนึ่ง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย ในจำนวนนี้ รวมทั้งสมาชิกกลุ่มไอซิส 12 ราย

จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวในกองทัพรัฐบาลซีเรีย กับนักข่าวรอยเตอร์ อ้างว่า กองทัพอากาศซีเรียได้มีการใช้จรวดชนิดใหม่ ที่ได้รับมาจากรัสเซีย ซึ่งมีความถูกต้องแม่นยำ ในการโจมตีมาใช้ ขณะที่บีบีซี รายงานด้วยว่า การส่งเครื่องบินรบของกองทัพซีเรียถล่มกลุ่มไอซิสที่เมืองพัลไมรา มีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจาก ได้ส่งเครื่องบินรบไปโจมตีไอซิสที่เมืองรักกา ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงของกลุ่มไอซิส

ภาพถ่ายจากดาวเทียมเปรียบเทียบพื้นที่เดียวกันระหว่างวันที่ 4 ก.ย.กับ 15 ก.ย.ที่รัสเซียส่งอาวุธยุทโธปกรณ์มาตั้งฐานทัพ

*รัสเซียเริ่มแล้ว ส่งโดรน เล็งเป้าถล่ม

22 ก.ย.58 ซีเอ็นเอ็น รายงาน อ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 นายว่า ขณะนี้ กองกำลังรัสเซียที่ตั้งฐานทัพอยู่ในซีเรีย ได้เริ่มต้นการส่งอากาศยานแบบไร้คนขับ (โดรน) จำนวนหลายลำ บินลาดตระเวนเหนือท้องฟ้าในประเทศซีเรียแล้ว เพียงแต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่สามารถยืนยันได้ว่า โดรนของรัสเซียเหล่านี้มีการติดอาวุธด้วยหรือไม่ รวมทั้งไม่อาจทราบจำนวนเที่ยวบิน หรือวันที่มีการส่งโดรนขึ้นไปลาดตระเวนเหนือท้องฟ้าซีเรีย

ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีการสรุปรายงานต่อคณะรัฐบาลว่า กองกำลังรัสเซียได้ส่งโดรนเล็งเป้าหมายแล้ว และพร้อมจะส่งเครื่องบินรบบินโจมตีทางอากาศภายในไม่กี่วันหลังจากนี้

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย

* ผู้นำรัสเซียบอกถ้าไม่ช่วย...ซีเรียจะเลวร้ายกว่านี้

ขณะ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ วิตกกัลวลต่อความเคลื่อนไหวของรัสเซียในการเข้ามาตั้งฐานทัพในซีเรียจะยิ่ง ทำให้สงครามกลางเมืองในซีเรียยุ่งยากและเลวร้ายมากขึ้น แต่ประธานาธิบดีปูติน ตอบโต้ว่า การที่รัสเซียเข้ามาช่วยรัฐบาลซีเรียสู้รบกับกลุ่มไอซิสนั้น เป็นการช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม เพื่อช่วยคุ้มครองชาวซีเรีย และหากรัสเซียไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย จะยิ่งทำให้วิกฤติผู้อพยพชาวซีเรียเลวร้ายมากกว่านี้ หลังจากสงครามกลางเมืองในซีเรีย 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีชาวซีเรียอพยพลี้ภัยออกนอกประเทศแล้วกว่า 4 ล้านคน จนก่อให้เกิดวิกฤติผู้ลี้ภัยและผู้อพยพทะลักเข้ายุโรปตามมา

หญิงชาวซีเรียสนับสนุนรัฐบาลซ๊เรีย จุมพิศภาพประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ขณะเกิดม๊อบต้านรัสเซียในกรุงดามัสกัส เมื่อปี 2555

* หวังมีบทบาทเหนือซีเรียและภูมิภาค?

บีบีซี วิเคราะห์ว่า การที่รัสเซียกระโจนเข้ามาตั้งฐานทัพในซีเรียเพื่อต่อสู้กับกลุ่มไอซิส ถือเป็นการส่งสัญญาณของนโยบายการต่างประเทศรัฐบาลกรุงมอสโก ที่ต้องการจะเข้ามามีบทบาทในซีเรียและภูมิภาคตะวันออกกลางในอนาคต เพราะนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงนั้น รัสเซียไม่เคยส่งกองกำลังทหารเรือเข้ามาในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเลย

ขณะที่ นักวิเคราะห์ยังมองว่า การเข้ามาตั้งฐานทัพในซีเรียของรัสเซีย เป็นการยืนยันว่า ประธานาธิบดีปูตินจะไม่ยอมให้การปกครองของตระกูลอัสซาดล่มสลาย แต่ไม่ใช่หมายถึง ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาดจะอยู่ไปตลอดกาล เพราะรัสเซียได้ดำเนินการทางการทูต ตามหลังการส่งกำลังทหารเข้ามาในซีเรียด้วยเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ อนาคตของซีเรียจะเป็นเช่นใด? หลังจากรัสเซียเข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศนี้แล้ว จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ด้วยความรู้สึกที่หลากหลายจริงๆ.

มีชาวซีเรียบางส่วน ขอบคุณรัสเซีย ที่มาช่วยซีเรีย

อ้างอิงข้อมูลจาก ไทยรัฐนิวส์

http://www.thairath.co.th/content/527674

งานนี้สงครามตัวแทนอีกแล้ว