หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


PGM-997 โครงการเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.997

โดยคุณ : superboy เมื่อวันที่ : 22/09/2015 20:17:00

ฝนตกมา3วันแล้วน่าเบื่อมากแต่ก็ยังดีที่ไม่มีน้ำท่วมขัง อ่านอะไรที่มันคลายเครียดกันบ้างนะครับ

ลิงค์ต้นฉบับคลิกตรงนี้  ---> PGM-997 โครงการเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.997

---------------------------------------------------------------------------

โครงการเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.997


     วันนี้ผู้เขียนขอนำทุกท่านมาสู่บทความแห่งจินตนาการกันบ้าง หลังจากได้อ่านเรื่องเครียดๆกันไปเยอะแล้วจึงเป็นเวลาพักผ่อน บทความนี้เป็นการจิตนาการถึงโครงการเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งลำใหม่ ที่ได้พัฒนาต่อยอดจากเรือที่เข้าประจำการไปแล้ว แต่จะขอกล่าวปูพื้นถึงโครงการเดิมก่อนเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันและชัดเจน


โครงการเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา


     โครงการเรือตรวจเรือใกล้ฝั่งเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เป็นการต่อยอดโครงการเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุด เรือ ต.91 ถึงต.99 ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีจุดเริ่มต้นจากพระราชกระแสรับสั่งแก่ผู้บังคับหมู่เรือรักษาการณ์วังไกลกังวลและผู้เข้าเฝ้า ฯ ณ วังไกลกังวล เกี่ยวกับการใช้เรือของกองทัพเรือ ในวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2545 ความว่า “เรือรบขนาดใหญ่มีราคาแพงและมีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานสูง กองทัพเรือจึงควรใช้เรือที่มีขนาดเหมาะสมและสร้างได้เอง ซึ่งเมื่อสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.91 ได้แล้ว ควรขยายแบบเรือให้ใหญ่ขึ้นและสร้างเพิ่มเติม” ทั้งยังได้มีพระราชดำรัสในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ. 2546 เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงโดยได้ทรงยกตัวอย่างจากการพึ่งพาตนเองในโครงการต่อเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.91 ในอดีตของกองทัพเรือ


     ในช่วงเวลานั้น กองทัพเรือได้มีแผนปลดประจำการเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.11 ที่ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา เนื่องจากใช้งานมานานประมาณ 40 ปีแล้ว กองทัพเรือจึงได้นำพระราชดำริฯ มาดำเนินการพัฒนาแบบเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดใหม่ ให้มีคุณสมบัติครบถ้วน และสอดคล้องกับแนวพระราชดำรัสดังกล่าว โดยขยายแบบเรือจากชุดเรือ ต.91 - ต.99 ให้ใหญ่ขึ้น


     กองทัพเรือได้รับอนุมัติจากกระทรวงกลาโหม ให้ดำเนินโครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดใหม่เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2546 เพื่อทดแทนเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.11 และรัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้กองทัพเรือดำเนินโครงการสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งพร้อมกัน 3 ลำ ในวงเงินรวมประมาณ 1,912 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการรวม 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 - 2550 เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ 80 พรรษา ในปี พ.ศ. 2550 เรือลำแรกคือ ต.991 เข้าประจำการในวันที่ 27 พฤษจิกายน 2550 และอีก 2 ลำในปีถัดไป ราคาต่อเรือจำนวน 3 ลำอยู่ที่ประมาณ 1,912 ล้านบาท หรือลำล่ะ 637 ล้านบาท เรามาดูคุณลักษณะโดยรวมของเรือกันหน่อยนะครับ

ชื่อเรือ: เรือ ต.991, ต.992 และ ต.993
ประเภท: เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง
ระวางขับน้ำ: ปกติ 170 ตัน เต็มที่ 186 ตัน
ความยาว: 38.7 เมตร
ความกว้าง: 6.49 เมตร
กินน้ำลึก: 1.813 เมตร
เครื่องจักร:
     - เครื่องจักรใหญ่ดีเซล MTU 16V 4000 M90 กำลัง 3,650 แรงม้า 2 เครื่อง
      -เพลาใบจักร 2 เพลา ใบจักร Wartsila Lips Defence แบบมุมตายตัว
     - เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล MTU กำลังไฟฟ้า 140 กิโลวัตต์ 2 เครื่อง
ความเร็วสูงสุด: 27 นอต
รัศมีทำการสูงสุด: 1,500 ไมล์ทะเล
กำลังพลประจำเรือ: 29 นาย (นายทหาร 5 พันจ่า 4 จ่า/พลฯ 20)
อาวุธ:
     - ปืนกลขนาด 30 มม. รุ่น DS-30M 2 กระบอก
     - ปืนกลขนาด 12.7 มม 2 กระบอก
ระบบอำนวยการรบ Thales TACTICOS
ระบบออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง Thales  Mirador
เรดาร์เดินเรือ Sperry Marine BridgeMaster E และ Furuno


โครงการเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.994


หลังจากที่เรือ ต.991 เข้าประจำการได้เพียงปีเดียว กองทัพเรือไทยก็ได้สานต่อโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดหาเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งรุ่นใหม่เพิ่มเติมอีก 3 ลำในวงเงิน 1,570 ล้านบาท หรือลำล่ะ 523 ล้านบาท โดยนำแบบเรือเดิมมาพัฒนาให้มีความเหมาะสมในการใช้งานมากขึ้น เรือชุดใหม่มีระวางขับน้ำใกล้เคียงกับของเดิม แต่ตัวเรือมีขนาดใหญ่กว่า ยาวมากกว่า กว้างมากกว่า ความเร็วสุงกว่า โดยใช้ระบบขับเคลื่อนชุดเดิมที่ให้กำลังเครื่องยนต์เท่าเดิม กรมอู่ทหารเรือออกแบบและสร้างเรือเอง 1 ลำและได้ว่าจ้างบริษัทมาร์ซันสร้างเพิ่มอีก 2 ลำตามแบบที่กองทัพเรือกำหนด เรือชุดใหม่กำหนดชื่อไว้ว่า ต.994 ต.995 และ ต.996 ตามลำดับ


ชื่อเรือ: เรือ ต.994, ต.995 และ ต.996
ประเภท: เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง
ระวางขับน้ำ: เต็มที่ 215 ตัน
ความยาว: 41.7 เมตร
ความกว้าง: 6.49 เมตร
กินน้ำลึก: 1.813 เมตร
เครื่องจักร:
     - เครื่องจักรใหญ่ดีเซล MTU 16V 4000 M90 กำลัง 3,650 แรงม้า 2 เครื่อง
      -เพลาใบจักร 2 เพลา ใบจักร Wartsila Lips Defence แบบมุมตายตัว
     - เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล MTU กำลังไฟฟ้า 140 กิโลวัตต์ 2 เครื่อง
ความเร็วสูงสุด: 29 นอต
รัศมีทำการสูงสุด: 1,500 ไมล์ทะเล
กำลังพลประจำเรือ: 32 นาย
อาวุธ:
     - ปืนกลขนาด 30 มม. รุ่น DS-30M 1 กระบอก
     - ปืนกล OTO Melara Naval Terret ขนาด 12.7 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
     - ปืนกลขนาด 12.7 มม 2 กระบอก
ระบบอำนวยการรบ Thales TACTICOS
ระบบออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง Thales  Mirador
เรดาร์เดินเรือ Sperry Marine BridgeMaster E และ Furuno


     เรือชุดใหม่มีขนาดใหญ่มากขึ้นและมีสมรรถนะดีมากขึ้น ทว่าราคาเฉลี่ยต่อลำลดลงจาก 637 ล้านบาทมาเป็น 523 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนำแบบเรือเดิมที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาปรับปรุง และที่สำคัญก็คือมีการติดตั้งปืนกลอัตโนมัติ 30 มม.รุ่น DS-30M เพียง1กระบอกหัวเรือ ส่วนด้านท้ายเปลี่ยนมาใช้ปืนกลอัตโนมัติขนาด12.7 มม.แทน ทำให้ลดค่าอาวุธลงได้พอสมควรเนื่องจากปืนมีราคาต่างกันมาก ทั้งยังสามารถควบคุมปืนกลอัตโนมัติทั้ง 2กระบอกได้พร้อมๆกัน ต่างจากเรือชุด ต.991ที่สามารถควบคุมได้ครั้งละ 1 กระบอกเท่านั้น


     นอกจากปรับปรุงเรือในทุกๆด้านให้ดีขึ้นแล้ว เรือชุด ต.994 ยังรองรับการติดตั้งอาวุธจรวดได้อีกด้วย มีการขยายความยาวด้านท้ายเรือออกไปประมาณ 3 เมตร และเลื่อนหัวเก๋งเรือหรือสะพานเดินเรือไปด้านหน้าอีกประมาณ 2 เมตร ทำให้ด้านท้ายเรือมีที่ว่างมากพอติดตั้งจรวดต่อสู้เรือรบขนาดเล็กได้ 2-4 นัด ข้อมูลจากกองทัพเรือระบุไว้ว่า รองรับแท่นยิงอาวุธปล่อยพื้น-สู่-พื้น C-704 แท่นละ 2 ท่อยิงจำนวน 2 แท่น


     นับได้ว่าเรือชุดนี้มีความทันสมัยและอเนกประสงค์มากขึ้น สามารถเสริมเขี้ยวเล็บด้วยอาวุธทันสมัยเพิ่มเติมได้อีกด้วย ผู้เขียนพิจารณาดูอยู่หลายรอบแต่ไม่ได้ตื่นเต้นดีใจอะไรมากนัก จะว่าไปแล้วไม่ค่อยเห็นด้วยกับแนวคิดนี้เสียด้วยซ้ำ เป็นเพราะเรือชุด ต.994 ถูกออกแบบให้เป็นเรือตรวจเรือใกล้ฝั่งไม่ใช่เรือเร็วโจมตีอาวุธนำวิถี แม้ท้ายเรือจะรองรับการติดตั้งอาวุธจรวดได้ก็ตาม แต่ระบบอาวุธป้องกันตัวมีน้อยมากและอุปกรณ์ต่างๆก็ประสิทธิภาพต่ำ ขณะที่อุปกรณ์อีกหลายอย่างที่เรือรบควรจะมีก็ไม่มีและไม่สามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้ การนำเรือเข้าไปปะทะกับเรือรบฝ่ายตรงข้ามมีโอกาสมากที่จะพบกับการสูญเสีย ทั้งยังไม่รู้ว่าทำเสร็จแล้วจะได้สมรรถนะใกล้เคียงความต้องการหรือไม่ ถ้าอยากได้เรือเร็วโจมตีอาวุธนำวิถีจริงๆควรสร้างเรือลำใหม่ที่ตรงตามความต้องการจะดีที่สุด


โครงการเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.997


     หลังสิ้นสุดโครงการเรือชุด ต.994 ไปแล้ว ข่าวเรื่องการสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งเพิ่มเติมก็เงียบหายไปด้วย กองทัพเรือได้หันไปพัฒนาโครงการเรือตรวจการณ์ชายฝั่งรุ่นใหม่ เพื่อนำมาทดแทนเรือของเดิมจำนวนมากที่ทยอยปลดประจำการ นอกจากนี้ยังมีโครงการเรือตรวจการระยะปานกลางความยาว 58 เมตร โครงการเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง เรือฟริเกตสมรรถนะสุง และเรือดำน้ำโจมตีที่กำลังเป็นประเด็นร้อนๆของคนในประเทศ จึงพอคาดการณ์ได้ว่า จะไม่มีโครงการเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดใหม่ในช่วงเวลาใกล้ๆนี้แน่ แต่ผู้เขียนใจร้อนเลยพัฒนาแบบเรือชุดใหม่ขึ้นมาเสียเอง มาดูกันหน่อยนะครับว่าจะตรงใจหรือขัดใจผู้อ่านมากน้อยแค่ไหน


     แบบเรือพัฒนามาจากเรือชุด ต.991และ ต.994 รวมกัน โดยออกแบบท้ายเรือเหมือนกันกับเรือ ต.994 แต่มีการขยายพื้นที่ด้านหน้าเรือให้ยาวมากขึ้น จากนั้นจึงสร้างห้องพักรับรองหน่วยปฏิบัติการพิเศษหรือผู้ประสบภัยทางทะเล โดยส่วนตัวผู้เขียนไม่ถูกใจเรือชุด ต.994 เท่าไหร่ที่หัวเรืออยู่ชิดเก๋งเรือมากเกินไป ต่างจากเรือชุด ต.991 ที่เก๋งเรืออยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกว่า เรือชุด ต.997 ถูกขยายความยาวด้านหน้าเพื่อให้เก๋งเรืออยู่ตรงกลางมากที่สุด


     ก่อนอื่นเลยเพื่อประหยัดงบประมาณและแก้ข้อบกพร่องในอดีต เรือชุดใหม่จะใช้ปืนกลอัตโนมัติขนาด 30 มม.ที่ถอดมาจากเรือชุด ต.991 เป็นอาวุธหลัก โดยที่เรือชุด ต.991 จะติดตั้งปืนกลอัตโนมัติขนาด 12.7 มม.เข้าไปแทนที่ ทำให้สามารถยิงปืนกลอัตโนมัติด้านหน้าและด้านท้ายเรือได้อย่างพร้อมกันเสียที ปืนกลอัตโนมัติขนาด 12.7 มม.ติดตั้งระบบช่วยเล็งอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว จึงสามารถใช้ระบบออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง Thales  Mirador คุมปืนหน้าเพียงกระบอกเดียวได้ตลอดเวลา

     นอกจากหัวเรือจะยาวขึ้นและด้านท้ายรองรับการติดตั้งอาวุธจรวดแล้ว เสากระโดงเรือยังได้รับการขยายขนาดเพื่อรองรับการติดตั้งเรดาร์ทันสมัยในอนาคต และยังรองรับอุปกรณ์อื่นๆอาทิเช่น  ระบบอุปกรณ์สงครามอิเลคทรอนิคขนาดเล็ก ระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมหรือSatCom ระบบเครือข่ายเน็ตเวิร์ค Link 11 Link RTN และ T-Link ในอนาคต เรามาดูคุณลักษณะโดยรวมของเรือชุด ต.997ของผู้เขียนกันครับ


ชื่อเรือ: เรือ ต.997, ต.998 และ ต.999
ประเภท: เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง
ระวางขับน้ำ: เต็มที่ 242 ตัน
ความยาว: 43.9 เมตร
ความกว้าง: 6.49 เมตร
กินน้ำลึก: 1.813 เมตร
เครื่องจักร:
     - เครื่องจักรใหญ่ดีเซล MTU 16V 4000 M90 กำลัง 3,650 แรงม้า 2 เครื่อง
      -เพลาใบจักร 2 เพลา ใบจักร Wartsila Lips Defence แบบมุมตายตัว
     - เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล MTU กำลังไฟฟ้า 140 กิโลวัตต์ 2 เครื่อง
ความเร็วสูงสุด: 28 นอต
รัศมีทำการสูงสุด: 1,500 ไมล์ทะเล
กำลังพลประจำเรือ: 32 นาย
อาวุธ:
     - ปืนกลขนาด 30 มม. รุ่น DS-30M 1 กระบอก
     - ปืนกล OTO Melara Naval Terret ขนาด 12.7 มม. แท่นเดี่ยว 1 แท่น
     - ปืนกลขนาด 12.7 มม 2 กระบอก
ระบบอำนวยการรบ Thales TACTICOS
ระบบออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง Thales  Mirador
เรดาร์เดินเรือ Furuno จำนวน 2 ระบบ S-Band และ X-Band


     เทียบกับเรือ ต.994 แล้วระวางขับน้ำเพิ่มขึ้นเล็กน้อยความเร็วเรือลดลงเล็กน้อย เนื่องจากเรือยาวขึ้นมีการสร้างห้องพักและห้องเก็บของเพิ่มเติมบริเวณหัวเรือ อาวุธที่ติดตั้งเหมือนกับเรือชุด ต.994 รวมทั้งอาวุธและอุปกรณ์ที่สามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้ ผู้เขียนได้จำลองรูปแบบการใช้งานเรือไว้ 6 แบบด้วยกันคือ


     1 เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งตามปรกติ ติดอาวุธปืนกลอัตโนมัติหน้า-หลังตามปรกติ ด้านท้ายเรือรองรับอากาศยานไร้คนขับขึ้นลงทางดิ่ง รุ่น DTI RTN KSM-150R ซึ่งเป็นรุ่นใช้งานจริงบนเรือได้ 1-2 ลำ


     2 เรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ มีการติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์อเนกประสงค์ด้านท้ายเรือ 2 ชุด จึงสามารถปรับเปลี่ยนภารกิจได้อย่างยืดหยุ่น (Flexible Mission) อาทิเช่น ห้องผ่าตัดตู้คอนเทนเนอร์ของสถาบันวิจัยและพัฒนาการทางทหาร กองทัพเรือ (สวพ.ทร.) ภายในตู้คอนเทนเนอร์ประกอบด้วยระบบต่างๆ ดังนี้


     - ห้องผ่าตัดฉุกเฉิน และห้องผ่าตัด อย่างละ 1 ห้อง
     - ระบบไฟฟ้า ซึ่งสามารถรองรับไฟฟ้าได้ 3 ระบบ ได้แก่ ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าขนาด 380 V 3 เฟส 50 Hz ไฟฟ้าจากเรือ 440 V 3 เฟส 60 Hz และไฟฟ้าจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าภายในตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 380 V 3 เฟส 50 Hz
     - ระบบสื่อสารทางไกลทางการแพทย์ เพื่อขอใช้คำปรึกษาทางการแพทย์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในส่วนกลาง โดยสามารถติดต่อสื่อสารกันด้วยระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม ระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ADSL ระบบ WiFi และระบบ WIMAX
     - ระบบไฮโดรลิก 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ใช้ขยายขนาดของตู้คอนเทนเนอร์ และส่วนที่ใช้ยกตู้คอนเทนเนอร์เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้ายด้วยรถชานต่ำ
     - ระบบปรับอากาศ ทั้งในส่วนของห้องฉุกเฉินและห้องผ่าตัด แต่ละห้องมีขนาด 3 หมื่นบีทียู พร้อมติดตั้งเครื่องฟอกอากาศและเติมอากาศภายในห้องผ่าตัด
     - ระบบเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ได้แก่ เตียงผ่าตัด, โคมไฟฟ้าห้องฉุกเฉินและห้องผ่าตัด, เครื่องเอกซเรย์ระบบดิจิตอล, เครื่องดมยาสลบ, เครื่องอัลตราซาวนด์, เครื่องติดตามสัญญาณชีพแบบดิจิตอล, เครื่องจี้-ตัดด้วยไฟฟ้า, เครื่องดูดของเหลว, ชุดปฐมพยาบาลห้องฉุกเฉิน, ชุดเครื่องมือผ่าตัดเล็กและผ่าตัดใหญ่ และระบบทำความสะอาดมือโดยไม่ใช้น้ำ
     - ระบบบันทึกเวชระเบียนแบบไร้สาย ควบคุมการใช้งานเครื่องมือและเวชภัณฑ์ภายในห้องฉุกเฉิน และช่วยรายงานการคงเหลือของอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ให้ส่วนกลางทราบ


     ราคาเฉลี่ยต่อ1ระบบอยู่ที่20ล้านบาท ขณะที่ราคาจัดซื้อจากต่างประเทศจะสุงมากถึง50ล้านบาท แม้ตัวเรือจะมีขนาดเล็กไม่ทนทานต่อคลื่นลมขนาดใหญ่กลางทะเลลึกได้ แต่การเข้าจอดเทียบท่าเพื่อเป็นห้องผ่าตัดเคลื่อนที่สามารถทำได้อย่างแน่นอน จึงเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณประโยชน์มหาศาลในกรณีเหตุการณ์ฉุกเฉินเฉพาะหน้า


     3 เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งติดอาวุธจรวดนำวิถีต่อสู้เรือ Penguin MK2 แม้ผู้เขียนจะไม่ค่อยชอบการใช้งานรูปแบบนี้ซักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเรือต้นแบบรองรับได้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฎิเสธ โดยที่เรือจะได้รับการติดตั้งเรดาร์ SAAB Sea Gireffte 1X ซึ่งเป็นเรดาร์ 3D AREA ขนาดเล็กระยะทำการ 100 กม. สามารถตรวจจับเป้าหมายบนอากาศได้พร้อมกัน 100 เป้าหมายและเป้าหมายบนพื้นน้ำได้พร้อมกัน 200 เป้าหมาย พร้อมกันนี้ยังได้เปลี่ยนไปใช้ระบบอำนวยการรบ Tira และระบบออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง SAAB EOS-500 แทนอีกด้วย ปลายสุดเสากระโดงเรือ ติดตั้งระบบตรวจจับสัญญาณเรดาร์ ESM ES-3601


     Penguin MK2 ของนอร์เวยมีระยะยิงไกลสุดประมาณ 34 กิโลเมตร แม้ว่าจะจรวดจะเข้าประจำการตั้งแต่ปี 2515 ก็ตาม แต่ก็ยังได้รับความนิยมจากหลายชาติมาจนถึงทุกวันนี้ แม้แต่กองทัพเรืออเมริกายังสั่งไปใช้งานโดยใช้ชื่อรหัสว่า AMG-119 ถึงปัจจุบันก็ยังได้รับการสั่งซื้อลูกจรวดอยู่เรื่อยๆ โดยที่ลูกค้าล่าสุดก็คือกองทัพเรือบราซิลในปี 2555 และกองทัพเรือนิวซีแลนด์ในปี 2556


          3 เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งติดอาวุธจรวดนำวิถีต่อสู้เรือ C-704 อาวุธจรวดขนาดเล็กจากจีนมีระยะยิงไกลสุดประมาณ 35 กิโลเมตรซึ่งใกล้เคียงกับจรวด Penguin MK2 ตัวเรือสามารถรองรับการติดตั้งได้ถึง 4 นัดแต่ผู้เขียนใส่ไว้เพียง 2 นัดเพราะคิดว่าเพียงพอแล้ว เรือได้รับการติดตั้งเรดาร์ Thales Variant 2D ระยะทำการบนอากาศประมาณ 120 กิโลเมตรส่วนบนพื้นน้ำประมาณ 70 กิโลเมตร สามารถตรวจจับเป้าหมายบนอากาศได้พร้อมกัน 200 เป้าหมายและเป้าหมายบนพื้นน้ำได้พร้อมกัน 200 เป้าหมาย ระบบอำนวยการรบและระบบออปโทรนิกส์ควบคุมการยิงเป็นรุ่นมาตราฐาน   ติดตั้งระบบเป้าลวงจรวดนำวิถีขนาดเล็กจำนวน 2 ชุด ซึ่งก็น่าจะเพียงพอสำหรับการป้องกันตัวในระยะเวลาสั้นๆ  เสริมด้วยระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม SatCom Link 11 Link RTN


     การเลือกใช้จรวดต่อสู้เรือรบขนาดเล็กทั้ง 2 รุ่น นอกจากจะอยู่ในระยะตรวจจับของเรดาร์หลักที่มีประสิทธิภาพสุงมากขึ้นแล้ว ขนาดของตัวเรือและราคาจรวดที่ไม่แพงนักก็เป็นประเด็นที่สำคัญด้วย


     5 เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งติดอาวุธจรวดอเนกประสงค์ Spike-ER  ของอิสราเอล โดยปรกติแล้วอาวุธปืนกลขนาด 20-30 มม. จะมีประสิทธิภาพในการหยุดหรือสกัดกั้นเป้าหมายขนาดเล็กเท่านั้น เมื่อนำมาใช้ในภาระกิจลาดตระเวณประจำวันก็มีความเพียงพอในการป้องกันตัวเองจากภัยคุกคามแล้ว การติดตั้งอาวุธจรวดอเนกประสงค์ขนาดเล็กเพิ่มเติม มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้ทำลายเป้าหมายขนาดเล็ก หรือสกัดกั้นหรือหยุดเป้าหมายขนาดใหญ่ จรวดอเนกประสงค์ Spike-ER  พัฒนาต่อยอดมาจากจรวดต่อสู้รถถังโดยมีระยะยิงเพิ่มขึ้นเป็น 8 กิโลเมตร จรวดจำนวน 4 นัดบนแท่นยิงขนาดเล็กใช้ระบบออปโทรนิกส์ในการเล็งเป้าหมาย

     ผู้เขียนติดตั้งแท่นยิง Spike-ER ไว้แทนที่ตำแหน่งปืนกลอัตโนมัติ 12.7 มม.กลางเรือ และได้ติดปืนกล 12.7 มม. ไว้ด้านท้ายเรือเพิ่มเติมซึ่งสามารถถอดประกอบได้โดยง่าย สาเหตุเนื่องจากตำแหน่งนี้มีความสุงมากพอที่จรวดจะไม่โดนน้ำทะเลรบกวน อีกทั้งยังไม่เกะกะในกรณีต้องการตั้งตั้งตู้คอนเทนเนอร์อเนกประสงค์เพิ่มเติม


     5 เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งติดอาวุธจรวดอเนกประสงค์ LMM จรวด Lightweight  Multirole  Missile ของ Thales สามารถติดตั้งบนเรือได้ถึง 2 ระบบด้วยกัน แบบแรกคือแท่นยิงขนาดเล็กพร้อมจรวดระยะยิงไกลสุด 8 กิโมเมตรจำนวน 4 นัด แบบที่สองคือติดด้านขวามือของระบบปืนกลอัตโนมัติ DS-3OM โดยมีความจุสุงสุดถึง7 นัด


     ผู้เขียนไม่ค่อยชอบระบบที่ติดจรวดข้างปืนกลเท่าไหร่นัก แม้จะประหยัดพื้นที่บนตัวเรือและมีจำนวนจรวดมากกว่ากันก็เถอะ เป็นเพราะด้านหน้าเรือจะโดนทั้งลมและคลื่นซัดใส่ตลอดเวลา ถึงจะเป็นจำนวนไม่มากแต่ก็ทำให้จรวดมีความเสี่ยงที่จะโทรมเร็วกว่าตำแหน่งอื่น นอกจากนี้ถ้าระบบอาวุธตรงนี้ใช้งานไม่ได้นั่นหมายถึงอาวุธทั้ง 2 ชนิดจะหายไปเลย การแยกแท่นยิงของจรวดออกจากปืนกลน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด (ในกรณีที่สามารถเลือกได้นะครับ) จรวดอเนกประสงค์เหมาะสมกับภาระกิจลาดตะเวณในน่านน้ำที่อาจจะมีความเสี่ยง แต่กับน่านน้ำที่มีความสุ่มเสี่ยงสุงมากเช่นบริเวณชายแดน แนะนำว่าใช้เรือตรวจการณ์ที่ใหญ่กว่านี้หรือเรือรบจริงๆเลยจะดีกว่า


ความเหมาะสมและอุปสรรคของโครงการ


     โครงการเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.997 เป็นการต่อยอดมาจากของเดิมที่มีประจำการอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงใช้ระบบและอาวุธต่างๆใกล้เคียงกัน ทำให้ใช้งานดูแลและซ่อมบำรุงได้อย่างไม่ติดขัด ผู้เขียนขอสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่ถ้าได้เริ่มต้นหลังเรือชุด ต.994 เข้าประจำการใหม่ๆ ทว่า 3 ปีผ่านไปมีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลง ทำให้ความเหมาะสมในการสร้างเรือชุดนี้เข้าประจำการดูจะมีอุปสรรค แต่เป็นอุปสรรคที่ส่งผลดีมากกว่าผลเสียนะครับอย่างเพิ่งตกใจไป ปัจจัยสำคัญบางประการที่ส่งผลกระทบโดยตรงมีดังนี้


เรือตรวจการณ์ระยะปานกลาง  M58  หรือเรือชุดเรือหลวงแหลมสิงห์


     วันที่ 25 สิงหาคม 2558 ได้มีพิธีปล่อยเรือหลวงแหลมสิงห์ลงน้ำ เรือตรวจการณ์ระยะปานกลางลำใหม่มีความยาว 58 เมตร กว้าง 9.30 เมตร กินน้ำลึก 2.50 เมตร ระวางขับน้ำสูงสุด 520 ตัน ความเร็วสูงสุด 23 นอต ระยะปฏิบัติการ 2,500 ไมล์ทะเล มีความคงทนสภาวะทะเลระดับ 4 ( SEA STATE 4 ) ออกปฏิบัติงานในทะเลต่อเนื่องได้ 7 วัน กำลังพลประจำเรือ จำนวน 53 นาย ติดตั้งปืนใหญ่อัตโนมัติ 76/62 มม. 1 กระบอก ปืนกลอัตโนมัติ  30 มม.จำนวน 1 กระบอก และปืนกล 12.7 มม. อีก 2 กระบอก ด้านท้ายเรือออกแบบให้ติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์อเนกประสงค์หรืออาวุธจรวดได้ ระบบอำนวยการรบ Thales TACTICOSระบบออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง Thales  Mirador เรดาร์เดินเรือ Furuno จำนวน 2 ระบบ S-Band และ X-Band


     ที่เขียนมาทั้งหมดใช้งบประมาณรวมแค่เพียง 699ล้านบาทต่อลำ เทียบกับราคาเรือ ต.991คือ 637 ล้านบาทแล้วนับว่าไม่แพงเลย ได้เรือที่ใหญ่กว่าเดิมติดอาวุธดีกว่าเดิมทั้งที่สร้างห่างกัน8ปีเต็ม รองรับการติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้ดีกว่ามีพื้นที่ว่างมากกว่าระวางขับน้ำมากกว่าและเหมาะสมมากกว่า เพราะฉะนั้นถ้ากองทัพเรืออยากได้เรือตรวจการณ์ที่สามารถติดจรวดต่อสู้เรือรบเพิ่มได้ล่ะก็ เรือหลวงแหลมสิงห์คือคำตอบที่เหมาะสมที่สุดแล้ว


เรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ M36 หรือเรือชุด ต.111


     เรือหลวงแหลมสิงห์มีความเหมาะสมกับการติดอาวุธจรวดเพิ่มเติม อีกทั้งมีขนาดใหญ่กว่าติดอาวุธที่ดีกว่าและอานุภาพรุนแรงกว่า จึงเหมาะสมกับภาระกิจลาดตระเวณในน่านน้ำที่มีความสุ่มเสี่ยงสุงมากกว่า แต่เพราะเรือมีขนาดใหญ่กว่าจึงมีระวางขับน้ำมากกว่าเรือชุด ต.994 ถึง 300 ตัน ถ้านำมาใช้งานทดแทนในภาระกิจตรวจการณ์ทั่วๆไปแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายทั้งส่วนของเรือและลูกเรือสุงมากกว่าแน่นอน ทว่าก่อนหน้านี้เพียง 1 ปีกองทัพเรือได้นำเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือชุด M36 หรือเรือชุด ต.111 เข้าประจำการจำนวน 3 ลำเรียบร้อยแล้ว


    เรือ ต.111 มีความยาว 36 เมตร กว้าง 7.60 เมตร กินน้ำลึก1.70 เมตร ระวางขับน้ำเต็มที่ ประมาณ 150 ตัน ความเร็วสูงสุด 27 นอต ระยะปฏิบัติการ 1,200 ไมล์ทะเล สามารถปฏิบัติการในสภาวะทะเลได้ถึง Sea State 5 ปฏิบัติการทางเรือได้อย่างต่อเนื่องในทะเลได้ 10 วัน ติดอาวุธปืนกล 20 มม. 1 กระบอกและปืนกล 12.7 มม.อีก 2 กระบอก ด้านท้ายเรือถูกออกแบบให้ติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์อเนกประสงค์หรืออาวุธจรวดเพิ่มเติมได้ งบประมาณในการต่อเรือทั้ง 3 ลำอยู่ที่ 553 ล้านบาท หรือลำละ 184.3ล้านบาท


     จะเห็นได้ว่าเรือชุดนี้มีขนาดใกล้เคียงกับเรือชุด ต.991 มาก แต่มีความอเนกประสงค์ในการใช้งานเทียบเท่าเรือชุด ต.994 สามารถปรับเปลี่ยนภารกิจได้อย่างยืดหยุ่น (Flexible Mission) แม้กระทั่งภาระกิจขนน้ำมันหรือน้ำจืดก็สามารถทำได้ และทำได้ดีกว่าเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งทั้ง 2 รุ่นที่ไม่รอบรับภาระกิจแบบนี้ ถ้านำเรือมาติดตั้งปืนกลอัตโนมัติขนาด 30 มม. ระบบอำนวยการรบ Thales TACTICOS และระบบออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง Thales  Mirador ผู้เขียนคิดว่าจะสามารถใช้งานเรือได้ไม่ต่างไปจากของเดิม โดยที่ราคารวมหลังติดตั้งอุปกรณ์ทั้งหมดจะต่ำกว่าเรือชุด ต.994 อยู่บ้าง เรือ ต.111 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 3 เครื่องพร้อมเพลาใบจักร 3 เพลา สามารถเลือกใช้งานเครื่องยนต์ทั้งหมดหรือเฉพาะบางเครื่องได้ มีความยืดหยุ่นมากกว่าและน่าจะมีค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติงานถูกลง


     จริงอยู่ว่าเรือชุด ต.991และ ต.994 ออกแบบให้เป็นเรือรบอย่างแท้จริง ขณะที่เรือชุด ต .111 ถูกออกแบบให้เป็นเรืออเนกประสงค์รุ่นใหม่ก็ตาม แต่ภาระกิจและความเหมาะสมในปัจจุบันนี้ผู้เขียนมองว่า ใช้เรือชุดเรือหลวงแหลมสิงห์ในภาระกิจลาดตระเวณในน่านน้ำที่มีความสุ่มเสี่ยงสุงมาก และใช้เรือชุด ต.111 ในภาระกิจสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ  ตรวจสอบเรือต้องสงสัย ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ลาดตระเวนป้องกันการแทรกซึมในน่านน้ำทั่วไป รวมทั้งคุ้มครองเรือประมงและทรัพยากรธรรมชาติ น่าจะเหมาะสมมากที่สุดแล้ว

เรือ ต.111 จอดเทียบข้างเรือ ต.994 จะเห็นได้ว่ามีขนาดใกล้เคียงกันมาก


สรุปส่งท้ายและอุตสาหกรรมการต่อเรือภายในประเทศ


     โครงการเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.997  อาจจะมีการพัฒนาต่อหรือไม่มีอีกต่อไปแล้วก็เป็นได้ แต่พัฒนาการของการต่อเรือภายในประเทศไทย สามารถเดินหน้าได้อย่างรวดเร็วเกินความคาดหมายผู้เขียนอยู่บ้าง เรามีเรือตรวจการณ์รุ่นใหม่ที่มีแบบเรือทันสมัยและเหมาะสมกับการใช้งานจริง ปัจจุบันอนาคตและต่อๆไปกองทัพเรือไทยไม่จำเป็นต้องซื้อเรือตรวจการณ์ขนาดเล็กจนถึงขนาดกลางจากต่างประเทศเลย โครงการเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งเราก็สร้างสำเร็จไปแล้ว 1 ลำ และยังมีความต้องการอีกอย่างน้อย 3 ลำแน่นอนครับต้องสร้างเองในประเทศ  โครงการเรือฟริเกตสมรรถนะสุงแบบเรือเกาหลีใต้  กองทัพเรือได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะประกอบเรือลำที่ 2 ภายในประเทศ อุตสาหกรรมต่อเรือของเราดีมากขึ้นตามลำดับ แม้จะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง อาทิเช่น อู่ต่อเรือหลายแห่งไม่มีอุปกรณ์ทันสมัยหรืออาคารในร่มขนาดใหญ่ ความล่าช้าของโครงการต่างๆ รวมถึงปัญหาหน้างานที่ต้องแก้ไขกันวันต่อวัน
     ถ้าเราสามารถบริหารข้อบกพร่องๆต่างได้ดีมากขึ้นหรือทำให้หมดไปได้เลย ในอนาคตข้างหน้าเราอาจได้เห็นเรือฟริเกตที่ออกแบบเองในประเทศวิ่งโชว์ธงไปทั่วโลกก็เป็นได้ ผู้เขียนคาดหวังไว้ว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้ในอนาคตไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า ถึงตอนนั้นเราคงได้พูดคุยกันอีกครั้งด้วยหัวใจที่พองโตมากกว่าเดิม


                                                 --------------------------------------------------------------------


อ้างอิงจาก

 

http://thaimilitary.blogspot.com/2015/09/pgm-997-997.html
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B4_80_%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%B2
http://www.thaiarmedforce.com/distribution/viewtopic.php?f=6&t=3013&start=15
http://www.komchadluek.net/detail/20120625/133610/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%9E.%E0%B8%97%E0%B8%A3.%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4.html
https://en.wikipedia.org/wiki/C-704
https://en.wikipedia.org/wiki/Penguin_%28missile%29
http://pantip.com/topic/34025685   

---------------------------------------------------------------------------





ความคิดเห็นที่ 1


ทำไมผมอ่านไปอ่านมา รู้สึกเหมือน ทร. ทำเรือ มาคู่แข่ง  2 เจ้า

1. ต.991 994 997

2. m36 m58 

โดยมีขนาด และวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ที่คล้ายกันมาก

โดยคุณ delete เมื่อวันที่ 18/09/2015 16:49:15


ความคิดเห็นที่ 2


โดยส่วนตัวผมมองว่าเป็นเรื่องดีครับ เพราะเป็นครั้งแรกที่ทร.มีทางเลือกในการจัดหาเรือเข้าประจำการ เราเคยเห็นต่างประเทศเขามีแบบเรือเยอะมากให้เลือกก่อนจะตัดสินใจเอาซักแบบ หรือจะคาราคาซังอย่าง LCS-1 กับ LCS-2 อะไรแบบนี้ก็มี แต่ในอดีตจนถึงทุกวันนี้เราไม่เคยมีมาก่อน อย่างดีก็มีให้เลือกเฉพาะตอนซื้อเรือรบราคาแพงมากๆจากต่างประเทศเท่านั้น ส่วนเรือขนาดเล็กก็ใช้ตามมีตามเกิด ตรงตามความต้องการหรือไม่ก็ต้องลากยาว

 

ต.991 ณ.วันนั้นดีที่สุดที่เรามีแล้ว แต่วันนี้เรามีทางเลือกเพิ่มยังไงล่ะครับ เพราะอุตสาหกรรมการต่อเรือของเรารุดหน้ามากขึ้นแต่ละอู่ต่อเรือมีความสามารถดีขึ้นกว่าเดิม  ตอนมาร์ซันต่อเรือต.992 ต.993 เจ้าของเองยังไม่มั่นใจเลยว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ เวลาผ่านไปไม่นานอู่นี้แข็งแกร่งขึ้นมีสินค้าหลากหลายให้เลือก ผมถือเป็นเรื่องที่ดีมากครับ ส่วนทร.จะเลือกทำต.997ต่อหรือหรือไม่อันนี้ผมไม่รู้หรอก เพียงแต่มองว่าปัจจุบันเรืออเนกประสงค์มันมีประโยชน์มากกว่าเรือที่ออกแบบมาสำหรับรบอย่างเดียวไปแล้ว

 

 

โดยคุณ superboy เมื่อวันที่ 18/09/2015 20:37:03


ความคิดเห็นที่ 3


......เป็นบทความที่ดีมากครับ..คุณ Boy ....มีการเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน

......และมีบทเสนอแนะที่เป็นประโยชน์...อย่างมีเหตุผล...น่าจะเอาไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจได้..ครับ

......สรุปว่า

......เรือที่เหมาะสมกับ ท.ร. ในอนาคต ก็คือ M36 (ต.111 ) กับ M58  (แหลมสิงห์)

......ส่วนเรือ  ต. 99x  ควรเว้นวรรณไปได้แล้ว (เพราะมีราคาสูง กว่าเมื่อเทียบกับภาระกิจที่เรือ M36 ก็ทำได้)

......ส่วน M58 มีราคาแพงกว่า ต. 99x ไม่มากนัก แต่มีปืนที่มีสมรรถณะเหนือกว่า..และมีระยะปฏิบัติการมากกว่า

(ซึ่งมีราคาแพงกว่าไม่มากนัก เมื่อเทียบกับคุณค่าที่เพิ่มขึ้นมามากขึ้น  ราคาต่างกันแค่ 699-523=176 ล้านบาท)

....เรือ ต. 99x  ราคา  (523-637)   ล้านบาท (ขึ้นกับอาวุธ)

....เรือ ต. 111 ราคา 185 ล้านบาท    (เรือ ต. 99x จำนวน 1 ลำ สร้างเรือ ต. 111 ได้เกือบ 3 ลำ..เลย..ครับ)

....เรือ M 58  ราคา 699  ล้านบาท

...ผมเห็นด้วยเลย..ครับ

 

โดยคุณ airy เมื่อวันที่ 18/09/2015 23:18:17


ความคิดเห็นที่ 4


...แต่เรือ M36 (ต. 111) ต้องทำการปรับปรุงให้เหมาะสมเพิ่มขึ้นบ้าง...นะครับ

...เช่น อาวุธปืนหลัก ควรเป็น 30 ม.ม. (ไม่รู้เรือ อลูมิเนียมเบาๆ จะติดตั้งได้เปล่า...ไม่รู้..)

...ขนาดความยาวเรือควรเพิ่มขึ้นอีก...คือควรมีขนาด 40-42 เมตร นะครับ (โดยความเร็วเท่าเดิม)

....เรือใหญ่ขึ้นคุณค่าเชิงอเนกประสงค์จะเพิ่มขึ้นได้มาก (โดยไม่เพิ่มระวางเชื้อเพลิง และน้ำจืด)

...เรือ  M36  Sea state 5  

...เรือ  M58  Sea state 4  (สงสัย ทำไม ความทนทะเลมันต่ำกว่า M36 ครับ)

...เรือ  ต. 99x  Sea state 4

....ก็ขอเสนอแนะบ้างนะ..ครับ...(แบบ.....อยากมีส่วนร่วมบ้าง... นะ ครับ...5555''''''') 

โดยคุณ airy เมื่อวันที่ 18/09/2015 23:41:05


ความคิดเห็นที่ 5


มาร์ซันระบุว่าM36รองรับปืนกลขนาด30มม.ครับท่านairy เอาปรับปรุงติดอาวุธและระบบอำนวยการรบแล้วผมว่าก็ยังถูกกว่าต.994

ส่วนเรื่องทนทะเลผมว่าพอๆกันนะแต่ให้ตอบชัดๆไม่รู้แฮะ อาจจะเป็นผลการทดสอบจากโปรแกรมก็ได้

โดยคุณ superboy เมื่อวันที่ 19/09/2015 10:07:39


ความคิดเห็นที่ 6


ร้อยบุปผางามพร้อมพักต์ ร้อยสำนักประชันเสียง........... ถ้าฟังในมุม ปรองดอง ก็ต้องบอกว่า หลากความคิดนำพาสู่ศิวิไลซ์ ก้าวหน้า............... แต่ชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย  ............. คอนฝลิค เมเนจเมนท์     ........... ...................... แอปเปิ้ล เทียบแอปเปิ้ล ในราคาแอปเปิ้ล.........ตะขบ เทียบ ตะขบ ในราคา ตะขบ..........แค่นั่งรอชม.................

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 19/09/2015 11:06:44


ความคิดเห็นที่ 7


.....เรืออลูมิเนียมนี่...ยังไงก็อย่า...เอาไปใช้ใกล้...ชายแดนมาก  นะครับ

.....โดยเฉพราะชายแดนที่มัน....โหด..โฉด...เหี้ยม...คุยไม่ค่อยรู้เรื่อง

......เพราะถ้ามันยิงก่อน...ละก็...สวนกลับไม่ทัน...แน่....(เหมือนของเกาหลี..กลายเป็น...เกาเกลาไปซะงั้น)

.....ชายฝั่งใกล้ชายแดน....ก็เอาแหลงสืงห์....มีปืนกระบอกโตๆ....ไปแทน

.....ยังไง....มันก็ต้องสกดใจตัวเองให้อยู่....ถ้าล้ำเส้น...มันก็จะซวยเอง

โดยคุณ airy เมื่อวันที่ 19/09/2015 14:47:22


ความคิดเห็นที่ 8


ที่โฆษณาว่าเรือชุด ต.994 สามารถติด อวป c-704 ได้ นอกจากมีพื้นที่พอติดตั้งตัว อวป. ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรรองรับ

เรดาร์ไม่มี ระบบ มิราดอร์อย่างเดียวนี่เพียงพอหรือไม่ ระบบอำนวยการรบสามารถ integrate ได้หรือไม่

ส่วนตัวผมว่าเรือไม่ได้ตั้งใจทำมารองรับจริงๆ แค่เป็นกิมมิคในการโฆษณาเท่านั้น ว่าเรือที่เราทำเองออกแบบเองมีความสามารถทำเรือรบเต็มรูปแบบได้

ว่าแต่จะติด spike ไม่เอารุ่น nlos ไปเลยล่ะครับ

โดยคุณ toeytei เมื่อวันที่ 19/09/2015 23:02:26


ความคิดเห็นที่ 9


ขอโทษครับท่านซูเปอร์บอย ชุด ต.997 จะดึงเอาปืน 30มม.จากชุด 994 เหรอครับ...จริงๆ น่าจะถอดจากชุด 991 ที่มีลำละสองกระบอกมากกว่าหรือเปล่า?

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 19/09/2015 23:23:02


ความคิดเห็นที่ 10


ขอบคุณท่าน terdkiet มากครับ แก้ไขแล้วพลาดอย่างแรงนิ

ผมเห็นด้วยกับท่าน toeytei นะเรื่อง ต.994 ส่วนทำไมไม่ติด spike nlos คือยังไม่เห็นเรือเล็กขนาดนี้ติด และที่สำคัญรุ่นใช้งานทางทะเทมันเป็นแท่นยิง8นัดพร้อมกล้องเล็ง มีลูกค้าแล้วนะครับคือ Azerbaijanที่ จะซื้อไปตืดกับเรือ Saar 62 ซึ่งมีความยาว62เมตรและระวางขับน้ำ 470 ตัน โดยที่แท่นยิงบรรจุ 8 นัดพร้อมจรวดสำรองอีก 12 นัด ขนาดเท่าๆกับเรือหลวงแหลมสิงห์เราเลยนะ จะเอา spike nlos มาติด ต.997 อาจจะต้องปรับปรุงจุดติดตั้งให้รองรับ และที่สำคัญแพงขึ้นทั้งแท่นยิงและจรวดรวมทั้งปริมาณ (ไป M58เลยดีกว่าไหม ระยะยิงด้อยกว่าหัวรบเล็กกว่าC-704ก็จริง แต่ปริมาณเยอะกว่าจรวดถูกกว่าและติดตั้งง่ายกว่า) กระทู้นี้จินตนการอย่างเดียวนะครับไม่มีเรื่องจริงเลย

 

โดยคุณ superboy เมื่อวันที่ 20/09/2015 08:46:00


ความคิดเห็นที่ 11


พูดถึงเรือM36/ต.111-113 ท่านsuperboy วาดไปรึยังครับ

โดยคุณ Phu2000 เมื่อวันที่ 22/09/2015 15:33:17


ความคิดเห็นที่ 12


ยังไม่ไ่ด้วาดเรือต.111ครับท่านภู อันที่จริงผมวาดเรือM39ของการท่าเรือไว้นิดเดียวแล้วเกิดขี้เกียจ มีเรือที่วาดค้างไว้เยอะเหมือนกันว่าจะเอาไว้ต่อตอนหน้าหนาวโน่น สนใจลำไหนเชิญก่อนได้เลยนะครับเพราะผมยังไม่มีแผนที่ชัดเจน นาทีนี้ติดเกาะอยู่ที่เวียตนามคาดว่าจะออกมาได้ในอาทิตย์นี้แหละ *__*

โดยคุณ superboy เมื่อวันที่ 22/09/2015 19:14:26


ความคิดเห็นที่ 13


คุณบอย...ครับ

เรือเล็กๆ ความยาว 40-50 เมตร  นี่....ผม ....ว่าใช้ Touch scale แค่ 50 เมตร ก็พอครับ...

อย่าใช้ทัดสเกล เป็นร้อยเมตรเลยครับ....มันมองไม่เห็น..นะ   ครับ (ยิ่งเล็กยิ่งมองรายละเอียดไม่เห็น)

ส่วนเรือขนาด 20-30 เมตร  ก็ใช้  ทัดสเกล สัก 30 - 40 เมตรก็พอ.....ครับ....

รูปเรือมันจะได้ใหญ่ขึ้น   เพราะยังไง  เรือใหญ่กับเรือเล็กที่ต่างกันมาก  มันก็ไม่ได้เอามาเทียบกันอยู่แล้ว  ครับ...

โดยคุณ airy เมื่อวันที่ 22/09/2015 19:39:35


ความคิดเห็นที่ 14


มันเป็นขนาดมาตราฐานของเว็บที่ผมใช้งานน่ะครับท่าน airy  ไม่อย่างนั้นจะคุยกับคนอื่นๆไม่ได้ ส่วนจะวาดเรือเล็กให้มีขนาดที่ใหญ่กว่านี้รู้สึกจะใช้ format FD Scale หรือไงนี่แหละ ก็ยังไม่เคยลองวาดดูซักทีเหมือนกัน ผมถนัดแค่ขนาดนี้กับภาพสเก็ตเรือจริงๆน่ะครับ (ซึ่งมาตราฐานขึ้นอยู่กับอารมณ์ล้วนๆ) อีอย่างหลังนี่ไม่ได้ทำมานานแล้วด้วยเพราะพักหลังหลอกสาวๆเป็นนางแบบไม่ได้ โฮ่ๆๆๆ

โดยคุณ superboy เมื่อวันที่ 22/09/2015 20:17:00