ต่อไปเวลาเกิดสงคราม... สมมุติ โดนล้อมอ่าว 

เป็นผม ผมสั่งยิงเรือทุกลำที่มันขับออกมาเลยละกัน ไม่ทงไม่ถาม สุขภาพสากกก คำ

ยอมไหมละ... 

ได้ทั้งนั้นแหละครับ ผมว่า วิศวกร หรือดีไซเนอร์ เค้าไม่ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์หลอกครับ มีแต่พวกไม่มีหัวคิด หรือไม่เคยทำงานจริงๆเท่านั้นแหละที่จะปฎิเสธแนวคิดแบบนี้ตั้งแต่ต้นว่าเป็นไปไม่ได้ จริงๆในขั้นตอนการออกแบบ อย่างขั้นรวบรวมความคิด เค้าไม่มีการปฎิเสธแนวคิดใดๆของทุกคนในทีมนะครับ ส่วนจะทำได้ ทำไม่ได้ คุ้มค่า ไม่คุ้มค่า ก็อยู่ในขั้นตอน ต่อๆไปครับ

อย่าไปสนใจพวกไม่สร้างสรรค์ครับ จะทำให้ตัวเราโง่ลงตามเค้าเปล่าๆ

ในทางเทคนิคการสร้างมันไม่ได้มีอะไรยากเลย แต่อย่างที่คุณ aomphet บอกล่ะครับ การเอาทหารไปปะปนกับภาคพลเรือนมันเป็นวิธีกองโจรซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ก็ไม่ต่างกับการใช้โล่มนุษย์นั่นแหละครับ

การทำได้หรือไม่ได้นี้ มีความหมายทั้งอย่างกว้างและอย่างแคบนะครับ อย่างเช่นถ้าถามว่า ผมสามารถหอมแก้มสาวบนสถาณีรถไฟฟ้าได้หรือไม่ ถ้าตอบอย่างกว้าง ก็อาจตอบว่า ทำได้ (ถ้าคิดจะทำ) ถ้าตอบอย่างแคบก็อาจจะตอบว่า ทำไม่ได้ (เพราะทำแล้วจะเกิดเรื่อง) ขึ้นอยู่กับว่า จะมองในแง่มุมไหน

สำหรับเรื่องนี้ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับกับ Reply แรกครั้ง คือไม่ควรทำครับ

toyota nissan mitsubishi ford chevrolet isuzu hino ben boeing airbus  ผมไม่เคยเห็น "การเอาทหารไปปะปนกับภาคพลเรือน" ไม่เคยเห็นเลยจริงๆ(เสียงสูง)เหรอ ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 โน่นแหละครับ ยันปัจจุบัน ทั่วโลกเค้ามีครับผม ไม่ต้องเอาไกลครับ รถขนทหารราบเรา รถขนรถฐานจรวด DTI ยี่ห้ออะไรจำกันได้ไหมครับ ไม่ปะปนเลย ฮ.ฮิวอี้ เราในโลกนี้ไม่มีพลเรือนใช้เลย ฮ.ทัพบกเราอีกเยอะ ท่าสีเขียวก็โจรแล้วผมว่า เอาใหม่ๆเห่อๆ Saab 340 พลเรือนเค้าไม่มีใช้กันเลยครับผม เค้าสร้างมาเพื่อกองทัพไทยเท่านั้น นกแอร์ผมยังหานั่งไม่ได้เลยจริงๆนะ ใครทะลึ่งเอาเรดาห์ไปติดมันแล้วเอามาใช้ทางการทหาร โจรครับโจร กองโจรไทย ถ้าคิดได้แค่ เอาปืนไปติด รถ เรือ เครื่องบิน แล้วเราจะกลายเป็นโจร หรือใช้โล่มนุษย์ ผมว่าคุณก็ดูถูกสติปัญญา มนุษย์ ทหาร เกินไปครับ เค้ามีขั้นตอนการพิสูตรทราบฝ่ายอยู่ครับ ไม่ใช่เห็นแต่ยี่ห้อก็ยิงเลย ไม่ต้องพูดถึงเรือที่ต่อออกมาแถบไม่เหมือนกันเลย

ถ้ามันเป็น "วิธีกองโจรซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ก็ไม่ต่างกับการใช้โล่มนุษย์นั่นแหละครับ" จริงๆ กองทัพทุกประเทศก็เป็นโจรกันหมดแหละครับ ผมเชื่อว่าทหารเค้าไม่โง่อย่างที่คุณคิดอะครับผม

ใจเย็นๆก่อนครับคุณ potmon คุยกันเล่นๆไม่ต้องขนาดจริงจังก็ได้นะครับ สำนวนภาษาก็เพลาๆ หน่อยเพื่อความสงบสุขในการตอบกันดีกว่า

ผมก็เข้าใจคุณนะ แนวคิดกาลไกลดี แต่อาจจะเข้าใจผิดนิสหนึ่ง(เสียงสูง) 

ผมเข้าใจคุณว่า หมายถึง  การใช้ของพลเรือน ปะปนกับของกองทัพ มีอยู่เยอะก็จริง

แต่! ในกรณีในคลิปที่คุณ จขกท.นำมาลงคือ ตู้คอนฯ ซอนมิสซาย บรรทุกในเรือสินค้า... ในกรณีเรือบรรทุก มันมาจริงๆ แต่ส่งสัญญาณพิสูตรทราบฝ่าย หรือบอกตนเอง ว่าเป็นเรือสินค้า แหม... มันส์กันเลยที่เดียวครับ ยิ่งในกรณีในการเอาเรือรบเทียบข้าง เพื่อขอทำการตรวจสอบ นั้นคือต้องเข้าใกล้เรือสินค้า นั้นหมายความว่า เรือรบอาจจะโดนจมได้เสมอ 

เป็นผมก็สั่งยิงทิ้งตั้งนานแล้ว ไม่ต้องไปตรวจให้กลัวตาย 

แน่นอนงานนี้ ความลำบากตกอยู่ที่ เรือสินค้าทุกลำ

(BO 747 / 474 อันนี้เหมือนทหารเขาจะไม่ใช้เหมือนกันนะครับ แต่โดนยิงตก บ็อย บอย.... หรือผมจำผิดรุ่นฟ่ะ..... )

อืมนะ.......ทุกอย่างมันสามารเป็นแนวความคิดได้ทั้งนั้นแต่บางครั้งแนวความคิดก้ไม่สามารทำได้จริงทั้งหมด อาจจะนำมาแค่บางส่วน...แต่สำหรับสิ่งที่เห็นในคลิปนั้น(เห็นมานานแล้วของพี่หมีเค้ามั้ง) ถ้าในช่วงสงครามและมีข่าวทางลับมาเรือลำนั้นต้องโดนบล็อคและตรวจค้นแน่นอนและอาจถูกจม โดยที่ลูกเรือไม่รู้อะไรนอกจากกัปตันที่รู้.....และกรณีของอุปกรณ์ทางทหาร(ขอใช้คำว่าอุปกรณ์ก็แล้วกันเพราะมันมีหลากหลาย)ก็มาจากพลเรือนทั้งนั้นล่ะไม่ว่าจะเป็น รถ เรือ เครื่องบิน ยกเว้นสิ่งที่สร้างมาเพื่อทหารโดยเฉพาะ และแน่นอนอุปกรณ์ที่เป็นของพลเรือนเอามาทำอุปกรณ์ทางหทารย่อมมีข้อแตกต่างเช่น สี อุปกรณ์ที่ติดตั้ง รหัส เลขทะเบียน ง่ายๆกรณีเครื่องบินและ ฮ.  เช่น ฮ. เจ็ทแร็งเยอร์ถ้าเป็นของพลเรือนจะมีสีสด ถ้าเป็นของทหารจะเป็นสีเขียวทึบ เทาลายพลาง  และมีอุปกรณ์ยื่นออกมาหรือโด่เด่อยู่ข้างบน..เป็นผล เอ๊ย! เป็นต้น.....ไม่มีใครโง่หรือฉลาด มีแต่คนที่รู้ก่อนรู้ทีหลัง และคนไม่รู้ คนไม่รู้ไม่ได้แปลว่าโง่.....

ประเด็นที่ผมพูดถึงคือเรื่องของ identification ไม่ใช่ว่าทุกอย่างต้องห้ามใช้ปนกัน (ไม่อย่างนั้นอาจต้องเอาเอเลียนมาเป็นทหาร เพราะเดี๋ยวสับสนทหารมนุษย์กับชาวบ้านธรรมดา) ซึ่งคุณก็บอกเองว่า"เค้ามีขั้นตอนการพิสูตรทราบฝ่ายอยู่ครับ"

สรุปได้ว่า ถ้าพิสูจน์ทราบฝ่ายได้ โอเค ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ ไม่โอเค

เผอิญว่ามิสไซล์ตัวนี้ในคลิปโฆษณาจุดประสงค์คือการพรางให้อีกฝ่ายนึกว่าเป็นเรือพาณิชย์ เรือขนคอนเทนเนอร์ทั่วไป เพราะฉะนั้นคือการทำให้ไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ว่าเป็นทหารหรือพลเรือน (ให้คิดว่าเป็นพลเรือนนั่นแหละ) แล้วก็ลอบโจมตี ซึ่งแบบนี้แหละคือสไตล์กองโจร

อย่างกรณีโคลัมเบียให้ทหารแต่งลายกาชาดแล้วเข้าจู่โจมช่วยตัวประกันจากฝ่ายกบฏ ทำให้กาชาดสากลออกมาโจมตี เพราะในอนาคตกาชาดจริงๆอาจจะไม่สามารถเข้าช่วยเหลือเหยื่อสงครามในพื้นที่สงครามได้เพราะกองกำลังที่รบกันไม่ไว้ใจนึกว่าเป็นอีกฝ่ายพรางมา คนที่ซวยก็คือชาวบ้านเหยื่อสงครามที่จะไม่ได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์เพราะกาชาด (หรือหน่วยงานบรรเทาทุกข์อื่นๆ) ไม่กล้าเข้ามา

ถ้ามิสไซล์คอนเทนเนอร์นี้ทาลายทหารมีหน่วยมีสังกัดก็ไม่มีใครว่าหรอกครับ แต่ก็ไม่รู้จะเอาไปใส่คอนเทนเนอร์ทำไมเพราะจะไปขัดกับจุดประสงค์การครอบคอนเทนเนอร์ตั้งแต่แรก

ปล. (เรดาร์นี่ความจริงทางทหารมีใช้ก่อนภาคพลเรือนนะครับ แหะๆ)

ไหนๆก็เข้ามาเรื่องการโจมตีเรือพาณิชย์แล้ว ผมเลยคิดไปถึงสมัยสงครามโลกที่กองเรือ ด.เยอรมันจมเรือพาณิชย์รวมระวางขับน้ำไปเป็นล้านๆตัน ก็รู้ๆว่าไม่มีอาวุธแต่ก็ถูก ต อยู่ดี. เพื่อตัดเสบียง/ยุทธภัณฑ์ ผมว่าถ้ามันเป็นสงครามเต็มรูปแบบเรือพาณิชย์ก็โดนอยู่ดี(รึเปล่า)

จริงๆก็ทำได้ครับ และไม่ผิดอะไร ไม่ผิดสนธิสัญญาเจนิวาด้วยมั้ง แต่ก่อนจะยิงต้องประกาศตัวก่อนว่า ตัวคือเรือรบของชาติไหน ลองหาคำว่า False flag ในgoogle ดูครับ แต่ถามว่าควรหรือไม่ผมว่าไม่ควร

ผิดกฎสนธิสัญญาเจนีวาครับ มาตรา 37 วรรค (c)  ระบุว่าห้ามหลอกให้เข้าใจผิดว่าเป็นพลเรือนหรือไม่ได้ติดอาวุธ /ไม่ใช่หน่วยติดอาวุธ  กฎมันมีเยอะครับห้ามหลอกนู่นหลอกนี่ เอาอาหารหรือยามาฝังระเบิดหลอกอีกฝ่ายอะไรงี้ก็ผิดครับ

ตอนสงครามโลกทั้งสองครั้งที่เยอรมนีมีการยิงเรือพลเรือนนั้น ผิดแน่นอน แต่แหม เขาทำอะไรที่แย่ๆ กว่านั้นเยอะครับ ลองคิดดูว่าถ้าฝ่ายสัมพันธมิตรมีการขนอาวุธหนัก รถถัง หรือเครื่องบิน ระเบิด ฯลฯ ไปกับเรือพลเรือนโดยหลอกว่าเป็นเรือฝ่ายพลเรือน อย่างนี้เยอรมนีไม่มีข้ออ้างยิงเรือทุกลำกันพอดีเหรอครับ การจมเรือขนส่งเพื่อตัดซัพพลายผมมองว่าในทางนึงมันเป็นการรบเชิงยุทธศาสตร์ เหมือนๆ กับการเผาบ่อน้ำมันหรือบอมบาร์ดสนามบินและท่าเรือ ซึ่งของพวกนี้ส่วนใหญ่สามารถใช้ได้ทั้งทางทหารและพลเรือน และระหว่างสงครามมักถูกนำมาใช้ในทางทหารหมด ของอย่างนี้บางทีมันก็พูดยาก

แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมนะครับว่าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเถอะ