ลิงค์ต้นฉบับ --> South African Corvette Program
กองทัพเรือแอฟริกาใต้มีจุดกำเนิดย้อนกลับไปในปีคศ. 1861เมื่อมีการจัดตั้งหน่วยทหารเรืออาสาขึ้นมาครั้งแรกที่ Port Elizabeth ซึ่งในเวลานั้นยังเป็นประเทศในเครือจักรภพ แอฟริกาใต้ได้รับอิสรภาพจากสหราชอาณาจักรในปี 1931c]tล้มลุกคลุกคลานจากปัญหาภายในประเทศอยู่30ปีเต็มๆ จนรวมชาติได้สำเร็จและก่อตั้งเป็นสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ขึ้นในวันที่ 31พฤษภาคม พ.ศ.1961
หลังสงครามโลกครั้งที่2กองทัพเรือแอฟริกาใต้ประสบปัญหาใหญ่เหมือนอีกหลายๆประเทศในโลก เพราะอยู่ในสภาพเศรษกิจตกต่ำอย่างรุนแรงจึงไม่สามารถซื้ออาวุธใหม่ๆได้ พวกเขาใช้วิธีซื้อเรือรบมือ2ที่ปลดประจำการแล้วจากกองทัพเรืออังกฤษมาใช้งานไปก่อน วันเวลาผ่านมาเข้าสู่ทศวรรษ60เมื่อเศรษกิจดีขึ้นและความขัดแย้งภายในประเทศจางลง พวกเขาจึงริเริ่มโครงการจัดหาเรือรบรุ่นใหม่เข้ามาประจำการทดแทนของเดิม
ในปี1964ได้มีการซื้อเรือฟริเกตชั้นPresident ซึ่งก็คือเรือฟริเกตType 12Mของอังกฤษเข้าประจำการจำนวน3ลำ, ปี1970เรือดำน้ำชั้นDaphnéจำนวน3ลำจากประเทศฝรั่งเศส, ปี1977เรือเร็วโจมตีอาวุธนำวิถีชั้นWarriorหรือ Sa'ar 4จากอิสราเอลจำนวน9ลำ พวกเขายังได้สั่งซื้อเรือคอร์เวตชั้นA69จากฝรั่งเศสในปี1976จำนวน2ลำด้วยกัน เป็นเรือรุ่นใหม่ทันสมัยที่สุดติดอาวุธทำการรบได้ครบทั้ง3มิติ คือใต้น้ำ,บนผิวน้ำ,และบนอากาศ โครงการสุดท้ายก็คือการจัดหาเรือดำน้ำรุ่นใหม่ชั้นAgosta จากประเทศฝรั่งเศสจำนวน2ลำ
ทว่าในปี1977นโยบายการแบ่งแยกสีผิวก็สร้างปัญหาใหญ่ให้กับคนทั้งประเทศ เมื่อสหประชาชาติได้มีมติคว่ำบาตรสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ทั้งทางเศรษกิจ, สังคม,กีฬา, รวมถึงห้ามซื้อขายอาวุธใหม่ๆด้วย หนึ่งในรายชื่อที่โดนคว่ำบาตรเป็นเรือคอร์เวตA69ทั้ง2ลำที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง จนทำให้บริษัทผู้ต่อเรือต้องหาลูกค้ารายใหม่และอาเจนติน่าก็คือผู้ที่ซื้อเรือ2ลำนี้ไปแทน เรือดำน้ำAgostaประสบชะตากรรมเช่นเดียวกันและปากีสถานคือลูกค้ารายใหม่ (จะเห็นได้ว่าฝรั่งเศสมีดวงในเรื่องพวกนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พวกเขาจึงไม่ค่อยกังวลใจเท่าไหร่กับดีลเรือรัสเซียที่โดนแบนแบบเดียวกัน:ผู้เขียน)
และนั่นก็คือปัญหาหนักอกชิ้นสำคัญของกองทัพเรือแอฟริกาใต้ พวกเขาต้องประสบปัญหาไม่มีเรือรบขนาดใหญ่ใช้งานโดยไม่รู้ระยะเวลาที่แน่ชัด เคราะห์ซ้ำกรรมซัดยังโถมเข้ามาซ้ำเติมไม่หยุดหย่อน ในปี1982เรือฟริเกตSAS President Kruger ซึ่งเป็น1ใน2ลำที่ยังประจำการอยู่ได้ประสบอุบัติเหตุชนเข้ากับเรือบรรทุกน้ำมันขนาด18,000ตันของแอฟริกาใต้เอง เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีผู้สูญหายไปถึง16คนและเสียเรือรบไป1ลำ เมื่อเรือฟริเกตลำสุดท้ายปลดประจำการในปี1986 พวกเขาก็เหลือแค่เพียงเรือรบขนาดเล็กระวางขับน้ำ450ตันในการป้องกันประเทศ
SAS President Kruger ผู้แสนโชดร้าย
ARA Drummond (P-31) ของอาเจนติน่าเคยมีชื่อเก่าว่า SAS Good Hope
ในระหว่างที่ถูกคว่ำบาตรอยู่กองทัพเรือแอฟริกาใต้มีความพยายามจัดหาเรือรบใหม่หลายครั้งด้วยกัน โครงการจัดหาเรือคอร์เวตชั้นBaptista de Andradeของโปรตุเกสที่ต่อโดยอู่ต่อเรือBAZANประเทศสเปนในช่วงปลายทศวรรษ70 โครงการจัดหาเรือดำน้ำType 209จากเยอรมันในช่วงปลายทศวรรษ80 และโครงการพัฒนาเรือคอร์เวตขนาด1,500ตันและต่อเองในประเทศโดยอิงจากแบบเรือMeko140ของเยอรมัน แต่โครงการทั้งหมดไม่ประสบความสำเร็จแม้แต่น้อยเนื่องจากโดนบล๊อกในทุกด้าน
ปี1994สหประชาชาติมีมติยกเลิกการคว่ำบาตรสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ทั้งนี้เนื่องมาจากเนลสัน แมนเดลาได้รับการเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีและได้ยกเลิกนโยบายการแบ่งแยกสีผิว ในปีเดียวกันนั้นเองกองทัพเรือแอฟริกาเริ่มต้นโครงการจัดหาเรือคอร์เวตรุ่นใหม่ทันที พวกเขาได้มีการจัดเตรียมข้อมูลและความพร้อมต่างๆมาได้ระยะหนึ่งแล้ว มีอู่ต่อเรือจาก5ประเทศส่งแบบเรือเข้าร่วมเพื่อได้สัญญาต่อเรือรบจำนวน4ลำภายใต้โครงการชื่อProject Sitron การแข่งขันดำเนินไปอย่างรวดเร็วและเข้มข้นมีการตัดชื่อผู้ตกรอบออกไปทีละรายทีละราย จนกระทั่งถึงเดือนธันวาคม1994พวกเขาก็ได้2แบบเรือสุดท้ายเข้ารอบตัดเชือกหาผู้ชนะเลิศ แบบเรือF-592จากอู่ต่อเรือBAZANประเทศสเปนได้รับคะแนนมากที่สุด ทำให้แบบเรือF-3000จากอู่ต่อเรือYarrowประเทศอังกฤษต้องพบกับความผิดหวัง
แต่แล้วโครงการนี้ก็มีเรื่องดราม่าเกิดขึ้น เมื่อรองประธานาธิบดีThabo Mbekiได้เดินทางไปเยือนเยอรมันอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม1995 ระหว่างที่อยู่ในเยอรมันเขาได้ประกาศกับสื่อมวลชนว่าโครงการจัดหาเรือคอร์เวตยังไม่มีผู้ชนะและยังคงทำการเดินหน้าต่อไป นั่นหมายถึงอู่ต่อเรือจากเยอรมันและประเทศที่เคยถูกตัดชื่อออกจะได้รับโอกาสอีกครั้งหนึ่ง หลังสิ้นสุดโครงการมีเสียงครหาจากสื่อมวลชนเรื่องความไม่โปร่งใสของบริษัทจากเยอรมัน แต่ก็เป็นแค่ข้อกล่าวหาเพราะไม่มีหลักฐานอะไรมากกว่านี้ Project Sitronหยุดลงเป็นการชั่วคราวหลังจากนั้นไม่นานด้วยเหตุผลที่ผู้เขียนจะกล่าวถึงในลำดับต่อไป
กองทัพเรือแอฟริกาใต้ได้ระบุคุณสมบัติเรือคอร์เวตในโครงการนี้ไว้อย่างชัดเจน ต้องเป็นเรือที่ต่อด้วยมาตราฐานเรือรบระวางขับน้ำประมาณ2,500ตันขึ้นไป มีลานจอดและโรงเก็บรองรับเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำรุ่นใหม่ ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบCODAG (Combined diesel and gas) สามารถทำความเร็วสุงสุดได้มากกว่า 27 น๊อต อู่ต่อเรือจะก่อสร้างเฉพาะตัวเรือและติดอุปกรณ์เพียงแค่บางส่วน จากนั้นจึงเดินทางกลับมาติดระบบอาวุธและระบบเรดาร์ต่างๆในแอฟริกาใต้อีกที ผู้เขียนมีภาพวาดเรือที่เข้ารอบชิงทั้ง2ลำในโครงการนี้มาแสดงให้ได้ชมกันครับ
Bazan F590A : เป็นแบบเรือฟริเกตชั้น F592 ของBazan ระวางขับน้ำประมาณ2,500ตัน
GEC Marine F3000 : เป็นแบบเรือจากYarrow มีพื้นฐานมาจากเรือฟริเกตชั้นLekiu ของมาเลเซียซึ่งก็คือแบบเรือF2000นั่นเอง แต่การออกแบบสะพานเดินเรือและเสากระโดงหลักคล้ายคลึงกับเรือคอร์เวตชั้นNakhoda Ragam ของบรูไนอีก
อุปกรณ์หลักๆที่ติดตั้งบนเรือได้แก่
ปืนใหญ่ Oto melara 76/62 มม.จำนวน2 ระบบ
ปืนกลต่อสู้อากาศยาน Denel 35มม.ลำกล้องคู่ 1ระบบ
จรวดต่อสู้เรือรบ Skerpioen (หรือGabriel Mk 2) จำนวน8นัด
ตอร์ปิโดปราบเรือดำน้ำ 324มมแฝด3 จำนวน2แท่นยิง
ปืนกล12.7มม. 2 ระบบ
เรดาร์หลักThales MRR-3D NG Surveillance Radar 1ระบบ
เรดาร์เดินเรือ1ระบบ
เรดาร์ควบคุมการยิง Reutech RTS 6400 3ระบบ สำหรับจรวดSkerpioen 1ระบบ และอาวุธปืนจำนวน2ระบบ
เป้าลวง Super Barricade จำนวน2-4ระบบ
เดือนกันยายน1997 สาธารณรัฐแอฟริกาใต้เริ่มต้นโครงการจัดหาอาวุธที่ใหญ่โตที่สุดและซับซ้อนมากที่สุดเท่าที่ประเทศเคยมีมา The Strategic Defence Package มีมูลค่ารวม4.8พันล้านเหรียญสำหรับอาวุธทุกเหล่าทัพ ในส่วนกองทัพเรือประกอบไปด้วยเรือคอร์เวตจำนวน4ลำ, เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ4ลำ, และเรือดำน้ำโจมตี3ลำ กองทัพอากาศจัดหาเครื่องบินฝึกขั้นสุง24ลำ, เครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์28ลำ, และเฮลิคอปเตอร์อีกจำนวน48ลำ ส่วนกองทัพบกมีการจัดหารถถังหลักเข้าประการจำนวน108คัน ซึ่งจะทำให้กองทัพของแอฟริกาใต้แข็งแกร่งและมีความทันสมัยมากขึ้นในทุกๆด้าน
Project Sitron มีการเปลี่ยนคุณสมบัติของเรือให้ดีขึ้นกว่าเดิมโดยมีระวางขับน้ำ3,000ตันขึ้นไป ขณะเดียวกันมีการเปลี่ยนแปลงระบบอาวุธไปพอสมควร จรวดต่อสู้เรือรบ Skerpioen ถูกยกเลิกเพราะค่อนข้างล้าสมัยและยังต้องใช้เรดาร์ควบคุมการยิงอยู่ จรวดExocet MM40Block 2 ถูกเลือกให้มาทำหน้าที่แทน ถอดปินใหญ่76/62มม.ออกไป1ระบบแทนที่ด้วยจรวดต่อสู้อากาศยาน Umkhonto IRท่อยิงแนวดิ่ง โดยกำหนดให้เรือมีความสามารถรองรับการใส่จรวดได้มากสุดถึง32ท่อยิง ปืนกลต่อสู้อากาศยาน Denel 35มม.ลำกล้องคู่ใช้รุ่นใหม่ทันสมัยมากขึ้นมีความสามารถสุงพอที่จะเป็นระบบอาวุธป้องกันระยะประชิด
Project Siton RFI Value System (RFI : Request for Information) เป็นการพิจารณาคุณสมบัติเรือในรอบแรก เริ่มต้นในวันที่ 21 ตุลาคม 1997 มีบริษัทต่อเรือจำนวน7รายส่งแบบเรือของตนเองเข้าร่วมชิงชัย ทั้งที่กองทัพเรือแอฟริกาใต้ได้กำหนดคุณสมบัติไว้แล้วอย่างชัดเจน แต่ก็ยังมีกรณีแปลกให้ได้อ่านแล้วอมยิ้มกันด้วย บริษัทจากแคนาดาไม่ได้ส่งแบบเรือคอร์เวตแต่กลายเป็นเรือตรวจการณ์ความยาว55เมตรและ75เมตรแทน หลายบริษัทส่งแบบเรือใช้ระบบขับเคลื่อนไม่ตรงตามความต้องการ แบบเรือพวกนี้ถูกตัดทิ้งออกไปพร้อมกับแบบเรือที่คุณสมบัติขั้นต้นไม่ผ่าน Fincantieri FALCO จากอิตาลีส่งแบบเรือเข้าร่วมชิงชัยทั้ง2ครั้งและตกรอบเป็นรายแรกๆทั้ง2ครั้งเช่นกัน สรุปแล้วเหลือแค่5แบบเรือจาก4ประเทศที่ได้เข้าร่วมในโครงการนี้ได้แก่
- DCN La Fayette
- GFC MEKO 200 SAN
- GFC MEKO A200 SAN
-Bazan F590B
- GEC Marine F3000
ผลการให้คะแนนในรอบแรกแบบเรือ La Fayette จากฝรั่งเศสทำคะแนนได้ไม่ดีเอาเสียเลย คุณสมบัติโดยรวมของเรืออยู่ในอันดับ5 ราคารวมทั้งโครงการอยู่ในอันดับที่4 และคะแนนเฉลี่ยหล่นไปอยู่ที่5บ๊วยสุด ตามหลังแบบเรือจากอังกฤษที่มีคะแนนทรงตัวในทุกๆด้าน, แบบเรือจากเยอรมัน2แบบซึ่งได้คะแนนนำในข้อคุณสมบัติ, และแบบเรือจากสเปนมีคะแนนเฉลี่ยเป็นอันดับหนึ่งผลพวงจากราคาเรือที่ตั้งไว้ต่ำกว่าทุกราย ตามลำดับ นั่นหมายถึงในการพิจารณารอบสองก่อนจะมีการตัดสินใจแบบเรือของพวกเขาก็คงได้คะแนนไม่ต่างไปจากเดิม
ภาพCGแบบเรือ DCN La Fayette ในโครงการนี้
Project Siton RFO Value System (RFO : Request for Orders) เป็นการพิจารณาคุณสมบัติเรือในรอบตัดสิน ได้เริ่มต้นในวันที่ 11 พฤษภาคม 1998 ทุกบริษัทยังคงส่งแบบเรือเดิมเข้าร่วมชิงชัยยกเว้นก็เพียงDCNจากฝรั่งเศสที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม พวกเขาได้เสนอแบบเรือ Patrol Corvette เพิ่มเตมเข้ามาอีก1แบบ โดยมีพื้นฐานเดียวกับแบบเรือ La Fayette แต่มีขนาดใหญ่มากขึ้นและปรับปรุงหลายสิ่งหลายอย่างให้ดียิ่งขึ้น ผลการคัดเลือกคุณสมบัติขั้นต้น แบบเรือ La Fayette ตกรอบบเพราะระบบขับเคลื่อนผิดประเภท และยังเสนอต่อเรือแค่เพียง3ลำเท่านั้นเหมือนจงใจทำให้ตกรอบเสียมากกว่า 5แบบเรือจาก4ประเทศที่ได้เข้ารอบชิงในโครงการนี้ได้แก่
- DCN Patrol Corvette CODAG
- GFC MEKO 200 SAN CODAG : เป็นแบบเรือเดียวกับที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งในโครงการจัดหาเรือฟริเกตของชิลี แต่ไม่ได้รับการจัดซื้อแต่อย่างใดเพราะรัฐบาลชิลียกเลิกโครงการและหันไปซื้อเรือฟริเกตมือ2จากอังกฤษแทน และน่าจะเป็นแบบเรือเดียวกับที่เตรียมส่งในโครงการจัดหาเรือฟริเกตสมรรถนะสุงของไทย แต่ไม่ปรากฎชื่อในรอบสุดท้ายจึงไม่ชัดเจนว่าเยอรมันได้ยื่นข้อเสนอมาจริงหรือไม่
- GFC MEKO A200 SAN CODAG
- Bazan F590B CODAG
ตารางระบบอาวุธและอุปกรณ์ต่างๆที่ติดตั้งบนเรือ จะเห็นได้ว่ามีอุปกรณ์ที่ผลิตได้เองในประเทศอยู่หลายระบบด้วยกัน ทำให้ราคารวมของโครงการนี้ไม่สุงมากเกินไป ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่แอฟริกาใต้โดนคว่ำบาตรจนต้องพึ่งพาตัวเองอยู่ถึง17ปี ภาพต่อไปเป็นข้อมูลของแบบเรือทั้ง5แบบที่ได้เข้าชิงชัยในรอบสุดท้าย
คะแนนในรอบตัดสินก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง Meko A200 จากเยอรมันได้คะแนนอันดับ1ในด้านประสิทธิภาพตามมาด้วยMeko 200 ทางด้านราคาเรือF590Bยังคงน้อยสุดทำให้คะแนนเฉลี่ยมาเป็นที่1อีกครั้ง สรุปแล้วในโครงการนี้แบบเรือจากสเปนมีคะแนนดีที่สุดทั้ง3รอบการแข่งขัน F3000จากอังกฤษได้ที่4และ Patrol Corvetteของฝรั่งเศสกินบ๊วยเหมือนเดิม นี่เป็นผลคะแนนทั้งหมดและความเห็นบางส่วนจากผู้ที่ให้คะแนนครับ
ผลการตัดสินตามมาหลังจากกองทัพเรือและรัฐบาลแอฟริกาใต้ใช้เวลาพิจารณาอยู่นานพอสมควร พวกเขาเลือกแบบเรือ German Frigate Consortium (GFC) Meko A 200 SAN จากเยอรมันที่ได้คะแนนด้านประสิทธิภาพดีที่สุด แม้ว่าแบบเรือ Bazan F590B จะได้คะแนนเฉลี่ยดีที่สุดแต่ในการเจรจามีปัญหาเล็กน้อย การส่งมอบเรือทำได้ล่าช้ากว่ากำหนดไปหลายเดือนและความยืดหยุ่นทางด้านการเงินมีน้อยกว่ารายอื่นๆ Project Sitron มีการเซ็นสัญญากันในวันที่ 3ธันวาคม 1999 สัญญามีผลบังคับใช้ในวันที่ 28เมษายน 2000 เรือคอร์เวตลำแรกสุด SAS Amatola เดินทางมาถึงแอฟริกาใต้ในเดือนธันวาคม 2004, เรือลำที่2 SAS Isandhlwana มาในเดือนกุมภาพันธ์ 2005, ลำที่3 SAS Spioenkop ในเดือนพฤษภาคมและลำสุดท้าย SAS Mendi ในเดือนกันยายนปีเดียวกัน
จากในภาพจะเห็นได้ว่าเรือ SAS Amatola เดินทางมาตัวเปล่ามีเพียงเรดาร์เดินเรือตัวเดียวเท่านั้น อาวุธและอุปกรณ์ที่เหลือล้วนแล้วแต่ติดตั้งภายในประเทศ การจัดการประกวดแข่งขันและการดำงานทั้งหมดของแอฟริกาใต้ค่อนข้างมีแบบแผนและตารางการทำงานอย่างชัดเจน กระชับรัดกุมถูกต้องตามหลักการและตรงตามความต้องการ มีความโปร่งใสไม่หมกเม็ดและเปิดเผยข้อมูลส่วนใหญ่กับสาธารณะชน เป็นแนวทางที่ควรศึกษาอย่างละเอียดและนำมาประยุกต์ใช้งานกับประเทศไทยบ้าง กับโครงการจัดหาอาวุธของทุกเหล่าทัพในอนาคตข้างหน้า
จรวด Umkhonto พัฒนาเสร็จสมบรูณ์และมีการยิงทดสอบในปี2005 หลังจากได้รับเรือมาไม่กี่เดือน จากในภาพจะเห็นว่าเรือสามารถรองรับได้มากสุดถึง32ท่อยิง ในอนาคตข้างหน้าจะมีจรวด Umkhonto-R นำวิถีด้วยเรดาร์ระยะยิงประมาณ60กม.มาใช้งานอีก1รุ่น
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิงจาก :
http://www.shipbucket.com/forums/viewtopic.php?f=13&t=5899&sid=b24c0f394d98103a8999f057a34b2e9a
http://en.wikipedia.org/wiki/Valour_class_frigate
http://thaimilitary.blogspot.com/2015/05/south-african-corvette-program.html
ขอบคุณครับ ผมจะรออ่านอีกน่ะครับ ^_^
เมื่อวานรีบไปนิดเพราะต้องพาแม่ไปหาหมอ ผมแก้ให้ตรงนี้แล้วกันไม่อยากทำแถวล้มเดี๋ยวอ่านไม่รู้เรื่่อง ;)
...
...อยากเม้นแต่ไม่รู้จะเม้นอะไรดีครับ :v