ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- สัปดาห์นี้กองทัพประชาชนเวียดนามได้นำปืนไรเฟิลกาลิล เอซ-31 (Galil ACE-31) ออกแสดง ในการซ้อมใหญ่พิธีสวนสนาม เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปี การยึดกรุงไซ่ง่อนของกองกำลังฝ่ายเวียดกง กับกองทัพเวียดนามเหนือ การสวนสนามดังกล่าวกำหนดจะมีขึ้นในวันที่ 30 เม.ย.ที่จะถึงนี้ การซ้อมใหญ่ในคราวเดียวกัน ยังเปิดเผยให้เห็นหน่วยรบที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่อีกหน่วยหนึ่งด้วย การซ้อมใหญ่ที่จัดขึ้นวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่โรงเรียนการทหาร กองบัญชาการทหารเขต 7 มีหน่วยรบพิเศษหน่วยหนึ่ง ถือปืนเล็กยาวกาลิล เอซ-31 ซึ่งบ่งชี้ว่า ปืนใหม่เอี่ยมรุ่นนี้ กำลังจะ "ออกงาน" อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในวันที่ 30 เดือนนี้ กาลิล เอซ-31 ถูกนำออกอวดคู่กับเอเคเอ็ม (AKM) อีกหนึ่งตำนาน ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นมาตรฐานในซีรีส์ AK-47 โดยกาลาสนิคอฟ สำนักข่าวภาษาเวียดนามหลายสำนัก ยังแพร่ภาพปืนอีกแบบหนึ่ง ที่เผยโฉมเมื่อหลายปีก่อน เป็นปืนเล็กยาวที่เวียดนามเรียกว่า "M-18" โดยพัฒนาตัดแปลงจากไรเฟิลเอ็ม-16เอ1 (M16A1) ที่กองทัพรัฐบาลเวียดนามใต้เมื่อก่อน และกองทัพสหรัฐ ทิ้งเอาไว้เป็นจำนวนนับแสนกระบอก เมื่อสงครามสิ้นสุดลง 40 ปีที่แล้ว อธิบายสั้นๆ ก็คือ M-18 ทำขึ้นจากโครง (Receiver) ของไรเฟิล M-16A1 ทั้งชุด หุ้มลำตัวใหม่ด้วยชิ้นส่วนพลาสติกน้ำหนักเบา ทำให้มีความคล่องตัวขึ้น ตัดลำกล้องให้สั้นลง ติดกล้องส่องเป้าหมาย ติดปากลำกล้อง (Muzzle) ใหม่ ช่วยลดแรงถีบ และมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ติดไซเล็นเซอร์เพื่อช่วยเก็บเสียงตามความจำเป็นของหน่วยที่นำไปใช้ และ ทุกกระบอกติดพานท้ายพับได้แบบ M4 (M4 Folding Stock) กาลิล เอซ-31 ที่เห็นในพิธีซ้อมใญ่สวนสนาม ถือโดยกำลังพลกองทัพบก 3 หน่วยเท่านั้น คือหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กับหน่วยคอมมานโด (แซ็ปเปอร์) และหน่วยรถถัง แต่เมื่อผลิตออกมาในจำนวนมาก และนำเข้าประการการในหน่วยรบอื่นๆ ก็จะกลายเป็นการเปลี่ยนอาวุธปืนเล็กยาวประจำกายสำหรับทหารครั้งใหญ่ที่สุด อีกครั้งหนึ่ง ของกองทัพประชาชนที่มีกำลังพลราว 4 แสนคน ซึ่งตลอดหลายทศวรรษมานี้ใช้ปืนคาลาสนิคอฟของสหภาพโซเวียตเป็นหลัก การซ้อมสวนสนามยังเผยให้เห็นกองกำลังอาวุธหลายหน่วย ถือไรเฟิล AKM สภาพใหม่เอี่ยม มีเพียง "ทหารท้องถิ่น" กับอาสาสมัครไม่กี่หน่วย ที่ยังถือ AK-47 รุ่นดั้งเดิมให้เห็น กับอีกหน่วยหนึ่ง ถือ K-56 (หรือ แบบ-56/Type-56) ที่ผลิตในจีน ภาพที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวเวียดนามเน็ต ยังเปิดเผยให้เห็นหน่วยรบที่สวมหมวกเบเร่ต์สีแดง (Red Beret) อันไม่เคยปรากฏมาก่อน ในพิธีสวนสนามโอกาสสำคัญต่างๆ ที่ผ่านมา สื่อของทางการกล่าวว่า เป็น "หน่วย K07" หรือ หน่วยรบของฝ่ายข่าวกรองทหาร แบบเดียวกับหน่วยสเปตสนาซ (Spetsnaz GRU) ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของหน่วยข่าวกรองทหารที่เคยทรงอิทธิพลอย่างยิ่งใน สหภาพโซเวียตเมื่อก่อนนี้ ขาดหายไปจากงานนี้ก็คือ ทาร์-21 "ทาวอร์" (IMI Tavor TAR-21) ไรเฟิลบุลพับ (Bullpub-type) สายพันธุ์อิสราเอลอีกแบบหนึ่ง ที่เวียดนามนำเข้าจากอิสราเอล เพื่อใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน กับหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือ และเคยเปิดตัวในพิธีสวนสนามครบรอบ 1,000 ปีนครทังลอง ปลายปี 2552 การสวนสนามครั้งนี้กำลังจะเป็นครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เนื่องในวันครบรอบปีสำคัญของเหตุการณ์เดือน เม.ย.2518 ที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์สามารถยึดกรุงไซ่ง่อนของสาธารณรัฐเวียดนาม หรือ "เวียดนามใต้" ที่บริหารโดยรัฐบาลที่สหรัฐหนุนหลัง ถือเป็นการสิ้นสุดลงสงครามเวียดนามอย่างเป็นทางการ นำมาสู่การรวมประเทศให้เป็นหนึ่งเดียวกันในปีถัดมา จนกระทั่งกลายมาเป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามวันนี้ พิธีสวนสนามจะประกอบด้วยขบวนของหน่วยรบกว่า 10 หน่วย ทั้งกองทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ และตำรวจ รวมทั้งโรงเรียนนายร้อย โรงเรียนเสนาธิการ ทหารบ้าน ทหารรักษาชายแดน หน่วยคอมมานโด "แซ็ปเปอร์" หน่วยปฏิบัติการพิเศษ รวมกำลังพลที่เข้าร่วมกว่า 1,000 คน สำนักข่าวออนไลน์ภาษาเวียดนามรายงาน สำหรับไรเฟิลกาลิล เอซ-31 และ 32 ผลิตภายใต้สิทธิบัตรจากเจ้าของดั้งเดิมในอิสราเอล ปัจจุบันทำออกมาในจำนวนจำกัด เพื่อการทดสอบและทดลองใช้งานเท่านั้น ทั้งเวียดนามและอิสราเอล ยังไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับสัญญาการผลิตไรเฟิลกาลิล เอซ-31/32 นับตั้งแต่เป็นข่าวครั้งแรก เมื่อต้นปีที่แล้วโดยสื่อทางการ เมื่อครั้ง พล.ท.อาวุโสเหวียนแถ่งกุง (Nguyn Thanh Cung) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ หัวหน้ากรมใหญ่เสนาธิการ กองทัพประชาชน เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงาน Z111 ใน จ.แค้งฮวา (Khanh Hoa) ทางตอนใต้กรุงฮานอย . |
||||
2 อย่างไรก็ตามสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของรัสเซีย รายงานในเดือน ก.พ.ปีเดียวกันว่า บริษัทอุตสาหกรรมอาวุธอิสเอล (Israeli Weapon Industries - IWI) เป็นผู้ชนะการประกวดราคา เพื่อสร้างโรงงานผลิตปืนเล็กยาวสำหรับกองทัพประชาชนเวียดนาม รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ เอาชนะบริษัทอาวุธจากรัสเซีย จีน และ บริษัทของโลกตะวันตกอีกจำนวนหนึ่ง และ คาดว่าทั้งแพ็กเกจใหญ่ เมื่อรวมทั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วน และการสนับสนุนต่างๆ แล้ว สัญญาอาจจะมีมูลค่ากว่า 170 ล้านดอลลาร์ ตามภาพพิธีซ้อมสวนสนามสัปดาห์นี้ กาลิลเอซที่ผลิตในเวียดนามทั้งสองรุ่น เป็นไปตามมาตรฐานของอิสราเอลทุกประการ ผลิตจากวัสดุผสมผสาน รวมทั้งพลาสติกโพลิเมอร์ที่มีน้ำหนักเบาแต่ทนทานและยืดหยุ่นสูง กาลิล เอซ-31 ซึ่งก็คือ "คาร์บิน" เวอร์ชั่นที่สั้นกว่าของ เอซ-32 มีลำกล้องยาว 215 มิลลิเมตร เทียบกับ เอซ32 ที่ยาว 406 มม. น้ำหนัก 3.05 กิโลกรัม เทียบกับ 3.46 กก. ทั้งสองรุ่นยังติดพานท้ายสั้นปืนแบบชักออกปรับความยาวได้และพับได้ ติดกล้องส่องเป้ามาตรฐานขนาดขยาย 3 เท่า ปืนอิสราเอลทั้งสองรุ่น ปฏิบัติการด้วยแก๊ส (Gas Action) มีกลไกเกือบจะทุกอย่างเหมือนกับ AK-47 และใช้กระสุนขนาด 7.62x39 มม. ซึ่งเป็นกระสุนของ AK-47 และ ยังใช้ซองกระสุนหรือแม็กกาซีนขนาดบรรจุ 30 นัด อันเป็นซองมาตรฐานของ AK-47 เช่นเดียวกัน แต่ข้อแตกต่างสำคัญประการหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ กาลิล เอซ-31/32 เวอร์ชั่นเวียดนาม ติดรางพิกาตินนี (Picatinni Rail) ตลอดความยาวของสันปืน ซึ่งทำให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์ช่วยปฏิบัติการได้หลายชนิด เว็บไซต์ข่าวกลาโหมหลายแห่งเห็นพ้องกันว่า การเลือกกาลิล เอซ-31/32 นับเป็นความชาญฉลาดของเวียดนาม เนื่องจากใช้กระสุนร่วมกับ AK-47 และ AKM ของคาลาสนิคอฟในแคลิเบอร์เดียวกันได้ กองทัพประชาชนมีกระสุนมาตรฐานโซเวียต/รัสเซีย เหลืออยู่ในคลังจำนวนหลายล้านนัด ส่วนเอซรุ่นก่อนหน้านี้คือ 21/22/23 ใช้กระสุน 5.56x45 มม. และ รุ่นหลังคือ เอซ-52/53 พัฒนาไปใช้กระสุนใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 7.62×51 มม. ทั้งสองขนาดเป็นกระสุนมาตรฐานนาโต้ นักการทหารหลายคนจึงเรียกกาลิล เอซ-31/32 ว่า "เอเคกาลิล" (AK Galil) การเลือกปืนสายพันธุ์อิสราเอลของเวียดนาม คำนึงถึงหลักการสำคัญอันเดียวกัน กับการดัดแปลง M16A1 ให้เป็น M-18 ซึ่งก็คือ "สั้นกว่า" เพื่อความคล่องตัวกว่า เนื่องจากทหารกองทัพประชาชนต่างคุ้นเคยกับ AK-47 มานานชั่วอายุคน และ ถนัดในการทำสงครามแบบกองโจรที่ต้องการอาวุธคล่องตัวสูงในการต่อสู้ระยะ ประชิด ไม่เกะกะในยามพกพา-นำพา และ ในยามออกปฏิบัติการในสภาพแวดล้อมที่มีพื้นที่จำกัด ไรเฟิล M-18 ใช้กระสุนขนาด 5.56x45 มม.ของของ M16A1 ขนาดเดียวกันกับเอซ-21/22/23 ซึ่งเป็นคนละขนาดกับเอซ-31/32 แต่ทั้งหมดหาซื้อได้ทั่วไป รวมทั้งที่ผลิตในอิสราเอลด้วย. . เก่ากับใหม่ไปด้วยกัน VietnamNet.Vn/SohaOnline |
||||
3 |
||||
4 |
||||
5 |
||||
6 |
||||
7 |
||||
8 |
||||
9 |
||||
10 |
||||
11 |
||||
12 |
||||
13 |
||||
14 |
||||
15 |
||||
16 |
||||
17 |
||||
185 |
||||
19 |
||||
20 |
||||
21 |
||||
22 |
||||
23 |
||||
24 |
||||
2 |
||||
26 |