ลิงค์ต้นฉบับของผมเอง => คลิ๊ก
การรบครั้งสำคัญในสงครามโลกครั้งที่1มีอยู่ด้วยกันหลายสมรภูมิ แต่ที่สำคัญเป็นอย่างมากนับได้2ครั้งคือการรบที่แวร์เดิงและการรบที่แม่น้ำมาร์น การรบที่ป้อมแวร์เดิงเป็นการยุทธครั้งสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างทรหดสมศักดิ์ศรีชาตินักรบ เมื่อได้ยินคำว่าป้อมโปรดอย่าเข้าใจผิดว่าเป็นป้อมปราการเดี่ยวๆเหมือนในภาพยนต์ เพราะในความจริงที่แวร์เดิงเป็นหมู่ป้อมปืนจำนวนหลายป้อมรวมกัน มีการจัดวางตำแหน่งไว้อย่างอย่างสลับซับซ้อนจนยากในการบุกยึด เมื่อข้าศึกยึดป้อมใดป้อมหนึ่งไปได้ก็จะตกเป็นเป้าหมายให้ป้อมที่เหลืออยู่ประสานการยิงเข้าใส่ ประกอบกับทำเลอันเหมาะสมทำให้การสู้รบในสมรภูมิแห่งนี้มีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น ทั้งฝ่ายที่บุกและฝ่ายตั้งรับประสบกับความสูญเสียทั้งในด้านกำลังพลและยุทธปัจจัยเป็นจำนวนมหาศาล
ป้อมสำคัญที่มีชื่อเสียงมากในการรบที่แวร์เดิงก็คือป้อมดูโอมองค์ (Fort Douaumont) ถูกสร้างขึ้นด้วยแบบแปลนทันสมัยดูราวกับเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง พื้นที่ภายในป้อมอยู่ใต้ดินลึกลงไปตั้งแต่20เมตรจนถึง40เมตร บริเวณยอดของป้อมทำช่องสำหรับยิงปืนใหญ่และปืนกลไว้รอบทิศทาง ช่องที่ว่าโผล่เหนือพื้นดินเพียงนิดเดียวและป้องกันไว้ด้วยหินเหลี่ยมและหนา ทั้งฝ่ายเยอรมันนีและสัมพันธมิตรได้ผลัดกันยื้อแย่งไปมาและผลัดกันครอบครองป้อมดูโอมองค์ บริเวณพื้นที่ภายในป้อมมีกระสุนปืนของทั้งสองฝ่ายตกเกลื่อนกลาดอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้บัญชาการป้อมชาวฝรั่งเศสท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า เมื่อเยอรมันโจมตีพวกเขาจะเริ่มต้นด้วยการบอมปืนใหญ่ขนาด420มม.หรือ370มม.เข้าใส่อย่างต่อเนื่องก่อนส่งทหารราบเข้ามาจู่โจม ด้วยอำนาจจากกระสุนปืนใหญ่ทำให้ตัวเขาที่บัญชาการอยู่ใต้ดินรู้สึกโคลงเคลงไปมาตลอดเวลา จนดูคล้ายกับว่าป้อมดูโอมองค์นั้นเป็นเรือที่เดินเครื่องอยู่กลางมหาสมุทรท่ามกลางกระแสคลื่นขนาดยักษ์โหมเข้าใส่ รอยกระสุนตกบริเวณริมป้อมมีขนาดใหญ่โตจนดูเหมือนสระน้ำ อำนาจจากปืนใหญ่ขนาด370มม.มีความรุนแรงมากกว่าขนาด420มม.ที่เน้นระยะทาง ยิงถูกแง่ป้อมแต่ละลูกทำให้หินแข็งๆหายไปเป็นวาๆ สร้างความหวาดผวาให้กับทหารฝรั่งเศสทุกนายที่อยู่ในป้อม
ปืนใหญ่ขนาด380.ติดอยู่บนรถไฟอันน่าเกรงขาม
ป้อมดูโอมองค์ก่อนถูกโจมตี
ป้อมดูโอมองค์หลังหยุดยิง
เยอรมันนีใช้กระสุนปืนใหญ่ในการเข้าตีวันละประมาณ70,000นัด กระสุนจำนวนมากพลัดไปตกตามบ้านเรือนจนพังพินาศไปตามๆกัน พื้นที่โดยรอบของเมืองนี้เปรียบเสมือนลูกคลื่นไกลลิบลับสุดลูกหูลูกตา เนื้อดินถูกเผาร่วนซ้ำแล้วซ้ำอีกดูคล้ายขี้บุหรี่ พลเอกมงกุฎราชกุมารของเยอรมันได้รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการเข้าตีป้อมแวร์เดิง ว่ากันว่าหากสามารถตีสำเร็จจะได้รับพระราชทานเลื่อนยศจากไกเซอร์พระราชบิดาให้เป็นจอมพลทันที มงกุฎราชกุมารจึงเพียรพยายามเข้าตีให้สำเร็จโดยใช้กำลังพลมากกว่า500,000นาย แต่ก็อย่างที่ผู้เขียนได้บอกไปแล้วว่าสมรภูมิแห่งนี้มีความยุ่งยากซับซ้อน เมื่อเยอรมันตีป้อมใหม่ได้สำเร็จป้อมเก่าที่เคยยึดได้กลับโดนตีคืน ครั้นพอส่งกำลังออกไปชิงกลับป้อมที่เพิ่งยึดได้ใหม่ก็โดนป้อมอื่นระดมยิงใส่จากทุกทิศทาง มงกุฎราชกุมารทุ่มเทกำลังทหารเข้าตีอย่างหนักทำให้กำลังพลอันเกรียงไกรเริ่มอ้อนล้าและขาดประสิทธิภาพ พอกล่าวสรุปได้ว่าที่แวร์เดิงเยอรมันประสบกับความสูญเสียสุงกว่ามาตราฐานพอสมควร ถือเป็นสมรภูมิรบที่ต้องจ่ายด้วยราคาแพงที่สุดแห่งหนึ่ง
การรบที่แวร์เดิงค่อนข้างผิดแปลกไปจากที่อื่น ในยามปรกติแนวรบของทั้งสองฝ่ายตั้งอยู่ในแต่ละป้อมของตัวเอง การรบหลักจะเป็นการระดมยิงปืนใหญ่เข้าหากันมากกว่ารบระยะประชิด ต่างจากยุทธภูมิแห่งอื่นที่สนามเพลาะทั้งสองฝ่ายมักอยู่ห่างกันเพียง20-30เมตร ว่ากันว่าได้ยินเสียงพูดคุยของอีกฝ่ายหรือเวลาพักรบก็ยังตะโกนโต้ตอบกันไปมาได้ ลูกระเบิดมือถือและปืนครกกระสุนวิถีโค้งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายจึงไม่ค่อยได้ผลกับที่นี่ การรบที่แวร์เดิงเริ่มต้นขึ้นในวันที่21กุมภาพันธ์1916 ท่ามกลางฝนตกหนักหมอกหนาทืบและลมกรรโชกแรง เยอรมันระดมปืนใหญ่เข้ามาเพื่อยิงถล่มเป็นเวลา10ชั่วโมงติดต่อกัน กระสุนจำนวน1ล้านนัดถูกยิงใส่พื้นที่ยาว30กิโลเมตรและกว้าง5กิโลเมตร ปืนใหญ่ Super Heavy Long Range Guns ขนาด420มม.สามารถยิงได้ไกลถึง99ไมล์หรือ160กโลเมตร การโจมตีหยุดลงชั่วคราวตอนเที่ยงวันเพื่อให้ผู้รอดชีวิตของอีกฝ่ายเปิดเผยตัว มีการใช้เครื่องบินบินเข้าไปสำรวจตามแผนการรบสมัยใหม่ที่เคยได้ผล เมื่อได้ข้อมูลมากเพียงพอแล้วเยอรมันจึงส่งทหารเข้าไปในพื้นที่ ฝรั่งเศสตระหนักดีถึงการบุกอย่างหนักของข้าศึกและเตรียมตั้งรับอย่างเหนียวแน่น แม้ทหารเยอรมันจะมีประสิทธิภาพสุงแต่การบุกก็ทำได้ยากลำบาก ประกอบกับมีความผิดพลาดและความล่าช้าในด้านการสื่อสาร เยอรมันทำการรบได้ไม่ดีพอที่จะได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด ฝรั่งเศสส่งทหารกองหนุน90,000นายและอาวุธหนักจำนวนมากเข้ามาเสริมทัพ ความสูญเสียในช่วงแรกของทั้งสองฝ่ายมีตัวเลขที่ใกล้เคียงกันมาก
ทหารส่วนมากเสียชีวิตจากกระสุนปืนใหญ่จำนวนมหาศาล
เมื่อฝรั่งเศสตั้งหลักได้แล้วสมรภูมิแห่งนี้จึงกลายเป็นหนังยาว การดวลกันระหว่างปืนใหญ่ของทั้งสองฝ่ายทำให้เมืองนี้พินาศโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนเยอรมันจะทำการรบได้ดีกว่าแต่ฝ่ายตนเองก็สูญเสียมากไม่ต่างกัน ความอ่อนล้าจากการสู้รบติดกันหลายวันส่งผลต่อทหารทุกนาย สนามรบอันกว้างใหญ่ไพศาลเต็มไปด้วยกลิ่นไอจากศพ พวกเขานอนตายทับถมสังเวยพระแม่ธรณีจนดูเป็นเรื่องปรกติ เมื่อมีการเปลี่ยนแนวรบไปข้างหน้ากองฝังศพก็จะตามไปฝังศพที่เพิ่งเสียชีวิตใหม่ๆ แค่เพียงไม่นานนักกระสุนปืนใหญ่ของอีกฝ่ายก็ลอยลงมาขุดพลิกแผ่นดินเอาซากอสุภะกลับขึ้นมาใหม่ ในสนามรบเต็มไปด้วยแมลงวันหัวเขียวตัวโตๆที่กินซากศพเสียจนอิ่มหมีพลีมัน บรรดาหนูที่อยู่แถวนั้นก็ตัวใหญ่มากและมีชุกชุมไม่ใช่เล่น ส่วนมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินนั้นเล่ากลับมีชีวิตที่สั้นลงไปจากปรกติ มีการประมาณการจากสถิติไว้ว่านักบินจะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่3เดือน ทหารม้าอยู่ที่6เดือน และทหารราบอยู่ที่1ปี การรบที่แวร์เดิงในช่วงแรกมีการพักรบอยู่หลายครั้ง แต่ทหารทุกนายก็ได้พักผ่อนแค่เพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น
ความล้มเหลวของการรบในเดือนเมษายนถูกนำมาปรับปรุงแก้ไขทันที ทหารราบเยอรมันจะได้รับการสนับสนุนปืนใหญ่อย่างต่อเนื่องทั้งจากด้านข้างและด้านหลัง การติดต่อสื่อสารที่เคยมีปัญหาจะได้รับการปรับปรุงทั้งหมด มีการลดแนวบุกทะลุทะลวงให้แคบลงไปกว่าเดิม แต่ทว่าในบรรดาเสนาธิการด้วยกันก็ยังมีความเห็นที่แตกต่าง แผนการแบ่งกำลังเป็นกองเล็กๆเพื่อลอบโจมตีอีกฝ่ายถูกปฏิเสธ เยอรมันมุ่งใช้กำลังทหารราบบุกทะลวงไปข้างหน้าพร้อมการสนับสนุนจากปืนใหญ่ ถึงตอนนี้เริ่มมีการนำปืนไฟและหน่วยปฎิบัติการณ์พิเศษเข้ามาใช้ในแวร์เดิงแล้ว ทหารราบเยอรมันสามารถทะลุแนวป้องกันเข้าไปจนสามารถยึดป้อมปืนสำคัญบางแห่งเพิ่มได้ แล้วพวกเขาก็โดนฝรั่งเศสใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มอย่างหนักใส่ป้อมปืนที่ตัวเองเคยยึดครอง ทหารเยอรมันต้องถอยร่นเข้ามารวมตัวกันอยู่ในป้อมและคอยรักษาแนวป้องกัน สงครามนับจากนี้เป็นการยันกันไปยันกันมาโดยไม่มีผลแพ้ชนะอย่างแท้จริง
ปืนใหญ่เยอรมันที่ขนเข้ามาในพื้นที่
ชีวิตของทหารทุกนายอยู่ที่สวรรค์เบื้องบนเป็นผู้กำหนด
ป้อมดูโอมองค์คือพื้นที่ซึ่งมีการรบพุ่งหนักที่สุดและเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมากที่สุดด้วย ในการบุกครั้งแรกสุดเยอรมันสามารถบุกยืดป้อมนี้ได้โดยไม่มีการรบหนักอย่างที่คาดคิด นายทหารระดับสุงของฝรั่งเศสกล่าวในภายหลังว่า เพื่อรักษาชีวิตทหารจำนวน100,000นายเอาไว้จึงต้องปล่อยให้ป้อมโดนยึด ผลจากความพ่ายแพ้ในครั้งนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับทหารชั้นผู้น้อยส่วนมาก ปลายเดือนพฤษภาคมฝรั่งเศสเริ่มต้นบุกชิงป้อมดูโอมองค์กลับคืนเป็นครั้งแรก การโจมตีกินเวลาถึง36ชั่วโมงก่อนจะพบกับความล้มเหลวและความสูญเสียเป็นตัวเลขสุงมาก ทหารเยอรมันต่อสู้ชนิดหัวชนฝาจนสามารถป้องกันป้อมเอาไว้ได้ พวกเขาใช้ป้อมนี้เป็นสถานีพยาบาลและจัดเก็บอาวุธยุทธปัจจัยต่างๆด้วย ระหว่างนี้ได้เกิดเรื่องที่น่าเศร้าขึ้นกับทหารเยอรมันประจำป้อม เมื่อเปลวไฟจากการทำอาหารทำให้คลังแสงเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ภายในตัวป้อม ทหาร679นายเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ชาวเยอรมันและฝรั่งเศสบางส่วนจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อสวดมนต์ในวันครบรอบของทุกๆปี ป้อมดูโอมองค์สร้างความสูญเสียให้กับทั้งสองฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ดั่งคำกล่าวที่ว่าลูกกระสุนไม่มีตายิงโดนใครก็ตายทุกคน
ความพยายามในการยึดป้อมคืนมาสำเร็จในอีก5เดือนถัดมา ปฎิบัติการโต้กลับครั้งใหญ่ของฝรั่งเศสเริ่มต้นจากวันที่20ตุลมคมจนถึงวันที่2พฤษจิกายน พวกเขาได้รวบรวมอาวุธหนักจำนวนมากมาที่แวร์เดิงเพื่อหวังแก้มือให้ได้ นอกจากทหารฝรั่งเศสจำนวนมากแล้วยังมีกองกำลังทหารโมรอคโคเข้าร่วมในการยุทธครั้งนี้ด้วย หลังจากยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ขนาด400มม.บนรถไฟเป็นเวลา2วันติดต่อกัน กำลังทหารราบจำนวนมากจึงบุกเข้าใส่เกิดการปะทะอย่างหนักไปทั่วพื้นที่ มีคนตายเป็นหมื่นที่ป้อมดูโอมองค์ก่อนการยิงจะยุติลง ฝรั่งเศสสามารถทวงคืนจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมากที่สุดได้สำเร็จในที่สุด หลังจากนี้จนกระทั่งสิ้นเดือนพฤศจิกายนไม่มีการรบพุ่งครั้งใหญ่อีกเลย ทั้งสองฝ่ายกำลังเตรียมตัวเพื่อทำการรบครั้งสุดท้ายในเดือนสุดท้ายของปี1916
ปืนไฟถูกนำมาใช้ระหว่างการรบ
พื้นดินที่ร้อนระอุราวกับนรกและเต็มไปด้วยกลิ่นศพจากทั้งสองฝ่าย
ภาพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดภาพหนึ่งจากการบที่แวร์เดิง
กลางเดือนธันวาคมฝรั่งเศสเคลื่อนพลครั้งใหญ่ที่สุดในการรบที่แวร์เดิง พวกเขาใช้เวลา6วันยิงถล่มทหารเยอรมัน ด้วยปืนใหญ่จำนวน1,169,000นัดจากปืนใหญ่827กระบอก การโจมตีครั้งสุดท้ายโดยมีเครื่องบินช่วยสังเกตุการณ์เริ่มต้นในวันที่15ธันวาคม ทหารเยอรมันพยายามตั้งรับอยู่ในสนามเพลาะของตัวเองอย่างเข้มแข็งและอดทน ทว่าระยะห่างระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายร่นใกล้เข้ามามากขึ้นทุกที ทหารฝรั่งเศสภายใต้การยิงคุ้มกันจากปืนใหญ่รุกเข้าใกล้มากขึ้นมากขึ้นและมากขึ้น ท้ายที่สุดแนวต้านฝ่ายเยอรมันที่มีคนน้อยกว่าก็พังทลายลง ทหารที่เหลือหมื่นกว่าคนถูกจับเป็นเชลยศึกสงครามเนื่องจากไม่มีคนมาช่วย กำลังเสริมของเยอรมันเดินทางเข้ามาสมทบช้ามากเกินไปจึงไม่สามารถฝ่าเข้ามายังพื้นที่ซึ่งมีการสู้รบได้ นายพลเยอรมันที่คุมกำลังหลักและกำลังเสริมถูกไล่ออกปิดฉากการยุทธที่มีคนตายรวมกันมากกว่า3แสนคนในเวลา303วัน รวมทั้งยังมีผู้ที่สูญหายไปอีกเป็นจำนวนมาก บางตำราว่าไว้ว่ารวมกันแล้วมียอดสุงถึง5แสนคน แต่ถ้ารวมตัวเลขผู้บาดเจ็บเข้าไปด้วยแล้วตัวลเขจะพุ่งสุงถึง9แสนคนเลยทีเดียว
ชัยชนะที่แวร์เดิงช่วยหล่อเลี้ยงกำลังใจฝ่ายสัมพันธ์มิตรให้มีแรงสู้ต่อ ฝรั่งเศสเป็นผู้มีชัยก็จริงอยู่แต่ต้องเสียทหารไปในการรบมากกว่าฝ่ายเยอรมัน ผลจากการรบหลายสมรภูมิในปี1916 ทำให้กองทัพฝรั่งเศสที่เหนื่อยล้าใกล้ล่มสลายเต็มที ส่วนกองทัพของอังกฤษก็ประสบกับความสูญเสียอย่างหนักไม่แพ้กัน ขณะที่กองทัพเยอรมันมีแผนการรบที่ทันสมัยกว่าและมีการป้องกันที่ยึดหยุ่นมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด สิ่งเดียวที่ขัดขวางไม่ให้พวกเขามีชัยอย่างเด็ดขาดก็คือความใหญ่โตของสงคราม แนวรบด้านตะวันตกเป็นแนวสนามเพลาะความยาวมากกว่า 9.600 กิโลเมตร ทั้งสองฝ่ายต้องใช้กำลังพลประมาณ1.2ล้านนายประจำการตลอดเวลา โดยไม่มีใครล่วงรู้ว่ามหาสงครามโลกครั้งนี้จะไปสิ้นสุดลงเอาเมื่อไหร่
นักประวัติศาสตร์ เอ. เจ. พี. เทย์เลอร์กล่าวถึงสงครามโลกครั้งที่1เอาไว้ว่า "ชีวิตมนุษย์ถูกสังเวยโดยเปล่าประโยชน์ ไม่มีรางวัลใดๆที่จะได้รับหรือสูญเสีย มีแต่การฆ่ามนุษย์และเกียรติศักดิ์แห่งการได้ชัยชนะเท่านั้น"
อ้างอิงจาก :
หนังสือ : ทหารอาสาสงครามโลกอนุสรณ์ พิมพ์ครั้งที่2 เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2497
http://en.wikipedia.org/wiki/Battle_of_Verdun
http://www.ww1battlefields.co.uk/verdun/douaumont.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Fort_Douaumont
http://www.kingsacademy.com/mhodges/03_The-World-since-1900/02_World-War-One/02c_1916-2.htm
ขอบคุณสำหรับบทความ น่าอ่านมากครับ ถ้าว่างๆ เขียนต่อน่ะครับ
สงครามโลกครั้งที่1คงมีมาเรื่อยๆแหละครับท่านhongse_c เพียงแต่ไม่ได้เรียงตามวันเวลาเนื่องมาจากทำตามใจฉัน ดูจากตัวเลขสถิติในbloggerของผมเองแล้ว เรื่องของไทยเราและเป็นเวลาปัจจุบันจะมีคนเข้าไปอ่านเยอะพอสมควร (ซึ่งถ้าเทียบกับของคนอื่นคงเป็นแค่ขี้ประติ๋ว) แต่ผมไม่รู้จะเขียนอะไรเนี่ยสิ ที่ตั้งใจไว้ส่วนมากเป็นเรื่องในอดีตและไกลตัวพอสมควร ก็ว่ากันไปครับ