http://www.chinadaily.com.cn/world/2015-03/09/content_19760567.htm
ระหว่างการเยือนญี่ปุั่นของนายกเยอรมัน
นายกเยอรมัน : ญี่ปุ่นต้องยอมรับความจริงในอดีตอย่างตรงไปตรงมา ถึงจะอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านได้อย่างสันติสุข
นายกญ๊่ปุ่น : ........(เงิบ)
TOKYO - Visiting German Chancellor Angela Merkel on Monday taught a valuable lesson to Japan over how her country was accepted by its European neighbors and the international community after the end of World War II, noting that Japan should look at its own history squarely.
During a Q&A session after her address here, regarding a question about Japan's relations with China and South Korea over historical issues, the German leader said her country was lucky to be reintroduced and accepted by the international community after the horrible days during the Nazi rule and the holocaust.
"I think it was possible first because Germany did face its past squarely," said Merkel, adding that Europe has learnt from centuries of war and "one of the greatest achievements was the reconciliation between Germany and France."
"Today it can be safely called Franco-German relationship. The French have made just as valuable contributions as Germans have. Without the generous gestures from our neighbors, it would not have been possible. There was also a readiness in Germany to face our own history openly and squarely," said Merkel.
Merkel's remarks came at a time when Japan's neighbors are becoming increasingly concerned over Prime Minister Shinzo Abe's right-leaning politics and moves towards historical revisionism, as he has indicated that he will change key wordings in the world- recognized Murayama Statement, which apologized for Japan's wartime brutalities, in his new war anniversary speech and will revise Japan's pacifist constitution as his ultimate political goal.
The German leader's comments also fiercely criticized Japanese rightists who spare no efforts to deny and whitewash the country' s wartime atrocities, including the Nanjing Massacre and the issue of "comfort women," a euphemism for sex slavery, involving forcibly recruiting and coercing women to service the Japanese Imperial Army during the war.
It is no coincidence that the German leader paid her first visit to Japan in seven years, at a time when the world will mark the 70th anniversary of the end of WWII, and, for Japan, it should understand the true meaning behind the move -- the international community is closely watching what Abe's administration is doing.
It is high time for Japan to look squarely at its wartime history and reconcile with its neighbors first, and then it will be possible for the country to be viewed and accepted by the international community without suspicion or doubt of its true motives.
ก็เข้าใจความคิดของนายกเยอรมันนะครับ แต่ถ้าเป็นใจผมนะ ผมชอบท่าทีของญี่ปุ่นทำมากกว่า เพราะอะไรผมจึงมีความคิดเช่นนั้น
ก็เพราะว่า จริงอยู่ ประเทศญี่ปุ่นได้กระทำเรื่องเลวร้ายไว้ในระหว่างสงครามมากมายก็จริง แต่การกระทำเหล่านั้น ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในระหว่างการสงคราม และคนที่กระทำ ก็ทำตามคำสั่ง เพราะฉะนั้น ก็ไม่ควรไปประนามคนที่ทำตามคำสั่งนั้น เมื่อเวลาผ่านไปประเทศ ที่เขาสาบานว่าจะรับใช้ จะภักดีนั้นเอง ก็กลับลำหันมาประนามเขาเสียอย่างนั้น ด้วยท่าทีที่ไม่รับผิดชอบ หรือประกาศตัวว่า เราไม่ใช่คนเดิมแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกัน กับการกระทำในอดีตนั้นซะอีก ผมรู้สึกว่า ถ้าผมเป็นคนที่ทุ่มเททำงานเพื่อประเทศ แล้วต้องมาเจออย่างนั้น ฟังดูแล้วรู้สึกแย่จริงๆ
ประเทศเยอรมันเอง ก่อนที่พรรคที่เขาไม่ให้ออกชื่อ จะขึ้นมามีอำนาจ ประเทศเขาก็ตกต่ำจากการแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ตอนที่นายคนนั้น ขึ้นมาเป็นผู้นำพรรค และนำพาเยอรมันให้กลับมายิ่งใหญ่ คนเยอรมันก็ให้การสนับสนุนด้วยกันเป็นอันดี (ถ้าเอาตามหลักท่าน ก็ต้องบอกว่า ไม่เห็นมีใครคัดค้าน) ซึ่งถ้าท่านผู้นำคนนั้น ไม่บ้าเกินไปหน่อย รบกับเขาไปทั่วจนถูกกินโต๊ะ แล้วเยอรมันชนะสงครามได้ ตอนนี้ก็คงไม่มีคนเกลียดตาคนนั้น และพรรคของเขาอย่างทุกวันนี้ แต่นี่เป็นเพราะเขาแพ้ คนเยอรมันจึงกลับลำไปประนามพวกที่ทำให้แพ้นั่น โยนบาปและความผิดทุกอย่างไปให้ เพื่อที่ตนเองจะได้ปฏิเสธความผิดในอดีต แล้วพูดได้ว่า เราเป็นคนใหม่แล้ว อย่าโกรธเรานะ รับเรากลับเข้ากลุ่มด้วยนะ อืม ด้วยความเคารพ ผมรู้สึกว่า ไม่น่านับถือเท่าไหร่เลยครับ
(ต่อ)
ประเทศญี่ปุ่น เลือกที่จะไม่ประนามบรรพบุรุษ สิ่งที่คนเหล่านั้นทำไป ก็เป็นการทำไปตามคำสั่ง ซึ่ง "ชาติ" ของเขาเป็นผู้ออกคำสั่งไปเอง ฉะนั้น ต่อให้คนทั้งโลกจะเกลียดคนๆนี้ (ซึ่งญี่ปุ่นก็ไม่สามารถห้ามได้) แต่ประเทศนี้ จะไม่รังเกียจเขา ไม่ประนามเขา
คิดดูแล้วกัน เปรียบเทียบกัน 2 ชาติ ถ้าจะให้เราถวายชีวิตให้ เราจะให้ชีวิตแก่ชาติไหน
ในสมัยที่รัฐสยาม (ไม่เรียกว่าประเทศไทย เพราะตอนนั้นรัฐชาติสมัยใหม่ยังไม่เกิด) ทำสงครามกับรัฐลาว ในคราวสงครามกับเจ้าอนุวงศ์ กองทัพสยามก็เผาทำลายนครหลวงเวียงจันทร์เสียราบคาบ เรื่องนี้ คนทำ เป็นคนบอกเอง นั่นคือ พระยาบดินทรเดชา เขียนไว้ในหนังสือรายงานราชการสงครามต่อรัชกาลที่ 3 ถ้าเอาหลักการที่เยรมันนีทำกับบรรพบุรุษของตนเอง มาใช้เราคงต้อง เลิกนับถือเจ้าพระยาบดินทร์ฯ ซึ่งก็ปรากฎว่า วันนี้เรายังมิได้ทำเช่นนั้น และผมก็คิดว่า เราควรใช้ท่าทีอย่างญี่ปุ่น คือ ไม่ควรยกเลิกการนับถือเจ้าพระยาท่าน
(ต่อ)
แต่อีกมุมมองหนึ่งนะครับ ผมมองว่า กรณีของเยอรมัน และ ญี่ปุ่น มีความแตกต่างกัน
ของเยอรมันนั้น โครงสร้างรัฐเดิม ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง ไม่มีพรรคนั้น หรือผู้สืบทอดพรรคนั้นๆ หลงเหลืออยู่อีกต่อไป ฉะนั้น รัฐเยอรมันใหม่ จึงไม่จำเป็นต้องรับสืบทอด "อะไรๆ" ทั้งส่วนดี และส่วนเสีย ของรัฐเดิมที่ไม่มีตัวตนอยู่อีกต่อไปแล้วมาด้วย
ในขณะที่ญี่ปุ่นนั้น รัฐเดิม (ไม่ใช่รัฐบาลชุดเดิมนะครับ ความหมายต่างกัน) ยังมีอยู่ พระจักรพรรดิ์ ยังมีอยู่ รัฐบาลยังมีอยู่ ประเทศญี่ปุ่น ยังคงเป็นประเทศเดิมอยู่ ฉะนั้น ประเทศ จึงยังคงต้องยืนหยัดรับรองสิ่งที่ตนเอง "สั่งการ" ไว้ต่อไป ไม่ว่าโลกจะคิดอย่างไรก็ตาม และถ้าจะเจาะลึกลงไปอีก ผมเดาว่า ลึกๆแล้ว ก็คือการปกป้อง "องค์พระประมุข" ของประเทศเขาเอาไว้ด้วย เพราะหากยอมรับว่า ทหารของตนชั่ว ก็ต้องไล่สายต่อไปว่า เขาทำชั่วตอนไหน ก็ตอนสงคราม แล้วใครประกาศสงคราม คนประกาศ (หรือไม่ได้คัดค้าน ตอนที่เขาประกาศ) ชั่วด้วยหรือไม่ ฯลฯ เพื่อไม่ให้ระคายเคืองต่อสงเด็จพระจักรพรรดิ์ รับบสลญี่ปุ่น ยอมให้โลก "ด่า" พวกเขาต่อไป เพราะคำด่า จะจบลงที่รัฐบาล หรือ นายกญี่ปุ่น แต่ไปไม่ถึง ประมุขที่พวกเขาเทอดทูน
ใช่หรือไม่ ไม่รุ้สิ แต่ถ้าจินตนาการว่า เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นกับประเทศไทยของเราหละ เราจะยอมโดนด่าอย่างญี่ปุ่นหรือไม่
เป็นผม ผมเอา ผมนี่แหละรัฐบาลชั่วที่ไม่ยอมขอโทษ ด่ามาเลย แล้วถ้าเป็นท่านหละ ท่านจะทำไง ?
http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_war_apology_statements_issued_by_Japan
ตลกล่ะครับคุณ naris
เอาง่ายๆกรณีนานกิง "ชาติ" สั่งเหรอครับว่าให้ฆ่าสังหารหมู่ หรือข่มขืนแบบเป็นล่ำเป็นสัน ก่ออาชกรรมสงคราม คือสรุปว่าเป็นนโยบายของชาติ? ชาติคืออะไร มันเป็นการกระทำของคนบางกลุ่มครับ มันไม่ใช่นโยบายของประเทศอะไร มันเป็นเรื่องของนายทหารระดับสูงที่ปล่อยปละทั้งที่รู้ว่ามีการกระทำเกิดขึ้น คือถ้ามองว่าทหารระดับปฏิบัติการทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา อย่างนี้ก็ต้องประณามผู้บังคับบัญชา การกระทำแบบนี้ต้องประนามครับ เพราะไม่ได้เกี่ยวกับการรบอะไรเลย การฆ่าศัตรูในการรบกับอาชกรรมสงครามมันต่างกันครับ
ลองมองกลับกันครับ ประเทศอะไรก็ได้ มาปู้ยี่ปู้ยำไทยแบบนั้น แล้วคุณยังจะเห็นด้วยกับการที่ประเทศนั้นๆยกย่อง หรือปฏิเสธการกระทำของบุคคลบางคนที่มีส่วนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นไหมครับ อย่าลืมครับแยกออกระหว่างการรบกับการสังหารหมู่ชาวบ้านให้ออก
นอกจากคุณมองว่าความเข้มแข็งความเป็นหนึ่งของประเทศสำคัญกว่ามนุษยธรรม
อีกอย่างนะครับ เรายกตัวอย่างข้ามยุคสมัยมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ บริบทมันไม่เหมือนกัน สมัยหลายร้อยปีก่อน ยังมีทาส เวลาไปรบบ้านเมืองอื่นชนะก็เกณฑ์คนฉุดหญิงมา หรือฆ่าเผาล้างเมืองสร้างความหวาดกลัวหรือล้างแค้นตามอารมณ์กษัตริย์
ผมรู้สึกชอบ ที่ประเทศเพื่อนบ้านของเราเรียกเราว่า โจรสยาม
ผมว่าต้องดูวัฒนธรรมเขาด้วยหรือเปล่าครับ อย่างวันนั้น ญี่ปุ่นไม่รู้จักสนธิสัญญาเจนิวา ญี่ปุ่นพึ่งผ่านยุคเมจิยุคซามุไรมาไม่นาน สิ่งที่เขาทำก็เรียกว่ายังดิบอยู่ ไม่ได้บอกว่าถูกนะครับแต่ เหมือนยุโรปในยุคกลางก็ทำแบบนี้ ยึดเมืองปล้น ฆ่า ข่มขืน ยุโรปก็ผ่านจุดนี้มาเหมือนกัน เพียงแต่ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ยุโรปผ่านจุดนั้นไปแล้ว แต่ญี่ปุ่นยังไม่ผ่าน
เพื่อนบ้านเรียกเราว่าโจรสยาม แล้วตอนพม่ายึดอยุธยา ไม่ได้กวาดต้อนคนไทยกลับไปเหรอครับ ตอนเจ้าอนุวงศ์มาตีไทย แน่ใจนะว่าไม่ปล้นสะดม ผมว่ามันก็พอกันแหละ ใครชนะก็กวาดไป เพียงแต่ตอนนั้นเราชนะ
สุดยอดเลย คุณ Naris
คิดแบบนี้ไง ที่เขาบอกว่า นอกจากไม่สำนึกผิดแล้ว แถมยังภูมิในสิ่งที่กระทำลงไป
ก็คงต้องเกลียดชังกันตลอดไปอีกนับร้อยนับพันปีหละ เป็นเวรเป็นกรรมของคนเอเซีย
แต่สหรัฐชอบ เพราะที่ไหนมีความขัดแย้ง ที่นั่นเป็นช่องทางที่สหรัฐจะเข้าไปมีอิทธิพลได้ และ หาผลประโยชน์ได้
เรื่องแบบนี้ถกกันยาว
เอ่อญี่ปุ่นไม่ได้ออกมาจากหลังเขานะครับตอนนั้น
ผ่านการปฏิรูปเมจิมานานแล้ว ประเทศเขาโมเดิร์นแล้วครับ ก่อนสงครามก็เป็นมหาอำนาจแล้ว มีการติดต่อกับนานาชาติ มีการเซ็นสนธิสัญญากับนาซีเยอรมัน เป็นหนึ่งในชาติต่างๆที่เข้าไปกรรโชกผลประโยชน์จากจีนเช่นเดียวกับฝรั่งเจ้าอาณานิคมหลายๆประเทศ ไม่ใช่ว่าเพิ่งออกมาเจอโลกภายนอก
บอกว่าไม่รู้จักสนธิสัญญาเจนีวาคงไม่ได้ครับ สมัยนั้นญี่ปุ่นก้าวหน้าที่สุดในเอเชียครับ บุคคลสำคัญๆของจีนช่วงนั้นไปเรียนญี่ปุ่นกันมาทั้งนั้น มันก็แค่มีคนบางคนเลวโหดเหี้ยมก็นั้นแหละครับ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ถึงพื้นฐานญี่ปุ่นจะโหดเหี้ยมกว่าคนอื่นๆ (จากลัทธิบูชิโดที่เอามาปลูกฝังแบบผิดๆ) แต่เขาไม่ใช่ไม่รู้ครับ
ผมก็บอกแล้วไงว่ากันปฏิบัติแบบนั้นสมัยก่อนมันเป็นเรื่องปกติ เพราะงั้นจะเอาข้ามยุคมาเทียบกันมันไม่ได้เพราะต้องดูบริบทกับความสอดคล้องกันของยุคสมัย ซึ่งคุณ skysky เปรียบว่าญี่ปุ่นเหมือนอยู่ยุคโบราณมันไม่ใช่ไงครับ เพราะญี่ปุ่นก็ทันสมัยแล้ว อีกอย่างประเทศจีนก็เพิ่งผ่านยุคฮ่องเต้มาเหมือนกัน ตั้งเป็นสาธรณะรัฐหลังจากการปฏิรูปเมจินานกว่าเยอะด้วยซ้ำ
ขอขยายความเพิ่มเติม (มาอีกกระทู้แล้ว)
ญี่ปุ่นในยุคทั้งก่อนสงครามและยุคเข้าสงครามตอนนั้นญี่ปุ่นปกครองด้วยระบบกึ่งเผด็จการกึ่งราชาธิปไตย คือไม่ได้เป็นประชาธิปไตยแต่อย่างใดเลยซักนิด นายกรัฐมนตรีมาจากการ โหวตแต่งตั้งจากคณะตัวแทน หรือลากตั้งในภาษาบ้านเรา จักพรรดิถูกยกให้เป็นสมมุติเทพ หรือเป็นเทพพระเจ้าของชาวญี่ปุ่น แตะต้องไม่ได้หรือวิจารณ์อะไรไม่ได้เลย ถูกปลุกฝั่งให้มีความเชื่อและความเป็นชาตินิยม (จนบางทีไร้เหตุผลสุดๆ) ยุคนั้นประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับประชาชนชนชั้นสูงและชนชั้นกลาง มากกว่าชนชั้นล่างพวกแรงงานหรือชาวนา ผู้หญิงหรือสตรีถูกจำกัดสิทธิทุกด้าน ซึ่งผมเคยดูละครซี่รี่เรื่อง โอชิน มากก่อน บอกได้เลยว่าเป็นการอธิบายรูปแบบวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี
แต่ในยุคหลังสงครามโลก พลเอกดักกลาส แมกอาเธอร์ ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลง รัฐธรรมนูญใหม่ ลดบทบาทและความสำคัญของจักพรรดิญี่ปุ่นลงให้เป็นแค่สัญญลักษณ์ประมุขของประเทศ ทำให้ประชาชนชนชั้นแรงงานและชาวนา ได้ลืมตาอ้าปากเพิ่มมากขึ้นมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของญี่ปุ่นมีบทบาทในการพัฒนาประเทศอย่างสมบูรณ์แบบ
ส่วนเรื่องที่นายกเยอรมันพูดมานั้นก็ถูกต้องทุกอย่างอีกเหมือนกันครับ ญี่ปุ่นต้องลดอีโก้เรื่องความเป็นชาตินิยมในนามของนายกรัฐมนตรีหรือผู้นำประเทศบ้าง
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเยอรมันในยุคปัจจุบัน ทั้งๆที่เป็นประเทศผู้นำการก่อสงครามโลกอย่างใหญ่หลวงมาถึง สองครั้งในอดีต แต่ในปัจจุบัน เยอรมันกลับผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของกลุ่มอียู เป็นพี่ใหญ่และผู้นำในยุโรปไปเรียบร้อยแล้วทั้งการปล่อยเงินกู้ให้การช่วยเหลือกับประเทศต่างในกลุ่มอียูที่เดือดร้อนทางด้านการเงิน เหนือกว่ากว่าทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสเสียอีก และแถมยังมีความสัมพันธ์ทางการทูตและทางทหารอย่างแน่นแฟ้นกับอิสราเอล (ชาวยิว) ทั้งๆที่ในอดีตเคยจองล้างจองผลาญกันมาก่อนแท้ๆ (เยอรมันเค้าทำได้อย่างไร ญี่ปุ่นควรเอาเป็นแบบอย่างนะครับ)
ส่วนเรื่องความเป็นชาตินิยมหรือความภาคภูมิใจในนามของชาวญี่ปุ่นก็ควรจะเก็บไว้ในใจหรือภายในประเทศตนเองเท่านั้นครับ ไม่ควรไปแสดงออกแบบมากจนเกินไปกับนานาชาติครับ
ในมุมมองของผม สาเหตุที่ ญี่ปุ่น ไม่เอาอย่างแบบเยอรมัน น่าจะ......
กลัวเสียศักดิ์ศรี ไม่อยากเสียหน้า
เพาะคนญี่ปุ่นมีความรู้สึกตลอดมาว่า ตัวเองเป็นชนชาติที่เป็นเลิศกว่า ชนชาติอื่นๆ (ยกเว้นชนผิวขาว) โดยเฉพาะประทาศในเอเซีย
หลายร้อยปีหลังๆนี้ คนจีน คนเกาหลี คนริวกิว และ ประเทศใกล้เคียงล้วนอยู่ภายใต้อิทธิพล ถูกตัวเองเอารัดเอาเปรียบมาตลอด
แม้แต่การแพ้สงครามโลก2 ก็ไม่ใช่แพ้เพราะ จีน หรือ เกาหลี (แต่จริงๆ ถ้าไม่ใช่จีน สรหัฐคงไม่มีโอกาสทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ เพราะญี่ปุ่นจะชนะสงครามซะก่อน)
แล้วอยู่ๆ จะมาให้ก้มหัวขอโทษพวกคนตัวเองคิดกว่าต่ำต้อยกว่า มันยากครับ
ยิ่งประเทศเหล่านี้ล้วนต้อยพัฒนากว่าตัวเองในขณะนี้
สิ่งที่ญี่ปุ่นทำตอนนี้คือ ไม่ยอมรับ ไม่ขอโทษ และ หาทางบิดเบือนประวัติศาสตร์ต่อลูกหลานของตัวเอง เพื่อให้ชนรุ่นหลังภูมิในการกระทำของบรรพบุรุษในยุคสงครามโลก2...เพื่อ...หวังสานต่อเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษ
ส่วนประเทศที่เสียหายมากที่สุด จีน และ เกาหลี คงไม่มีวันยอมหรอก แม้จะผ่านไปร้อยปีพันปี
คงมีแค่ 2 ทางที่ประเทศจีนและเกาหลีจะหายแค้นได้บ้างคือ
1...ขอโทษ รับผิด ชดใช้ และ ไม่คิดที่จะหวนคืนแบบในอดีตอีก
2...สงครามล้างแค้น ญี่ปุ่นต้องย่อยยับแบบที่มันเคยทำกับคนอื่น
ข้อ 2 นิอย่าให้เกิดเลยครับ
จะอินกับประวัติศาสตร์ก็ช่วยเช็คข้อเท็จจริงด้วยครับ
ญี่ปุ่นเพิ่งก้าวมาครอบงำเอเชียหลังจากปฏิรูปเมจิเองครับไม่ถึงร้อยห้าสิบปีเลย ที่ผ่านมาหลายร้อยปีก็มีประเทศเดียวที่แผ่อิทธิพลไปทั่วเอเชียคือ แอ่นแอนแอ๊น จีนไงครับ ฮา
แล้วเรื่องสงครามล้างแค้น ช่วยวางถุงกาวลงก่อนเถอะครับ จะบอกว่าบ้าไปแล้วครับ
เพราะประเทศ.............มีความรู้สึกตลอดมาว่า ตัวเองเป็นชนชาติที่เป็นเลิศกว่า ชนชาติอื่นๆ (ยกเว้นชนผิวขาว) โดยเฉพาะประเทศศในเอเซีย
หลายร้อยปีหลังๆนี้ คนเทย คนเกาหลี คนริวกิว และ ประเทศใกล้เคียงล้วนอยู่ภายใต้อิทธิพล ถูกเอารัดเอาเปรียบมาตลอด
ต้องส่งบรรณาการไปให้ ต้องไปก้มหัวให้โอรสสวรรค์ สมแล้วกับการเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่
มาตั้งกระทู้เทคโนโลยีอาวุธและข่าวคราวเกี่ยวกับกองทัพ หรือถามความรู้เกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์กันมั่งก็ได้ครับ กระทู้แขวะประเทศโน้น ถือหางประเทศนี้ผมว่าเพลาๆมั่งเถอะครับ มาถกเถียงกันเรื่องอาวุธกันดีกว่ามาพูดเรื่องประเทศนี้ขัดแย้งประเทศนั้นแล้วมาถือหางแบ่งข้างโต้กัน ถ้าหากว่าตั้งกระทู้อาวุธประเทศนี้เจ๋งกว่าประเทศนั้น ของประเทศนั้นถูกและดีกว่าประเทศนี้ ผมว่ายังน่าเข้าไปอ่านมากกว่ากระทู้แบบนี้อีก
สำหรับเรื่องนี้ .....
ทางฝ่ายสื่อญี่ปุ่น บ่นกันยกใหญ่ อ้างประเทศเยอรมัน กับ ญี่ปุ่น ไม่เหมือนกัน ประเทศคู่สงครามก็ไม่เหมือนกัน ไม่อาจนำมาเทียบได้
ทางสื่อจีนโต้กลับ.....ถูกต้องแล้วที่บอกว่าไม่เหมือนกัน
1....ฝังยุโรป ประเทศทั้งหลาย (เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส โซเวียต)ที่ทำสงครามกับเยอรมัน ไม่ค่อยด้อยกว่า อ่อนแอกว่าฝ่ายเยอรมันมากนัก พูดได้ว่าเป็นคู่สงคราม
2...ส่วนทางฝ่ายเอเซีย ประเทศที่ญี่ปุนยกทหารรุกราน ล้วนอ่อนแอ ขี้โรค ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะทำสงครามกับญี่ปุ่นได้เลย โดนญี่ปุ่นย่ำยีฝ่ายเดียวก็ว่าได้ ฉะนั้น จะเรียกว่าเป็นคู่สงครามกับญี่ปุ่นไม่ได้เลย เป็นการถูกญี่ปุ่นรุกรายฝ่ายเดียว
3...แม้ญี่ปุ่นจะไม่สร้าง ค่ายกักกันเหมือนเยอรมัน แต่นโยบาย * ฆ่าเกลี้ยง ปล้นเรียบ เผาราบ* ของทหารญี่ปุ่น โหดเหี้ยมกว่าเยอรมันเยอะ แถมยังมีการจับหญิงเป็นทาสบำเรอกามให้ทหารของตัวเองอีก ไม่รวมหญิงอีกจำนวนมากนับแสนคนที่ถูกข่มขืนแล้วฆ่าทิ้งทันที
ที่ว่า ญี่ปุ่นไม่เหมือนเยอรมัน ก็คงไม่เหมือนตรงที่ ไม่ยอมรับ ไม่ขอโทษ ไม่ชดเชย
ส่วนเรื่องความผิดที่ญี่ปุ่นก่อ ไม่มีตรงไหนที่น้อยกว่าเยอรมัน
ยังไงเรื่องแบบนี้ก็คงเถียงกันไม่จบหลอกครับ ผมว่าเรากลับเข้าไปคุยเรื่องเทคโนโลยีทางการทางแบบที่แอดมินเด็กทะเลแนะนำดีกว่าไหมครับ เพราะผมก็นั่งอ่านมาตลอดทั้ง 2 กระทู้แล้ว และพอจะเดาออกในการที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ประวัติศาสตร์แบบนี้มันแก้ไขไม่ได้ครับและมันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละฝ่ายแต่ละบุคคลครับ ว่ามองใครผิดใครถูกครับรวมถึงเรื่องในปัจจุบันเพราะแต่ละประเทศก็รักษาผลประโยชน์ของตัวทั้งสิ้นครับ ไม่มีประเทศไหนยอมเสียสละผลประโยชน์ของตัวเองทั้งหมดครับ/Admin
admin ถึงกับต้องออกโรงสองคนติดเลย ฮา
ฮาคุณเด็กทะเลถึงกับมาปราม
แต่ผมขอหน่อยนะครับท่านแอดมิน
อยากจะชี้ประเด็นสำคัญดังนี้
อย่างแรก เรื่องศาลเจ้ายาสุกุนิติดประเด็นเดียวคือในศาลเจ้ามีการไหว้อาชญากรสงคราม(พวกทหารผู้บัญชาการนายผเด็จการทั้งหลาย) ซึ่งจีนไม่ยอมเพราะเท่ากับเป็นการบูชาอาชญากรสงคราม ศาลเจ้านั้นเป็นที่สิงสถิตวิญญาทหารของจักรพรรดิ์ทุกคนดังนั้นไอ้พวกนี้เลยเข้าไปอยู่ด้วย ซึ่งจีนเขาไม่ได้ยั๊วะที่ไหว้ศาลเจ้าที่สิงสถิตย์วิญญาทหารท้ายแถวหรืออะไรหรอกครับ วิธีแก้ง่ายๆ คือญี่ปุ่นก็แค่เอาไอ้พวกโจรพวกนั้นออกไปก็จบ หลังจากนั้นจะไปไหว้คนที่รับใช้ชาติอะไรก็ไหว้เถอะครับไม่มีใครว่า (ซึ่งฮาโตะยามะก็เพิ่งวิจารณ์อาเบะไปว่าเอาพวกอาชญากรสงครามออกเถอะก่อนจะไปไหว้) ซึ่งไอ้การไหว้ศาลเจ้านี่มันเป็นมีปัญหากับเกาหลีด้วยไม่ใช่แค่จีน
ข้อสอง ญี่ปุ่นยังไงก็ต้องขอโทษและยอมรับว่าเคยทำชั่วๆ ไว้ ไม่ใช่แค่แสดงความเสียใจ ซึ่งการแสดงความเสียใจคิดว่าเคยแล้วตอนนายกสุดฮิป ฮาโตะยามา ที่ขอโทษแต่ในนามส่วนตัวถึงการกระทำกับจีนในสงคราม และไม่นานนี้กี่ปีนี้ก็ไปไหว้อนุสรณ์สถานนานกิง และก็ได้ให้สัญญาไว้เลยว่าจะไม่ไปไหว้ศาลเจ้ายาสุกุนิ ซึ่งเป็นนายกคนแรกเลยที่ไม่ได้ไป คือแกค่อนข้างสายพิราบ
สาเหตุที่ญี่ปุ่นไม่เคยขอโทษนั้นผมคิดว่ามันเป็นวัฒนธรรมที่ไม่ก้มหัว แบบต้องสู้ไม่ยอมแพ้ และการเสียสละหรือต่อสู้เพื่อส่วนรวมหรือองค์กรแบบพวกสละตัวเองเพื่อรักษาชื่อองค์กร(รวมถึงปกปิดอะไรต่างๆ) ซึ่งในทีนี้ก็คือประเทศชาตินั่นเอง
ที่คนจีนต้องการนะครับ คือให้จักรพรรดิ์ญี่ปุ่นขอโทษอย่างเป็นทางการด้วยตัวเองครับ ซึ่งผมมองแล้วคงไม่เกิดแน่นอน เพราะญี่ปุ่นอ้างว่าจักรพรรดิ์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศใดๆ
สาเหตุรองลงมาที่นายกญี่ปุ่นยังทำตัวกวนส้นไปไหว้เจ้าเนืองๆ เพื่อเป็นการสร้างกระแสชาตินิยมเพื่อเอาคะแนนการเมือง เพราะญี่ปุ่นปัญหาภายในเยอะ หลักๆ ก็คือเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งมันเป็นสูตรสำเร็จที่นักบริหารทุกคนในโลกน่าจะเข้าใจกันครับ ว่าเมื่อไรคนเริ่มไม่พอใจหัวหน้า/ผู้นำ หรือมีปัญหาต่างๆ ให้เกิดความไม่พอใจ ทะเลาะ ขาดสามัคคี วิธีแก้ที่ง่ายสุดคือไปหาเรื่องประเทศอื่นให้มีปัญหากัน เมื่อนั้นแหละทุกคนจะสามัคคีเพื่อรุมอีกฝ่ายแทน แถมลืมเรื่องปัญหาภายในไปเสียฉิบ
ก็คงได้แต่หวังว่าซักวันญี่ปุ่นจะผลัดใบจนถึงรุ่นที่เปลี่ยนทัศนคติการมองโลกและได้เห็นอะไรต่างๆ ที่คนรุ่นเก่าอาจจะถูกปิดบังเบี่ยงเบนไป
ส่วนใครที่คิดว่าวิธีจบปัญหานี้ทางนึงคือจีนอัดล้างญีปุ่่นให้สิ้นซากเพื่อเอาคืน ผมอยากจะบอกว่าถ้าคุณคิดว่าจีนทำได้ อย่างนั้นก็คงไม่ต้องด่าญี่ปุ่นหรอกครับ เพราะความคิดก็เลวพอๆ กันนั่นแหละ