ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นและพัฒนาการของเครื่องบินขับไล่ที่บรรทุกอาวุธได้เป็นจำนวนมาก การตรวจจับของเรดาร์ที่ไกลขึ้น ความเห็นส่วนตัวคิดว่าคงไม่มีใครจะพัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์แบบในอดีตอีกแล้ว ส่วนที่ยังมีใช้อยู่คือการอัพเกรดยืดอายุใช้เท่าที่ยังเหลือใช้งาน อเมริกามี B 52 B1 B2 ส่วนรัสเซียมี Tu 95 Tu 160 

จีนมีครับ ลอง google หาคำว่า chinese new bomber ดู 

ผมว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดของอินเดีย รัสเซียคงให้ความร่วมมืออยู่ดีนั่นแหล่ะครับ

แต่ยังไงอินเดียก็เล่นเครื่องบินหลายค่ายอยู่ดีนั่นแหล่ะครับ 555+

ประเทศที่ทั้งสามมีโครงการหมดแหละครับ แต่จะจริงจังแค่ไหนก็อีกเรื่องนึง กล่าวคือถ้าความสำคัญไม่มากก็ดองๆ ไว้ในเก๊ะ ถ้าสำคัญมากก็พัฒนาเป็นเรื่องเป็นราวคืบหน้า

อย่างจีนผมคิดว่าเขามีสิ่งอื่นๆ ทีต้องพัฒนาอีกเยอะ เช่นเรือขนบ. ก็ทำจริงทำจังอยู่ในช่วงสำคัญของการพัฒนา

รัสเซียก็มาเรื่อยๆ แต่ของรัสเซียผมห่วงเรื่องโดนตัดงบฯ เพราะประเทศไม่ได้ร่ำรวยเหมือนจีนเมกาเลย แต่อาศัยความมักใหญ่ใฝ่สูง หรือความอยากมี

ส่วนเมกาผมว่ามีแน่ๆ แต่จะเป็นแบบไหนอีกเรื่องหนึ่ง จะเร็วๆ ซึ่งก็คงต้องเล็กลง หรือจะ stealth ซึ่งก็คงต้องช้าลงและ จะมีนักบินหรือบังคับด้วยรีโมต เพราะสภาล่างพลิกขั้วทีปลี่ยนทีปัดฝุ่นที อย่างโครงการเครื่องบินหลายๆ โครงการของสหรัฐฯ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนั้นก็ทั้งยุบโครงการรวมกัน หรือแยกออกเป็นหลายโครงการ หรือพัฒนาจะมาทดแทนของเก่า แต่กลายเป็นคนละคลาสเลย และใช้ทั้งของใหม่และเก่า ยกตัวอย่างโครงการ c-17 ตอนแรกจะทำมาแทน c-130 แต่ทำไปทำมาลำบักเอ้ง ไม่สามารถมาทดแทนของเดิมโดยตรง ก็สรุปว่ามีทั้งสองลำนั่นแหละ

ส่วน b-2 ผมว่าอยู่อีกยาวๆ ครับ เพราะสามารถทำสิ่งที่น้อยเครื่องของสหรัฐฯ ทำได้ครับ เป็นเครื่องทิ้งระเบิดเดียวในโลกที่ stealth เพราะ f-22 ทิ้งระเบิดได้แค่ sdb II ขนได้ก๊อกแก๊กมาก  ที่ว่าเครื่องขับไล่ขนอาวุธได้เยอะนั้น ผมว่ายังห่างไกลกับเครืองบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตรครับ หากมีเป้าเดียวมันก็โอเค เช่นตอนอิสราเอลถล่มเตาปฏิกรณ์ของซีเรีย แต่ถ้ามี b-2 นั้นสามารถกวาดทั้งท่าเรือและคลังสินค้า หรือนิคมอุตสาหกรรมได้ทั้งแถบ และบินได้ทั้งวันทั้งคืนข้ามครึ่งโลก ซึ่งเครื่องบินขับไล่ทำไม่ได้เด็ดขาด น้ำมันหมดแล้วหมดอีก 

b-1 เผลอๆ จะไปก่อน เพราะปีกที่ปรับระดับได้มันดูแลลำบากและอันตราย นอกจากนี้การจะเอา b-1 มาทำการโจมตีทางยุทธวิธีก็อาจจะไม่ค่อยเข้าท่าเพราะบินไม่คล่องเท่า a-10 แถมไม่มีปืนใหญ่ เปลืองน้ำมัน รันเวย์ยาว ต้องมาจากฐานบินใหญ่ๆ เท่านั้นทำให้บินไกลอีก ซึ่งพวกแนวร่วมนักการเมืองที่ผลักดันให้ b-1 พัฒนามาทำหนาที่โจมตีทางยุทธวิธีหรือโจมตีสนับสนุนนั้น หลักๆ ผมคิดว่าเพื่อเร่งการปลด a-10 เพื่อประหยัดงบประมาณไปผลักดันการซื้อ f-35 ครับ

ส่วน b-52 คงใช้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีเครื่องทดแทนในจำนวนที่มากพอ ไม่ใช่แบบ b-2 ที่ทั้งประเทศแค่ยี่สิบลำ

ซึ่งพอเรามาดูสภาพการณ์โลกสมัยนี้ มันมีประเทศเดียวเท่านั้นแหละครับที่เดี๋ยวก็บุกคนนั้น เดี๋ยวก็บุกคนนี้ ซึ่งก็คืออเมริกา ดังนั้นถ้าพูดกันตามตรงก็คือ เมกาเป็นคนเดียวที่ได้ประโยชน์แบบเป็นรูปธรรมชัดเจนจากการมีเครื่องบินทิ้งระเบิด จีนหรือรัสเซียแทบไม่เคยบุกใคร อย่างมากก็รบกันข้างบ้าน แต่ถ้าเงินเหลือเวลาเหลือก็คงทำการหามาให้ได้แน่นอนครับ

แต่อย่างว่ารัสเซียไม่ได้รวยขนาดนั้น สมัยโซเวียตเวลาสหรัฐฯ ผลิตอะไร โซเวียตจะผลิตเช่นกันเพื่อเพราะเป็นการแข่งขันโฆษณาชวนเชื่อแข่งกันว่าแนวคิดใครประเทศก้าวหน้ากว่ากันระหว่างคอมมิวนิสต์กับโลกเสรี ซึ่งรัสเซียจะสามารถทำได้ดีกว่าหลายครั้ง เช่นเครื่องบินบิบเร็วจนตะวันตกกลัวเช่น mig25, 31 หรือเครื่อง tu-160 ที่ต้องลำใหญกว่าและบินเร็วกว่าของตะวันตก แต่รัสเซียก็ต้องใช้เงินไปเยอะกว่ามากเมื่อคิดเป็นสัดส่วนต่อเศรษฐกิจของประเทศ และก็ไม่แน่ว่าจะสามารถรักษาเครื่องบินประเภทนั้นๆ เพราะเงินไม่มี เช่นกระสวยอวกาศรัสเซียก็ผลิตแบบสหรัฐฯ เช่นกัน แต่มีแค่ลำเดียวและไม่เคยใช้งานจริงๆ หรืออย่างเครื่องบินทิ้งระเบิดก็มีน้อยกว่าสหรัฐฯ มาก หลักสิบกับหลักรอย เป็นต้นยิ่งสมัยนี้ความจำเป็นและภัยคุกคามมีน้อยกว่าสมัยสงครามเย็นมาก ความจำเป็นยิ่งต่ำลง รวมถึงเทคโนโลยี่มิสไซล์ที่ยิงจากพื้นดีกว่าเดิมมากด้วย