ถ้าท่านทำได้ผมจะเลือท่านเป็นนายกทุกสมัยเลย

ในภาพจะเป็นแนวเส้นทางที่จะขุดครับ และภาพที่สองจะเป็นรูปโครงการเมื่อเสร็จครับ

ถ้า EIA ผ่านนะ....

ผ่านอยู่แล้วครับ ถ้าไม่โดนแทรกแทรงนะ อิอิ

เรื่องการสร้างคลองน่ะ ไม่ได้อยู่ที่ว่าใครแทรกแซงหรือการเมืองแทรกแซงหรอกครับ

ปัญหาใหญ่ๆตามมาเลยก็คือเรื่องของธรรมชาติและชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ถูกสร้างครับ เรื่อง NGO มันหมดยุคไปแล้ว

ถามว่าอยากให้สร้างหรือเปล่า

ถามว่าอยากจะฟังเสียงของประชาชนหรือเปล่า

ถามว่าถ้าสร้างจริงๆควรจะดึงจีนหรือสหรัฐฯหรือไม่

สร้างเสร็จแล้วรายได้ของประเทศเราจะดีกว่าสิงคโปรหรือไม่อย่างไร

ลดเรื่องการโดนปล้นจากโจรสลัด เรื่องระยะเวลาข้นส่ง ต้นทุนการค้นส่งต่ำลง บลาๆ ประเทศไหนๆก็อยากได้ทั้งนั้นละครับ 

ส่วนขอตอบคุณ Nakarin นิสหนึ่งนะครับ

คือ ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกลๆหลอกครับ ดูพื้นที่ทางด่วนในกรุงเทพ ที่จะสร้างใหม่แค่นั้นพอครับ เขาอยากจะให้สร้างรึเปร่าละ ไม่ได้ถามเหมือนกันแต่ไล่ไปอยู่ที่อื่นเลย แต่ก็เพื่อจะลดระยะทางการเดินทางของผู้คนในชาติ(ว่าไปนั้น ฮ่าๆ) ให้สั้นลง ถ้าเราจะขุดคลองก็ครงทำกับคนแถวนั้นแบบนั้นจริงๆครับ ซึ่งเป็นผมก็ครงไม่ยอมแต่จะไปทำอะไรได้... เพื่อชาติ...  

และถ้าเกิดการประท่วงเรื่อง ธรรมชาติที่เสียไป... งันผมว่าก็ครงจะเหมือนเมื่อ30-40ปีก่อนที่ในหลวงจะสร้างเขือนเพื่อที่ อณาคต กรุงเทพจะไม่โดนน้ำท่วม แล้วพวก รักธรรมชาติออกมาห้าม บลาๆ พอปี52 ก็หายหัวไปไหนกันหมด ธรรมชาติที่พวกคุณปกป้องมาหาที่ถึงบ้านเลยนะ ถึงมันคนละเรื่องกับขุดคลองแต่ก็น่าจะ เป็นคนละเรื่องเดียวกัน อยู่ดี

และอันสุดถ้ายคือ GDP GNP เราจะสูงเท่าสิงค์โปรไหม ตอบ"ไม่" เพราะพื้นที่ของเราใหญ่กว่ามาก สิงค์โปร ถ้าจะให้ผมพูดก็คือ ประเทศที่มีท่าเรือเกือบคลึ่งหนึ่งของประเทศ เพราะทั้งประเทศเขามีแค่นั้นครับ แต่ประเทศเราจะได้ พื้นที่ปกครองพิเศษ แห่งใหม่เพิ่มเหมือน กรุงเทพ พัทยา แต่สิงค์โปรเรือก็จะผ่านน้อยลง ตังไม่ถึงมือเท่านั้นเอง (ประเทศที่ประท่วงเรามีแค่ มาเลเซีย สิงค์โปร และสหรัฐแบบ แอบๆ แต่ก็มีสนับสนุนเราก็พวก  อาหรับ จีน ญี่ปุ่น )

แต่ทุกอย่างไม่แน่นอน เพราะงันอย่าไปเชื่อที่ผมเขียนมาทั้งหมด ต้องคิดวิเคราะห์ ปู้แผนที่โลกดูเอาเลยครับ

ง่ายๆนะ ในทางปฏิบัติ ไม่เคยเวนคืนแบบคุ้มเงิน หรือไล่ไปอยู่ค่ายพักพิงแบบสภาพเหมือนกองขยะ 

ผมอ่านมาคิดว่าจากเพจดากไนท์นะ ว่าไปคุยกับนักธุรกิจต่างชาติว่าต่อให้เราทำคอคอดกระก็อาจไม่เกิด เพราะระบบจัดการต่างๆหน่วยงานของเราห่วย ยุ่งยากไม่มีประสิทธิภาพ คนทำธุรกิจก็ยอมอ้อมไปสิงคโปร์หมด อันนี้ก็น่าสนใจ ต้องเอามาคิดด้วย

ปานามาก็ไม่เห็นมันจะรวยนะครับ ขนาด ย่นระยะได้เป็นอาทิตย์ แล้วย่นระยะได้ไม่กี่วันแบบเรา จะรวยขึ้นมาได้ขนาดไหน

EIA ไม่ใช่ผ่านง่ายๆครับ กรรมการทั้งหลายไม่ปล่อยง่ายๆ ขนาดโรงถลุงเหล็ก ยังทำไม่ได้เลย ขุดคอคลอดกระ ย้ายชาวบ้านอีกเพียบ เอาแค่ทำขั้นตอนศึกษา  EIA 5 ปี ก็ไม่เสร็จ ทำ PP ไม่ครบ

การสำรวจของคณะกรรมการนำโดย ดร.สถาพร เขียววิมล ได้เคยทำการสำรวจพื้นที่ที่จะขุดคลองแล้วครับ เป็นพื้นที่ของรัฐประมาณ 70-80 % ประชาชนส่วนใหญ่พุทธ และด้วยการไปบรรยายหลายรอบให้ความรู้หลายครั้ง จนประชาชนเห็นด้วยครับ แต่มักจะมีพลังจากภายนอกมาบดบัง บิดเบือนครับ

เผอิญปานามามันอยู่ใกล้นักเลงใหญ่ครับ ใครคุมไปศึกษาดู 

ที่คุณ toeytei พูดมาก็น่าคิดนะครับ เพราะประเทศไทยถ้าพูดกันตามตรงก็คือประสิทธิภาพเหยาะแหยะกว่าสิงคโปร์หรือชาติอื่นๆ ที่พัฒนาเยอะ(ไม่งั้นเราคงพัฒนากว่าเกาหลีไปนานละ)

ซึ่งก็จริงครับว่ามีคลองคอคอดกระแค่นั้นมันไม่ได้การันตีว่าจะมีความสามารถในการทำรายได้เข้าประเทศได้ สิ่งที่สังคโปร์มีนอกจากท่าเรือ(ที่ทันสมัยและประสิทธิภาพสูง)นั้นคืออุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเทคโนโลยี่ชั้นสูงต่างๆ ที่ไทยยังห่างกันเยอะ ดังนั้นถ้าเกิดไทยคิดจะสู้ให้ได้ต้องให้โครงการนี้เป็นนิคมอุตสาหกรรม(ซึ่งเข้าใจว่าอยู่ในแผนอยู่แล้ว)

นอกจากนี้โครงการนี้จะต้องบริหารโดยรัฐวิสาหกิจหรือเอกชน ซึ่งถ้าเอกชนหรือต่างชาติบริหารอาจจะประสิทธิภาพดีกว่ารัฐวิสาหกิจที่ควบคุมโดยรัฐบาล เพราะเมืองไทยเส้นสายใหญ่กันจังความสามารถไม่มียังได้รับการแต่งตั้งมาบ่อนทำลายธุรกิจของชาติได้หน้าด้านๆ ดูอย่างทอท.ที่บริหารสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานที่เครื่องบินลงเยอะๆ ของไทยทั้งหมดนะครับ บริหารสุวรรณภูมิได้เละเทะมาก เน่าจริงๆ เทียบกับสิงคโปร์ไม่ได้เลยทั้งๆ ที่มันควรจะไปดีกว่าด้วยซ้ำถ้าดูจากตำแหน่งทางภูมิศาสตรที่มีดีกว่า กล่าวคือเป็นศูนย์กลางของ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และใกล้ใต้หวัน จีน ฮ่องกง หม่าเก๊า และเกาหลี ญี่ปุ่น กว่าสิงคโปร์ ตัวอย่างที่ดีเลยคือสุวรรภูมิเมื่อตอนย้ายสนามบินมานั้น ระบบโลจิสติกยังสร้างไม่ทัน ส่งผลให้การรองรับการขนส่งทางอากาศยังล้าหลังกว่าดอนเมือง ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนถึงการที่เราไม่ได้ทำการพัฒนาอย่างบูรณาการจริงๆ (รวมถึงเรื่องเวลาด้วย) โดยเราล้มเหลวในการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ

ผมขอเสนอเลยนะว่าถ้าคิดจะขุดคอคอดกระตอนนี้ ให้ต่างชาติเข้ามาประมูลบริหารเลย จะเกาหลี ผมเสนอสิงคโปร์เลยครับ จะได้ไม่ต้องมาโวยวายขัดขา แถมยังจะช่วยเราอีก การที่ให้บริษัทสิงคโปร์มารับสัมปทานจัดการบริหารคลองกระนั้นจะมีข้อดีดังนั้น เราจะได้ผู้มีความเชี่ยวชาญมาดำเนินการ ซึ่งหมายทั้งระบบรวมถึงนิคมอุตาหกรรมและอุตสาหกรรมต่าง เราจะมีความเป็นอินเตอร์มากกว่าทำเอง ต่างชาติจะมาทำมาค้าคล่องไม่ต้องปวดหัวกับเจ้าหน้าที่ที่ภาษาต่างประเทศไม่คล่อง มาตรฐานความปลอดภัยสูง เพราะวัฒนธรรมเขาเป๊ะและมีระเบียบวินัยไม่เหมือนเมืองไทยที่เรื่องการฝ่าฝืนกฎหมายยังเยอะและไม่การเคารพมาตรการด้านความปลอดภัยยังต่ำกว่า จะไม่มีการเข้ากระเป๋านักการเมืองและการทุจริตตั้งแต่ตอนเริ่มก่อร่างจนถึงการดำเนินงาน (เช่นการจัดซื้อจัดจ้างเข้าข้างพวกมีเส้นที่จ่ายใต้โต๊ะ และลดงบด้วยการเอาของที่ต่ำกว่ามาตรฐานมาใช้เพื่อชดเชยต้นทุนสินบน)

พอหมดสัมปทาน จะสามสิบห้าสิบปีอะไรก็ว่าไป ตอนนั้นผมคิดว่าประเทศเราจะพัฒนาด้านมาตรฐานต่างๆ เช่นความปลอดภัย ฯลฯ จนพร้อมจะรับไปทำต่อ นอกจากนี้การที่สิงคโปร์มาดำเนินงานก่อนจะเป็นการ establish คลองกระให้เราทำให้บริษัทต่างชาติมาเป็นลูกค้าตั้งถิ่นฐานตรงนี้กันหมดแล้ว ซึ่งไอ้การจะหนีจากการเมืองไม่สงบซักหกเดือนสองปีคงไม่เกิดขี้น ซึ่งเอากันตรงๆ ต่างชาติเขาเชื่อมั่นมือสิงคโปร์กว่าไทยเยอะ ดังนั้นการที่จะดึงดูดลูกค้ามาไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนี้สิงคโปร์เขาคอนเน็กชั่นย่อมดีกว่าในระดับโลก ง่ายกว่าแน่นอน

เรื่องความมั่นคงก็ไม่ต้องห่วง เพราะเราจะได้รับผลประโยชน์ในทางทหารอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นคนดำเนินการ ดังนั้นไม่ต้องห่วง ทั้งนี้ผมมองว่าการให้สิงคโปร์ดำเนินการ นอกจากผลประโยชน์ทางอ้อมที่ร่ายมายาวเหยียดแล้ว ผมประโยชน์ทางตรงคือค่าสัมปทานอาจจะเยอกว่ากำไรที่ได้จากการดำเนินงานโดยรัฐวิสหกิจที่จะโดนแทรกแซงเละเทะแบบคนมีฝีมือโดนไล่ออกข้อหาผลงานไม่ผ่าน (อย่างปิยสวัสดิ์โดนไล่ออกจากการบินไทยนั่นปะไร) และเอาคนห่วยๆ พวกพ้องมาบริหารจนเจ๊ง 

นอกจากนี้เรายังสามารถออกกฎหมายให้รายได้จากการสัมปทานมาช่วยอุดหนุนส่งเสริมโคสต์การ์ดที่จะมีการจัดตั้ง (จากอีกกระทู้ ฮา) ได้ ขณะที่ถ้าบอกว่าเอารายได้จากสัมปทานคลองกระมาให้ทหารเรือซื้อเรือคอร์เว็ต(หรือโอพีวีก็เหอะ) รับรองโดนด่าสาบแช่งตายไปถึงพ่อถึงแม่ ชาตินี้ไม่กล้าไปเดินห้างแน่นอน

ดังนั้นผมจึงขอเสนอให้เราเสนอบริษัทสิงคโปร์มาบริหารเลย จบ

ปานามานี่เอาจริงๆ เรียกว่าเป็นคลองของเมกายังได้ เมกาเป็นคนสร้างครับและเช่าที่มาสร้าง โดยการส่งเสริมกบฏให้แยกประเทศ พอแยกได้การจะขออะไรจากรัฐบาลใหม่ที่ตัวเองค้ำจุนไม่ให้โดนโคลัมเบียล้างมันก็ง่ายละครับ ตอนแรกเริ่มในการตั้งประเทศปานามานั้น ปานามาเป็นรัฐอารักขาของสหรัฐด้วยซ้ำ และสหรัฐฯ บริหารคลองกับพื้นที่โดยรอบที่เป็นเสมือนดินแดงหนึ่งของสหรัฐฯ อยู่เกือบร้อยปี เพิ่งคืนสิทธิ์ไปเมื่อปี 1999 

ซึ่งที่ปานามามันไม่พัฒนา เพราะไอ้การจะพึ่งพาคลองอย่างเดียวเป็นรายได้ประเทศแล้วจะรวยมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ เปรียบเทียบกับประเทศสวรรค์เมืองท่องเที่ยวที่ต่อให้เลอเลิศและแพงแค่ไหนอย่างมัลดีฟส์ ฟิจิ ตองกา แต่ถ้ามีแค่นั้นมันก็รวยยากละครับ (อาจจะมีผู้นำรวยตระกูลนึง) ซึ่งคลองปานามานีก็เป็นรายได้หลักของประเทศปานามาด้วยซ้ำ 

       พูดถึงโครงการต่างๆของรัฐ ที่มีผลกระทบต่อชุมชน หรือประชาชน ผมเข้าใจนะครับว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นเดือดร้อนแต่ก็ต้องมองมุมกลับอีกด้านว่าโครงการเหล่านั้นมันเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดการพัฒนาขึ้นในประเทศ 

        ยกตัวอย่างชัดๆเลย เช่น โครงการสร้างเขื่อน สร้างโรงไฟฟ้า ไม่ว่าจะไปพื้นที่ไหน ก็มีปัญหาหมดจะผลิตไฟฟ้าด้วยระบบไหนพลังงานอะไรก็มีปัญหาผมว่ากลุ่มคนที่ปลุกระดมคนในพื้นที่มาต่อต้านมันก็คนกลุ่มเดิมๆ ห้ามไม่ให้สร้างโรงไฟฟ้า แต่บ้าน NGO บางคนติดแอร์ทั้งหลังเปิดทิ้งทั้งวันเครื่องเสียงโฮมเธียร์เตอร์ครบ แต่ห้ามสร้างโรงไฟฟ้านะ มันทำลายสิ่งแวดล้อม บลาๆๆ 

       เคยหลงไปนั่งฟังสัมนาเกี่ยวกับการบริหารการจัดการผลประโยชน์ของรัฐทีนึง วิทยากรพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้ไว้ว่า เพื่อผลประโยชน์ของคนในชาติ ประชาชนบางส่วนจึงจำเป็นที่จะต้อง เสียสละ เพื่อส่วนรวม แต่ปัญหาก็คือเราจะบาลานซ์ระหว่างความเสียหายที่คนเหล่านั้นถูกรัฐบีบให้เสียสละ กับผลประโยชน์ที่รัฐจะชดเชยให้อย่างไรบ้าง ซึ่งผมมองว่ารัฐยังชดเชยผลประโยชน์ให้ไม่เพียงพอ เผลอๆเม็ดเงินที่นำมาชดเชยให้ชาวบ้านอาจถูกคอรัปชั่นอีกต่างหาก แบบนี้ใครจะยอมเป็นผู้ เสียสละ เพราะมันได้ไม่คุ้มเสียเลย

ถ้าไทยอยากเจริญมันก็ต้องเอาทุกเม็ดครับ ตรงไหนลงทุนแล้วได้ผลเป็นกำไรก็ลงทุนไป ตรงไหนทำแล้วขาดทุนก็ไม่ควรลงทุน ไม่ต้องไปคิดว่าทำแล้วรวยแบบสิงคโปร์หรือไม่ มันคนละประเทศเทียบกันไม่ได้  ถ้าทำแล้วมีรายได้มากขึ้นก็น่าทำ

..

มองอีกทางนึงไอ้คนที่มีอำนาจสั่งสร้างนี่ถ้าบ้านตัวเองต้องโดนกวาดราบก็ไม่สร้างเหมือนกันนั่นแหละ ดังนั้นจะไปว่าคนที่เขาไม่อยากย้ายบ้านอย่างเดียวไม่ได้ เหมือนที่เคยมีโพลซักเจ็ดแปดปีมาแล้วเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าเนียแหละ ถามว่าอยากให้เมืองไทยสรัางโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไหม ส่วนใหญ่ตอบว่าอยาก ถามต่อว่าถ้าให้สร้างแถวบ้านตัวเองเอามั๊ย ก็ไม่เอากันซักคน เพราะกลัวอันตราย ก็ประมาณนั้นแหละครับ แล้วการโดนเวนคืนที่ดินบ้าน มันไม่ใช่แค่ย้ายบ้าน แต่มันหมายถึงวิถีชิวิตครับ เพื่อนบ้านต่างๆ ที่สนิทกันเอย งานการที่เคยทำเอยจะไปหาใหม่ที่ไหนมีหรือเปล่า บ้านเอยจะหาใหม่ได้ไหม  โรงเรียนลูกๆ อีกต้องไปหาที่เรียนใหม่เพื่อนๆ ที่สนิทกันก็ไม่อยู่แล้ว ฯลฯ เรื่องมันซับซ้อนครับ ไม่ใช่แค่ย้ายๆ จบ แล้วทุกอย่างจะเหมือนเดิม เพราะไอ้คนสั่งย้ายก็ไม่ได้ย้ายเองนี่หว่า ประมาณนั้น

ผมอีกคนหนึ่งที่อยากให้สร้างใจจะขาดครับ

แต่อย่างน้อย มี 2 ประเทศไม่เห็นด้วยแน่นอน แถม 2 ประเทศนี้มีอิทธิพลต่อไทยมากด้วยซิ

ประเทศหนึ่งเป็นมหาอำนาจของโลก มันคงไม่ต้องการให้มีหลายเส้นทางเดินเรือ เพราะมันคุมยาก 

อีกประเทศจะเสียประโยชน์โดยตรงจากเศรษฐกิจ เพราะมีคู่แข่ง 

มหาอำนาจทีว่านี่จีนปะครับ ฮา

งงว่ามีเส้นทางเดินเรือเยอะแล้วมันทำไม อเมริกาเป็นคนคุมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ปัจจุบันมะละกาแกก็ไม่ได้คุม 

ถ้าโครงการนี้ริเริ่มจริงจังโดยรัฐบาลชุดนี้ ท่านจะมีผลงานเป็นรูปธรรมทันที โดยไม่ต้องไปแย่งผลงานใคร โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง โครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ที่เราไปร่วมลงทุนสร้างให้ในประเทศพม่า เรายังทำได้ เจืยดเงินมานิดหน่อยมาลงทุนผมว่าไม่มากจนเกินไป จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ก็เคยสนใจจะร่วมลงทุน โครงการนี้ติดแค่ EIA NGO ประชาชนในพื้นที่ ผลประโยชน์ การพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่ ประเทศ กสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงผลได้ผลเสียดีๆ ล่ะกัน แต่โดยส่วนตัวผมเชียร์นะ อย่างน้อย การคมนาคม การเคลื่อนย้ายกำลังทางเรือทั้งสองฝั่งทะเลของเราก็จะสะดวกขึ้น

ขออธิบายถึงพวกที่คัดค้านว่าถึงจะมีคลองกระก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะรวยเท่าสิงคโปร์

ฮึฮึ จริงเหรอครับ???? 

และถ้าบอกว่าทำออกมาแล้วเผลอๆนักธุรกิจจะพากันไปอ้อมท่าเรือที่สิงคโปร์เพราะว่าเร็วกว่ากันไม่กี่ชั่วโมง  โธ่ๆๆๆๆๆให้มันจริงเถอะครับ ถ้ามันแย่ยังนั้น สิงคโปร์มันจะดิ้นปัดๆเหมือนหมูโดนน้ำร้อนล้วกซะขนาดนี้หรอก

ทุกวันนี้บริษัทขนส่งทางทะเลหรือบริษัเดินเรือพาณิชย์มันแข่งขันกันด้วยเรื่องอะไรล่ะ ก็เรื่องการลดระยะเวลาในการเดินทางได้มากเท่าไรก็จะยิ่งจัดส่งสินค้าวัสดุ ได้เร็วมากขึ้นเท่านั้นแหละนี้คือจุดขายของบริษัทเดินเรือพาณิชย์ที่จะใช้แย้งลูกค้าและยังช่วยลดราคาค่าขนส่งเดินเรือแต่ละเที่ยวได้อีกต่างหากด้วย นั้นเท่ากับว่าจะทำให้สามารเสนอราคาค่าจัดส่งให้กับลูกค้าได้ในราคาที่ถูกลงด้วย

แล้วมันก็ยังจะเป็นการช่วยลดต้นทุนค้าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงให้กับบริษัทเดินเรือสมุทรอีกต่างหาก บริษัทเดินเรือพวกนี้เค้านับยอดกันเป็นเที่ยวเดินเรือ

สมมุติง่ายๆว่าการเดินเรือขนสินค้า  ค่าน้ำมันเดินเรือต่อเที่ยวๆละ100 บาท

แล้วถ้าวิ่งผ่านคลองกระจะสามารถลดค่าน้ำมันเดินเรือได้ เที่ยวละ 5 บาท ปีนึงเทียว วิ่งได้ปีละ 10 เที่ยว

เท่ากับเป็นเงิน 5x10 = 50 บาท ต่อปี

แล้วถ้าบริษัทเดินเรือมีเรือเดินสมุทรซัก 20 ลำที่จะต้องใช้เส้นทางนี้ คือ จำนวน 50x20 = 1000 บาท ต่อปี และลองเอาตัวเลขง่ายๆพวกนี้ไปคำนวณยอดผลกำไรที่จะเพื่มขึ้น5เปอร์เซนต์

ถ้าสมมุติอีกว่า บริษัทเดินเรือสมุทรแห่งหนึ่งมีรายจ่ายจากการทำธรุกิจปีละ 1000 ล้านบาทนั้นเท่ากับว่าบริษัทจะมีผลกำไรเพิ่มขึ้นทันที 50 ล้านบาทต่อปี 

ตัวอย่างเปรียบเปรยง่ายๆแค่นี้มันมากพอจะทำให้สิงคโปร์ถึงขั้นวิตกจริตได้เลยหรือไม่ลองไปคิดเอา

ส่วนเรื่องสหรัฐน่ะบอกได้เลยว่าเป็นประเภทปากว่าตาขยิบ คืออยากเข้ามามีผลประโยชน์ด้วยก็เท่านั้นเองถึงได้แสดงอาการคัดค้าน

สรุปก็คือจะสร้างก็รีบสร้างซะเถอะ

ปล. ตั้งแต่เรามีสนามบินสุวรรณภูมิมาเนี้ยเราแบ่งรายได้เข้าประเทศจากสิงโปร์ปีละกว่า  6 หมื่นล้านบาท นี้ขนาดว่ายังไม่ได้ขยายสนามบินแบบเต็มพื้นที่ 100% นะปัจจุบันทั้งประสิทธิภาพการบริการและขนาดของสนามแค่ 60-70% เท่านั้น ถ้าสามารถพัฒนาให้มันfull เต็มที่ละก็แทบจะไม่มีรายได้เหลือไปแบ่งให้ถึงสิงคโปร์หรอก

สิงคโปร์ที่มีรายได้อู่ฟู้ทุกวันนี้ก็เพราะรายได้จากท่าเรือนี้แหละถึงสามารถมีเงินมาพัฒนาประเทศพัฒนาเทคโนโลยีจนเหนือกว่าชาติอื่นๆในอาเซียน

ถ้าไทยเรายังมัวแต่คิดเรื่องเล็กๆน้อยๆ ก็บอกได้เลยว่าน่าเสียดายอย่างมากนี้ สำหรับจุดเริ่มต้นที่จะมีรายได้เสริมจากท่าเรือมาอุดหนุนและพัฒนาประเทศเฉกเช่นเดียวกับสิงคโปร์เมื่อสมัย40-50 ปีก่อนที่เริ่มต้นจากรายได้เล็กๆน้อยๆจนเพิ่มมูลค่าอย่างมหาศาลในปัจจุบัน 

และก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้วในรัฐบาลชุดนี้ที่ไม่มีใครกล้าคัดค้านนโยบาย

ผมว่าถ้าเราขุดคลองไทยได้สำเร็จ ประเทศเราจะมีอำนาจทางทะเลเพิ่มขึ้นอย่างมากทันทีครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคลองไทยนี้สามารถรองรับเรือขนาดใหญ่กว่า malaccamax (เรือขนาดใหญ่ที่สุดที่สามารถผ่านช่องแคบมาลากาได้) ก็น่าจะทำให้เรือสินค้าใหญ่น้อยจะค่อยๆ หันมาใช้เส้นทางคลองไทยเรานะครับ เพราะว่าปัจจุบัน เรือสินค้าที่มีขนาดใหญ่กว่า Malaccamax ต้องใช้เส้นทางอ้อมเลยไปทางหลังเกาะสุมาตราโน้นเลยครับ เพราะผ่านไปทางสิงคโปร์ไม่ได้ ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าเรือจะไปถึง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น การมีคลองไทยจึงน่าจะทำให้เรามีช่องทางให้เงินเข้าประเทศมากขึ้นอีกทาง และยังจะทำให้เรือรบของเราไปมาระหว่างอ่าวไทยและอันดามันได้ง่ายขึ้นกว่าปัจจุบันด้วยครับ

แต่ประเด็นสำคัญผมว่าน่าจะอยู่ที่ ผู้ที่จะเสียผลประโยชน์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ จากการมีคลองไทยนี่แหละครับ ผมว่าเขาจะต้องทุ่มสรรพกำลังทั้งหมดที่มี เพื่อหยุดรัฐบาลชุดที่คิดจะขุดคลองให้ได้ เขาคงจะป่วนทั้งบนดินและใต้ดิน ก็แบบเดียวกับที่เขาทำกับรัฐบาลที่สร้างสนามบินสุวรรณภูมิสำเร็จนั่นแหละครับ แต่ครั้งนี้อัดฉีดฝั่งตรงข้ามกับครั้งที่แล้วก็เท่านั้น ก็วังวนเดิมๆ ล่อให้เราพายวนอยู่ในอ่างนี่แหละครับ นอกจากนี้คลองไทยยังจะกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางทะเลที่สำคัญแห่งใหม่ของโลกทันที แต่ปัญหาคือ ไทยเรามีกองกำลังทางเรือที่มีศักยภาพและความพร้อมมากน้อยเพียงใดกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ซึ่งอันนี้ก็น่าคิดนะครับ ทั้งหมดก็ความเห็นส่วนตัวนำมาแลกเปลี่ยนกันครับ :)