ดึงมาจาก TAF ครับ (http://www.thaiarmedforce.com/taf-military-news/55-rtaf-news/727-rtaf-buy-amraam.html#addcomments)
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา Raytheon ได้รับสัญญามูลค่า 491,478,068 เหรียญสหรัฐในการผลิตจรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลางแบบ AIM-120 AMRAAM ในล็อตการผลิตที่ 28 โดยไม่เปิดเผยจำนวนผลิต
โดยนอกจากกองทัพสหรัฐแล้ว ยัง Raytheon ยังทำการผลิตให้กับชาติลูกค้าคือเกาหลีใต้ โอมาน สิงคโปร์ และไทย โดยการผลิตในล็อตนี้จะสิ้นสุดในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2560
ทั้งนี้ Raytheon ไม่ได้เปิดเผยจำนวนที่ทำการผลิต และจำนวนที่ชาติลูกค้าต่างชาติสั่งซื้อแต่อย่างใด
ThaiArmedForce.com ใช้ข้อมูลเปรียบเทียบจากการขาย AIM-120C7 จำนวน 17 นัดรวมกับจรวดซ้อมอีก 2 นัดให้กับกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศของญี่ปุ่นซึ่งมีมูลค่า 33 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือโดยเฉลี่ยคร่าว ๆ ที่นัดละ 1.9 ล้านเหรียญ โดยเชื่อว่าจะเป็นจรวดที่มาจากล็อตการผลิตที่ 28 เช่นเดียวกัน
ข้อสังเหตุของ ThaiArmedForce.com คือ ชาติลูกค้าทั้ง 4 ชาติในสัญญานี้ ไม่มีชาติใดที่องค์กรความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศของสหรัฐ (Defense Security Cooperation Agency) ต้องจ้างการขายอาวุธให้กับสภาคองเกรสรับทราบ
กฏหมายของสหรัฐระบุว่า การขายอาวุธของรัฐบาลสหรัฐให้กับต่างชาติในโครงการใดที่มีมูลค่าเกินกว่า 14 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น จำเป็นต้องแจ้งต่อสภาคองเกรสให้รับทราบ โดยสภาคองเกรสมีเวลา 30 วันที่จะคัดค้านการขายเหล่านั้น ถ้าสภาคองเกรสไม่คัดค้าน รัฐบาลสหรัฐก็สามารถดำเนินการขายได้ตามปรกติ
ด้วยข้อสมมุติฐานนี้ ทำให้เชื่อว่าจำนวนจรวดที่ชาติลูกค้าทั้ง 4 ชาติจัดหา ไม่น่าจะมีมูลค่าเกิน 14 ล้านเหรียญ หรือไม่เกินชาติละ 7 นัด เมื่อเปรียบเทียบกับราคาของการขาย AIM-120C7 ให้กับกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม โดยส่วนมากแล้ว มูลค่าที่สัญญาการขายอาวุธแจ้งต่อครองเกรสมักจะสูงกว่ามูลค่าสัญญาที่มีการลงนามจริงอย่างมีนัยยะสำคัญ ดังนั้นจำนวนจรวดที่ชาติลูกค้าจัดหาจริงเมื่อลงนามสัญญาอาจจะอยู่ที่ 8 นัดก็เป็นได้
กองทัพอากาศไทยได้รับมอบ AIM-120 AMRAAM เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2546 หลังจากลงนามจัดหาเมื่อสองสามปีก่อนหน้านี้ โดยในขั้นแรกสหรัฐไม่จัดส่ง AMRAAM ให้กับทั้งไทยและสิงคโปร์เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับดุลภาพทางทหารในภูมิภาค โดยเสนอที่จะเก็บไว้ที่สหรัฐ และจะส่งให้เมื่อเกิดสงคราม แต่ได้ตัดสินใจส่งมอบให้กองทัพอากาศไทยและสิงคโปร์เก็บไว้ในประเทศหลังจากประเทศในภูมิภาคได้รับจรวด R-77 ของรัสเซียซึ่งมีสมรรถนะใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาที่กองทัพอากาศไทยได้รับ AIM-120 ในครั้งแรกจนถึงปีปัจจุบัน ทำให้เชื่อว่าการจัดหาในครั้งนี้เป็นการจัดหาเพิ่มเติม มากกว่าการจัดหาเพื่อทดแทนจรวดในล็อตแรก เพราะ AIM-120 ยังเหลืออายุการใช้งานอีกพอสมควร และสามารถทำการยืดอายุการใช้งานได้อีกครั้งโดยไม่จำเป็นต้องปลดประจำการถ้าเก็บรักษาอย่างถูกต้อง
ปัจจุบัน กองทัพอากาศมีเครื่องบินขับไล่ที่สามารถใช้งาน AIM-120 AMRAAM ได้คือ JAS-39 Gripen จำนวน 12 ลำ, F-16AM/BM จำนวน 16 ลำ (ลงนามปรับปรุงแล้ว 12 ลำ รอลงนามอีก 6 ลำ), และ F-16A/B ADF จำนวน 14 ลำ ส่วนการปรับปรุง F-5T Tigres นั้น คาดว่ากองทัพอากาศจะเปลี่ยนเรดาร์และระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้ทำการยิงจรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลาง แต่กองทัพอากาศน่าจะจัดหาจรวด Derby จากอิสราเอลมาใช้งานกับ F-5 แทน
http://raytheon.mediaroom.com/2014-12-23-Raytheon-awarded-491-million-contract-for-AMRAAM
ประเด็นที่น่าสนใจในข่าวนี้ก็คือ
เจ้ามิสไซด์ Python (Derby) ที่จะนำมาใช้กับ F-5 ของเราตอนนี้โครงการนี้จริงเท็จแค่ไหน ใครพอมีข้อมูลตรงนี้มาแชร์กันบ้างครับ
The Derby missile
SPYDER - Missiles Firing Unit
Also known as the Alto, the Derby missile is a BVR, medium-range (~50 km) active-radar seeker missile. Though technically not part of the "Python" family, the missile is basically an enlarged Python-4 with an active-radar seeker.[10]
แสดงว่า F-5 บางลำที่ยังไม่ถูกปลดรอติดอยู่ ใช่มั้ยเอ่ย 555+
มันก็คือข่าวตามมาจากที่ว่ารัฐบาลไม่ระบุนาม สั่งอัพเกรตf5 จากอิสราเอลไงครับ
ความคาดหมายก็คือทอ.เรานี่เอง ซึ่งด้วยขีดความสามารถที่อัพ ทำให้ใช้bvr ได้ โดยตัวเต็งก็คือderby กับ python5
เลยเป็นที่มาของข่าวนี้ไงครับ เพราะถ้าf5 เรายังไม่อัพเกรต ก็น่าจะใช้derby ยังไม่ได้
F-5Tเดิมๆไม่มีเรดาร์ที่ดีพอที่จะยิงBVRได้ครับ
ก็ต้องเลือกGrifoไม่ก็EL/M-2032มายิงDerby
"ข้อสังเหตุของ ThaiArmedForce.com คือ ชาติลูกค้าทั้ง 4 ชาติในสัญญานี้ ไม่มีชาติใดที่องค์กรความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศของสหรัฐ (Defense Security Cooperation Agency) ต้องจ้างการขายอาวุธให้กับสภาคองเกรสรับทราบ"
ผมคิดว่าที่ไม่มีการรายงานผ่าน DSCA น่าจะเป็นเพราะว่าทั้งเกาหลี โอมานและสิงค์โปร์ เป็นการผลิตตามคำสั่งเดิมที่ได้ผ่านการอนุมัติของ DSCA มาแล้วในปี 2013 คือ เกาหลีขออนุมัติซื้อไป 274ลูก โอมาน 290ลูก สิงค์โปร์ 100 ลูก (น่าจะเป็นการแบ่งผลิตเป็นล็อตหลายปี) ส่วนของไทยเนี่ยไม่แน่ใจว่าสั่งไปเมื่อไหร่เพราะหาไม่เจอ (แต่ถ้าจะให้เดา มันน่าจะแอบอยู่ในรายการ F16 MLU ที่ผ่านการอนุมัติมานานแล้ว เพราะ JHMD ที่เราไม่เห็นในรายการที่เป็นรายละเอียดส่ง DSCA ก็ยังมาโผล่ได้ โดยอาจจะอยู่่ในกลุ่มอุปกรณ์อื่นที่ใช้ร่วมในการทำ MLU)
http://www.defense.gov/Contracts/Contract.aspx?ContractID=5443
Raytheon Co., Tucson, Arizona, has been awarded a $491,478,068 fixed-price incentive firm type contract for Advanced Medium Range Air to Air Missile (AMRAAM) production Lot 28. Contractor will provide AMRAAM missiles and other AMRAAM system items. The AMRAAM system includes the missile, captive air training missile, common munitions bit/reprogramming equipment, and non-developmental item airborne instrumentation unit. Work will be performed at Tucson, Arizona, and is expected to be completed by Feb. 28, 2017. This contract involves foreign military sales to Korea, Oman, Singapore, and Thailand. This award is the result of a sole-source acquisition. Fiscal 2014 Air Force and Navy production funds in the amount of $278,874,197 are being obligated at the time of award. Air Force Life Cycle Management Center, Eglin Air Force Base, Florida, is the contracting activity (FA8675-15-C-0022).
ข่าวการจัดหาเจ้า AIM-120 AMRAAM ของไทยมันเป็นข่าวมาตั้งนานเป็นสิบปีแล้วครับตามข่าวใน TAF ระบุนั้น แต่มันเป็นการซื้อล็อตเล็กและไม่เป็นข่าว แต่เคยอ่านเจอในหนังสือสมรภูมิตอนสมัยอดีตนายกรัฐมนตรีท่านนึงไม่ขอเอยนามเมื่อปี 2003หรือ2546 (ถ้าเข้าวงการทันนะ แฮะๆ)
เพราะตอนนั้นมีข่าวว่ากองทัพอากาศมาเลเซียลงนามจัดซื้อเครื่องบิน Su-30MK จากรัสเซีย รัฐบาลไทยในตอนนั้นอนุมัติแผนอัพเกรดเครื่องบินรบ F-16 เพื่อทดแทนการจัดซื้อเครื่องบินรบฝูงใหม่ แต่แล้วหลังจากนั้นอีก 3 ปีก็เกิดการรัฐประหาร โครงการอัพเกรต F-16 ถูกชะลอโครงการเพื่อนำงบไปจัดซื้อเจ้า กริฟเพ่น JAS-39C/D แทนก่อนครับในช่วง คมช.
ผมว่าข้อสังเกตุของท่าน kitty มีน้ำหนักนะ เพราะแต่ละประเทศที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็น เกาหลีใต้ สิงคโปร โอมาน ไม่น่าสั่งทีล่ะหกเจ็ดลูก