หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เปิดตัวหมอแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้พิชิต 6 นักรบเหนือมนุษย์

โดยคุณ : kaypui42 เมื่อวันที่ : 03/12/2014 03:08:19

เปิดตัวหมอแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้พิชิต 6 นักรบเหนือมนุษย์

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 28 พ.ย. 2557 05:30

 

หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ Airborne Ranger Seal Recon Commando PJ มาแล้ว ซึ่งที่เอ่ยมาเป็นหลักสูตรฝึกการรบอันเลื่องชื่อของแต่ละหน่วยในกองทัพไทย และถูกกล่าวขานถึงความหฤโหดสุดขีด โดยมีทั้งความกดดันทางร่างกายและจิตใจ นักรบหลายรายต้องยอมยกธงขาวพ่ายแพ้ไปเกินครึ่ง น้อยคนนักที่จะก้าวผ่านหลักสูตรเหล่านี้มาได้ แต่มีคุณหมอท่านหนึ่งผ่านการฝึกที่เอ่ยมาครบแล้ว เหลือเพียงแค่ทหารเสือราชินี ที่มีความมุ่งมั่นจะไปคว้าเครื่องหมายหัวใจสีม่วงประดับพระนามาภิไธยย่อ สก. มาให้ได้

วันนี้ "เฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์" ได้ออกเดินทางไปสัมภาษณ์ พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ หมอภาคย์ ถึงกองพันเสนารักษ์ที่ 3 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา เพื่อพูดคุยถึงแรงบันดาลใจในการเป็นหมอ และที่มาที่ไปในการเป็นนักล่าเครื่องหมาย พร้อมๆ กับรายละเอียดสุดเอ็กซ์คลูซีฟในระหว่างการฝึกหลักสูตรดังกล่าวด้วย...

กองบังคับการกองพันเสนารักษ์ที่ 3 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา

กองบังคับการกองพันเสนารักษ์ที่ 3

เสื้อกาวน์ยกบ้าน! ตั้งแต่พ่อ แม่ พี่ชาย..ค้นพบสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเอง

ด้วยความที่เป็นลูกคนสุดท้อง และทั้งบ้านเป็นหมอทุกคน ประกอบกับการที่ครอบครัวเปิดคลินิก จึงทำให้หมอภาคย์คลุกคลีอยู่กับวงการแพทย์มาตั้งแต่เด็กๆ สนิทตั้งแต่หมอ พยาบาล รวมไปถึงคนไข้ที่มารักษา ทั้งที่ตอนเรียนนั้น ไม่ได้มีความคิดอยากเป็นหมอเลยแม้แต่น้อย แต่กลับชอบเล่นเกม อ่านหนังสือการ์ตูนเหมือนเด็กทั่วไป โดยเฉพาะเรื่อง เคนชิโร่ หมัดเทพเจ้าดาวเหนือและดราก้อนบอล

หมอภาคย์ เล่าย้อนไปสมัยยังเป็นวัยรุ่นว่า "จุดหักเหคือ ช่วงมัธยมศึกษา ทั้งบ้านเป็นหมอทุกคน ด้วยความที่กลัวคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง จึงลองสอบหมอดูบ้าง ตอนแรกไม่ได้มีความอยากเป็นทหาร แต่เมื่อเห็นพี่ชายสอบเข้าแพทย์พระมงกุฎ เห็นสภาพพี่ชายตอนฝึกเขาผอมลงมาก กลับบ้านมาก็ต้องมาขัดรองเท้า บางครั้งไม่ได้กลับบ้าน เห็นสภาพแล้วรู้สึกสงสารพี่ชาย และก็ไม่ได้มีความคิดอยากเป็นทหาร แต่ได้สอบหมอและเลือกพระมงกุฎไว้ สุดท้ายก็สอบติดวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า"

หมอภาคย์ ได้รับการฝึกอบรมขัดเกลา ทั้งความรู้ทางด้านการแพทย์และวิชาทหาร เริ่มตั้งแต่การตื่นมาวิ่งในช่วงเช้า ขัดฉากตอนกินข้าว ทำโทษต่างๆ นานา กว่าจะได้เข้านอนเกือบเที่ยงคืน ทำให้คลุกคลีอยู่กับระบบแบบนี้มาตลอด จากการที่ไม่ชอบ เมื่อได้มาสัมผัสอย่างจริงจัง ก็รู้ว่าเหมาะสมกับตัวเอง เพราะเป็นคนที่ชอบใช้แรง ชอบวิ่งออกกำลังกาย ว่ายน้ำ จึงมีความรู้สึกสนุก ได้อยู่กับเพื่อนๆมีความรักใคร่สามัคคี เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน และมีคำว่าพี่น้อง อาวุโส การให้เกียรติซึ่งกันและกัน

พ.ต.นพ.ภาคย์ โลหารชุน

หมอภาคย์ สุดหล่อ

คุณหมอนักล่าเครื่องหมายคนแรกในประเทศ!

เป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่า ทำไมเป็นหมอแล้วจึงต้องมาฝึกการรบเยอะขนาดนี้ .. หมอภาคย์ ตอบอย่างจริงจังว่า "หากไม่มีหมอที่เรียนรู้เรื่องรบพิเศษ ก็จะไม่สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบุคลากรการรบพิเศษได้ และเมื่อได้ไปเรียนรู้ลักษณะงานของแต่ละหน่วย ทำให้ประยุกต์ใช้ความรู้ทางการแพทย์ การรักษาพยาบาลเข้ามารวมกัน และยังสามารถแนะนำบุคลากรท่านอื่นๆ ได้อีกด้วย"

ที่ผ่านมา มีรุ่นพี่ของหมอภาคย์ที่เรียนแพทย์พระมงกุฎ ได้ฝึกหลักสูตรจู่โจมพอสมควร แต่สำหรับหลักสูตรที่เหลือ ยังไม่มีใครเรียน เพราะฉะนั้น หมอภาคย์เป็นคนแรกที่เป็นหมอนักรบล่าเครื่องหมายเต็มอกเช่นนี้

เหล่านักรบยอดฝีมือ

เครื่องหมายเต็มอก

ก้าวแรกสู่...หลักสูตรส่งทางอากาศ AIRBORNE

ตอนเรียนแพทย์ทหารชั้นปีที่ 3 หมอภาคย์ได้ไปเรียนหลักสูตรส่งทางอากาศร่วมกับนักเรียนนายร้อย จปร. และได้เห็นภาวะความเป็นผู้นำ จึงรู้สึกชอบที่โรงเรียนนายร้อย จปร.ผลิตบุคลากรออกมาได้ยอดเยี่ยม หมอภาคย์เลยใฝ่ฝันว่า พระมงกุฎจะต้องมีแบบอย่างที่ดี เพราะว่าเมื่อจบมาก็ต้องเป็นผู้บังคับหน่วยเหมือนกัน เป็นเหตุให้เริ่มชอบการฝึกทหารตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทำให้รู้สึกสนุกและมีความสุข รวมทั้งยังได้เพื่อนที่มีความรักใคร่กลมเกลียวกันอีกด้วย

การฝึกใน หลักสูตรจู่โจม RANGER รุ่นที่ 86

พิธีติดเครื่องหมาย หลักสูตรจู่โจม RANGER รุ่นที่ 86

ก้าวที่สอง...หลักสูตรจู่โจม RANGER เสือคาบดาบว่ากันว่า..โหดสุดของ ทบ.!

หลังจากเรียนจบแพทย์พระมงกุฎ หมอภาคย์ได้ไปบรรจุที่กองพันรบพิเศษที่ 1 กรมรบพิเศษที่ 5 และมีหลักสูตรพื้นฐาน คือ ร่มกับจู่โจม แต่ร่มเรียนจบแล้ว หมอภาคย์จึงต้องไปเรียนจู่โจม หรือเสือคาบดาบ ซึ่งช่วงที่ไปเรียนเป็นอาวุโสสูงสุดในรุ่น จึงถูกมอบหมายให้เป็นหัวหน้านักเรียน การเรียนหลักสูตรจู่โจมจะใช้เวลา 10 สัปดาห์ แบ่งเป็น 4 ภาค คือ ภาคที่ตั้ง ภาคป่าที่ราบ ภาคป่าภูเขา ภาคป่าที่ลุ่มทะเล มีทั้งการลาดตระเวน การอ่านแผนที่ เข็มทิศ การใช้อาวุธ การซุ่มโจมตี ความโหดอยู่ตรงที่ต้องว่ายลงในทะเลโคลนหลายกิโลเมตร ตะเกียกตะกายร่วม 5 ชม. กว่าจะขึ้นฝั่งได้ อีกทั้งยังมีลอยคอในทะล เพื่อว่ายเข้าหาฝั่งไกลกว่า 2 ไมล์ทะเล และต้องเดินทางเข้าโจมตีข้าศึกอีกด้วย

หมอภาคย์ เล่าว่า "หลักสูตรจู่โจมสอนทั้งวิชาการและภาคปฏิบัติ จะมีภาคทะเล ซึ่งมีครูมนุษย์กบมาสอน ได้เห็นถึงความเข้มแข็งของครูแล้วโดนใจ ก็เลยเป็นความฝันเก็บไว้ในใจว่าเราจะต้องเป็นหนึ่งในนั้นให้ได้ หลักสูตรจู่โจมทำให้เรามีความเป็นผู้นำหน่วย ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับทีมงาน และยังทำให้มีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้นด้วย"

ฝึกมนุษย์กบ หรือ Seal รุ่นที่ 34

ปฏิบัติการภาคทะเล ของ Seal

ก้าวที่สาม...หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม SEAL/UDT มนุษย์กบ..แกร่งสุดของ ทร. !

หลักสูตร นักทำลายใต้น้ำจู่โจม (SEAL) หรือ "มนุษย์กบ" ถือเป็นหลักสูตร ที่โหด แกร่ง ท้าทาย และหนักที่สุดในบรรดา หลักสูตรหน่วยรบพิเศษของกองทัพไทย เพราะภารกิจที่ได้รับมักจะอันตรายและถูกกดดันทางร่างกาย จิตใจมากที่สุด เป็นการเรียนความรู้ทั้งหมดที่หน่วยรบพิเศษควรจะรู้ ไม่ว่าจะเป็นดำน้ำ ยิงปืน ระเบิดทำลาย การลาดตระเวน และอื่นๆ

ตอนที่หมอภาคย์ เรียนหลักสูตรมนุษย์กบเป็นหลักสูตรที่เรียนหนักที่สุดถึง 7 เดือน และด้วยความอาวุโสในรุ่น จึงได้เป็นหัวหน้านักเรียนอีกเช่นเคย นอกจากจะมีการทดสอบร่างกายอย่างหนักหน่วง ทั้งแบกเรือยาง แบกซุงขึ้นเขา มัดมือมัดข้อเท้าว่ายน้ำ แล้วยังมีการทดสอบจิตใจที่ต้องเอาชนะความเหนื่อย เพลีย ง่วง หิวให้ได้ รวมไปถึงปัญหาการถูกจับเป็นเชลย โดนกระบวนการรีดข่าวสุดโหดจากบรรดาครูฝึก และเมื่อเข้าสู่การฝึกภาคทะเล ก็จะมีภารกิจมาให้ฝึกฝน โดยต้องพิชิตให้สำเร็จให้ได้ ซึ่งจะเกิดภาวะกดดันกลัวทำไมได้ เพราะหากอยู่ในสถานการณ์จริง เมื่อภารกิจล้มเหลวนั้น อาจหมายถึงชีวิต!

หมอภาคย์ เล่าถึงสัปดาห์นรกที่เคยเผชิญผ่านมาแล้วว่า "ใช้เวลา 120 ชม. โดยไม่มีการพัก ต้องใช้พลังกายและพลังใจสูงมาก เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืน ครูฝึกจะไปปลุกโดยการยิงปืนจุดประทัดใช้ระเบิดควันในโรงนอนและลงมารวมตัวกัน ก่อนสั่งให้ลง 'กระทะทองเย็น' ซึ่งเป็นบ่อที่มีน้ำทะเลใส่น้ำแข็งก้อนโต อุณหภูมิโดยประมาณ 0 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่านั้น โดยถอดเสื้อผ้าออกหมดเหลือเพียงกางเกงสเตย์ขาสั้นลงไปแช่ 3-4 นาที จากนั้นขึ้นมาออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและลงไปแช่ในบ่อใหม่ ทำอย่างนี้ทั้งหมด 3 รอบ"

สุดท้ายแล้ว ผู้ที่ฝึกรุ่นหมอภาคย์จากเกือบ 100 คน เหลือยอดมนุษย์กบเพียง 32 คนเท่านั้น ที่ได้รับเครื่องหมายนักทำลายใต้น้ำจู่โจม รูปฉลามคู่กับเกลียวคลื่น

นักรบรีคอน รุ่นที่ 38

แบกเรือยางในหลักสูตรรีคอน รุ่นที่ 38

แบกเรือยาง หลักสูตรรีคอน รุ่นที่ 38

ก้าวที่สี่...หลักสูตรรีคอน RECON นักรบเลือดเหล็ก..โหด มัน ฮา!

กองพันลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบก เป็นหน่วยรบพิเศษ ของหน่วยนาวิกโยธิน แห่งกองทัพเรือ ใช้เวลาฝึก 14 สัปดาห์ แบ่งเป็นภาคที่ตั้ง 5 สัปดาห์ ภาคทะเล 4 สัปดาห์ และภาคป่าภูเขา 4 สัปดาห์ โดยจะเป็นการลาดตระเวนระยะไกล จะปฏิบัติภารกิจใกล้ชายฝั่งทะเลมีการใช้เรือยาง การเดินป่า การดำรงชีพในป่า การเข้าโจมตี

หมอภาคย์ เผยว่า ความโหดคือ การฝึกร่างกาย โดยการแบกซุงลงทะเล เดินไปมาหลายชั่วโมง แบกเรือยาง เดินป่า สารพัดวิธีจนร่างกายอ่อนล้า ส่วนความมัน คือ การได้ทำภารกิจเป็นทีมเข้าตีศัตรู พายเรือไปตามเกาะต่างๆ รวมไปถึงการล่องใต้เพื่อไปฝึกภาคทะเล โดยการนั่งเรือออกไปกลางทะเลแล้วพายเรือยางกลับเข้าฝั่ง เพื่อปฏิบัติภารกิจในการลาดตระเวน สำหรับความฮานั้น ครูฝึกจะมีมุกมาเล่นตลอด เรียกได้ว่า 'ฮาแบบปนหยาดเหงื่อและน้ำตา'

ฝึกยิงปืน หลักสูตรคอมมานโด-พีเจ รุ่นที่ 6

นั่งขัดฉาก หลักสูตรคอมมานโด-พีเจ รุ่นที่ 6

ก้าวที่ห้า...หลักสูตรการปฏิบัติการพิเศษ SPECIAL OPERATION

หลักสูตรการปฏิบัติการพิเศษ เป็นการผสมรวมระหว่าง เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ (Commando) และ เจ้าหน้าที่ค้นหาและช่วยชีวิต (Pararescue Jumpers) ใช้เวลาในการฝึก 6 เดือน และก็เป็นอีกหลักสูตรหนึ่งที่หมอภาคย์ได้เป็นหัวหน้านักเรียนอีกเช่นกัน

หมอภาคย์ อธิบายถึงหลักสูตรนี้ว่า "Commando จะเน้นการสู้รบในเมือง เป็นหลักสูตรที่มีการวิ่งเยอะมาก เคยพูดเล่นๆกับครูฝึกว่า 'เหมือนเก็บตัววิ่งทีมชาติเลย' นอกจากนี้ ยังมีการยิงปืนที่แม่นมาก ซึ่งตอนแรกที่ไปฝึกยิ่งไม่แม่น แต่ตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจ (หัวเราะ) ส่วน PJ มีหน้าที่ค้นหาและกู้ภัย ในพื้นที่เข้าถึงลำบาก เช่น ฮ.ตก เครื่องบินตก พื้นที่ป่าเขา จำเป็นที่จะต้องกระโดดร่มไปช่วย และต้องมีความสามารถในการปฐมพยาบาลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้ พร้อมกับความสามารถในการเดินป่า"

ร่วมกันแบกซุง หลักสูตรคอมมานโด-พีเจ รุ่นที่ 6

ก้าวสุดท้ายที่กำลังจะคว้ามา...ทหารเสือราชินี เกียรติประวัติอันสูงสุด

ผู้ที่สำเร็จการฝึกหลักสูตรทหารเสือทุกนาย จะได้รับพระราชทานเครื่องหมายแสดงขีดความสามารถทหารเสือ จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ องค์ผู้บังคับการพิเศษ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจและเป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูลเป็นอย่างมาก ซึ่งหมอภาคย์ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้สำเร็จให้ได้ในชีวิตนี้

หมอภาคย์ ชี้แจงว่า "ตอนนี้มีหน้าที่หลักต้องรับผิดชอบดูแลชีวิตกำลังพล และเพิ่งมารับตำแหน่งได้ไม่นาน จึงต้องทำภารกิจให้ลุล่วงไปก่อน ถ้ามีจังหวะดีๆ เมื่อไหร่ จะไปฝึกแน่นอน ขณะที่ผู้บังคับบัญชาท่านมีความเมตตา และมีความเป็นนักรบมาก ท่านได้อนุญาตให้ไปทดสอบร่างกายและก็ผ่านเรียบร้อย ท่านขอให้ปฏิบัติภารกิจในหน้าที่ที่รับผิดชอบส่วนนี้ให้เรียบร้อย ก่อนที่จะไปฝึกตามความใฝ่ฝัน"

"การเป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คิด นอกจากได้สร้างระเบียบวินัยให้ตนเองแล้ว ยังมีระเบียบต่อคนรอบข้างในสังคม มันก็ทำให้เกิดประโยชน์ต่อๆ กันไป ทหารเป็นเสาหลักเสาหนึ่งของความมั่นคงในประเทศ ไม่อาจบอกได้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะมีภัยคุกคามอะไรต่อประเทศชาติบ้าง ฉะนั้น การเตรียมความพร้อมด้านกำลังถือเป็นสิ่งสำคัญ

ขอเป็นกำลังใจให้ทหารทุกนายที่มีความฝัน ที่จะสำเร็จหลักสูตรรบพิเศษต่างๆ..ขอให้ตั้งใจมุ่งมั่นฝึกฝนพัฒนาตนเองจนสำเร็จดังเป้าหมาย...และนำความรู้ความสามารถมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อหน่วยงานและประเทศชาติต่อไป" ผู้พันหมอกระดูกเหล็ก กล่าวทิ้งท้าย

ผู้พันในอิริยาบถสบายๆ

*ล้อมกรอบ*

พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน ชื่อเล่น พุฒ อายุ 36 ปี เป็นชาวกรุงเทพฯ โดยกำเนิด
คุณพ่อคุณแม่เป็นหมอ มีพี่ชาย 1 คนเป็นทหารหมอ
จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และสอบเข้าวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 3

นักล่าเครื่องหมาย...

-นักเรียนแพทย์ทหารวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า รุ่นที่ 23
-หลักสูตรส่งทางอากาศ AIRBORNE (รร.ศสพ.) รุ่นที่ 229
-หลักสูตรจู่โจม RANGER (รุ่นทั่วไป) รร.ร.ศร. รุ่นที่ 86
-หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม (มนุษย์กบ) SEAL/UDT รุ่นที่ 34
-หลักสูตรรีคอน RECON รุ่นที่ 38
-หลักสูตรการปฏิบัติการพิเศษ SPECIAL OPERATION รุ่นที่ 6 (คอมมานโด รุ่นที่ 17 + พีเจ รุ่นที่ 9)
-เสนาธิการทหารบก ชุดที่ 91

ประวัติการปฏิบัติราชการสนาม
1.นายแพทย์กองกำลัง ไทย-อิรัก 976 ผลัดที่ 2 ปี พ.ศ.2547
2.นายแพทย์กองกำลังสันติสุข 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี พ.ศ.2549
3.นายทหารส่งกลับ/ฝ่ายเสธ ศูนย์แพทย์ทหารบก จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี พ.ศ.2557

เครื่องหมายเต็มอก ผ่านการฝึกมาอย่างโชกโชน

หมอภาคย์สมัยวัยรุ่นหล่อจนถึงปัจจุบัน

 

http://www.thairath.co.th/content/465920





ความคิดเห็นที่ 1


6 หลักสูตรนี่นับแยกคอมมานโดกับพีเจเหรอครับ

โดยคุณ toeytei เมื่อวันที่ 01/12/2014 01:21:05


ความคิดเห็นที่ 2


เค้าคงนับตามปีกบนหน้าอก มั้งครับ ... แต่ถ้าคุณหมอได้ ปีก "ทหารเสือราซินี" อีกปีก ก็ครบ 6 หลักสูตร พอดี ... 

โดยคุณ TwK_NbL เมื่อวันที่ 03/12/2014 00:05:02


ความคิดเห็นที่ 3


ดูแล้วปีกซ้ายบนเป็นของพีเจ อันกลางเป็นปฏิบัติการพิเศษ
ก็น่าจะนับแยกนั่นแหละ ความจริงมันก็คนละหลักสูตรอยู่แล้วหรือเปล่า เพราะปฏิบัตการณ์พิเศษเป็นหลักสูตรต่อต้านก่อการร้ายสากล/วีไอพี/ชิงตัวประกัน ส่วนพีเจเป็นการแซกซึมเข้าช่วยชีวิต

โดยคุณ toeytei เมื่อวันที่ 03/12/2014 03:08:19