จาก http://www.nationtv.tv/main/content/social/378432589/
สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) กระทรวงกลาโหม ทำการยิงสาธิตจรวดขนาด 122 มม.ระยะยิงไกลสุดที่ 10 กิโลเมตร โดยการสาธิตการยิงจรวดจากฐานยิงจรวด 2 แบบคือ
1. จากฐานยิงแบบลากจูงติดตั้งชุดท่อยิงแบบ POD จำนวน 20 ท่อยิงโดยการตั้งขาหยั่งควบคุมการยิงด้วยระบบไฮดรอลิกที่สามารถปรับมุมทิศทางการยิงสาธิตจำนวน 2 นัดแบบต่อเนื่องระยะยิง 4 กิโลเมตร
2. จากรถฐานยิงจรวด DTI1 (มีระยะยิงไกลสุด180กิโลเมตร) ซึ่งเป็นจรวดและรถฐานยิงที่ สทป. ได้ทำการวิจัยพัฒนาทั้งดินขับจรวด หัวรบและพวงหางโดยสาธิตการยิงจรวดขนาด122มม. ที่บรรจุภายในท่อรองในขนาด 302 มม.จำนวนท่อยิงจำนวน 4 นัดแบบต่อเนื่องระยะยิง 4 กิโลเมตร
ณ สนามยิงปืนใหญ่เขาพุโลน ศูนย์การทหารปืนใหญ่ จังหวัดลพบุรี /
ภาพโดย ปราโมทย์ พุทไธสง
อันนี้ DTI-1 ยิงด้วยจรวดเล็ก
ส่วนอันนี้ใครรู้บ้างเอยว่าปืนอะไร มีการแสดงการย้ายด้วยปีกหมุนด้วย
ส่วนนี้ไม่รู้ว่ามีการวิจัยจรวดอากาศสู้พื้นด้วยหรือเปล่า
ทำไมระยะยิงมันสั้นปานนั้น
ผมว่าอยู่ที่คำนี้ครับ
ทำการยิงสาธิตจรวดขนาด 122 มม.ระยะยิงไกลสุดที่ 10 กิโลเมตร โดยการสาธิตการยิงจรวดจากฐานยิงจรวด
น่าจะเป็นการเลือกยิงที่ระยะ 4 กิโลเมตรจากพิสัย 10 กิโลเมตรเท่านั้นมั้งครับ และมันเป็นการสาธิตด้วยนะ
ถ้าอ่านตามนั้นเหมือนระยะยิงไกลสุดจรวดแค่ 10 กิโลเมตร (นี่แหละที่ผมว่าสั้น) แต่ทดสอบยิง 4 กิโลเมตร
ดูจากขนาดและความยาวลูกจรวดกับรถยี่สิบท่อนั้น เหมือนมาแทน รสพ 85 ที่ยิงจรวดได้ระยะแค่ประมาณนี้แหละ (จำระยะไม่ได้)
ว่ากันตามแบบ MLRS ระยะสั้นไม่เกิน15ก.ม. มีการสร้างและผลิตกันถึงยุค1990 เลยก็ว่าได้
อินโดนีเซียก็พึ่งทดสอบM-51 ขนาด130มม. ในปี2012
ของจีนก็มี Type-63 ขนาด107 มม. ติดตั้งบนรถATV
น่าจะเรียกว่าเป็นอาวุธสนับสนุนทางยุทธวิธี น้ำหนักเบา หวังผลทำลายในแนวหน้าได้ดี
น่าจะเอา GHN 45 มาร่วมฝึกด้วย ผมชอบมากเลยกระบอกนี้ เห็นว่าทหารเขมรกระเจิงเพราะเจ้ากระบอกนี้
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%99-45
เคยถามแล้วว่าปืนอะไร ดูในภาพนี้คงชัดขึ้นมาก แล้วมีคนรู้ไหมเนี้ยว่าปืนอะไร
เตรียมตัวก่อนยิง
ใครคิดว่าตรงไหนต้องเพิ่มเติมไหม ส่วนตัวผมว่าน่าจะใช้สีเดียวทั้งรถน่าจะสวยกว่านะ
จัดหนักไป ได้เวลายิงแล้ว ปล.ภาพสวยจริงๆ
สุดท้ายภาพที่คิดว่าถึงใจสุดคงเป็นเจ้าภาพนี้
ขอขอบพระคุณภาพจาก TAF อีกครั้งหนึ่งครับ
อันนี้เป็นภาพถ่ายใกล้ๆของ ระบบจรวดSAM ของ สทปในอีก 10 ปี ดูไปดูมาทำไมคล้ายๆ Iris-ts จังวะ
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2557 ผ่านมา ถือเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์หนึ่งของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ สทป. และแวดวงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย เนื่องจากทาง สทป. ได้ทำการทดสอบและสาธิตการยิงจรวด DTI-2 ขนาด 122 มิลลิเมตรให้กับนายทหารและนักศึกษาจากหลักสูตรต่าง ๆ ของกองทัพได้ชมเป็นผลสำเร็จในวันรวมอำนาจการยิงของศูนย์การทหารปืนใหญ่ ที่สนามยิงปืนใหญ่เขาพุโลน ศูนย์การทหารปืนใหญ่ จังหวัดลพบุรี
DTI-2 เป็นจรวดที่ทำขึ้นด้วยฝีมือของคนไทย 100% โดยใช้เทคโนโลยีส่วนหนึ่งที่ได้รับจากถ่ายทอดเทคโนโลยีในโครงการ DTI-1 รวมเข้ากับประสบการณ์และเทคโนโลยีของนักวิจัย สทป. ที่สั่งสมขึ้นมาใช้ในการออกแบบและทดสอบผลิตจรวด DTI-2 ซึ่งนำมาสู่การทดสอบการยิงดังกล่าว โดยการยิงนั้นทำการยิงจากเครื่องยิงแบบลากจูงซึ่งสามารถติดกระเปาะหรือ Pod ที่บรรจุจรวด DTI-2 ได้หลายนัด แต่ในวันนั้นบรรจุจำนวน 2 นัด และอีกส่วนหนึ่งทำการยิงจากรถยิง DTI-1 ที่ติดตั้งท่อรองในเพื่อทำให้สามารถยิงจรวด DTI-2 ที่มีขนาดเล็กกว่าได้ โดยทำการยิง 4 นัดแบบซัลโว
การติดตั้งท่อรองในบนรถยิง DTI-1 จะทำให้รถยิง DTI-1 ที่ปรกติจะใช้ยิงจรวดขนาด 302 มม. ทำการยิงจรวด DTI-2 ขนาด 122 มม. เพื่อใช้ในการฝึก เนื่องจากจรวด DTI-1 นั้นมีระยะยิงที่ไกลมากและมีราคาแพงกว่า แต่ถ้าใช้จรวด DTI-2 ที่มีราคาถูกกว่ามากและมีระยะยิงที่ใกล้กว่าก็จะทำให้กำลังพลสามารถฝึกได้อย่างต่อเนื่องและสมจริงตามวงรอบการฝึกของกองทัพบก
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จรวด DTI-1 ซึ่งเป็นจรวดขนาดใหญ่ที่มีระยะยิงถึง 180 กิโลเมตรจะถูกใช้งานในระดับยุทธการ ส่วนจรวด DTI-1 ที่มีระยะยิงสั้นกว่าคือ 40 กิโลเมตรจะถูกใช้งานในระดับยุทธวิถี ซึ่งการพัฒนาจรวดทั้งสองแบบนี้นอกจากจะเป็นการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญที่นักวิจัยและนักพัฒนาของ สทป. มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้ว ยังทำให้ สทป. สามารถสนับสนุนกองทัพบกให้มีจรวดทั้งในระดับยุทธวิธีและระดับยุทธการที่สอดคล้องกับภัยคุกคามที่มีอยู่ในปัจจุบันและในอนาคตได้อีกด้วย
ในส่วนของเครื่องยิงแบบลากจูงนั้น ก็เป็นการพัฒนาโดยนักวิจัยของ สทป. เองเช่นกัน ซึ่งแท่นยิงดังกล่าวสามารถติดตั้งกระเปาะบรรจุจรวด DTI-2 จำนวน 20 ลำกล้องได้ 2 กระเปาะ ทำให้รวมแล้วสามารถยิงจรวดได้ถึง 40 ลูกทีเดียว DTI-2 นั้นจะมีระยะยิงทั้งหมด 3 ระยะคือ 10 กิโลเมตร 30 กิโลเมตร และ 40 กิโลเมตร ซึ่ง สทป. ได้ทำการพัฒนาทั้งในส่วนของดินขับ หัวรบ และชุดพวงหาง และทำการผลิตองค์ประกอบของจรวดในประเทศทั้งหมด ซึ่งในวันรวมอำนาจการยิงที่ผ่านมา จรวดทั้ง 6 ลูกสามารถทำลายเป้าหมายเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างออกไป 4 กิโลเมตรได้ถูกต้องตามที่คำนวณเอาไว้
โดยในอนาคต สทป. กับกองทัพบกกำลังจะลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกันเพื่อพัฒนาจรวด DTI-2 และนำส่งให้กองทัพบกไปทดลองใช้ ซึ่งรวมถึงการส่งมอบท่อรองในที่ใช้งานในการยิงครั้งนี้ให้กองทัพบกนำไปทดลองใช้ การพัฒนาจรวดระยะยิง 40 กิโลเมตรเพื่อใช้งานกับจรวดหลายลำกล้อง SR-4 ที่กองทัพบกจัดซื้อจากต่างประเทศ และการติดตั้ง DTI-2 บนรถสายพานลำเลียงพล Type-85 ทดแทนจรวดหลายลำกล้องขนาด 130 มม. ที่มีระยะยิงสั้นกว่าอีกด้วย
หลังจากนี้ สทป. จะทำการทดสอบและปรับปรุงจรวด DTI-2 ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งยังต้องทำการยิงทดสอบอีกเป็นจำนวนมากก่อนที่จะพร้อมผลิตเข้าประจำการต่อไป แต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการพัฒนา DTI-2 ด้วยฝีมือคนไทยนั้นเริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่า ในวันที่คนไทยสามารถพัฒนาอาวุธเพื่อใช้งานได้เอง ก็จะทำให้ประเทศลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ทำให้กองทัพสามารถใช้งานจรวดที่ผลิตขึ้นได้ในประเทศโดยไม่ติดข้อจำกัดการนำเข้าอาวุธ สามารถประหยัดงบประมาณที่ต้องใช้ในการจัดซื้ออาวุธ และรวมถึงเป็นการสร้างเทคโนโลยีซึ่งสามารถต่อยอดไปยังการพัฒนาจรวดแบบอื่น ๆ ได้ต่อไป
จากแหล่งเดียวกัน
ยิง DTI-2 จากรถ DTI-1
บรรยากาศวันงานสั้นๆ
ยิง DTI-2 จากรถ DTI-1 ภาพจากด้านข้าง คลิปสั้นๆ
จากสำนักข่าวเนชั่น บรรยากาศวันงานโดยรวม มีการยิงืนใหญ่อัตตราจรบนรถด้วย
ส่วน DTI ของเราซัลโวตอนท้าย
จากสปริงนิวส์ ไม่มีอะไรพิเศษ จุดต่างจากคลิปอื่นๆอยู่ที่ การสัมภาษ รอง ผอ. สทป. ในช่วง 1.19