จากเว๊ป mmmilitary.blogspot.com
กองทัพเรือพม่า ทำพิธีปล่อยเรือคอร์เวตใหม่ ลงน้ำ โดยเป็นแบบเรือลดการสะท้อนเรดาร์ หมายเลข 773 ซึ่งมีการพัฒนาเปลี่ยนไปจากแบบเดิม อย่างไม่เหลือเค้าโครงเดิม
เมียนม่าร์เพิ่งจะเปิดเป็นประทศได้ไม่ถึงสิบปี แล้วทำได้ขนาดนี้โดยอาศัยจีนช่วยด้วย อีกต่างหาก อย่างนี้จะเรียกว่า ก้าวกระโดดหรือเปล่า ส่วนไทยเราเปิดประเทศมาครึ่งศตวรรษ์เพิ่งจะได้ต่อเรือหลวงกระบี่เองได้เมื่อไม่กี่ปีมานี่ ลองวิเคราะห์ลึกๆดูเอาเองก็แล้วกัน
เราไม่เคยปิดประเทศอยู่แล้วนะ
ส่วนพม่าตอนยังไม่เปิดประเทศก็ซื้ออาวุธจีนอยู่แล้ว กับบางประเทศ ที่เงินมาผ้าหลุด
หมายเลขเรือ 773
ซึ่งคิดว่า คงจะมีเพิ่มเติม ขึ้นมาอีกแน่..
ในอดีต หมายเลขเรือที่ขึ้นต้น 77X จะมีความเข้าใจว่า จะเป็นเรือประเภท OPV แต่ต่อมา กองทัพเรือ เมื่อ ทร.บังคลาเทศ มีการพัฒนากองเรือมากขึ้น
หมายเลขเรือที่ขึ้นต้น 77X ก็มีการพัฒนาปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพ จนกลายมาเป็นเรือ คอร์เวต แทน...
อ้างอิงระบบอาวุธ ข้อมูลท่าน Fatboy
กำลังจะถามอยู่เลยว่าใครมีข้อมูลเรือ773บ้าง(เพราะผมวาดค้างไว้2เดือนแล้ว) ข้อมูลเก่าเรือยาว79เมตรติดปืน76/62ต่อด้วยแท่นยิงอิ๊กล่าแบบแฝด6(เคยเห็นภาพว่าใช้คนนั่งเล็งยิงอยู่กลางแท่น) กลางเรือเป็นจรวดc-802จำนวน4นัด ต่อด้วยปืนกล14.5แฝด4จำนวน2แท่นไม่รู้รีโมทได้หรือเปล่า ด้านท้ายเป็นลาดจอดไม่มีCIWSตามมาตราฐานเขา แล้วที่ว่า "The Stealth Corvette is believed to be armed with Chinese and Russian made weapons with Anti Submarine Capability" นี่คือใช้Type 81 RBU-1200 ASW rocket อีกแล้วล่ะสิ
อันที่จริงเรือคอร์เวตพม่าก็คือเรือSuper OPV ของเขานั่นแหละครับ คือเน้นงานอเนกประสงค์ทั่วไปแต่ได้อาวุธเรดาร์และเซนเซอร์ทั้งหลายมากันครบจนอิจฉา Anawrahta 771 ณ.ปัจจุบันยังใช้ปืนต่อสู้อากาศยานbofors 40/60 แท่นคู่สมัยสงครามโลกครั้งที่2อยู่เลย เหอๆๆๆ ในบรรดารูปที่ท่านจูดาสลง ณ.ตอนนี้จะเป็นภาพกลางที่เขียนว่าปืนต่อสู้อากาศยานน่ะครับ ส่วนที่เขียนว่าCIWSดูจากขนาดก็คือปืนกล14.5มม เทียบเท่า12.7มมของเรานั่นเอง ด้านท้ายเรือไม่มีเรดาร์ควยคุมการยิงหรือE/Oว่ากันด้วยสายตาล้วนๆ
CIWS = Close In Weapon System ก็คือ การใช้ระยะสายตา แหล่ะครับ...
พอดี หาในเว๊ป เขาก็ให้ ความหมาย Type-69 ว่าเป็น CIWS Gun ระบบหนึ่ง...
ซึ่งถ้าจำไม่ผิด มันจะมี 4 กระบอก ใน 1 แท่นยิง...ซึ่ง ทร. พม่า ก็ใช้กับ Stealh FAC 491 น่าจะเป็นระบบเดียวกันครับ...
ในลำหมายเลขที่ 771 อันนี้ ไม่รู้ว่า ใช้อะไรเป็น FCS..
แต่สำหรับหมายเลข 772 คิดว่าใช้ ตัว FCS เดี่ยวกับปืน 76 ม.ม. ซึ่งน่าจะเป็น MR-123...
รูปแบบน่าจะคล้ายกับ เรือชั้น เจ้าพระยา น่ะครับ...ปืน 30 ม.ม. แท่นคู่ ในความหมาย หรือ หน้าที่หลัก ก็คือ เป็น CIWS ให้กับ เรือ...ซึ่งปืน 30 ม.ม. แท่นคู่ ของ คู่หน้าเรือ สามารถใช้ FCS ร่วมกับ ปืน 100 ม.ม. แท่นคู่ ได้...
ไปๆมาๆ พม่า เขาสร้างเรือขนาดใหญ่หลายลำและต่อเนื่องไม่นานเขาคงนำหน้าเราแน่ครับ แต่เรายังไม่ต่อเนื่องยังต้องรองบอยู่ บางคนว่าของพม่าล้าสมัยกว่าเรา ผมดูแล้วอย่างนี้เขาพัฒนาได้อย่างรวดเร็วแน่ๆไม่นานนี้หรอครับ
หมายเลข 771 มี โบฟอร์ส แท่นคู่ ด้วยหรือครับ ?
เดี๋ยวลองหาภาพดู
CIWS คืออาวุธต่อต้านอากาศยาน, อาวุธนำวิถี, ลูกปืน, จรวด เฉพาะจุด ซึ่งกรณีนี้ type 69 ก็เข้าข่าย
เรื่องการต่อเรือของพม่าผมว่ามันไม่ได้เริ่ดอะไรหรอกครับ มาตรฐานผมว่าก็ยังไม่เท่าเรา ถ้าเราทำรับรองดีกว่าแน่ๆตอนนี้ ถ้าขืนเราต่อเรือสเตลธ์ได้แบบนี้ ผมว่าโดนด่าตาย เพียงแต่เขาก็ยังทำ และอนาคตพัฒนาขึ้นแน่ๆ ขณะที่ของเราดูแล้วช่างยากเย็น ตอนนี้ที่พม่าได้แน่ๆคือเรื่องของภาพลักษณ์ของขีดความสามารถของกองทัพกับอุตสาหกรรมของเขา ส่วนประสิทธิภาพและประสิทธิผลการใช้งานจริงนั่นก็คงเป็นความลับทางทหาร
ข่าวการทดสอบการยิง C-802 ของ 771 เมื่อเดือน มีนาคม 2557
Light-frigate Anawyahtar UMS-771 had successfully test-fired one of its Chinese-made surface-to-surface anti-ship guided missiles in Bay of Bengal on March-1. Anawyahtar was designed and built at Rangoon Naval Dockyards by Burma Navy and commissioned on September 7, 2000.
It was the Flag-ship of Burma Navy for 8 long years before the locally-made Frigate Aung Zeya (F-11) was built and commissioned in 2008. Anawyahtar’s first captain was Lt. Colonel Thet Swe who is now the Naval Chief-of-staff of Burma’s Armed Forces.
C-802 anti-ship missile has been fired from UMS-771 Anawyahtar (photo : Myanmar Navy)
Originally built as a Corvette the Anawyahtar (771) has been upgraded to a light-frigate by fitting new electronic systems, radars, weapon systems, and anti-ship guided missile systems all locally made except the Chinese missiles.
On March-1 this year Burmese naval technicians and weapon experts successfully test fired a Chinese-made anti-ship guided missile at an OTH (Over-the-Horizon) target. Burma Navy emphasized the fact that Anawyahtar’s missile launcher and firing system and all electronics except the missile was developed locally in Burma.
The successful test firing was closely supervised by Genral Thet Swe the Burma Navy Chief himself on board the light-frigate Anawyahtar, announced Burma Navy on March-6. Burma Navy also announced the possibility of a large-scale naval exercise around the coming 69th Armed Forces Day on March-27.
The test firing of anti-ship missile by Burmese Navy was the direct response to Bangladesh Navy’s regular OTH test firings of similar C-802 Chinese-made anti-ship cruise missiles in the Bay of Bengal since 2008.
Ghibka ของ รัสเซีย
ท้ายเรือจะเป็นแบบนี้ครับ ปืนที่ท่านจูดาสว่าไม่ใช่แฝด4และใช้คนนั่งยิง
ภาพถ่ายตอนซ้อมรบไม่กี่เดือนนี้เองผมยังโหลดvdoมานั่งดูอยู่เลย ตอนแรกคิดว่าปืนค่ายรัสเซียแต่เทียบกับ40/60แล้วเหมือนมากที่สุด (เหมือนบนเรือหลวงปิ่นเกล้า)
ส่วนปืนแฝด4ที่ผมไม่รู้ชื่อติดบนเรือเร็วโจมตีของเขา(ใช่ของท่านจูดาสหรือเปล่าครับ) มองจากขนาด14.5มม.ไม่เกินนี้ ตอนแรกคิดว่ารีโมทได้แต่ก็นะ
กองทัพเรือพม่าใช้CIWSรุ่นเดียวคือ AK 360 30 mmชนิด6ลำกล้องรวบ ส่วนที่เหลือถือเป็นปืนหลักหรือปืนรองควบคุมด้วยเรดาร์เท่านั้น สำหรับประเทศพม่าผมยืนยันข้อมูลด้วยสายตาล้วนๆแหละครับ อย่างเรือฟริเกตของเขาในเน็ตบอกว่ามีแท่นยิงตอร์ปิโดด้วยแต่ผมหายังไงก็หาไม่เจอรวมถึงF-12และF-14ด้วย ยืนยันตอนนี้พม่าก็ยังคงใช้แค่RBU-1200เท่านั้น
ภาพสุดท้ายหวงมากบอกเลย Ghibka พม่า
ที่ผมพูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าพม่าไม่ดีนะครับ แต่ก่อนจะเป็นอย่างไรไม่ทราบแต่ในปัจจุบันเขามีมาตราฐานการติดอาวุธบนเรือรุ่นใหม่ชนิดเป๊ะๆแบบที่เราก็ทำไม่ได้ และเขาก็ใช้อาวุธตามศักยภาพโดยรู้ความสามารถของตัวเองดี อาวุธใหม่ๆทันสมัยราคาแพงเกินไปเขาก็ยังไม่ใช้แต่เน้นของดีราคาประหยัดติดในเรือทุกลำเอาไว้ก่อน พม่าจะติดอาวุธและอุปกรณ์ป้องกันตัวให้เรือเร็วโจมตีมากที่สุด(CIWSหัวเรือ ปืนรองกลางเรือ ระบบสงครามอิเลคทรอนิคและมีเป้าลวงอีก4แท่น) รองลงมาก็เป็นเรือฟริเกต(ยังไม่เคยเห็นเป้าลวง) เรือคอร์เวต และเรือตรวจการณ์ปืนตามลำดับ เพราะฉะนั้นเรือ2แบบสุดท้ายจะติดอาวุธหมุนเวียนไปเรื่อยบางลำก็มีไอ้โน่นบางลำก็มีไอ้นี่ เดี๋ยวใส่เดี๋ยวถอดไม่สงสารคนหาภาพบ้างเลย
แน่นอน อยูุ่แล้ว ครับ... เขาไม่ธรรมดา..เรื่องเงิน...ไม่มีใคร มาตัดแข็งตัด ขา...
ขอบคุณครับ ท่าน superboy ภาพท้ายเรือ 771 ไม่ได้เห็นมานาน...
แต่ดูแล้ว ก็คงไม่ใช่ ขนาด 14.7 ม.ม. ซึ่งคงขนาดใหญ่กว่าแน่นอน และก็คิดว่าเป็น Type-69 แท่นคู่ (ผลิตจากจีน) โดย สเปค ปืน ก็เทียบรุ่นกับ AK-230 ของ รัสเซีย ซึ่งดูแล้ว คงไม่ใช่ รีโมท ใช้ ระบบ คน ทั้งหมด...
ส่วน Ghibka ตามภาพน่าจะเป็นของ F-11 ซึ่งไม่แน่ว่าจะใช่ Ghibka หรือไม่...ในส่วนของ 711 ก็คง อีกเช่นกัน จะใช่ Ghibka หรือไม่...แต่ โดยรูปทรง ก็จะคนละแบบ...
ซึ่ง Ghibka ก็มีหลายแบบอยู่เหมือนกัน...
และ 771 ก็ไม่รู้ว่าจะเป็น EO หรือ CCTV ที่ติดบนสะพานเรือ
สำหรับปืน 14.7 ม.ม. แท่น 4
ถ้าสำหรับ FAC ผมคิดว่า น่าจะใช้ได้ทั้ง รีโมท และ แมนนัว...
เพราะดูแล้ว FAC ทั้ง 2 แบบ จะมี FCS อยู่ 2 ระบบ...
ซึ่งก็ยังสงสัยอยู่ว่า แท่นสี่เหลี่ยม นี้ จะเป็น FCS หรือ เรดาร์ตรวจการณ์แบบไหน ?
ทำแผ่นภาพใหม่
ในความเห็นส่วนตัว คิดว่าที่เป็นแท่งสีเหลี่ยมจะเป็นSATCOMหรือDatalinkของพม่านะครับ แต่ไม่มีอะไรยืนยันนะ ที่คิดว่าเป็นdatalinkเพราะมันเพิ่งถูกทยอยนำมาติดบนเรือรบหลักของเขาจนแทบครบทุกลำแล้ว(ฟริเกต FACจรวด คอร์เวต) ยังเป็นแท่งปริศนาที่ผมยังหาคำตอบไม่ได้ถามใครก็ไม่มีใครรู้ เรือ771ในภาพมีอุปกรณ์ครบทุกอย่างแล้วก็ยังมีมาเพิ่มในท้ายที่สุดอีกด้วย เข้าใจว่า771ใช้E/Oควบคุมการยิงปืนหลักเพราะเห็นติดมาตั้งแต่สร้างใหม่ๆ จะเห็นว่าเหนือสะพานเดินเรือตรงประตูมีแท่งกลมๆเหลี่ยมๆยื่นออกมาด้วยเหมือนจะเป็นECM
เรือ491มี Kolonka optronic directorติดอยู่ระหว่างปืนกล14.5ทั้ง2ด้านผมจึงคิดว่าน่าจะบังคับด้วยรีโมทได้และยิงแมนนวลได้ แต่... ด้านหน้าก็มีKolonkaอีก1อันแล้วก็มีType 347G Fire control radarอีก1อันด้วย จึงคิดว่าแท่งเหลี่ยมๆไม่ใช่FCSแล้วเพราะไม่รู้จะเอาไปควบคุมการยิงอะไรอีก (จะติดอะไรกันนักกันหนาอิจฉาวุ้ย) ภาพของผมจะเห็นชัดกว่า
ส่วนอันนี้ของแถม แหะๆ
พม่ามีของเล่นแปลกๆเยอะมากไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องไม่รู้ไปซื้อมาจากไหน มีปืนอินเดียด้วยนะขอบอกกว่าจะรู้ที่มางงอยู่พักใหญ่ ส่วน Ghibkaพม่าไม่เหมือนของใครในโลกโดยเฉพาะแฝด6มีคนนั่งยิงแปลกสุดๆ ผมนั่งหาข้อมูลพม่ามาหลายเดือนแล้วมีภาพเรือของเขาอยู่ในคอม300กว่ารูปแล้วเนี่ย *_*
แฮ่....สงสัย แบบเดียวกับผมเลย...
ส่วนผม เห็นแท่งสี่เหลี่ยมนี้ ครั้งแรก ในเรือ FAC-491 น่ะครับ...
เลยสงสัย มามัน คือ อะไร...ซึ่ง เท่าที่ ลองค้นหาข้อมูลดู...มันจะคล้ายๆ กับ แท่นตรวจจับของ จีน ที่ติดตั้งบน รถล้อยาง ยิง SAM...แต่มันก็ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว...
ซึ่งในขณะเดียวกัน หมายเลข 772 ก็มีการติดตั้ง FCS แบบ MR-123 แบบเดียวกับ FAC ของ พม่า...แต่ ไม่มีใน 771...
และ 772 ก็ไม่มีการติดตั้ง SAM...แต่ 772 ก็ดุว่ามีการติดตั้ง กล้อง เช่นเดียวกับ 771...
จึงมองดูเหมือน 772 มีระบบ AAW ด้วยระบบปืน ทั้งหมด ส่วน 771 มีระบบ AAW ผสม ระหว่าง SAM กับ ปืน...
โดยส่วนตัวอีกแล้วคิดว่า771และ772คือหนูทดลองยา มีอะไรใหม่ๆก็เอามาทดสอบติดบนเรือลำนี้แหละดีไม่ดีก็ว่ากันไป และคิดว่าเรือทั้ง2ลำน่าจะมีอายุการเข้าประจำการไม่นานเท่าไหร่ เพราะเทคโนโลยีการต่อเรือของพม่าในยุคแรกๆบอกเลยว่าไม่ได้เรื่อง (แต่ปัจจุบันดีขึ้นมากจนน่าอิจฉา) 773นี่แหละของจริงผมถึงเฝ้ารอคอยมานานแสนนาน
พูดถึงเรือพม่าแล้วย้อนมาที่FACไทยแลนด์ ถ้าเราจะต่อใหม่ต้องได้อุปกรณ์ครบแบบในภาพเท่านั้นนะครับ ประเภทติดปืน76/62กับจรวด4นัดอย่าดีกว่า ยิ่งประเภทฉันเป็นเรือตรวจการณ์นะจ๊ะแต่แบกจรวดเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้เฉยๆนี่ไม่ต้องเลย ขืนทำซ่าส์เข้าไปโดยไม่มีอะไรป้องกันตัวโดนยิงจมสถานเดียว แบ่งเรือรบจริงๆกับเรือใช้งานปรกติออกจากกันดีที่สุด
พม่าโดนคว่ำบาตรอยู่เป็น สิบๆปี ก็ต้องพึ่งตัวเองครับเขาไม่ได้พึ่งทำ ทำมานานแล้วด้วย ของเราผมมองว่าอุตสาหกรรมทหารพังในช่วงสงครามเย็นและสงครามเวียดนาม เพราะเราได้ความช่วยเหลือจาก สรอ เยอะมาก เราเลยเลือกที่จะเอาของฟรีและของถูกมากกว่าที่จะคิดทำเองจ่ายเอง ยกตัวอย่าง ปลย11 หรือ HK33ซึ่งเราซื้อลิขสิตยมาผลิดในช่วง 2511 พอๆกับได้ m16 a1 มาฟรีๆ hk33 เลยไม่ค่อยผลิตมาใช้ในหน่วยทหารราบ แล้วตอนหลังก็เลิกผลิตไป
ถ้าจำไม่ผิดตอนที่ สรอ ช่วยเหลือ หรือให้ ยุทโธปรณ์ต่างๆ ไม่ได้มาเฉพาะอาวุธแต่รวมวัสดุสิ้นเปลื่องต่างๆเช่น น้ำมันหรือกระสุนมาด้วย ผู้เฒ่าผู้แก่เคยเล่าว่า สมัยนั้น น้ำมันดีเซลมีเยอะมากจนต้องเททิ้งเพราะไม่มีที่เก็บ หม้อหุงข้าวในโรงเลี้ยงของกองพัน ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงกันทีเดียว
เข้าใจว่า hj-33 ที่เราผลิตคุณภาพไม่สู้ดีเลยซื้อเอ็มสิบหกใช้อยู่
ถ้าเรื่องบริจาคน้ำมันกับกระสุน ผมว่าน่าจะประมาณขนมาแล้วขี้เกียจเอากลับเลยทิ้งๆ ไว้ให้มากกว่าครับ
ส่วนเรื่องเทดีเซลทิ้งเพราะไม่รู้จะไปไว้ไหนผมว่าน่าจะเรื่องโม้ต่อๆ กันมามากกว่าครับ ผมคิดไม่เห็นจะออกว่าเททิ้งแล้วที่จะเยอะขึ้นอย่างไร เพราะน้ำมันก็อยู่ในถังมิดชิดทิ้งไว้กลางแดดกลางฝนก็ยังได้ ไม่ได้เก็บใส่กะละมัง
ส่วนเรื่องเตาดีเซลมันเป็นเทคโนโลยีโบราณครับ ซึ่งหลายๆ อย่างทหารใช้ก็โบราณๆ ด้วยเรื่องความทรหดและเรียบง่ายของระบบ ไม่ได้ประดิษฐ์มาเพื่อล้างสต็อกดีเซลโดยเฉพาะหรอกครับ
ภาพของ mmmilitary.blogspot.com
เป็นท้ายเรือ 771 ซึ่งก็ึคงเป็นปืน ขนาด 40 ม.ม. แท่นคู่ ส่วนด้านล่าง ไม่ทราบว่าเป็น อุปกรณ์สำหรับวางกระสุนปืน หรือ ใช้กับอุปกรณ์อะไร ที่วางเป็นแนวเรียง ซ้าย ขวา บนดาดฟ้า
เรื่องน้ำมันดีเซลมีเยอะ จนต้องเททิ้ง ผมก็คิดว่าคงเป็นเรื่องไม่จริง ของหลวงจะเอามาเททิ้งได้อย่างไร ติดคุกตายเลย
เรื่องจริงที่ผมพบเจอมา อย่างมากก็ลักน้ำมันหลวงไปขายเอกชนจนจ่าสามารถซื้อที่ดินและปลูกบ้านไม้ได้