ข่าวจาก defense-studies.blogspot.com
PDF Version:
Media/Public Contact:
pm-cpa@state.gov
Transmittal No:
14-27
WASHINGTON, Sep 29, 2014 - The State Department has made a determination approving a possible Foreign Military Sale to Thailand for UH-72A Lakota Helicopters and associated equipment, parts, training and logistical support for an estimated cost of $89 million. The Defense Security Cooperation Agency delivered the required certification notifying Congress of this possible sale on September 26, 2014.
The Government of Thailand has requested a possible sale of 9 UH-72A Lakota Helicopters, warranty, spare and repair parts, support equipment, communication equipment, publications and technical documentation, Aviation Mission Planning Station, personnel training and training equipment, U.S. Government and contractor technical and logistics support services, and other related elements of logistics support. The estimated cost is $89 million.
This proposed sale will contribute to the foreign policy and national security of the United States, by helping to improve the security of a major non-NATO ally.
This proposed sale will contribute to Thailand’s goal of upgrading and modernizing its military forces with a new light utility helicopter capable of meeting requirements for rotary-wing transportation, while further enhancing interoperability between Thailand the U.S., and among other allies. Thailand will have no difficulty absorbing these helicopters into its armed forces.
The proposed sale of this equipment and support will not alter the basic military balance in the region.
The principal contractor will be EADS North America in Herndon, Virginia. There are no known offset agreements proposed in connection with this potential sale.
Implementation of this proposed sale will require ten contractor representatives to travel to Thailand for a period of five weeks for equipment deprocessing/fielding and system checkout.
There will be no adverse impact on the U.S. defense readiness as a result of this proposed sale.
This notice of a potential sale is required by law and does not mean the sale has been concluded.
All questions regarding this proposed Foreign Military Sale should be directed to the State Department's Bureau of Political Military Affairs, Office of Congressional and Public Affairs, pm-cpa@state.gov.
รวมยอดที่อนุมัติขายให้ รวม 15 ลำ
Lot 1 จำนวน 6 ลำ
Lot 2 จำนวน 9 ลำ
ตามโครงการเดิมที่ ทบ.ขอจัดหา ฮ. ใหม จำนวน 30 ลำ (ขณะนั้นตั้งเป้าหมายที่ UH-60L) โดยก่อนหน้านั้น อนุมัติซื้อ UH-60L ไปจำนวน 3 ลำ ที่เพิ่งรับมอบไปเมื่อปีที่แล้ว (จมูกโด่ง) รวมโครงการ ฮ.ใหม่ จำนวน 33 ลำ (เป้าหมาย UH-60L ทั้งหมด)
สั่งซื้อ UH-60M ไปจำนวน 7 ลำ
คงเหลือ 23 ลำ
สั่งซื้อ UH-72A ไปจำนวน 6 ลำ
คงเหลือ 17 ลำ
ถ้าสั่งซื้อ ชุดนี้ UH-72A อีกจำนวน 9 ลำ
คงเหลืออีก 8 ลำ
น่าสนใจว่า ยอดคงเหลืออีก 8 ลำ
น่าจะจัดหาแบบ กันชิพ
ซึ่งถ้า UH-72A ไม่มีแบบ กันชิพ
ก็อาจจะไปจัดหา EC-145T2 แบบเดียวกับ ทร.
หรือถ้าไม่จัดหาแบบ กันชิพ โดยจัดหาแบบ ปกติ
ก็คงรออนุมัติอีก 8 ลำ
ส่วน ฮ.กันชิพ คงไปอยู่ในโครงการ ปรับปรุง Bell-212 ให้เป็น กันชิพ รวม ๆ น่าจะอยู่ระหว่าง 8 - 16 ลำ
โดยในปี 2563
กองบินปีกหมุนทหารบก สำหรับ ฮ.ใช้งานทั่วไป จำนวน ฮ. คงจะเป็น 3 กองพันบิน (ประมาณ 100 ลำ ) โดยประกอบด้วย 5 กองบิน (1,2,3,9 (ผสม) และสนับสนุนทั่วไป)
ซึ่งในส่วน MI-17 ปัจจุบัน ได้จัดเป็น ฮท. (ใช้งานทั่วไป) ไม่ใช่ ฮล. (ลำเลียง)
ก็น่าสนใจว่า MI-17 จะมีการกระจายให้กับ 4 กองบินปีกหมุน หรือ ยังคงอยู่กับ กองบินสนับสนุนทั่วไป อยู่
ซึ่งถ้า ยังอยู่กับ กองบินสนับสนุนทั่วไป เหมือนเดิม
กองบินสนับสนุนทั่วไป คงต้องมีการใช่ MI-17 ฝึกร่วมกับ ทั้ง 4 กองบิน อยู่ตลอดทั้งปี แน่ (งานหนักแน่ ๆ)
ตอนนี้ จึงมองดูเหมือน MI-17 จะทำงานเหมือน ฮ.ใช้งานทั่วไป หรือ แทนจำนวน UH-1 นั่นเอง
เป็นไปได้ไหมที่ ทบ ไทยจะซื้อ mi-17 เพิ่มอีก 10ลําหรือ 20ลํา
Mi-17 ใช้งานเป็น ฮท. แทน UH-1h เหรอครับ
แล้ว ฮล. จะใช้ CH-47 ที่เหลือ 4 ลำ ไปจนปลดเลยเหรอครับ หรือว่าเดี๋ยวนี้ ฮล. ไม่ค่อยมีบทบาทหรือความจำเป็นแล้ว ?
MI-17 ทบ. ให้รหัสเรียกเป็น ฮท. ไม่ใช่ ฮล.
ล่าสุด เห็นมีการฝึก ก็ใช้ MI-17 ในการขนส่ง ทหาร บินคู่กับ ฮท.60 กับ AS-550
ก็ภาระกิจ ก็น่าจะมาแทนพวก ฮท.1 กรณี ขนส่งกำลังพล เข้าแนวรบ
ส่วน ฮท.60 อาจจะไปใช้ ในแนวรบ ที่ลึกลงไปกว่านั้น ความเห็นส่วนตัวนะครับ
แผ่นภาพนี้ เป็นแผ่นภาพใน มุมมองของผมน่ะครับ
ว่าในมุมมองของผม ถ้าจะจัดหา อากาศยานปีกหมุน เพิ่ม และการบรรจุตาม กองบิน
โดยใช้ข้อมูลการจัดหาปัจจุบัน ผสมผสาน กับ ความเห็นของสมาชิกตามที่ให้ความเห็นกันมาในกระทู้เก่า ๆ
ในปี 2563 ในมุมมองเกี่ยวกับ อากาศยานปีกหมุน
พอดีนั่งประกอบโมเดลขนาด 1/144 ของ MH-47E ก็เกิดมีความสนใจ
และมองว่า ปัจจุบัน กองบิน ทบ. ไม่มี อากาศยานปีกหมุนแบบ CSAR หรือ ภาระกิจพิเศษ ในแนวหลังข้าศึก
และ MH-47 มีความจำเป็น สำหรับ ทบ. หรือไม่ ?
ในส่วนนี้ ผมว่า ถ้ามองดูถึง ถ้าจะมี ก็มีได้ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ
ประเทศไทย มี ดินแดนทางบกติดประเทศเพื่อนบ้าน ถึง 4 ประเทศ คือ พม่า ลาว กัมพูชา และ มาเลเซีย
และประเทศเพื่อนบ้านของไทย ก็ล้วนเคยมีประวัติศาสตร์การ กระทบ กระทั่ง ตอบโต้ทางสงครามกันมา ยกเว้น มาเลเซีย
แต่ มาเลเซีย ก็ความสุ่มเสี่ยงในเรื่อง 3 จังหวัดชายแดน เช่นกัน
ในขณะที่ ประเทศเพื่อนบ้าน อื่น ๆ เช่น มาเลเซีย มีดินแดนทางบกติดประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 3 ประเทศ คือ สิงคโปร์ อินโดฯ และไทย
อินโดฯ มีดินแดนทางบกติดประเทศเพื่อนบ้าน เพียง ประเทศมาเลเซีย
สิงคโปร์ มีดินแดนทางบกติดประเทศเพื่อนบ้าน เพียง มาเลเซีย
ก็น่าจะพอมองภาพได้ว่า ในแง่ถ้าเกิดการกระทบ กระทั่ง หรือ สงครามก่อการร้าย
โอกาสของประเทศไทย ที่จะเข้าสู่ภาระกิจแนวหลังข้าศึก ก็มีโอกาสสูงกว่า ประเทศอื่น ๆ
ซึ่ง อากาศยานปีกหมุนแบบ MH-47 หรือ HH-47 ถ้า ประเทศไทย จะมี....ผมว่า มันก็มีเหตุ ผล ที่จะมีได้ เหมือนกันครับ
ตามแผ่นภาพข้างบน
ในความเห็นผม ก็คือ การจัดหา อากาศยานปีกหมุน เพิ่มเติม สำหรับโครงการใหม่
1. MI-17 จำนวน 4 ลำ
2. MH-47 หรือ HH-47 จำนวน 2 ลำ
3. AW-139 จำนวน 2 ลำ
ปรับปรุงสภาพ และอัพเกรด ตามโครงการเดิม
1. Bell-212 ไม่ต่ำกว่า 35 ลำ
2. CH-47 จำนวน 3 ลำ
ฮ. ชินุก ผมอยากให้กองทัพไทยมีประจำการต่อไปนะครับ เพราะยังไม่มีเครื่องที่มีความทัดเทียมกันเลย ส่วนเรื่อง csar ผมว่าตอนนี้ทอ. จะประจำการ super cougar 4 ลำปีหน้า และมีแผนจัดให้เต็ม 16 ลำ (อ้างอิงจากบทความเรื่องการประชุมทอ. อาเซียนจากเว็บ taf) ดังนั้น hh-47 คงไม่เกิดละครับ
ทำไม ไม่ให้บริษัท TAI Thai ไปซื้อลิขสิทธิ์มาผลิตเองแบบ PT DI ของอินโดนีเซียที่ซื้อ Bell 412EP ทั้งที่มีความต้องการในจำนวนที่ชัดเจน
#
อ่านทีแรกนึกว่าขายให้อิรัคที่แท้ก็อีกนี่เอง ดีครับเฮลิคอปเตอร์เราสภาพย่ำแย่เต็มทีได้ของใหม่มาก็แจ๋วไปแล้ว(ยี่ห้อไหนไม่เกี่ยง) ส่วนที่ว่าจะเปลี่ยนไปใช้แบบทหารเรือคงต้องใช้คำพูดว่า ยังไม่เห็นก็ยังไม่เชื่อ ได้มาแล้วค่อยเชื่อก็แล้วกัน
แต่ส่วนมากฮ.ทหารบกผมจะได้เห็นรุ่นใหม่อยู่บ่อยๆนะครับ อาจเพราะเป็นเส้นทางผ่านไปยังลพบุรีกระมัง วันก่อนแบล็กฮอคบินตามกันมาเป็นฝูงมองหน้าผู้โดยสารได้เลย(เวอร์ซะ) ของใหม่นี่มันดีจริงๆเสียงนุ่มไม่เหมือนฮิวอี้ที่ดังมาตั้งแต่ไก่โห่ เมื่อก่อนชอบออกมาดูคอบบร้าเดี๋ยวนี้เลิกบ้าแล้ว
อาจจะทำคล้ายกับ ทบ.สหรัฐ ครับ ที่จะมี SOA และ CSAR เป็นของตนเอง บางส่วน
เพราะ บางที ในบางภาระกิจ ความเร่งด่วน หรือ การจัดชั้น ความลับ การใช้เครื่องมือภายในความรับผิดชอบของตัวเอง จะมีความยืดหยุ่น และกล้าตัดสินใจ ได้มากกว่า การใช้เครื่องมือของหน่วยอื่น แต่ไม่ได้ถึงว่า เป็นกำลัง CSAR หลักของ ทบ. นะครับ
และผมคิดว่า น่าจะเป็น การพัฒนา กองบินปีกหมุน ในส่วน สนับสนุน ที่จะมี เทคโนโลยี่ ที่สูงขึ้น ซึ่งในอนาคต อาจจะได้คุยกับ ทอ. เป็นภาษาเดียวกันได้ และอาจจะเข้าใจกันง่ายขึ้นก็ได้ ครับ
หรือ อาจจะทำหน้าที่ ศูนย์บัญชาการรบพิเศษ ทางอากาศ ของ ทบ. ได้ ในบางกรณี
ซึ่งถ้า สมมติ จัดหาได้ถึง MH-47 ไม่ใช่ HH-47 ยกตัวอย่าง อุบัติเหตุ ฮ.ของ ทบ. ตก ในเวลาใกล้ ๆ กัน จำนวน 3 ลำ เมื่อไม่กี่ปีมานี้
การควบคุม หรือ การค้นหา อาจจะเปลี่ยนแปลงความเสียหายตามข้างต้นไปได้ในอีกลักษณะหนึ่งก็ได้ครับ
เพราะ MH-47 จะมีอุปกรณ์ป้องกันตนเอง และมีกำลังเครื่องขนาดใหญ่ ซึ่งจะทนสภาพอากาศได้ดีกว่า UH-60
โดยบริเวณที่ ฮ.ตก ก็เป็น บริเวณชายแดน ไทย-พม่า ที่ในขณะนั้น ก็มีความสงสัยว่า สาเหตุการตก เกิดจากอะไรในช่วงนั้นครับ
MH-47G หรือ MH-47F
ความครบเครื่อง ความสามารถในการป้องกันตัวเอง สามารถปฏิบัติการได้ทั่วโลก ในส่วนความรับผิดชอบของ กองทัพบก (Army)