หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ญี่ปุ่นกับบทบาทผู้ค้าเรือดำน้ำในตลาดโลก

โดยคุณ : Nakarin เมื่อวันที่ : 07/09/2014 11:29:13

ญี่ปุ่นจะมาดีลเรือดำน้ำถึงไทยหรือไม่อย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไปครับ

ญี่ปุ่นกับบทบาทผู้ค้าเรือดำน้ำในตลาดโลก

ขณะนี้เป็นที่คาดการณ์ว่า มีแนวโน้มที่ญี่ปุ่นจะขายเรือดำน้ำรุ่น Soryu-class ให้กับออสเตรเลีย ซึ่งถ้าสำเร็จจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและออสเตรเลีย และยังเป็นก้าวสำคัญสำหรับญี่ปุ่นในการเข้าสู่ตลาดเรือดำน้ำระดับโลก

ในตลาดเรือดำน้ำแบบดีเซล-ไฟฟ้า มีผู้ค้าหลักอยู่ 3 ราย ได้แก่ เยอรมัน, ฝรั่งเศส และ รัสเซีย โดยเยอรมันมีเรือดำน้ำแบบ Type 209 เป็นสินค้าหลัก ซึ่งมีลูกค้ามากกว่าสิบประเทศ และยังมีรุ่นใหม่อย่าง Type 214 ซึ่งมีกำหนดการส่งออกไปยัง เกาหลีใต้และกรีซ

ส่วนฝรั่งเศสได้ส่งออกเรือดำน้ำแบบ Scorpene-class ไปยังมาเลเซีย, บราซิล และอินเดีย นอกจากนั้นยังมีรัสเซียซึ่งขายเรือดำน้ำแบบ Kilo-class และ Kilo-class รุ่นปรับปรุง ไปยังอีกหลายประเทศ

เมื่อเปรียบเทียบกับทั้ง 3 ประเทศแล้ว เรือดำน้ำ Soryu-class ของญี่ปุ่นมีข้อได้เปรียบหลายประการ โดยการที่ Soryu-class มีระวางถึง 4,200 ตันทำให้มันมีขนาดใหญ่กว่าเรือดำน้ำของคู่แข่งทั้งหมด ด้วยขนาดที่ใหญ่มันสามารถบรรทุกอาวุธที่มีน้ำหนักมาก และ สามารถปฏิบัติการด้วยความเงียบกว่า และมีระยะทางปฏิบัติการที่ไกลกว่าเรือดำน้ำรุ่นอื่น

นอกเหนือไปจากนั้นด้วยค่าตัวราว 500 ล้านดอลลาร์ (16,000 ล้านบาท) ทำให้มันไม่ได้มีราคาแพงไปกว่าเรือดำน้ำของคู่แข่งแต่ประการใด

แต่ก็ยังมีจุดที่ต้องแก้ไขสำหรับเรือดำน้ำของญี่ปุ่น นั่นคือ อายุการใช้งาน เนื่องจากกองกำลังป้องกันตัวเองของญี่ปุ่นวางแผนการใช้งานเรือดำน้ำของตนเพียงแค่ 20 ปี ซึ่งแตกต่างกับลูกค้าส่วนใหญ่ที่ต้องการอายุการใช้งานที่นานกว่านั้น ดังนั้นวงการอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นต้องปรับตัวให้รับกับความต้องการนี้ โดยต้องเตรียมความพร้อมด้าน อุปกรณ์, การซ่อมบำรุง และ ชิ้นส่วนอะไหล่ ไว้สำหรับการสนับสนุนประเทศลูกค้าของตน ซึ่งจุดนี้เป็นข้อแตกต่างระหว่างญี่ปุ่นซึ่งมีประสบการณ์เพียงเล็กน้อยในด้านการซ่อมบำรุงเรือดำน้ำระยะยาว กับอีก 3 ประเทศซึ่งมีชำนาญทางด้านนี้มากกว่า แต่ด้วยชื่อเสียงของวงการอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นแล้ว เชื่อว่าปัญหานี้ไม่น่ายากเกินไปในการจัดการ

คาดว่าในอนาคตญี่ปุ่นจะเป็นอีกหนึ่งผู้ค้าเรือดำน้ำรายสำคัญ ซึ่งเยอรมัน, รัสเซีย และ ฝรั่งเศสต้องจับตามอง โดยคาดว่าลูกค้าของญี่ปุ่นอาจจะเป็นประเทศในแถบลาตินอเมริกา ซึ่งจะต้องเปลี่ยนเรือดำน้ำรุ่น Type 209 ซึ่งใช้งานมานานเป็นรุ่นใหม่ หรือ อาจจะเป็นเวียดนามซึ่งจะมีตัวเลือกอื่นนอกจากเรือดำน้ำแบบ Kilo-class รุ่นปรับปรุงจากรัสเซีย

สำหรับญี่ปุ่นแล้วนับเป็นการดีที่สามารถขายเรือดำน้ำของตนให้แก่ประเทศที่กำลังมีปัญหากับจีน (เวียดนาม) นอกจากจะยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ของตนกับประเทศเหล่านี้ และ เพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่อุตสาหกรรมอาวุธของญี่ปุ่น และที่สำคัญ สำหรับญี่ปุ่นแล้วถือเป็นการได้ประโยชน์สองต่อทั้งขายเรือดำน้ำ ได้ และทำให้น่านน้ำแปซิฟิกตะวันออกกลายเป็นพื้นที่อันตรายสำหรับกองทัพจีนอีกด้วย

// ท่านใดพบข้อผิดพลาด รบกวนโต้แย้งและแก้ไข; FIAT //

http://thediplomat.com/2014/09/japan-enters-global-submarine-market-with-soryu-offering/


Soryu-class




ความคิดเห็นที่ 1


น่าสนใจมากราคาตัวไม่หนีจากคู่แข่งเท่าไรแต่ขนาดตัวเรือใหญ่กว่า 2 เท่า ถ้าญี่ปุ่นสามารถส่งออกเรือดำน้ำได้เมื่อไหร่ กองทัพเรือควรส่งคนไปศึกษาวิชาการเรือดำน้ำที่ญี่ปุ่น(ปัจจุบันศึกษาที่เยอรมัน)แม้จะไม่มีดีลการซื้อเร็วๆนี้ก็ตาม

โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 05/09/2014 12:28:17


ความคิดเห็นที่ 2


สาเหตุหนึ่งที่ญี่ปุ่นสร้างอาวุธมาแล้วกำหนดให้มีอายุการใช้งานแค่ 20 ปีนั้นก็เพราะญี่ปุ่นต้องการให้มีการปรับปรุงและสร้างอาวุธใหม่ๆให้ทันสมัยในทุกๆ 20 ปี อย่างของไทยเราอายุเข้าประจำการอย่างน้อย 25 ขึ้นไปอันไหนใกล้จะหมดอายุก็ modify เพื่อต่ออายุออกไปอีก +15 ปีร่วมๆแล้วก็ 40 ปีพอดี เกือบครึ่งศตวรรษ 5555

ใจจริงผมก็ชอบนะแต่มันใหญ่เกินไม่เหมาะกับสภาพทะเลในอ่าว (ถ้าอันดามันก็ OK อยู่) อย่างอ่าวไทยเราให้ใหญ่เต็มที่ก็ไม่ควรเกิน 3,000 ตัน

คิดว่านะ

โดยคุณ Woot1980 เมื่อวันที่ 05/09/2014 19:28:11


ความคิดเห็นที่ 3


เรื่องอ่าวไทยตื้นไมีตื้นเป้นเรื่องรองแล้วเรื่องหลักคือ.  เรือดํานํ้าไทยจะปฏิบัติการนอกอ่าวไทยได้ใกลแค่ไหน.   ผมสนับสนุนนะเรือดํานํ้าญี่ปุ่นตอนแรกกลัวเรื่องราคาแพงแต่นี่ถูกกว่าที่คิดยัไงก็ขอให้ส่งออกได้ไวๆ

โดยคุณ bok01 เมื่อวันที่ 05/09/2014 20:06:29


ความคิดเห็นที่ 4


เอาละสิคราวนี้ตลาดเรือดำน้ำก็จะมีตัวเลือกที่น่าสนใจเพิ่มขึ้น ระดับขาเก่าอย่างญี่ปุ่นเรื่องคุณภาพคงไม่ต้องสืบ เอ..แล้วลูกค้าเก่าอย่างเราจะสนใจบ้างมั้ยน้อ
โดยคุณ KoH_M เมื่อวันที่ 05/09/2014 20:23:58


ความคิดเห็นที่ 5


คู่แข่งสำคัญ เยอรมันยังต้องกลัว เรื่องระวางเรือ ไม่ต้องห่วง เขาจัดให้ได้หมด ออสเตรเลีย ขอซื้อ ความสามารถญี่ปุ่นเท่านั้น ไม่ได้ขอซื้อเรือดำน้ำ
โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 05/09/2014 22:56:18


ความคิดเห็นที่ 6


ราคาน่าสนใจ ไหนๆเราก็ลูกค้าเก่า แถมปัจจุบันไทยก็เป็นฐานอุตสาหกรรมหลักของญี่ปุ่นด้วย เราน่าให้เค้าสร้างเรือดำน้ำให้ แต่ขอเป็น 2 ขนาด คือ ขนาดน้อยกว่า 1000 ตัน สัก 4 ลำ และขนาด 1000-1500 ตันสัก 4 ลำ ขยายความคือขนาดต่ำกว่า 1000 ใช้เขตน้ำตื้นใกล้ฝั่ง ขนาดใหญ่กว่า 1000 ใช้เขตน้ำลึกไกลฝั่ง ระยะเวลาจัดหาสัก 12 ปี
โดยคุณ rayong เมื่อวันที่ 06/09/2014 07:11:15


ความคิดเห็นที่ 7


postเรื่อง JMSDF submarine fleet ของคุณ Judasครับ

http://www.thaifighterclub.org/webboard/16796/55th-years-JMSDF-Submarine-Fleet.html

 

โดยคุณ RAF เมื่อวันที่ 06/09/2014 10:04:35


ความคิดเห็นที่ 8


ขอเสริมเพิ่มเติมจากที่ท่านจูดาสสำหรับสมาชิกใหม่ที่ยังไม่ทราบข้อมูลนี้

     ญี่ปุ่นในยุคสงครามโลกจัดว่าเป็นมหาอำนาจทางทะเลที่ถือว่าไม่เป็นสองรองใครในโลกครับอยู่แล้วครับ เป็นประเทศเจ้าของสถิติใหญ่ที่สุดในโลกยุคนั้นก็ญี่ปุ่นนี่แหละ เช่นเรือบรรทุกเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกยุคนั้น เรือบรรทุกเครื่องบิน ชั้นชินาโนะ เครื่องประจันบัญบานก็เรือชั้นยามาโต้ เรือดำน้ำก็ชั้น อิ-400 

I-400 class



โดยคุณ Woot1980 เมื่อวันที่ 07/09/2014 08:37:10


ความคิดเห็นที่ 9


SHINANO  CLASS


โดยคุณ Woot1980 เมื่อวันที่ 07/09/2014 08:38:52


ความคิดเห็นที่ 10


ตอนนี้ลุ้นลำนี้ไปก่อน

โดยคุณ yuy999 เมื่อวันที่ 07/09/2014 11:29:13