ขอแย้งหน่อยเหอะ

กระสุน 7.62 x51 นั้นไม่ได้เฉพาะสไนเปอร์อะไรครับ มันเป็นกระสุนปืนเล็กมาตราฐานนาโต้ ออกมาเพื่อให้ใช้ร่วมกันได้ เพราะยุคนั้นสงครามเย็น ต้องมีความร่วมมือมีคลังอาวุธร่วม 

กระสุนนี้แต่ก่อน ปลย. ไรเฟิ่ลจู่โจมก็ใช้เป็นหลัก ยุคหลังถึงมานิยมกระสุนขนาด 5.56 เพราะเบากว่า แบกกระสุนไปได้จำนวนนัดมากกว่า และในการรบจริงส่วนใหญ่ระยะไม่ใกลมาก

นอกจากนี้กระสุนนี้ก็ใช้ในปืนกลเบาด้วย ปัจจุบันก็ยังใช้อยู่ แต่เริ่มมีการปรับมาใช้กระสุน 5.56 ด้วย ตามเหตุผลข้างต้น

แต่ในอัฟกานิสถาน ทหารอเมริกาก็มีปัญหากับกระสุน 5.56 ใน m249  เพราะในทะลทรายมันรบกันได้ที่ระยะไกลกว่า แล้วฝ่ายกองโจรหรือกลุ่มติดอาวุธอำนาจการยิงและระยะยิงกินขาด ถึงต้องรีบออกเบิก mk 48 มาใช้ ก็คือ m249 อัพไซส์มาใช้กระสุน 7.62

ส่วนของอาก้าที่ระยะยิงหวังผลใกล้ก็เพราะระบบปฏิบัติการของปืนด้วย ง่ายๆคือเป็นปืนที่ถึกทนแต่ความเที่ยงตรงต่ำกว่า

  เรื่องระบบปฏิบัติการของปืน ที่ทำให้ระยะยิงใกล้กว่าปืนอื่น...มันทฤษฏีไหนกันท่านผมไม่เคยทราบ อธิบายให้ผมกระจ่างหน่อย.. เรื่องระยะยิงเท่าที่เคยศึกษามา.. ผมว่าน่าจะเกี่ยวกับตัวกระสุนของปืน แล้วก็ตัวลำกล้องปืนเท่านั้น เรื่องระบบของปืนมันคือระบบไหน...ที่ทำให้ยิงได้ไกลขึ้นช่วยเปิดหูเปิดตาให้ผมหน่อย

   เท่าที่ทราบมา กระสุน 7.62x39 ของ ak สาเหตุที่ระยะยิงใกล้กว่านั้นก็เพราะกระสุนมีขนาดใหญ่กว่าดังนั้นน้ำหนักของหัวกระสุนจึงถูกกระทำโดยแรงโน้มถ่วงของโลกมากกว่า กระสุนขนาด 5.56 ทำให้ระยะยิงสั้นกว่า

    ส่วนเรื่องกระสุน 7.62x51 ก็ขนาดมันยาวกว่าใส่ดินขับได้มากกว่ามันจะวิ่งได้เท่า กับ 7.62x39 ก็แปลกละ

ระบบปฏิบัติการณ์ก็เกี่ยวครับ ถึงโดยรวมพื้นฐานจะคล้ายกันไปหมดก็ตาม

กรณีกระสุนไซส์เดียว ลำกล้องขนาดเดียวกัน

แต่ระบบปฏิบัติการณ์ไม่เหมือนกัน ระยะท่อระบายแก๊สไม่เท่ากัน แม้แต่ความแข็งสปริงก็มีผล เอาจริงๆก็แทบทุกชิ้นส่วนนั่นแหละ ซึ่งถ้าแรงดันสูงมากเช่นปืนแบบ bolt action ก็ยิงได้ไกลกว่าแต่แรงถีบก็เยอะกว่า ปืนแบบ blowback ยิ่งประเภทที่ไม่มีการขัดกลอนนี่ความแม่นยำร่วงกราว

ที่ผมพูดเรื่องอาก้าผมไม่ได้บอกว่าระยะยิงใกล้กว่านะครับ ผมบอกระยะหวังผล ซึ่งก็หมายถึงปืนมันไม่แม่นนั่นแหละ

ซึ่งความแม่นมันเป็นเรื่องของคุณภาพงาน 

ปลย.และปก.หลายๆแบบก็ใช้7.62x51 NATOครับ เผลอๆเยอะกว่าปืนไรเฟิลซุ่มยิงด้วยซ้ำ

สนับสนุนความเห็นท่าน Toyteoy นะครับ   ปืนที่ใช้กระสุนขนาดเดียวกัน แต่ตัวปืนมีระบบการทำงานที่ต่างกันระยะยิงและความแม่นยำต่างกันแน่นอน เรื่องหลักๆเลยคือการสูญเสีย Pressure ไปกับการขับดันชุดลูกเลื่อน แทนที่ pressure ทั้งหมดจะอยุ่ในรังเพลิงจนถึงปลายกระบอกปืนไปจนกว่าลูกกระสุนจะพ้นปลายลำกล้อง (เปรียบเทียบระหว่าง Bolt action VS Semiautoให้เห็นง่ายๆก่อน )

ถ้าจะออกแบบปืนให้ทำการผลิตง่าย มีค่า Tolerance สูงๆ  ชิ้นส่วนทนทาน ทนสภาพกันดารในสนาม เช่น ฝุ่น/ความชื้น/สภาวะอากาศ ก็มีแนวโน้มที่จะต้องออกแบบช่องระบายแก๊สมีขนาดเผื่อๆ เพื่อให้มั่นใจว่าแก๊สที่blow backแรงพอที่จะขับชุดลูกเลื่อนถึกๆ ฝืดๆใด้ เมื่อเป็นเช่นนี้ การสูญเสียกำลังอัดก็เกิดมาก ระยะก็ลดครับ

ขอบคุณ คุณSamที่ช่วยเสริม ผมพยายามอธิบายเรื่องการออกแบบประกอบชิ้นส่วนโดยมีค่า toelrance เผื่อ แต่นึกคำไม่ออก

จะบอกว่าอาก้าระบบปฏิบัติการณ์หลวมก็กลัวโดนด่า ฮา

ถ้าจะว่าไป ak47 เนี่ยถือว่าเป็นสุดยอดปืนในสมัย40's เลยนะครับ แต่เทคโนโลยีทางโลหะวิทยา และกระบวนการผลิตในสมัยนั้นยังมีข้อจำกัดอยู่มากเมื่อเทียบกับปัจจุบัน  การออกแบบเลยต้องคำนึงถึง manufacturability ในขณะนั้น และสภาพการใช้งานที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง (ซึ่งผมก็ว่ามันสมเหตุสมผลดีมากๆ) ในอเมริกามีคนชื่นชอบak47 ไม่น้อยและปืน platform ak 47 ที่ผลิตในอเมริกาก็มีการปรับปรุงparts ต่างๆให้ทันสมัยตามเทคโนโลยีในปัจจุบัน  แต่ยังไงก็ได้รับความนิยมไม่เท่ากับ AR15. เพราะกระสุนAR 15 ถูกกว่ามาก 

   เรียนท่าน Teaytai จะมาขบว่าผมด่าก็เกินไปผมแค่ไม่เคยรู้มาก่อนท่านก็ช่วยเปิดหูเปิดตาก็ต้องถือเป็นพระคุณ..

เห็นแว้บๆว่าคุณ GT500 ใช้สำนวนว่า "ขบ" เดาว่าคุณGT500 น่าจะเป็นคนปักษ์ใต้บ้านเราเหมือนผมแน่ๆเลย

เพราะคำว่า "ขบ" ส่วนใหญ่จะใช้กันในภาษาใต้....

หมันม่ายหลวง