ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านๆมาของประเทศเราและประเทศอาเซียน ผมก็คือคนไทยคนหนึ่งครับที่คอยติดตามความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของเราโดยเฉพาะของเพื่อนบ้านอาเซียนด้วยกันที่ตอนนี้ ดูเหมือนว่ามีหลายประเทศเริ่มก้าวหน้าไปมากๆ ในหลายๆด้านเลยนะครับ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ในช่วงทศวรรษก่อนหน้านี้ เพื่อนบ้านของเราเหล่านี้ ยังมีองค์ความรู้โดยรวมยังตามหลังเราอยู่เลยครับ ในขณะที่เราในมุมมองของผมนั้น มีความกก้าวหน้าในหลายด้าน แต่พอผ่านช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราเสียเองที่กลับดูเหมือนเดินก้าวไปข้างหน้าช้ามากๆครับ แล้วตอนนี้เราเสียเองที่กำลังตามหลัง เป็นเพราะเหตุใดครับ ที่เรายังก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยการพัฒนาอุตสาหรรมป้องกันประเทศ ให้เต็มขีดความสามารถเสียที......เป็นเพราะกฎหมาย แผนงาน หรือกลุ่มคนสมองไดโนเสาร์บางกลุ่มในสภาที่เป็นเหตุให้เราพัฒนาได้ช้านัก ทั้งที่เราเริ่มมาก่อนเพื่อนๆ
ปล.ท้ายนี้ขอเป็นกำลังให้หน่วยงานกลาโหม และเอกชนที่พัฒนาอุตสาหรรมป้องกันประเทศครับ ขอให้ฟันฝ่ากันต่อไปครับ
ผมว่าคนที่ล้มๆ พวกโครงการวิจัยของเราอยู่ในกองทัพมากกว่าอยู่ในสภานะครับ
ถ้าไทยเราพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตมา เราคงมีจรวดนำวิถีเห่าฟ้า และผลิตรถถังใช้เองได้หลายปีแล้วละครับ เสียตรงที่ไม่ค่อยต่อเนื่องนี่แหละ
/แต่ก็ดีที่มาเริ่มอย่างจริงจังแล้ว หวังว่าสัก สิบปีข้างหน้าเราจะมีจรวดนำวิถีสัญชาติไทยเข้าประจำการทุกเหล่าทัพ และรถถังสัญชาติไทยอีกหลายคัน
10 ปีนี้ผมให้ DTI-1G ใช้งานได้ในระดับ operational แบบมีประสิทธิภาพ มีความสเถียร แม่นยำสูง ผมก็ดีใจแล้ว
เห่าฟ้าเป็นโครงการที่"สำเร็จพร้อมผลิต"นะครับ ถ้าจำไม่ผิดเว็บของสรรพาวุธ ทอ. ก็มีเขียนอยู่
แต่เห่าไฟนี่เป็นปุ๋ยไปแล้ว
DTI-1 ก็ผลิตเสร็จนานแล้วเหมือนกัน ประเด็นคือเห่าฟ้ามันไม่นำวิถีไงครับ มีระบบดินขับจรวด หัวรบ ระบบแอรโรไดนามิค เสร็จ
จรวดไฮดร้าถึงลดคุณค่าทางยุทธการไปนานแล้วเพราะมันไม่แม่น อารมณ์เหมือนปืนกลหนักๆมากกว่า เพิ่งมายุคหลังที่มีการขุดของเก่า ทำชุดนำวิถีด้วยเลเซอร์มาติดเพื่อให้ได้จรวดโจมตีภาคพื้นดินในราคาไม่โหดเกินไป
DTI-1 ยิงไปร้อยกว่ากิโลแต่ควบคุมอะไรไม่ได้เลยหลังหลุดจากแท่นปล่อยก็ไม่มีประโยชน์ ไม่งั้นผลิตจำนวนมากเข้าประจำการไปแล้ว ว่ากันตรงๆก็ถือว่าเป็นอาวุธตกยุคอยู่
การพัฒนาสิ่งของทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะอาวุธมันใช้เงินสูงเป็นพันล้านหมื่นล้าน ต้องมีบุคคลาการ know how ทาง pure sciense, applied science, dynamic, ballistic, computer, engineering, project management etc รวมถึงความต่อเนื่องและวิสัยทัศน์ด้วย ปัจจุบันก็ทำกันแบบซื้อมาประกอบกับดัดแปลงกันไป เอาแค่กระสุนขนาดต่างๆ รวมถึง 5.56 เรายังซื้อต่างประเทศอยู่เลย
เรื่องของกระสุน 155 mm เห็นว่ามีโครงการผลิตใช้เองตั้งแต่ปี 56 โดยจะสั่งเครื่องจักรเข้ามาผลิตเอง ส่วนกระ 105 และ ค. รุ่นต่างเราทำเองได้หมดแล้ว
เห็นด้วยครับกับความคิดเห็นของคุณ tongwarit
เอาแค่รถเกราะชัยเสรีนี้เลยจนป่านนี้ยังไม่เห็นกองทัพจากเหล่าทัพไหนเลยมี order สั่งซื้อแบบ lot ใหญ่ๆ แต่กลับกลายเป็นว่ากองทัพมาเลเซียสั่งซื้อไปใช้ตั้ง 200 คัน แล้วกองทัพไทยสั่งซื้อจากชัยเสรี ถึง 100 คันรึยัง???? เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องโครงการอาวุธอื่นๆเลย (ทุกวันนี้เหมือนจะใช้แผนการเรื่องพรรค์นี้เพื่อจะใช้เป็นข้ออ้างเพื่อของบเพิ่มขึ้นเท่านั้น)
กระสุน 5.56 ทำได้เป็นชาติแล้วนิครับ เห็น กระสุนจานท้ายเป็น RTA มาสิบกว่าปีแล้ว แต่ กำลังผลิตไม่น่าจะพอ อีกอย่าง ผมไม่รู็ว่าซื้อกับทำเองอะไรจะถูกกว่ากัน
รถจากชัยเสรีต้อง ทำให้ได้เท่า ตัวนี้ครับ ราคาด้วย อนาตต ยังอีกไกล
ผลงานดี ราคาโอเค คงได้แจ้งเกิด ละครับ พัฒนา ปรับปรุ่งปรับแก้ไปเรื่อยๆ ช้าๆได้พร้าเล่มงาม
ต้องแก้ บท กฎหมาย ก่อน ครับ ถึงจะเดินหน้าไปได้โดยดี ถ้ายังไม่ได้แก้ ก่อ เช่นเคยครับ ตามนั้น อย่างที่เคยเป็นมา
ไม่มีอะไรซับซ้อน มาก
ราคา 11ล้าน ผลงานยอดเยี่ยม ไว้ใจได้
กฏหมายที่ว่าคืออะไรครับ ใครรู้บ้าง
ห้ามผลิตรถเกราะเหรอ นึกว่าแค่ ปืน จรวด
เพราะชัยเสรีก็ผลิตมาแลว้ไม่เห็นผิดกฏหมายตรงไหน ทางการก็สั่งซื้อเพียงแต่สั่งซื้อน้อย
และการที่บริษัทจากมาเลย์มาร่วมทุนหรือซื้อเทคโนโลยีไม่รู้ แต่ว่าได้ดีลรัฐบาลเขาไปสองร้อยกว่าคัน แสดงว่ารถต้องมีดีอยู่ มาเลย์ปกติไม่ค่อยดีลของห่วยๆหรอกครับ
ถ้าจำไม่ผิด คิดว่าเห่าฟ้าเห่าไฟความเสถียรต่ำคือเวิร์กบ้างไม่เวิร์กบ้าง เลยยกเลิกไปมั้ง
อันที่จริงแล้วการที่เราผลิตอาวุธออกมา แล้วมีดีบ้างไม่ดีบ้าง นั่นแหละครับคือองค์ความรู้ล้วนๆที่จะต่อยอดไปได้เรื่อยๆ ฉะนั้นอย่าได้หยุดเพียงแค่บอกว่ามันไม่เวิร์คแล้วเลิกเลย ควรทำต่อไปเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดที่มี ทุกประเทศเค้าก็เริ่มจากการทำแบบนี้ทั้งนั้นแหละกว่าจะมีอาวุธที่ไว้ใจได้ออกมาใช้ในกองทัพ
ที่เห็นผ่านๆมาเคยติดตามการวิจัยอาวุธของกองทัพ ทีติดตามตัวหนึ่งถ้าจำไม่ผิดคือการวิจัยดินขับจรวดเฮวแคต วิจัยหลายปี งบประมาณหมดไปหลายล้าน สุดท้ายบอกว่าหมดความสำคัญทางยุทธศาสตร์ไปแล้ว คือที่อยากจะบอกว่าทำไมไม่ต่อยอดพัฒนาต่อไปหรือแค่อยากได้งบประมาณและก็เอามาโชว์ว่าข้าก็ทำเป็นโว้ย
ผมล่ะชอบคำๆนี้จริงๆ"ต่อยอด"