กระแสข่าวที่ไม่สามารถยืนยัน ว่าจริงหรือเท็จนะครับ คือ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เกิดสงครามสตาร์วอร์ขึ้น จีนโจมตีดาวเทียมสอดแนมของญี่ปุ่น ขณะที่กำลังจับความเคลื่อนไหว เครื่องบินรบของจีน และทำการรบกวน ดาวเทียมสอดแนมสหรัฐ ที่กำลังโคจรในห้วงอวกาศ ขณะสอดแนมการขีปนาวุธ ICBM ของจีน แน่นอนครับ ข่าวนี้แม้จะเป็นเรื่องจริง ย่อมไม่มีการยอมรับ
http://www.asian-defence.net/2014/05/china-media-claims-successful-emp.html
ผมนำมาจาก Military Technology Lover Forum facebook ครับ
****** อยากถามว่าจริงไหมครับใครตามข่าวช่วยบอกหน่อยครับ ขอบคุณครับ********
ตั้งแต่สงครามเย็นมา แต่ละฝ่ายเคยสอยแต่ดาวเทียมตัวเองครับ ไม่เคยสอยดาวเทียมอีกฝ่าย (แต่มีเคสสอยดาวเทียมตัวเองแล้วขยะอวกาศพุ่งชนดาวเทียมชาวบ้านเขาด้วยนะ)
ไม่ไช่ครั้งแรกนะ รู้สึกว่าจีนเคย สอยดาวเทียมมาแล้ว
ไม่ได้ติดตามข่าว
ที่จีนสอยดาวเทียมนั่นคงเป็นดาวเทียมปลดประจำการของตัวเองมากกว่า ไปเที่ยวสอยของคนอื่นมันประกาศสงครามแล้ว
ซึ่งญี่ปุ่นกับอเมริกาก็ทำ เป็นการโชว์ขีดความสามารถว่าพร้อมโจมตีหรือป้องกันดาวเทียมกรณีเกิดสงครามขึ้นมา เพราะสงครามยุค network centric warfare ดาวเทียมเป็นหัวใจเลยทีเดียว อนาคตคงมีการติดมิสไซล์ป้องกันตัวให้ดาวเทียม
รู้สึกที่ดาวเทียมที่จีนสอย จะเป็นดาวเทียม ของแก๊งนาโต นะครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าของประเทศอะไร เห็นแวปๆที่ เวปพันทิพย์
น่าจะ ไร้สาระมากกว่านะ...
1...จีนคงไม่เก่งกาจขนาดนั้น ถ้าเก่งขนาดนั้น สหรัฐและยุ่นคงหดหัวไปนานแล้ว
2...ถ้าจีนสามารถทำได้ ก็คงไม่กล้าทำ เพราะอย่าลืม พลังทำลายล้างจากฝ่ายสหรัฐมีมากกว่าจีนนับ 10 เท่าตัว
3..การสอดแนมด้วยดาวเทียมจากอวกาศ ทุกประเทศก็ทำกัน และ ไม่มีกฏหมายใดว่าเป็นความผิด
แล้วข่าวนี้มาได้อย่างไร
ให้เดาก็คงข่าวเพื่อดิสเครดิสจีนจากฝ่ายสหรัฐหรือยุ่น
ทำให้ชาวโลกมองจีนในทางลบ (เช่นเดียวกับที่ฝ่ายตะวันตกทำกับซัดดัมแห่งอิรัก ให้คนทั่วโลกเข้าใจซัดดัมเป็นมารร้าย ฉะนั้นการที่สหรัฐจะเข้าไปจัดการกับมารร้าย คงไม่มีใครคัดค้านหรือเห็นใจมารร้าย แม้การกระทำของสหรัฐแม้ดูจะเกินเหตุ)
อีกเหตุผลหนึ่งคือเพื่อหาข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองได้เพิ่มงบประมาณ จัดหา หรือพัฒนาอาวุธร้ายแรง โดยลดการต่อต้านจากคนในประเทศของตน (ข้อนี้ยุ่นทำประจำ)
เท่าเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการยิงทำลายดาวเทียม น่าจะเป็นเมื่อปี2550จีนได้ยิงทำลายดาวเทียมวงโคจรต่ำซึ่งดาวเทียมดวงนั้นได้หมดอายุการใช้งานก็เลยทำลายทิ้งและเป็นการทดสอบไปในตัวเลย ไอ้กันก็น่าจะเคยทำได้แต่พอมีใครทำได้บ้างก็ดิ้นเป็นธรรมดา แต่หลังจากนั้นก็ไม่เห็นว่ามีข่าวการยิงอีกเลยนี่ครับหรือมีอาจจะปิดเป็นความลับก็ได้จริงไหม
http://news.voicetv.co.th/global/70078.html
อันนี้เป็นลิ้งข่าวสั้นๆเท่าที่หาได้ครับ
http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8/87632/%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AF-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1.html
อันนี้ของอีกสำนักหนึ่ง
จีนเคยสอยดาวเทียมที่ปลดประจำการของตัวเองครับ แต่คงไม่ไปยิงดาวเทียมนาโต้แน่
เรียกว่าเป็นข่าวลือที่ออกมาจากฝั่งจีนอย่างเดียวมากกว่า เพราะในข่าวเขียนว่าอย่างนั้นชัดเจนว่าข่าวออกมาจากทางสื่อและอินเตอร์เน็ทในจีน
มีอะไรบ๊องๆ ที่น่าเอะใจเยอะมากในบทความ เช่นการเอาดาวเทียมโคจรไปใกล้ๆ เพื่อฉีดสเปรย์สีปิดหน้ากล้องดาวเทียมอีกดวง (คิดได้ไงวะ) และข่าวยังเขียนในทำนองว่าเทคโนโลยีจีนล้ำหน้าจนสหรัฐฯไม่สามารถสู้รบปรบมือได้ เช่นสหรัฐฯ กลัวว่าจีนจำสามารถทำลายดาวเทียมและระบบสื่อสารทางทหารของสหรัฐฯ หมด ซึ่งในความเป็นจริงผมว่าของจีนคงจะโดนล่อหมดก่อน เป็นต้น
แถมไม่มีการอ้างชื่อบุคคลหรือหน่วยงานใดนอกจากกองทัพจีนเลย ไม่แม้แต่บุคคลในกองทัพจีนเองด้วยซ้ำ นอกจากนี้ส่วนที่อ้างถึงนักวิเคราะห์ฝั่งสหรัฐฯ ก็มาจากการอ้างของสื่อจีนว่านักวิเคราะห์สหรัฐฯ บลาๆๆ
เรื่องอย่างนี้ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะจีนก็ชอบเต้าข่าวมาโฆษณาประชาชนตัวเองเพื่อประโยชน์ของฝ่ายปกครองอยู่แล้วเนื่องจากสื่อสารมวลชนในจีนค่อนข้างอยู่ภายใต้การควบคุม(ชี้นำ)โดยฝ่ายปกครองอยู่แล้ว
ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงต้องเป็นข่าวฮือฮาทั้งโลกพร้อมปฏิกิริยาของผู้นำนานาชาติมหาอำนาจและยูเอ็นอยู่แล้ว เพราะนี่มันเป็นการเปิดฉากสงครามโดยไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการชัดๆ หลายคนก็ยังจำได้เมื่อไม่กี่ปีก่อนที่จีนยิงดาวเทียมตัวเองตก เท่านั้นแหละ ญี่ปุ่นกับเมกาต้องมียิงอีกรอบเพื่อตอกย้ำว่า "เป็นเหมือนกันว่ะ"
ถ้าจีนอยากเขียนข่าวที่มีเค้าและไม่เหมือนหนังไซไฟเกินไป ควรเขียนว่าดาวเทียมญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ถูกแฮ็กให้ช็อตตัวเองจนใช้ไมไ่ด้ หรือพุ่งชนโลกหรือดาวเทียมดวงอื่น ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงกว่าเยอะ
ปล. คุณ yukikaze เลิกเข้าพันทิพย์เหอะครับ
~~ขออนุญาติ เพิ่มข้อมูล ของระบบ ASAT
การพัฒนา ASAT มีมาตั้งแต่ ยุค1950โดย us เป็นผู้ริเริ่ม และสมัยยังเป็นโซเวียต ก็มีการทดสอบยิง ด้วย mig31 ซึ่งมีรูปแบบเดียวกันกับของ us เรียกอาวุธประเภทนี้ว่า Air-launched miniature vehicle (ALMV) ขอยกกรณีการทดสอบ us
13 September 1985, Maj. Wilbert D. "Doug" Pearson ขับ F15A ติดตั้ง ASM-135 ซึ่งต้องทำท่าบินยุ่งยากหลายท่า กว่าจะปล่อย ASM-135 ได้ เช่นต้องบินที่ 1.22 M ทำมุม climp 65องศา เป็นต้น ผล ASM-135 ยิงถูก และทำลายดาวเทียม ที่ชื่อว่า P78-1 หรือ Solwind ที่อยู่สูง 345 miles (555 km). และดาวเทียมมีความเร็ว 6.7 km/s แต่สุดท้ายด้วยความยุ่งยาก และซับซ้อน จึงถูกยกเลิกไป ในปี 1988
**สังเกต ความสูงของดาวเทียม และความเร็ว และความซับซ้อนของการยิงแต่ล่ะครั้ง
***การทำลายดาวเทียมด้วย ASM135 เป็นการทำลายด้วยระเบิด ซึ่งมีข้อจำกัด หลายอย่าง โดยเหตนี้จึงถูกยกเลิกและหันมาใช้ kinetic kill vehicle (KKV) แบบ “hit-to-kill” หรือที่รู้จักว่า bullet to hit a bullet.
****ต่อมา 11 มกราคม 2007 จีนทดสอบ ASAT ครั้งแรก และถือเป็นครั้งแรกของโลก ที่ใช้ เทคโนโลยี “hit-to-kill” ทำลายดาวเทียม Fy1c(ของจีนเอง) อยู่สูงจากโลก 870 km ด้วย SC19 (ต้นแบบของ HQ19 THAAD เวอชั่นจีน)
***ต่อมา จะด้วยเหตผลใดก็ตาม us ได้เริ่มปฏิบัติการOperation Burnt Frost เป็นปฎิบัติการ ที่เกิดขึ้น 4 January, 2008 ยิงทำลายดาวเทียม ชื่อNRO(USA-193 ) โดยใช้ SM3(รุ่นดัดแปลง) ที่ความสูง 133 nautical miles (247 kilometers) โดยไม่ทราบชนิดหัวรบ รู้แต่พุ่งเข้าชนที่ความเร็ว 7.8km/s
ปฎิบัติการ มีสาเหตหลายอย่าง ที่ us ยกมาอ้าง แต่ไม่สำคัญ เพราะทราบกันดี us ทำหลังจาก จีนทดสอบ asat เมื่อปีก่อน 2007
----มีความเป็นไปได้สูง Operation Burnt Frost SM3 ที่ใช้ เป็นรุ่นดัดแปลงเพิ่มระยะทำการด้านความสูง และติดตั้งหัวรบ KKV
เปรียบเทียบด้านเทคนิค ของจีน กับ us
1.ดาวเทียม FY-1C/1D มีขนาด = ลำตัวbody dimensions of 1.42 m x 1.42 m x 1.2 m. mass 954 kg
โดนยิงที่ ที่ความสูง 865 kilometres (537 mi) ด้วยหัวรบ KKV ขนาดประมาณ 600 kg
2.ดาวเทียมอเมริกัน USA-193 mass 2268 kg ลำตัว 5m x2m โดนยิงด้วยหัวรบ KKVที่ความสูง 133 nautical miles (247 kilometers)
หลายท่านอาจสงสัย ทำไมต้องใช้ kkv ซึ่งตอบในแง่หลักการได้ว่า เทคโนโลยีของ ASAT กับ เทคโนโลยี ABM โดยเฉพาะ Ground-Based Midcourse Defense นั้นมีความสัมพันธ์กัน หรือกล่าวได้ว่า เมื่อยิงทำลายดาวเทียมได้ ก็สามารถทำลาย re-entry vehicles ของ ICBM/SLBM ที่ Midcourse ได้ เช่นกัน
-------คำถาม จุดเด่นของ kkv ??? มีอะไรบ้าง
-------ตอบ
1.ถ้าใช้ทำลาย ดาวเทียม ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ต้องทนต่อขยะอวกาศ แต่ก็ไม่ใช้เรื่องยากที่จะทำลาย จะใช้หัวรบแบบไหนก็ได้ แต่ในกรณี ทำลาย re-entry vehicles ของ ICBM/SLBM ที่มีระบบป้องกันอย่างดี(ติดเกราะ) จะใช้อะไรทำลายได้ จะใช้ระเบิดต้องระเบิดหนัก แค่ไหน ถึงจะทำลายได้
2.ในการขนระเบิดหนักๆ เป็นไปได้ยาก และในการที่ต้องขนระเบิด แล้ววิ่งด้วยความเร็วกว่า 8 km/s แทบเป็นไปไม่ได้ แค่หัวรบ kkv หนักไม่เกิน 600 kg ยังยาก
3.ทำไมต้องใช้ระเบิด เมื่อ โลหะหนัก วิ่งที่ความเร็วกว่า 8 km/s นั้นสร้างพลังจลย์มหาศาล สามารถทำลายได้แทบทุกอย่าง และจะไปใช้ระเบิดเพื่ออะไร ในเมื่อถ้าจะยิงให้ถูก ก็ต้องวิ่งด้วยความเร็วนี้อยู่แล้ว
4.ดาวเทียม และ re-entry vehicles ของ ICBM/SLBM มีความเร็วเกินกว่า 7-8 km/s เวลาที่หัวรบ กับ เป้าหมายเจอกัน มีเวลาสั้นๆ อาจไม่ถึง 1/100-1/1000 วินาที แล้ว ระเบิดจะระเบิดทันหรือไม่ และผลที่ได้ จะดีแค่ไหน
5.จะให้ใช้แบบ โซเวียต ให้ส่งดาวเทียมพลีชีพ ไป นั้นก็ดูจะสิ้นเปลื้อง และยุ่งยาก และที่สำคัญ อาจทำลายดาวเทียมได้ แต่กับ re-entry vehicles ของ ICBM/SLBM ล่ะ จะมีเวลาไปปรับวงโคจร ได้ทันไหม ซึ่งไม่ทันแน่นอน
แต่ขอ้เสียสำคัญ ของ kkv คือต้องแม่นยำมาก อาจต้องแม่นยำระดับ mm เลยก็ได้
****กลับมาที่ ทำไม จีนต้องใช้ kinetic kill vehicle หรือ KKV
-ถ้ามอง จากมุมมอง us ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับ kkv ของจีนน้อยมาก จาก การวิเคราะของ Geoffrey Forden แห่ง MIT คำนวนว่า หัวรบ kkv จีนนั้น มีน้ำหนักน้อยกว่า 600 kg แน่นอน และForden คนเดิมมั่นใจว่า ใช้ระบบ Optical Tracking แน่นอน
แต่ Paula DeSutter ตำแหน่ง Assitant Secretary บอกว่า จีนไม่สนใจว่า ดาวเทียมโดนทำลายแล้วเป็นยังไง ที่สนใจคือ ระบบ Optical Tracking ทำงานได้สมบูรณ์ เขายังกล่าวอีกว่า ดาวเทียม Fy1c อยู่สูงจากโลก 870 km ตำแหน่งที่โดนทำลาย อยู่ทางเหนือ ของ Xichang Satellite center ประมาณ 700 km โดยดาวเทียม เคลื่อนที่ด้วยความเร็วกว่า 7 km/s และที่สำคัญ ความเร็ว ที่หัวรบ ชนดาวเทียม มีความเร็วเกินกว่า 8km/s แน่นอน ทำได้อย่างไร?
John Peller ตำแหน่ง programme manager ของ Nation misile Defense programme ของ Boeing กล่าวว่า การทำลายดาวเทียมของจีนครั้งนี้ มีเป้าหมายแตกต่างกัน กับ midcourse missile interception ของus แต่เทคโนโลย เดียวกัน โดยพิจารณา แง่ความเร็ว intercept และ ชนิดหัวรบเป็น KKV เหมือนกัน
***การทดสอบ ASAT ของจีน แบบยิงทำลายจริงเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2007 นั้น น่าจะเป็นการทดสอบครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนั้น มีการทดสอบ ยิงจริง แต่ไม่ทำลาย อีกหลายครั้ง
http://www.spacepolicyonline.com/news/u-s-accuses-china-of-conducting-another-asat-test
http://www.theepochtimes.com/n3/838700-china-covers-up-anti-satellite-test-again/
http://www.spacepolicyonline.com/news/u-s-accuses-china-of-conducting-another-asat-test
ซึ่งหลายครั้ง ก็แยกไม่ออกระหว่าง GMD หรือ ASAT
อย่างที่ทราบ Asat กับ Ground-Based Midcourse Defense(GMD) ใช้เทคโนเดียวกัน
http://news.ifeng.com/a/20140723/41280092_0.shtml
จีนได้ทดสอบ GMDครั้งแรก 11 มค 2010
ต่อมา 11 กย2012
ต่อมา27 มค2013 และล่าสุด กค. 2014
โดยแต่ละครั้ง ใช้kinetic kill vehicle หรือ KKV ที่มีความเร็วมากกว่า 20M
คลิปการทดสอบครั้งที่ 2
http://www.youtube.com/watch?v=eFff2-gZ0sM
รูปการทดสอบ GMD ครั้งล่าสุด