วันนี้ (29 มิถุนายน ) ในอดีต พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) เรือดำน้ำ 4 ลำซึ่งสั่งต่อที่ประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ เรือหลวงสินสมุทร เรือหลวงพลายชุมพล เรือหลวงมัจฉาณุ และเรือหลวงวิรุณ เดินทางมาถึงประเทศไทย
ขอบคุณ
ข้อมูลจาก https://www.facebook.com/MilitaryTechnologyLoverForum?fref=photo
ภาพจากคุณ Samurai จากกระทู้เก่าของเราเอง
http://www.thaifighterclub.org/webboard/9237/%E0%B8%A0%E0%B8%
B2%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%B2%
E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B
8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%94%
E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2.html
เมื่อก่อน เราก็มี เรือ ดำน้ำหรอ ครับ เเต่ ทำไม ปัจจุบัน ไม่มี
ด้วยหลายๆปัจจัย เราก็เลยไม่ได้จัดหาครับ
มันเป็นเรื่องราวในอดีตล้วนๆ และส่งผลให้กองทัพเรือยังไม่ได้การอนุมัติให้จัดหาเรือดำน้ำ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แม้ในบางสมัยของรัฐบาลเคยมีข่าวดังๆว่าจะซื้อแล้วก็เงียบหายไปแบบดื้อๆ
เช่นยุครัฐบาลบรรหารว่าจะซื้อเรือ ด.จากสวีเดน 2 ลำ หรือล่าสุดU206 เรือเก่าจากเยอรมัน 6ลำเป็นต้น
ก็หวังว่าในอนาคตกองทัพเรือจะได้รับการอนุมัติให้ซื้อเรือดำน้ำแล้วซักทีก็ในเมื่อประเทศเพื่อนบ้านเค้ามีกันหมดแล้ว
ลำดับเหตุการณ์ดังนี้
กรมหลวงชุมพร มีดำริ ถ้ากรุงสยามมีเรือดำน้ำ จะเป็นเครื่องป้องกันสำคัญมาก หรือจะนับว่าเป็นเครื่องป้องกันอย่างดีที่สุดก็ว่าได้" แสดงว่า แนวความคิดในการที่จะมีเรือดำน้ำในกองทัพเรือไทยยังดำรงอยู่ตลอดเวลา
ความคิดที่จะมีเรือดำน้ำเป็นกำลังรบของไทยนั้น ได้มีมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๕๓ แต่ติดขัดด้วยงบประมาณเป็นปัจจัยสำคัญ จึงไม่สามารถจัดหาเรือดำน้ำตามที่คิดไว้
นายนาวาเอก ชไนด์เลอร์ ได้เสนอโครงการจัดสร้างกำลังทางเรือสำหรับป้องกันประเทศ และได้กล่าวถึง “เรือดำน้ำ” ว่า “เป็นเรือที่ดีมากสำหรับป้องกันกรุงเทพฯ แต่จะผ่านเข้าออกสันดอนลำบาก ถ้าเก็บไว้ในแม่น้ำก็ไม่คุ้มค้า” และได้เสนอไว้ในโครงการให้มีเรือดำน้ำ 8 ลำ สำหรับประจำอยู่กับกองทัพเรือที่จันทบุรี
เนื่องจากขาดแคลนชิ้นส่วนอะไหล่ หลังจากญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลก และไม่ได้รับอนุญาตให้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ และโรงงานแบตเตอรีของไทยที่ตั้งขึ้นก็ไม่สามารถผลิตแบตเตอรีสำหรับใช้ประจำเรือได้ ประกอบกับเหตุการณ์กบฏแมนฮัตตัน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2494 ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ในกองทัพเรือ มีคำสั่งยุบหมวดเรือดำน้ำ โอนย้ายไปรวมกับหมวดเรือตรวจฝั่งที่ตั้งขึ้นใหม่
ภายหลังปลดประจำการ เรือทั้งสี่ลำได้ได้นำมาจอดเทียบกันที่ท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับโรงพยาบาลศิริราช ต่อมาได้มีการขายเรือให้กับบริษัทปูนซีเมนต์ไทย คงเหลือแต่หอบังคับการ อาวุธปืน และกล้องส่อง ทางกองทัพเรือได้นำมาจัดสร้างสะพานเรือจำลอง จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ หน้าโรงเรียนนายเรือ จังหวัดสมุทรปราการ
ที่เราห่างหาย กับ เรือดำน้ำมานาน ก็เพราะ ในสมัยน้ันเรามีภัยคุกคามจากโลกตะวันตก ครับ อย่างสงครามมหาเอเชียบูรพา แต่พอสงครามจบภัยคุกคามทางทะเลมันก็ลดน้อยลง จนทุกคนไม่ค่อยให้ความสำคัญกับ เรือ ส. เท่าไร แต่ยุคนี้ดุลยภาพทางทะเลมันเริ่มเปลี่ยนเมื่อรอบบ้านเรา เค้ามีเรือดำน้ำกันเกือบหมดแล้ว เราก็คงหนีไม่พ้น ต้องหามาประจำการเพื่อถ่วงดุลอำนาจบ้าง แต่ด้วยเรือดำน้ำขาดหายไปจากกองทัพนานมาก ทำให้คนในกองทัพเอง ก็ยังสงสัยถึงความจำเป็น และด้วยราคาที่แพงมาก ยิ่งทำให้มีคนท้วงติงเยอะ แต่ถึงยังไง ในที่สุดเราก็คงต้องมี แน่นอนครับ... ถ้าเราไม่อยากให้ใครเข้ามารุกล้ำดินแดนเรา.. เรือดำน้ำถือว่า เป็นสิ่งที่เราต้องมี แล้ว
เรื่องเงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญซะทีเดียว เพราะเรายังมีเงินจัดหาเรือฟริเกตสมรรถนะสูงได้ แต่คิดว่าผู้ใหญ่คงไม่ให้ความสำคัญมากกว่า และประชาชนส่วนใหญ่ยังได้รับข้อมูลผิดๆ อยู่ เกี่ยวกับความลึกของอ่าวไทย และความจำเป็นที่ต้องมีเรือดำน้ำ ก็อยากให้ ทร. ประชาสัมพันธ์ให้มากๆ และเหตุผลความจำเป็นที่ต้องมี ความคุ้มค่า ตอนนี้ไม่มี..การเมืองแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดี ในการจัดหาเรือดำน้ำของ ทร. ครับ