เห็นครั้งแรกคิดถึง2M-3 automatic naval twin gunของรัสเซียขึ้นมาเลย  กระบอกล่างก็ออโต้นะ พอครูฝึกจี๋เอวปืนก็ยิงออกไปได้ทันที

เคยมีนะครับ แต่เป็นรุ่น3ลำกล้องพร้อมStinger มาติดสาธิตเฉยๆเกี่ยวอะไรกันกับกระบอกที่ท่านsuperboyลงรึเปล่าหว่า

ผมชอบตัวนี้มากกว่า ak630m1-2

ถ้าตอนนั้นเปลี่ยนจากสติงเจอร์เป็นเห่าไฟ4น่าจะแจ้งเกิดได้เลยนะเนี่ย มุมนี้กับเรือขนาดนี้ต้องจรวดอเนกประสงค์เท่านั้นนะผมว่า

phalanx มันเด็ดที่ระบบ Electro-optics แหละครับ ที่ทำให้ยิงอิสระและอัตโนมัติ ไม่รู้ว่าตัวนี้ยิงได้ไวเท่าไรเหมือนกัน

ของรัสเซียนี่ปืนคู่อย่างโหดเลย แต่ผมสงสัยว่าการที่ยิงปืนคู่นี่ได้ประโยชน์หรือเปล่า หรือไม่ต่างจากปืนเดี๋ยว เพราะปืนมันก็ร่วมแกน หรือเน้นพลังทำลายล้างสูง

หรือจะไปใช้ Bofor 40mm ดี เพื่อความโหดสะใจ ฮา

เข้าใจ(เอาเอง)ว่าปืนสมัยก่อนลำกล้องมีความร้อนสะสมไว เมื่อยิงติดต่อกันนานๆอาจทำให้หมดสภาพใช้งาน การติดปืนมากกว่า1กระบอกเพื่อสลับกันยิงจะช่วยในเรื่องระยะเวลามากกว่าประสิทธิภาพ  แต่ถ้ามา6กระบอกรวบแบบวัลแคนแน่นอนว่าต้องการเพิ่มประสิทธิภาพเป็นแน่แท้

ข้อมูลของSea Vulcanแทบไม่มีเลยตามภาษาอาวุธเกาหลีใต้ ดูแล้วเขาใช้เป็นปืนรองที่ไม่มีติดตั้งบนเรือรบหลักเลยซักลำ(โกลค์คีปเปอร์หรือฟาลังซ์เอาไปกินหมด) ประสิทธิภาพก็ตามที่เห็นนั่นแหละครับคือเป็นปืนรองที่ใช้เรดาร์ควบคุมการยิงได้ แต่แบบปืนเหมือนฟาลังซ์คงพอยิงกล้อมแกล้มไปได้แหละน่า เมสซี่น้อยคงบอกกับปืนในภาพว่า โตขึ้นหนูจงเป็นฟาลังซ์

ผมหมายถึงเจ้า AK-630M1-2 แหละครับว่า ติดคู่มันได้ประโยชน์มากกว่า ak-630 ธรรมดาอย่างไร

เรื่องปืนหมุน ผมว่าไม่ใช่เรื่องความร้อนแต่เป็นเพื่อความเร็วในอัตราการยิง คือคัดปอกกระสุน ฯลฯ ในหนึ่งวงรอบ ซึ่งแปลว่าขณะที่กระบอกหนึ่งบรรจุ อีกกระบอกก็ยิง และอีกกระบอกคัดทิ้งพร้อมๆ กันเลย

    เรื่องความร้อนเกี่ยวครับพี่... จริงๆมันคือสาเหตุหลักของต้นกำเหนิดเจ้าปืน หลายลำกล้องนี่เลย คือเมื่อลำกล้องปืนร้อนจัดจากการยิงต่อเนื่องนานมันจะร้อนจนลำกล้องระเบิด ตา  Richard Gatling เลยออกแบบให้มีลำกล้องหมุนมาแทนเพื่อให้ลำกล้องได้ระบายความร้อน แต่มันให้ข้อดีถึง 2 อย่างคืออัตตราการยิง และการระบายความร้อนครับเจ้า Gatling Gun จึงถือกำเนิดมาตั้งแต่ยุคสงครามกลางเมืองสหรัฐและออกลูกออกหลานกลายมาเป็น Phalanx อย่างที่เห็นทุกวันนี้ไงครับ สมัยก่อนตอนคนออกแบบเค้าไม่รู้จะแก้ปัญหาเรื่องความร้อนลำกล้องได้ยังไงมีปืนระบบ ระบายความร้อนด้วยน้ำด้วยนะเออ

   ส่วนเรื่องกระบอกคู่ดียังไง ผมคิดว่านอกจากเรื่องอัตราความเร็วในการยิงแล้ว ผมว่า กลุ่มกระสุนของระบบคู่น่าจะกว้างกว่าปืนกระบอกเดียวทำให้มีอัตราการทำลายเป้าหมายสูงขึ้นนั่นเองอีกอย่างรัสเซียเค้าคงถือเคล็ดเลขคู่ เห็นเป็น ciws รัสเซียทีไร มาเป็นคู่ตลอดเลย 5555

ระบบป้องกันระยะประชิด(ป้องกันชั้นสุดท้าย (hard kill) สำหรับผม ของรัสเซีย 2ระบบนี้ น่าจะมีสักยภาพมากที่สุด

AK 630m2 & kashtan ขนาด 30มม อัตรายิงนับหมื่นนัดต่อนาที ทั้งความรุนแรงและกลุ่มกระสุนขนาดใหญ่ แถมระยะที่ไกลกว่า 20มม

ความเชื่อถือค่อนข้างสูง โดยเฉพาะ kashtan ที่มีอีกระยะของระบบมิสไซส์

อนาคตถ้ากระสุนปืนใหญ่เรือมีระบบเซ็นเซ่อร์ตรวจจับเช่นเดียวกับ มิสไซส์ก็ดีนะ

อัตรายิงหมื่นนัดต่อนาที นี่คือเพราะสองกระบอก

ไม่รู้ว่ามีการทดลองหรือวิจัยบ้างใหม่ว่ากลุ่มกระสุนแค่ไหนถึงจะเหมาะสุด ผมว่าหกลำกล้องกระบอกหนึ่งถ้ายิงถูกเป้าหมายก็น่าจะเพียงพอแล้ว สำคัญที่ระบบควบคุมการยิงว่าแม่นยำ รวดเร็วแค่ไหน

gatling gun สมัยโบราณที่ใช้หมุนๆ สับกระบอกเพื่อลดความร้อมอันนั้นผมไม่เถียงครับ แต่นี่มันคนละยุคแล้วครับ มันช่วยให้เย็นขี้นมั๊ย ผมก็เชื่อว่าช่วย แต่คงไม่ใช่เป้าหมายเลย เนื่องจากอัตรการยิงเฉลียนพันนัดต่อนาทีต่อกระบอกซึ่งต้องถือว่าโคตรเร็ว แล้วเมื่อเทียบกับปืนกลขนาดใกล้เคียงกันทั้งหลายจะเห็นได้ว่าปืนก็ถูกใช้หนักพอๆ กับปืนกลรุ่นอื่น ออกๆ จะหนักกว่าเสียด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างปืนพวก gatling 3 กระบอกของฮ. สหรัฐฯ ก็ยิงได้เพียงประมาณ 1500 นัดต่อนาที ขณะที่เจ้าวัลแคนยิงได้เร็วกว่าเท่าตัว (x2 จำนวนกระบอก X2) ที่ 6000 นัดต่อนาที ผมจึงเชื่อว่าการออกแบบทำไปเพื่ออัตราความเร็วมากกว่าเพื่อลดความร้อน

เจ้าตัว kashtan ก็มาฆ่าเจ้าตัวนีแหละครับ ฮา ถึงตอนแรกเกือบไม่ได้ใช้ ผมว่าเอาจริงๆ เข้าท่ากว่าแหละ ประหยัดกระสุนได้เยอะเลย และเป็นการรวมจุดเด่นของทั้งแบบปืนและจรวดมาผสมกัน สมบูรณ์แบบว่างั้น อิๆ

เรื่องกลุ่มกระสุนผมก็ไม่แน่ใจ เพราะว่ามันก็ร่วมแกนกัน ดังนั้นไม่น่าจะเกี่ยว? และก็ผมเองก็เห็นเหมือนคุณ toeytei ว่าเป้าประสงค์ของ ciws เป็นการหยุดยั้งหรือเบี่ยงเบนอาวุธฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ทำอันตรายเราได้ ไม่ใช่การทำลายให้สิ้นซากหาไม่เจอ ดังนั้นกระบอกเดียวก็น่าจะพอ? (นอกจากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานบริษัทผลิตกระสุน ฮา)

sea vulcan เคยดวลกับ 37-40มม ของเรือปืนเกาหลีเหนือ ระยะ 3 km คลื่นลมแรง

สรุป 30 หน้า -20 vulcan สู้ไม่ได้ อำนาจการทำลายของปืน 37-40มม เหนือกว่า 

โชคยังดีที่เรือเกาหลีใต้ แม่นกว่า ระบบควบคุมการยิงทันสมัยกว่า

ในขณะที่เกาหลีเหนือ ใช้ตาเล็ง ใช้คนป้อนกระสุน ในท้องทะเลที่คลื่นลมแรง

สุดท้ายขับชนกัน เลยอัดกันในระยะใกล้ ซัดกันในระยะเผาขน

เกาหลีเหนือ ตายและสุญหายประมาณ 20  ส่วนเรือพรุน เสียหายหนักทั้งคู่

ถ้าจำไม่ผิด เรือเกาหลีใต้ลากกลับเข้าฝั่งได้ แต่เรือเกาหลีเหนือจมลงในเวลาต่อมา

ถ้าการยิงอัดใส่กันเองใหญ่กระสุนใหญกว่าเกือบเท่าก็น่าจะชนะแหละครับ แต่ถ้ามองในกรณีต่อสู้อากาศยาน หรือมิสไซล์ ผมว่าวัลแคนน่าจะกิน 

ปล. เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า วิ่งชนเลย ชัวร์สุด ฮา 

ภาพใหญ่สุดบนหัวกระทู้และภาพในคห.6ที่เด็กสวมเสื้อทีมฟุตบอลอาเจนติน่าจับปืนอยู่คือเรือลำดังกล่าวนั่นแหละครับ เกาหลีใต้เอาไปจัดแสดงให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมเลยหลังจากเหตุการณ์นั้น ไม่แน่ใจว่าตรงกระจกใช่รอยกระสุนปืนหรือเปล่าพอดีลืมแฮะๆ

ภาพในคห.นี้คือกระสุนปืน37มม.บนเรือหลวงบางปะกงแบบเดียวกับเรือเกาหลีเหนือ(เป็นหนึ่งในปืนเรือที่ผมชอบมาก) แต่ของเราใหม่กว่าใช้เรดาร์ควบคุมการยิงใด้ ปืนมีอำนาจการยิงรุนแรงกว่า 2M-3ขนาด25มมของรัสเซียเหมือนกันอย่างเห็นได้ชัด กระบอกหลังนี่ผมเฉยๆนะแต่เป็นม้างานของค่ายตะวันออกมาตั้งแต่หลังสงครามโลก  แต่เรือเกาหลีก็มี40/70เหมือนที่เราใช้อยู่ด้านหน้านะทำไมไม่ซัดมันก่อนฟระ(จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว)

ผมคิดว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจดีนะครับท่าน superboy ถึงอำนาจทำลายล้างจะไม่เท่าปืน 37 มม. เเต่จุดประสงค์ของการใช้งานคือเป็น Close-in weapon system (CIWS) ใช่ไหมครับ ^^ 

คงไม่ถึงขนาดCIWSหรอกครับท่าน maritime  แนวคิดของผมคือเอาsea vulcanมาติดแทนปืนกล20มม.ของเก่าที่มีอยู่4กระบอกรอบตัวเรือ จากนั้นจึงใช้STIR180(กลมๆขาวๆภาพล่าง)จากเรือหลวงตากสินและเรือหลวงนเรศวรช่วยควบคุมการยิงให้เพราะมีแผนจะเอามาติดอยู่แล้ว เราก็จะได้ปืนรองที่เป็นปืน6ลำกล้องรวบคล้ายฟาลังซ์มาใช้งานแล้ว เมื่อรวมกับระบบซาดรัลจำนวน3ระบบ(เท่ากับจรวดมิสตรัลจำนวน18นัด) เรือก็จะมีความสามารถในการป้องกันตัวได้ดีในระดับหนึ่ง ไม่ต้องซื้อฟาลังซ์ของจริงราคา16-18ล้านเหรียญมาติดซึ่งคงต้องถอดซาดรัลออกไปด้วย ใช้แบบนี้กล้อมแกล้มไปก่อนเรื่อยๆจนกว่าจะมีงบก้อนโตอีกทีค่อยว่ากัน

เข้าใจเอาเองว่าSTIR180ที่นำไปติดจำนวน2ตัวจะครอบคลุมได้หมด360องศา และจะช่วยเหลือระบบซาดรัลในการเลือกล๊อคเป้าหมายที่เข้ามาหาในแต่หละด้านได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมที่ตัวใครตัวมันอย่างเดียว(คงมีการปรับปรุงให้ใช้งานประมาณนี้ได้ด้วยไม่อย่างนั้นจะเอาไปติดไว้เฉยๆทำไม ??) แต่การยิงจรวดก็ยังเป็นระบบแมนนวลเหมือนเดิมคือกดด้วยคนควบคุมรีโมท เพราะจรวดมีขนาดเล็กต้องล๊อคเป้าก่อนยิงทุกครั้ง (แต่ความแม่นยำ97เปอร์เซนต์นะเออถ้าจำไม่ผิด) มันเป็นจรวดMANPADหนะครับยิงได้5กิโลเมตรก็ได้ตามประสิทธิภาพ คิดไปเรื่อยเปื่อยหนะครับตามภาษาเด็กกำลังกินกำลังนอน ป้อมปืนเหมือนในหนังการ์ตูนญี่ปุ่นเลยนะแต่นึกชื่อไม่ออก

ท่านsuperboyหมายถึงเรือจักรีรึเปล่าครับผมเองก็กำลังมึนๆ อากาศก็น่างีบจริงๆเลย  เเนวคิดน่าสนใจดีนะครับ ถ้าปรับปรุงให้ใช้ sea vulcan เเทนปืนรอง 20 มม. ได้จริงๆผมก็อยากให้ขยายการปรับปรุงลักษณะนี้ไปยังเรือรบหลักอีกหลายๆลำของกองทัพเรือนะครับ ที่ท่านsuperboyพูดถึงการ support กันระหว่างปืนกลกับจรวดคือเจ้า SIGMA  ตัวนี้รึเปล่าครับ ที่ผสมกันระหว่าง 30 mm. SEAHAWK กับ Mistral  เพียงเเต่เปลี่ยนจาก 30 mm. SEAHAWK เป็น SEA VULCAN เเทน เเล้วก็ออกเเบบป้อมปืนของเจ้า SEA VULCAN ใหม่ให้สวยสะเด็ดไปเลยครับ ผมว่าเเบบนี้มันเชยๆยังไงก็ไม่รู้ 555

ขออภัยอย่างสูงเลยครับภาพเบ้อเริ่มเทิ่มเลย 555

Sigmaเป็นอดีตไปแล้วล่ะครับ ไม่มีลูกค้า

ส่วนseahawkใช้อวป.LMM ไม่ใช่Mistral

ขอบคุณท่านภูที่ช่วยเเก้ไขตรงที่ผิดนะครับ ^____^   ผมความรู้น้อยต้องค่อยๆเรียนรู้ อิอิ

seahawk เป็นระบบป้อมปืน มีทั้งเวอร์ชั่นรีโมทคอนโทรล อัตโนมัติหรืออัตโนมือ เลือกปืนได้ว่าเอา 20 หรือ 30 มม.

seahawk sigma เป็นเวอร์ชั่นติดมิสไซล์มาด้วย สามารถเลือกติดได้ทั้ง LMM หรือ Mistral สุดแท้แต่ลูกค้าจะเลือก

http://www.msi-dsl.com/our_products/weapons/sigma.php

อ่าว ขออภัยครับ ผมจำสับสนเอง

เอ่อ...   ใหม่มาก

ยิงมือทั้งนั้น

ยิงด้วยมือก็ดีนะครับ... ถ้าคนยิงเป็น นิวไทป์(จากกันดั้ม) ยิงยังไงก็โดน ^_^