1.ทอ.สิงค์โปร์ปรับปรุง F-16 ให้ติดตั้งเฟรซอเรย์เรด้า ถ้าติดตั้งแล้ว เปรียบเทียบกับ Gripen E/F ตัวใหม่ที่ใช้เรด้าเหมือนกัน ระยะตรวจจับถือว่าเท่ากันไหมครับ
2.F-16 ของสิงค์โปร์ มีระบบ Data-Link ไหมถ้าไม่มี สามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้ไหม
3. F-16 ของสิงค์โปร์ + เครื่องเอแวกสิงค์โปร์ กับ Gripen E/F + อีรี่อาย ระยะตรวจจับใครไกลกว่า
4.เปรียบเทียบรวมกับพื้นที่หน้าตัดขนาดเล็กหน้าเครื่องแล้ว F-16 block-52 เทียบกับ Gripen E/F ตัวไหนตรวจจับยากกว่ากัน
5.มีโอกาสไหมที่ F-16 จะใช้จรวดเมเทออร์เพราะระยะยิงไกลกว่า Aim 120
6.นอกรอบถ้าใช้ เครื่องเอแวก+F-5(ที่ยิง aim 120 ได้) VS F-16 ติด Aim 120 ความได้เปรียบจะตกอยู่กับ F-5 หรือ F-16 เพราะจะกลายเป็น F-5 เห็น F-16ก่อน จากการส่งข้อมูลของ เอแวก แล้วให้เอแวกเป็นเครื่องสั่งยิงเลยได้ไหม
1. ตอนนีสิงคโปร์ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะซื้อเรดาร์เจ้าไหน ดังนั้นบอกไม่ได้ครับว่า ระยะเท่าไร แต่คิดว่าของที่ F-16 สิงคโปร์จะติดน่าจะระยะไกลกว่า เพราะเรดาร์เองหน้าจะใหญ่กว่าตามขนาดเครื่อง
2. F-16 สิงคโปร์มีดาต้าลิงค์ครับ f-16 ติดได้หมดครับ
3. F-16+ Awac สิงคโปร์ กับ gripen E/F+ erieye ในกรณีอย่างนี้ไม่ต้องไปนับระยะของเครื่องขับไล่แล้วครับ นับเฉพาะเครื่อง Awac ซึ่งกรณี้ผมเชื่อว่า erieye ระยะไกลกว่า IAI EL/W-2085 ของสิงคโปร์ (370 vs 450km)
4.วัดหน้าตัดกันผมคิดว่า F-16 Bl 52 เสียเปรียบกริพเพนนะครับ rcs ประมาณ 1.2 ต่อ 0.5 ตารางเมตร
5. F-16 อนาคตประเทศที่ไม่ใช่สหรัฐฯ โดยเฉพาะยุโรปน่าจะเปลียนมาใช้ meteor แน่นอน ซึ่ง meteor พัฒนาออกมาเสร็จสิ้นระยะอาจจะสั้นกว่า aim-120 C-D แต่ได้เปรียบตรงที่ความเร็วจะไม่ตกช่วงตีนปลายแบบ aim-120 ครับ เมกาเองอาจจะมีการพัฒนา aim 120-x ที่มี ramjet เช่นกันก็ได้ครับ เดาๆ เอา
6. อยู่ที่เรดาร์และอุปกรณ์อื่นๆ ของ f-16 ด้วยครับ ถ้า f-16 มีระบบ passive อาจจะชิงล่อ awac ก่อนก็ได้ ฮา
ปล. พวกระยะเรดาร์หรือ rcs ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ทแต่ยืนยันไม่ได้ครับ ของพวกนี้มันออกแนวความลับเพื่อความมั่นคง
1.ผมนึกว่าเลือกไปแล้ว และมีเรด้าที่ดีกว่า เฟรซอเรย์เรด้า ด้วยเหรอครับคือรุ่นไหนครับ
2.แสดงว่า F-16 ก็ทำแบบ Gripen C/Dของเราได้คือ ไป 3 ลำ เปิดเรด้าลำเดียวใช้ร่วมกันได้ถูกไหมครับ
3.ถ้าอีรี่อายเราดีกว่า และถ้า USAยอมให้เราเชื่อมต่อข้อมูล F-16MLU แบบนี้ บ เราก็ถือว่ามีความสามารถในการต่อต้านอากาศยานได้สูง แต่จะมีโอกาสไหมครับ
4.จากเรื่องหน้าตัดของเครื่องถือว่ามีส่วนสำคัญมากไหมในการตรวจจับของเครื่อง AWAC
5.การเลือกจรวด แบบ BVR ของไทย AIM 120 ที่มีของเราคือ รุ่นไหนครับ และเราควรจะเลือก meteor หรือ aim 120 c/d อันไหนดีในอนาคตถ้าเขาขาย(ความเห็นส่วนตัวครับ)
6.จากข้อมูลที่ว่าแสดงว่าจะกลายเป็นว่า F-5จะได้เปรียบ F-16 ใช่ไหมครับเพราะยิงได้ก่อน โดยใช้เรด้าของ AWAC เป็นตัวนำทางและชี้เป้า
7.อยากทราบว่าแบบนี้ meteor จะสามารถพัฒนาเป็นจรวดจากพื้นสู่อากาศได้ไหมถ้าได้จะเทียบได้กับ แพททิออดเลยไหมเพราะระยะยิงไกล 120 km จากอากาศสู่อากาศ (ถ้าทำได้การร่วมโครงการของmeteor มีโอกาสที่ไทยหรือประเทศอื่นจะขอเข้าร่วมโครงการได้ไหมไม่ทราบว่าราคาโครงการเมเทออร์เนี่ยกี่พันล้านดอน)
1.Phased Array radar คือเรดาร์ที่มีตัวtransmitterเยอะๆ มันก็แล้วแปต่ว่ารุ่นไหนไซส์ไหน แต่สิงคโปร์ไม่ได้จะเอาAN/APG-80 AESAเหรอครับ?
3.F-16AM/BMและSaab S-100 (340AEW&C) มีLink16ทั้งคู่อยู่แล้ว
4.เรดาร์บนAEWก็คือเรดาร์ธรรมดาๆ RCSมีผลอยู่แล้ว แต่มากน้อยแค่ไหนก็แล้วแต่ คำนวณได้จาก
DR1 = [(RCS1/RCS2)^0.25] x DR2
โดย
RCS1 = ค่า RCS ของเป้าหมายที่ต้องการหาระยะตรวจจับ (m2)
RCS2 = ค่า RCS ของเป้าหมายที่ตรวจจับได้ด้วยเรดาร์ที่เราสนใจ (m2)
DR1 = ระยะตรวจจับของเรดาร์ที่้้เราสนใจต่อเป้าหมายที่ต้องการ (nm)
DR2 = ระยะตรวจจับของเรดาร์ที่เราสนใจต่อเป้าหมายที่ทราบค่า RCS อยู่แล้ว (nm)
5.ไทยกำลังจัดหาAIM-120C5 และAIM-120C7 AIM-120C8(หรือAIM-120D) อเมริกาไม่ขายให้ไทยหรอก แต่Meteorอยู่ประมาณระหว่างAIM-120C7-8 ดังนั้นเราก็ใช้ทั้งAIM-120Cทั้งMeteorเถอะครับ ส่วนจะIntegrate M eteorกับF-16ได้รึเปล่าก็อีกเรื่องนึง
7.บริษัทผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องทำนี่ครับ เขาทำAsterขายอยู่แล้ว
1. สิงคโปร์ มีตัวเลือกสองตัวคือSABRของnorthrop กับRACRของRaytheon ทั้งสองเป็นFixed Plate AESA
ซึ่งทั้งสองตัวนี้ดีกว่าAN/APG-80 ของf-16 bl60 ขณะที่ Gripen E ใช้RAVEN ES-05 มีmoving partจึงมี
มุมตรวจจับได้กว้างกว่า ส่วนระยะตรวจจับของทั้งสามแบบไม่น่าจะห่างกันมาก
2.สิงคโปร์ ใช้link 16 ครับ ส่วนเรื่องปิดเรดาห์ เครื่อง4.5 ทำได้หมดครับ SU 35 ยังได้เลย
3.EL/W-2085 G550 CAEW ดีกว่า 340AEW ครับ370 km เป็นแค่ระยะที่จะตรวจจับวัตถุได้100เป้าพร้อมๆกัน
4.RCS ของทั้งสองแบบนั้นใกล้เคียงกัน ช่วง1.0-1.2 แต่grippenจะมีข้อเสียที่canardจะเพิ่มRCSได้ (ไม่เหมือนอย่างTyphoonที่มีRAMเคลือบ)
jasเคยมีโปรเจคเคลือบram เหมือนกัน ฉะนั้นตัวปกติrcsมากกว่า0.5m^2แน่นอน
5.Meteor น่าสนกว่าครับ
6.F-16 รุ่นไหนดีละ
ผมเชื่อว่าระยะตรวจจับของเรดาร์ใหม่ของสิงคโปร์น่าจะไกลกว่า raven เพราะการขยับส่ายทิศทางไม่ได้เพิ่มระยะจรวจจับ ขณะที่เรดาร์ที่มีสิทธิ์จะมาลงของสิงคโปรคือตัว apg 63 v2 ที่อยู่ใน F-15 ตัวหลังๆ ที่เป็น aesa ที่มีระยะอยู่ประมาณ 400km ดังนั้นต่อให้ลดขนาดลงมาผมว่าก็ยังไกลกว่าของ Jas E/F อยู่ดีนะครับ
เอกสารที่คุณ dcalpha เอามาโชว์ ระบุว่า กริพเพน rcs อยู่ที่ 0.1m^2
f-16 เก่ากว่า jas-39 ประมาณ 20 ปี แต่เดิม rcs อยู่ที่ 5m^2 ที่สาหัสสุดน่าจะเป็นช่องลมที่ปกติเป็นตัวดีอยู่แล้ว แต่ว่าพอมาถึงรุ่น c มีการพัฒนาและเคลือบสารลดการสะท้อนของเรดาร์รอบปากช่องลมเข้า ดังนั้น rcs จึงเหลือประมาณ 1.2m^2 F-18 ตัวแรกก็มีอาการเดียวกัน รุ่น super hornet จึงมีการออกแบบท่อลมเสียใหม่
กริพเพน เองใหม่กว่าเยอะ ตอนออกแบบมีการคำนึงถึงเรื่อง rcs เช่นช่องอากาศเป็นท่อตัว Y จากสองข้าง เรื่องคานาร์ดเพิ่ม rcs ผมว่าไม่น่าจะเกี่ยว เพราะ f-16 ก็มี stabilizer เหมือนกัน ใหญ่กว่าคานาร์ดกริพเพนเสียด้วย นอกจากนี้ f-16 ยังมี ครีบยั้วเยี้ยไปหมด
เรื่อง g550 ของสิงคโปร์ในนิตยาสารผมไม่เห็นว่าตรงไหนที่บอกว่าระยะตรวจจับไกลกว่า 450km นะครับ
ถ้าอนาคต meteor ไม่มีรุ่น f-16 ออกมา เราก็ใช้ aim-120 สำหรับ f-16 ไป และ meteor สำหรับกริพเพน แต่ผมคิดว่าอนาคตน่าจะมีนะ เพราะ ราฟาล ไต้ฝุ่น กริพเพนมีแน่ ส่วน f-35 คงมีเพราะอังกฤษต้องการ แต่ขณะเดียวกันยุโรปก็ยังเหลือ f-16 เป็นพันๆ ลำ ดังนั้นคงมีการปรับปรุงให้ใช้ร่วมกันได้ เพราะแม้แต่อินเดียยังสนใจไปผสมกับซูเลยครับ
เรื่อง F-5 + amraam + awac vs F-16 อันนี้ในทางทฤษฎี ชนะครับ แต่ปัญหาคือในโลกจริงผมไม่คิดว่ามีนะครับ อย่างสิงคโปร์น่าจะเป็นประเทศเดียวที่ใช้ amraam กับ F-5 ขณะที่ประเทศอื่นก็มีแต่จรวดระยะใกล้กับกลางซึ่งส่วนใหญ่ก็อัพเป็นตระกูล python แหละ ขณะเดียวกันบราซิลเป็นประเทศเดียวที่มีการอินติเกรทระบบ datalink เชื่อมกับ f-5 แต่กลับไม่มี amraam ดังนั้นในโลกความเป็นจริงก็ยังไม่มีใครมีระบบอาวุธดังว่า
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความรู้ครับ
จากแนวคิดผมที่ได้
ถ้าจะเปรียบ F-16 ของสิงค์โปร์ ที่มีอยู่ + AWAC ยังไม่นับเครื่องอื่นนี่ก็ถือว่าสามารถคุ้มครงตัวเองได้สูงมากเลย
และไทยเราก็พยายามเลียนแบบ ในงบประมาณที่จำกัด โดยหันมาใช้ Jass 39 C/D +อีรี่อาย แต่เพียงเครื่องบินรบเราน้อยฝูงกว่า
ถ้าเพิ่มได้ อีก 1-2 ฝูงก็จะมีความสามารถที่เกือบจะเหมือน ทอ สิงค์โปร์
เสียอย่างเดียวสำหรับอีรี่อายไม่รู้ว่า USA จะยอมให้เชื่อมข้อมูลระหว่าง F-16 MLU กับ อีรี่อายมากน้อยแค่ไหน
-อีรี่อายของเราสามารถสั่งjass 39 C/D ของเรายิงจรวด เพื่อโจมตีแบบ BVRได้เลยไหมครับ หรือแค่ทำการส่งข้อมูลให้กับ Jass 39เพื่อประมวลผลและนักบิน Jass 39 เป็นคนยิงเอง
Saab 340 Argus S-100B AEW ไม่มีระบบ Link 16 นะครับ ต้องเป็นรุ่น S-100D หรือ AEW-200 (มาตรฐานสวีเดน) และ AEW-300 (มาตรฐานนาโต้) ที่ปรับปรุงใหม่ล่าสุด
ผมไม่แน่ใจนะว่าของเราสามารถให้เครื่อง erieye สั่งยิงเองเลยได้หรือเปล่า แต่ปรกติเครื่อง AEW&C น่าจะทำได้นะครับ
ของสิงคโปร์เขา F-16 หลายฝูงครับ ของเราก็ต้องอีกซักสามถึงห้าฝูงแล้วแต่ว่าจัดฝูงกี่ลำ แถมของเขามี G550 สี่ลำอีกต่างหาก ระบบของเขาไม่แน่ใจว่าต้องมี ground station หรือเปล่า อย่างระบบกริพเพน+อีรี่อายส์ เข้าใจว่าต้องมีสถานีภาคพื้นดินด้วยถึงจะทำงานได้.
* ไปเช็คมาละ เครื่องบัญชาการไม่น่าจะกดปุ่มยิงได้
เอ่อ ผมว่าตลกนะครับที่ว่าต้องมีสถานีภาคพื้นดิน
คือผมยังไม่ได้เช็คข้อมูลนะ แต่ยังงั้นมันไร้ประโยชน์มาก บินได้อยู่รอบๆบ้านนี่แหละออกไปไกลไม่ได้ สถานีภาคพื้นดินเอาไว้สำหรับติดต่อกับส่วนบัญชาการภาคพื้นดินมากกว่า เหมือนส่วนบัญชาการอยู่ในเครือข่ายดาต้าลิงค์ด้วยเห็นข้อมูลเหมือนกันแบบ real-time ส่วนแค่เครืองอีรี่อายกับเครื่องบินลูกข่ายต้องทำงานแบบดาต้าลิงค์ได้ ไม่งั้นอย่ามีเลย
Saab 340 AEW "รุ่นที่เราใช้อยู่" มีขีดจำกัดที่ต้องrelayข้อมูลลงสถานีภาคพื้นดินครับ ซึ่งปัจจุบันก็มีหน้าที่แค่ลบจุดบอดของRTADSเท่านั้น
ถ้าอัพเกรดเป็นAEW 200 จะส่งให้Gripenได้โดยตรง
ถ้าอัพเกรดเป็นAEW 300 จะส่งให้บ.แบบอื่นนอกจากGripenโดยตรงได้
ต่อให้ซื้อเครื่องgripen E/F ได้ก็ต้องอัพเกรด อีรี่อายอีก 3 ลำ ให้ได้มาตรฐานสวีเดน ราคาอีรี่อายตัวมาตรฐานสวีเดนนี่ราคามากกว่าตัวที่เราใช้สูงไหมครับ
ตัวที่เราใช้อยู่น่าจะเป็นS-100B ส่วนAEW 300คือS-100D ไม่น่าจะแพงกว่ากันมาก(ผมก็ไม่เคยเห็นราคา แต่ไม่น่าจะแพง) กองทัพอากาศน่าจะมีงบพอจ่ายได้
แต่ปัญหาคือถ้าอัพเกรดแล้วโดนด่าว่าของใหม่ทำไมต้องอัพเกรดแล้วนี่สิ...
***เพิ่มเติม
จากที่เสี่ยโยบอก ค่าอัพเกรดS-100Bอยู่ราวๆไม่กี่ร้อยล้านบาท
โดยอัพไปเป็นS-100D ASC หรือ Saab 340AEW&C-300 ที่มีLink16
เพราะS-100Bไม่มีLink16 คงเป็นเหตุผลที่ทร.ต้องใส่LinkE/Gไปด้วย
ถึงกับเงิบหัวกระแทกพื้น ฮา
สมกับเป็น"หลักนิยมเชิงรับ"จริงๆ
จริงๆผมว่าเวอร์ชั่นใหม่นั้นก็ห้วงเวลาพอๆกับที่ทอ.ยื่นจัดหา ทำไมไม่สั่งของหใม่ไปเลยถ้าราคาไม่หนีกัน
เราได้มาจากแพกเกจในดีลการจัดหา Gripen C/D นะครับ (ทอ.ไม่ได้สั่งซื้อเครื่อง SAAB 340 Argus S-100B โดยตรง) เฟสแรก 1 เครื่อง และเฟสที่สองอีก 1 เครื่อง (จำได้ว่าเป็นเครื่องหลังจะเป็นเครื่องที่มาจากกำลังสำรองของทอ.สวีเดน) พร้อมกับเครื่อง SAAB 340 ที่เป็นตัวเครื่องเปล่าสำหรับการฝึกบินอีก 1 เครื่อง โดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบโครงข่ายการควบคุมและบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากเราเน้นตั้งรับจึงใช้สถานีภาคพื้นดินเป็นส่วนควบคุมและบัญชาการ แต่ในพื้นที่ภาคใต้นั้นมีบริเวณที่เป็นทะเลขนาดใหญ่ ไม่สามารถตั้งสถานีเรดาร์ภาคพื้นได้ ทอ.จึงมีความจำเป็นต้องใช้ AEW เพื่ออุดช่องว่างในส่วนนี้ รวมทั้งการบูรณาการโครงข่ายร่วมกับทร. อันเป็นที่มาของการจัดหาระบบการรบต่างๆ จาก SAAB สวีเดน มาติดตั้งบนเรือรบหลักของทร. ได้แก่ รล.จักรีฯ รล.นเรศวร และรวมทั้ง เรือฟริเกตสมรรถนะสูง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในอนาคตทอ.น่าจะมีความต้องการจัดหาเครื่อง AEW เพิ่มเติมและน่าจะมีการปรับปรุงสมรรถนะให้สูงขึ้นทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทันต่อสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว