http://avherald.com/h?article=4710c69b&opt=0 : ที่มาของข่าว
Malaysia B772 over Gulf of Thailand on Mar 8th 2014, aircraft missing
By Simon Hradecky, created Saturday, Mar 8th 2014 01:10Z, last updated Saturday, Mar 8th 2014 04:23Z
An Malaysia Airlines Boeing 777-200, registration 9M-MRO performing flight MH-370 from Kuala Lumpur (Malaysia) to Beijing (China) with 227 passengers and 12 crew, was enroute at FL350 over the Gulf of Thailand in contact with Subang Center (Malaysia) when radar and radio contact was reported lost with the aircraft at around 02:40L (18:40Z Mar 7th). The aircraft would have run out of fuel by now, there have been no reports of the aircraft turning up on any airport in the region.
The airline confirmed the aircraft is missing, a search and rescue operation has been initiated. Subang Air Traffic Control reported at 02:40 local Malaysian time, that radar and radio contact with the aircraft had been lost.
In a press conference the airline stated, the last contact with the aircraft had been about 160nm northeast of Kota Bharu (Malaysia), over the Gulf of Thailand. The aircraft was piloted by an experienced captain (53, 18,365 hours total) and a first officer (27, 2,763 hours total). The aircraft carried 153 Chinese citizens, 38 Malaysians, 12 Indonesians, 7 Australians, 3 French, 4 citizens of USA, 2 New Zealanders, 2 Ukrainians, 2 Canadians, 1 Russian, 1 Italian, 1 Taiwanese, 1 Dutch and 1 Austrian.
Search missions have been launched along the estimated flight track of the aircraft from Gulf of Thailand, Vietnam, Cambodia, Laos to China (South China Sea).
At about noon local time Vietnamese search personnel reported they have detected an ELT signal about 20nm south of the coast of Ca Mau. Vietnam officials subsequently stated that they have not yet detected flight MH-370.
China reported that the aircraft did not enter Chinese airspace (editorial note: which effectively discounts rumours and false reports by a Malaysian outlet of the aircraft having landed in Nanning (China)).
Nanning Airport stated the aircraft did not arrive at the airport.
According to The Aviation Herald's radar data the aircraft was last regularly seen at 17:22Z (01:22L) about half way between Kuala Lumpur and Ho Chi Minh City (Vietnam) at FL350 over the Gulf of Thailand about 260nm northnortheast of Kuala Lumpur and 160nm northeast of Kota Bharu 40 minutes into the flight, followed by anomalies in the radar data of the aircraft over the next minute (the anomalies may be related to the aircraft but could also be caused by the aircraft leaving the range of the receiver).
Aviation sources in China report that radar data suggest a steep and sudden descent of the aircraft, during which the track of the aircraft changed from 024 degrees to 333 degrees. The aircraft was estimated to contact Ho Chi Minh Control Center (Vietnam) at 01:20L, but contact was never established.
บินขึ้น2ชม.แล้วหายไป น่าจะพ้นอ่าวไทยไปแล้วนะครับ
ตอนนี้พบเเล้วนะครับ กองทัพเรือเวียดนามพบเครื่องตกห่างออกไปจากชายฝั่งเวียดนามไกลพอสมควรครับ ไม่พบผู้รอดชีวิต
ต้องขออภัยด้วยครับเช็คข้อมูลผิดพลาด ยังไม่เจอครับ
กรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นการหายไปทันที ซึ่งมีความเป็นไปได้ในการที่เครื่องบินจะหายขากจอเรดาร์ทันที โดยนักบินไม่ได้แจ้งเหตุฉุกเฉินคือการแตกกลางอากาศ แต่เนื่องจากสภาพอกาศบริเวณนั้นไม่มีรายงานอากาศรุนแรง เหตุที่น่าจะเป็นคือการแตกจากเหตุอื่น เช่น ระเบิด เป็นต้น
ปล มาเลฯ ก็มีศัตรูเหมือนกัน ทั้งนี้เคยเกิดเหตุการณ์ปราบกบฏที่อพยพมาจากฟิลิปินส์ในเกาะบอร์เนียวเมื่อปีที่แล้ว
http://avherald.com/h?article=4710c69b&opt=0 ที่มาของรูป
ขอตำหนิหน่วยงานทางด้าน ค้นหาและกู้ภัยของไทย ที่ตอบสนองและให้ความร่วมมือช้า ประเทศอื่นที่เขาไม่มีพื้นที่ติดต่อกับเหตุการณ์เขายังรีบส่งหน่วยค้นหา และความช่วยเหลือ แต่ของเราช้ามาก ความเป็นไปได้อีกคือ เครื่องอาจจะตกในเขตน่านน้ำของไทยก็ได้ครับ
คาดการจุกตกใหม่
ดูรูป แล้วรู้สึกว่า น่าจะตกเข้าไปในเขตน่านน้ำของ กัมพูชา กับ เวียตนามแล้ว เราเข้าไปคงลำบาก แต่ก็น่าจะรีบ
เอาภาพข้อมูลเรด้าห์ แจ้งพิกัดตก มาแสดงให้ดูก่อน
อืมจากข้างบนนี่จริงครับ เราออกตัวช้ากว่าเพื่อน ชาติอื่นๆล้อฟรีกันหมด อย่างน้อยในขั้นแรกน่าจะส่งเรือไปประจำอยู่สุดเขตแดนน่านน้ำเรา ให้เค้าเห็นว่าเราอยู่ตรงนี้นะเราพร้อมจะช่วยคุณ ถ้าคุณขอล่ะทันทีเลย ในเวปโลกสวย ก้อ้าวว่าพท.ดังกล่าว เป้นพื้นที่พิพาท ผมไม่เข้าใจนี่มันการกู้ภัยนะแล้วเราก็ไม่เกี่ยวข้องกับพท.พิพาทนั้นด้วย ประมาณ "ตักบาตรอย่าถามพระ"
หรือจะเป็นเหมือนเบอร์มิวด้า....
สงสัยนิดหนึ่งครับ การที่เรือ / อากาศยาน ของเรา จะออกไปช่วยค้นหานอกอาณาเขตประเทศไทยได้เนี่ย มันเป็นอำนาจของใครที่จะอนุมัติหรือสั่งการได้ครับ
เรดาร์มันไม่ได้ครอบคลุมน่านฟ้าทั้งโลกนะครับ
เครื่องบินพอพ้นรัศมีก็รายงานพิกัดเอาครับ
ไม่งั้นไทยจะซื้ออีรี่อายมาทำไมถ้าเรดาร์คลุมไปถึงแนวต่อระหว่างเขตน่านน้ำไทยกับมาเลย์ตรงที่เครื่องขาดการติดต่อ
อำนาจอนุมัติก็รัฐบาลตัวเองอนุมัติหน่วยงานของตัวเองครับ ส่วนที่ว่าใครจะสามารถเข้าไปยุ่งก็ถ้าอยู่ในน่านน้ำเรา (หรือที่เราอ้าง) เราก็ยุ่งได้อยู่แล้ว ถ้านอกนั้นก็ต้องขออนุญาติแหละครับ จะเที่ยวเอาเรือรบไปแตแล๊ดแต๊ดแต๋ในเขตคนอื่นโดยไม่บอกไม่กล่าวเขาคงตกใจชอบกล
เขาว่าบนเครื่องมีผู้บริหารที่เป็นบริษัทไมโครซิฟอยู่ ซึ่งทางบริษัทนั้นพึ่งจะเปิดตัวไมโครคอลโทรลเลอร์ที่มีขนาดเล็กมาก บริษัทที่ว่ามีผู้บริหารระดับสูงบนเครื่องเป็นคนไต้หวัน ซึ่งพึ่งจะกลับจากการเปิดสาขาที่มาเลเซีย เห็นว่าทางจีนห่วงเรื่องนี้มากซึ่งมันผิดปกติ ใช่บนเครื่องอาจมีศิลปินแห่งชาติอยู่ตามที่ทางการจีนอ้าง แต่การที่จีนแสดงความเป็นห่วงแบบนี้มันผิดปกติจากหลายๆเรื่องเช่นกัน ไล่ที่โดยไม่มีการเยี่ยวยาเป็นต้น แถมถึงแม้ว่าอาจจะอยู่ในพื้นที่พิพาทแต่มันก็อยู่ไกลจากจีนมาก มากถึงมากด้วย
และทางสหรัฐก็ส่งความช่วยเหลือเร็วพอๆกัน ผมจินตนาการเองว่า สหรัฐรัฐอาจจะส่งเครื่องบินประเภทที่สามารถส่งคลื่นพลางตัวพร้อมกับเครื่องบินติดอาวุธไปด้วยเพื่อสกัดเครื่องบินดังกล่าว เพราะเครื่องบินอยู่ๆก็หายไปทั้งอุปกรณ์ทุกชนิดก็ัตัดหายไปทันที อาจเป็นช่วงที่กลุ่มเรื่องบินรบกวนเรดาห์ของสหรัฐเข้าใกล้เครื่องบินนั้นก็ได้ แล้วสหรัฐก็นำเครื่องบินนั้นไปที่ที่ตัวเองวางไว้ เรดาห์ของพลเรือนอาจจับสัญญาณเครื่องรบไม่ได้อันนี้พอฟังขึ้น แต่เรดาห์ของกองทัพเรือมาเลเซียไม่สามารถจับได้แสดงว่าเทคโนโลยีที่ทำให้หายไปจากจอเรดาห์ก็สูงพอใช้ได้นะ
ผมว่าสหรัฐคงไม่อยากให้ผู้บริหารของบริษัทไมโครซิฟตกไปอยู่กับจีนแน่อาจจะเอาผู้บริหารเหล่านั้นมาสอบและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ตนก่อนก็ได้ เพราะไมโครซิฟที่ว่ามันคือ ไมโครคอลโทรลเลอร์ขนาดเล็กที่สามารถนำมาสร้างอาวุธปล่อยนำวิีถีได้ซึ่งอาวุธปล่อยจะขนาดเล็กลงแต่อานุภาพแรงเท่าเดิม
ถ้าสหรัฐยิงอาวุธปล่อยใส่เครื่องบินนั้น แล้วสหรัฐส่งเรือและเครื่องบินมาช่วยอาจเป็นการป้องกันไม่ให้เรืออื่นเข้าใกล้บริเวณซากเครื่องบินก็ได้ ตัวเองอาจส่งกบลงไปเก็บกล่องดำขึ้นมาก็ได้จะได้ไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุที่ตกเพราะอะไร หรืออาจเป็นเวียดนามที่ต้องการแสดงการต่อรองกับจีนตามแนวพวกคอมมิวนิสก็ได้ เพราะเ็ร็วๆนี้เวียดนามก็ซื้อเรดาห์จากยูเครนด้วย และก่อนหน้านั้นนายกเวียดนามก็ไปตรวจพวกจรวดเคลื่อนที่ด้วย หรือกองทัพเวียดนามอาจทดสอบอาวุธปล่อยแล้วพลาดไปโดนเครื่องบินก็ได้ หรือเวียดนามอาจจะส่ง ซูคอย ขึ้นไปสกัดบังคับลงจอดในเวียดนามและทำการเจรจทางลับกับจีนแลกกับหมู่เกาะก็ได้ หรือว่าถ้าจีนจะเอาเกาะใดอีกจีนต้องไม่ได้ฟรีแน่นอน
สาเหตุที่ผมวิเคราะห์แบบนี้คือเราไม่เจอซากเครื่องบินแม้ชิ้นเล็กๆก็ไม่เลย ทั้งๆที่บริเวณนั้นลึก 60-70 เมตรเท่านั้นเอง สัญญาณก็หายไปแบบทันที่ด้วย หรืออาจเป็นสาเหตุอื่นด้วยตัวนักบินบนเครื่องเป็นสลัดอากาศเองและเจรจาต่อรองกับทางมาเลเซียก่อนหน้านั้นจะด้วยเรื่องอะไรก็แล้วแต่ หากเป็นแบบนี้ความเชื่อมั่นในมาเลเซี่ยนแอร์ไลน์จะหายไปทันทีกระทบต่อรายได้เลย ทำให้ทางการมาเลเซียถึงยังไม่เปิดอะไรมาก มีข่าวเรื่องเครื่องบินหันหัวกลับแล้วด้วย ทางการมาเลเซียคงไม่ตอบรับข้อเสนอของสลัดอากาศเลยเอาหัวพุ่งชนโลกซะแล้วอยู่ในเขตน่านนํ้ามาเลเซีย มาเลเซียเลยเอาเรือไปกั้นไม่ให้ชาติอื่นเข้าไปจะได้เก็บกล่องดำก่อนแล้วค่อยเปิดข่าวว่าเป็นอุบัติเหตุกล่องดำเสียหายหนักก็ได้
สงสัยการทำงานของเรด้าอะครับ ว่ามันหาเครื่องบินได้แต่มันบอกความสูงด้วยหรือไม่หรือเป็นข้อมูลที่เครื่องบินโต้ตอบกลับมา ผมสงสัยว่าเป็นไปได้ไหมที่ระบบไฟฟ้าในเครื่องบินจะดับทั้งหมด คือไม่มีไฟส่งคลื่นวิทยุเลยติดต่อไม่ได้ จากนั้นเครื่องก็ร่อนไประยะนึกจึงตก ผมสงสัยว่าการหายจากเรด้าต้องบินต่ำเท่าไรครับ ถ้าเป็นฐานบินที่ มาเลเซีย จะเห็นที่ระดับต่ำเท่าไร ถ้าเป็นฐานที่ไทยจะเห็นที่ระดับเท่าไรครับ แล้วเรืออเมริกาแถวนั้นจะเห็นที่ระดับความสูงเท่าไรก่อนจะจับไม่ได้ครับ เพราะถ้าระเบิดหรือตกน่าจะมีจุดชัดเจนแต่นี่ยังหาไม่เจอแปลว่าระเบิดปลิวที่ความสูงชิ้นส่วนกระจาย ไม่ก็บินระดับต่ำมากจนเรด้าจับไม่ได้ไปถึงอีกจุดในระยะหลายกิโลเมตร ก่อนตก หรือร่อนลง
อย่างที่บอกครับน่านน้ำสากลเรดาร์คลุมไม่ถึง โดยทั่วไปเราดาร์จะครอบคลุมแค่ประมาณร้อยไมล์จากชายฝั่ง พอพ้นระยะเรดาร์เครื่องก็จะส่งสัญญาณวิทยุรายงานพิกัดกับความสูงกับหอบังคับการบินตามรายทางที่ผ่านเป็นระยะๆซึ่งก็จะไปเข้าฐานข้อมูลแชร์กันทั่วโลก ถ้าเครื่องตกกลางน้ำก็จะมีตัวแพร่สัญญาณเสียงฉุกเฉิน
ถ้าพ้นระยะเรดาร์จากชายฝั่งไปอยากบินไปไหนก็ได้ครับ ปิดสัญญาณช่องทางการติดต่อให้หมด ไม่ต้องบินต่ำ แค่ไม่ไปแถวเส้นทางการบินก็ไม่มีใครเจอแล้ว
เรื่องระบบไฟล้มเหลวไฟหมดนี่วิศวกรต่างๆเรียกว่าตัดออกไปเลย เพราะระบบสำรองหรือฉุกเฉินมันมีอยู่จะเจ๊งทีเดียวพร้อมๆกันหมดทุกระบบความเป็นไปได้ต่ำมาก
ส่วนเรื่องการลักพาตัวผมว่าลำบากไปครับ ถ้าหน่วยงานจารชนของประเทศระดับแนวหน้าจะลักพาตัวไม่ต้องถึงกับทำแบบนี้ครับ ลักพาตัวที่ประเทศไหนก็ได้ครับ หรือจะลักพาตัวก่อนเครื่องขึ้นก็ได้ แล้วไม่มีใครรู้ เช่นเป้าหมายขึ้นเครื่องไปแล้ว แต่ถูกลักพาตัวออกมาก่อนเครื่องขึ้น กลายเป็นคดีหายตัวกลางท้องฟ้าอะไรประมาณนี้เป็นไปได้มากกว่าอีกครับ มอสสาด ซีไอเอ เอฟเอสบี ทำได้อยู่แล้ว ไม่ต้องระดับหนังแบตแมน เอาเครื่องมาเกี่ยวข้างบน ฮา
กรณีเครื่อง airfrance หายกลางแอตแลนติกก็ใช้เวลานานครับกว่าจะหาเจอ รู้สึกกว่าสัญญาณฉุกเฉินจะแพร่ออกมารู้สึกนานล่อกันเป็นๆปีสองปีกว่าจะเจอซากเครื่องกับกล่องดำเจอ
ส่วนตัวผมว่าการอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุดคือโดนจี้แล้วบินออกเส้นทางการบินหรือกัปตันทำเองนั่นแหละ เพราะทางการมาเลย์บอกเครื่องบินออกนอกเส้นทางเป็นร้อยไมล์ แล้วถ้าตกความจริงมันควรจะเจอะศพเจอซากมั่งแหละ
คุณ 461 ทฤษฎีเลื่อยลอยมากเลยครับ ไม่คิดว่าเหตุอธิบายที่สมเหตุสมผลกว่านี้เหรอครับ? ไม่ทราบว่าเรื่องนี้มาจากพันทิพหรือเปล่า? คือฟังๆ ดูยังกับหนังจารกรรมสมัยก่อนที่ต๊องๆ ไม่มีเหตุมีผล
อย่างว่าคือการลักพาตัวหรือกำจัดมันง่ายกว่านั้นครับ ดูอย่างมอสซาดที่ทำกับอิหร่าน หาตัวจับไม่ได้เลย เข้าไปในอิหร่านยังไงยังไม่ทราบเลย ดังนั้นไม่มีเหตุทีจะต้องทำเรื่องให้ใหญ่โต หรือจีนที่ขโมยข้อมูลสหรัฐฯ เขาก็แฮ็กกันตรงๆ ไม่ต้องลำบากลักพาตัวคนที่ไม่สามารถให้อะไรได้หรอกครับ
แล้วไม่โครคอนโทรลเลอร์ที่ท่านว่านี่ของบริษัทอะไรครับ นายผู้บริหารนั้นชื่ออะไร แล้วคิดว่าเอาผู้บริหารไปสอบจะได้อะไรออกมา เขาคงนั่งวาดแผนวงจรจากสมองได้มั้งครับ เผลอๆ ผู้บริหารไม่ได้จบวิศวะด้วยซ้ำ
แล้วขนาดคอนโทรเลอร์มันเล็กจนไม่ส่งผลต่อขนาดอวปนำวิถีหรอกครับ อีกอย่างจีนเขาทำได้อยู่แล้วครับ
อย่ากรณี air france หากันนานาจะตายชักครับ
แล้วถ้ากัปตันเป็นคนยอมร่วมมือในการบินออกนอกเสันทางล่ะครับ อยากทราบว่าจะสามารถบินหลบหลีกการตรวจจับของเรดาร์ได้หรือไม่
ซับซ้อนซ่อนเงือนดีเหลือเกิน มันไม่ไช่เครื่องบินหายไปธรรมดาแล้วครับ อาจจะเป็นทฤษฏี สมคบคิดก็เป็นได้ ที่ทร.ออกตัวช้าแล้วไปควานหาแถวๆอันดามัน แทนที่จะไปแจมที่อ่าวไทยandเดอะแก๊งค์ ผมว่าทางเรากับมาเลอุ๊บอิ๊บอะไรกันอยู่ แต่มันคืออะไรกันน้าาา
ผู้บัญชาการกองทัพอากาศของมาเลเซีย ปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า กองทัพอากาศมาเลเซียสามารถจับสัญญาณสุดท้ายของเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 เที่ยวบิน MH370 ได้ที่ช่องแคบมะละกา
พล.อ.ร็อดซาลี ดาอุด ออกแถลงการณ์วันนี้ (12 มี.ค.) ว่า กองทัพอากาศไม่ตัดความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนเส้นทางย้อนกลับมา ก่อนที่เครื่องบินลำนี้จะหายไปจากเรดาร์ และเรื่องนี้ส่งผลให้ขอบเขตของปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยถูกขยายออกไป ที่บริเวณใกล้เคียงน่านน้ำ ชายฝั่งทางตะวันตกของมาเลเซีย แต่ ผบ.ทอ.ปฏิเสธรายงานของสื่อมาเลเซีย ที่รายงานเมื่อวันอังคาร โดยอ้างคำพูดของเขาว่า เรดาร์ของกองทัพสามารถจับสัญญาณสุดท้ายของเที่ยวบิน MH370 ได้เหนือช่องแคบมะละกาทางตะวันตกของมาเลเซีย ซึ่งห่างจากเส้นทางการบินในทะเลจีนใต้ที่มันควรจะอยู่มาก ผบ.ทอ.ระบุว่าเขาไม่ได้มีแถลงการณ์อย่างนั้น พร้อมกล่าวด้วยว่า หนังสือพิมพ์ เบริตา ฮาเรียน เผยแพร่ข่าวที่ไม่ถูกต้องและไม่ตรงกับความเป็นจริง
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า กองทัพอากาศมาเลเซียยืนยันผลการตรวจสอบเรดาร์ระบุว่า เครื่องบินโดยสารมาเลเซียแอร์ไลน์ส ที่ยังคงหายสาบสูญ เปลี่ยนเส้นทางบินไปทางทิศตะวันตกอย่างกะทันหัน ก่อนหายไปอย่างลึกลับไร้ร่องรอย
สำหรับประเด็นผู้โดยสาร 2 คนที่ใช้หนังสือเดินทางปลอมไปกับเที่ยวบันนี้นั้น ผลการสืบสวนพบว่า เป็นชาวอิหร่านและไม่เชื่อมโยงการก่อการร้ายและไม่มีประวัติการก่ออาชญากรรมแต่อย่างใดด้วย เดินทางออกจากอิหร่านโดยถูกต้องและมีความประสงค์เพียงไปหางานทำในเยอรมนี ตำรวจสากลระบุว่าทั้งคู่ออกเดินทางจากสนามบินกรุงโดฮาของกาตาร์ด้วยหนังสือเดินทางอิหร่าน ก่อนเปลี่ยนมาใช้หนังสือเดินทางของอิตาลีและและออสเตรเลียที่ถูกขโมยในการขึ้นเครื่องมาเลเซียแอร์ไลน์ไปสู่จุดจบที่ยังเป็นปริศนาจนกระทั่งบัดนี้
เรือ 40 ลำ เครื่องบิน 34 เครื่องจากออสเตรเลีย จีน ไทย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ นิวซีแลนด์ และสหรัฐ ยังเดินหน้าค้นหาซากเครื่องบินโดยสารมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 พร้อมกับ 239 ชีวิตบนเครื่องต่อไป แม้จะล่วงเข้าสู่วันที่ 5 และมีการขยายขอบเขตการค้นหาออกไปจากเดิม คราบน้ำมันและเศษชิ้นส่วนที่พบลอยอยู่กลางทะเลได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เกี่ยวข้อง และจนขณะนี้ยังไม่มีเบาะแสใดๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำดังกล่าว นอกจากข้อมูลเรดาร์กองทัพอากาสมาเลเซียระบุว่า เครื่องบินดังกล่าวเปลี่ยนเส้นทางบินไปทางตะวันตกก่อนจะหายไปจากจอเรดาร์ แม้จะไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างเป็นผู้ทำให้เครื่องบินหายไปอย่างลึกลับ แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ตัดประเด็นการก่อการร้ายออกไป
ก่อนหน้านี้ ตำรวจมาเลเซีย สามารถระบุตัวตนของหนึ่งในผู้ที่ใช้พาสปอร์ตปลอมได้แล้ว คือนายปอเรีย นูร์ โมฮัมหมัด เมห์ดัด ชาวอิหร่านวัย 19 ปี ส่วนชายอีกคนคนที่ใช้พาสปอร์ตปลอมในการเดินทาง และสันนิษฐานว่าเดินทางพร้อมกับนายเมห์ดัด ยังคงไม่ทราบชื่อ โดยกำลังอยู่ในระหว่างการสืบสวนรวมรวมข้อมูล ทั้งนี้ หนังสือเดินทางที่ถูกขโมยทั้งสองเล่ม เป็นของนายลุยจิ มารัลดิ ชาวอิตาลี อายุ 37 ปี และของนาย คริสเตียน โคเซล ชาวออสเตรีย อายุ 30 ปี ซึ่งหนังสือเดินทางสูญหายในประเทศไทยเมื่อปี 2012 และ 2013 ตามลำดับ และได้รับการยืนยันแล้วว่าทั้งสองคนไม่ได้โดยสารโบอิ้ง 777-200ER เที่ยวบิน MH370 แต่อย่างใด
สำหรับนายเมห์ดัด ทางการมาเลเซียตรวจสอบแล้วพบว่าเขาเพียงต้องการเดินทางไปยังเยอรมนีเพื่อขอสถานะผู้ลี้ภัย และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นสมาชิกของกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มใด นอกจากนี้ยังมีชายชาวอิหร่านที่อาศัยอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย ให้การว่าทั้งสองคนพักอยู่กับเขาก่อนจะเดินทางขึ้นเครื่องบินลำดังกล่าว และทั้งคู่วางแผนว่าจะอพยพไปตั้งรกรากในยุโรป
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1394599825&grpid=03&catid=06&subcatid=0600
กรณี นบ. ไม่ได้แจ้งให้หอควบคุมทราบถึงเหตุผิดปรกติใดๆ ก่อนหายไปจากจอเรดาร์ อาจมีสาเหตุจากการหมดสติเพราะระบบออกซิเจนในเครื่องล้มเหลวหรือเปล่า
เคยมีเคสนี้เกิดขึ้นครับ ดูจากรายการ air cash investigation ค่อยๆ หมดสติทั้งลำ เครื่องบินขาดการควบคุม ไม่มีการสื่อสารใดๆ กับหอควบคุม สุดท้ายก็ตก ถ้าจำไม่ผิดเป็นเครื่อง 737 ของกรีซ มีเอฟ- ประกบอยู่ข้างๆ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้
อีกกรณีหนึ่งคือโดนวินาศกรรมที่ความสูงกว่า 30,000 ฟิต ระเบิดโดยทันที ชิ้นส่วนกระจัดการจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทั่วทะเล แต่กรณีนี้ไม่ค่อยมีน้ำหนักนะ เพราะ 4 วันเข้าไปแล้วยังไม่มีใครออกมาอ้างความรับผิดชอบตามสูตร
ทะเล มหาสมุทร ยังคงเป็นพื้นที่ที่ยากแท้จะหยั่งถึงเช่นเคย ขนาดค้นหาทางพื้นน้ำยังไม่เจอ ทั้งเรือทั้งเครื่องบินทั้งดาวเทียม ไม่รู้มี UAV ร่วมด้วยหรือเปล่า ยังหาไม่เจอสักเบาะแสหลักฐานสักชิ้น
นี่ถ้าเป็นเรือ ส. อยู่ใต้น้ำ จะหายากกว่านี้สักกี่เท่า ลองคิดกันเล่นๆ
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของผู้โดยสารและลูกเรือเที่ยวบิน MH370 ทุกท่านครับ เพราะคาดว่าจะเสียชีวิตหมดแล้ว
ทางทอ.มาเลย์ออกมาแก้ข่าวครับว่าไม่ได้บอกว่าจับสัญญาณสุดท้ายว่าอยู๋ในช่องแคบมะละกาอย่างที่สื่อตีข่าวไปก่อนหน้า
แกบอกว่าแกบอกว่า"เรายังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เครื่องอาจจะหันหัวกลับแล้วบินไปทางตะวันตก เลยให้ขยายขอบเขตการค้นหารวมฝั่งนี้ด้วย"
ดาวเทียมจีน แพร่ภาพถ่ายวัตถุลอยน้ำ 3 ชิ้น ใหญ่สุดขนาด 24 คูณ 22 เมตร ต้องสงสัยเป็นชิ้นส่วนเครื่องบินมาเลย์ที่หายสาบสูญ
เว็บไซต์ข่าวของสำนักข่าวซินหัว ของทางการจีน ได้เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียม เป็นภาพ 3 ภาพของชิ้นส่วนที่ลอยอยู่ในน้ำ และมีขนาดต่างๆกัน ซึ่งชิ้นส่วนดัง กล่าว สอดคล้องกับสถานที่ ซึ่งเป็นทะเลนอกชายฝั่งตอนใต้ของประเทศเวียดนาม และฝั่งตะวันออกของมาเลเซีย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาเครื่องบินโดย สารโบอิ้ง777-200 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบินเอ็มเอช370 จากเส้นทางบินกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย มุ่งหน้าสู่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องรวม 239 คน และได้หายสาบสูญไปตั้งแต่วันเสาร์ที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา
ภาพถ่ายดาวเทียม ถูกโพสต์ไว้บนเว็บไซต์เทคโนโลยีด้านการป้องกันประเทศแห่งชาติของจีน โดยชิ้นส่วนใหญ่ที่สุดที่พบ มีขนาด 24 คูณ 22 เมตร
ด้านสถานีเอ็นบีซี สหรัฐฯ รายงานว่า สำนักงานการบินสหรัฐฯ(เอฟเอเอ) เคยออกคำเตือน เมื่อหลายเดือนก่อนว่า เครื่องบินโบ อิ้ง 777 รุ่นเดียวกับลำที่สูญหาย มีปัญหาแตกร้าวและผุกร่อน และเคยมีคำสั่งให้โบอิ้งตระกูล 777 ที่ขึ้นทะเบียนในสหรัฐ เข้ารับการตรวจพื้นผิวส่วนลำตัวเครื่องบินใต้เสาอากาศดาวเทียมเพื่อหารอยร้าว
ในคำสั่งของเอฟเอเอ ระบุว่า การตรวจสอบเป็นพิเศษนี้ มีความจำเป็น เพื่อตรวจหาและแก้ไขการแตกร้าวและผุกร่อน ที่พื้นผิวส่วนลำตัวเครื่องบิน ซึ่งอาจนำไปสู่การลดความดันบนเครื่องบินอย่างกะทันหันและสูญเสียความมั่นคงทางโครงสร้าง ในคำสั่งที่ว่านี้ ระบุถึงเหตุการณ์ที่นักบินพบรอยร้าว 16 นิ้ว บนพื้นผิวส่วนลำตัวเครื่องบินอายุ 14 ปีลำหนึ่ง ส่วนเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลนส์ที่สูญหาย อายุ 12 ปี
อย่างไรก็ดี ระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันพุธ รัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซียยืนยันว่า เครื่องบินลำนี้ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยการบิน
ที่มา :นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 13 มี.ค 57
ภาพถ่ายดาวเทียมของจีน
ล่าสุดออกมาแถลงแล้วครับว่าไม่ใช่
ข่าวล่าสุดนายนาจิบ ราซัค ออกมาแถลงว่าเครื่องบินได้ทำการบินไปทางมหาสมุทรอินเดียโดยจงใจ โดยยังไม่ระบุว่าโดนจี้หรือกัปตันทำเอง
อย่างที่คาดไว้ไม่ผิด
ตอนนี้เลยเกิดทฤษฎีสมคบคิดว่อนเน็ทเลย
คุณ461 มีข้อมูลมากกว่านี้ไหมครับ มีคนเขาก็คิดเหมือนคุณเลยครับ ผมอยากได้ข้อมูลเพิ่ม... เรื่องนี้มันไม่ธรรมดาแล้วครับ
ดูเหมือนเรื่องราวจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนขึ้นไปทุกที ไม่ธรรมดาซะแล้ว
ผมเปลี่ยนใจขอท่องแต่เพียงคำว่า ดิเอโก้ กราเซียๆๆๆๆๆๆ
อยากให้เจอไวๆๆครับ
จากที่นายกมาเลเซียมาแถลง ผมขอคาดเดาว่าเครื่องบินลำดังกล่าวน่าจะบินจนเชื้อเพลิงหมดและอาจจะตกลงในทะเล ในมหาสมุทรอินเดีย โดยลักษณะการบินเลาะชายขอบของแต่ละประเทศ
1. กลับลำบินหนือขอบชายแดนไทยกับมาเลเซีย
2.เลี้ยวขวาเลาะชายแดนไทยกับอินโดนีเซีย
3. เลี้ยวซ้ายออกไปทางมหาสมุทรอินเดีย ชายขอบชายแดนอินโดนีเซียกับอินเดีย
4.เลี้ยว แล้วมุ่งลงใต้ด้วย ออโต้ไพลอตบินจนเชื้อเพลิงหมด
เพิ่มเติมน่ะครับ
ที่คิดแบบนั้นเนื่องจากหากบินขึ้นเหนือ อินเดียซึ่งเป็นประเทศที่เข้มงวดเนื่องจากมีกรณีพิพาทกับเพื่อนบ้าน (จีนกับปากีสถาน) น่าจับตรวจจับได้และไม่น่าจะละเลยเป้าอากาศยานลักษณะดังกล่าว การเลาะชายขอบประเทศอินเดียกับอินโดฯ บินเหนือทะเล จึงไม่มีเรดาห์ประเทศไหนตรวจจับได้
ผมว่าถึงจุดนี้ส่วนมากคงเชื่อแล้วแหละครับว่าเครื่องไม่ได้ตกหรอกครับ แต่ไปร่อนลงจอดที่ไหนสักแห่งมากกว่า
เพราะทางการมาเลย์เหมือนปกปิดข้อมูล แถลงข่าวขัดกันมั่วไปหมด พอจนด้วยหลักฐานก็ออกมาแถลงแก้ไปเรื่อยๆ
เลยไม่รู้จะให้ทางการมาเลย์สืบสวนหรือให้ภาคส่วนต่างๆออกมาให้ข้อมูลจนรัฐบาลมาเลย์ต้องทำเป็นพยายามหาเครื่องบินอย่างเสียมิได้
ในความคิดผม ผมว่า เครื่องบินโดนจี้แน่นอน โดยผู้ชำนาญการบินหรือ ผู้ที่ศึกษาเส้นทางมาดี จากใครก็ตามที่ต้องการอะไรบางอย่างบนนั้นแล้วบินไปจอดสนามบินอื่น เสร็จแล้ว เรื่องก็จะเงียบไปสักพัก แล้วออกข่าวว่า เจอ เศษซากเครื่องบิน ในทะเล พร้อมโชว์ชิ้นส่วน สำคัญ ๆ เป็นต้น (อิอิ มโนภาพล้วน ๆ นะครับ )
ท่าน เสือใหญ่ กับ ท่าน Shooter เหมือนว่าท่านจะเคยอ่าน series เรื่องเดียวกันกับผมหรือเปล่าท่าน มันเป็น series จากของฝั่ง Hollywood เรื่องมันมีอยู่ว่า
ประเทศขาใหญ่ฝั่งโลกเสรี ได้ทำการส่งทีมปลอมเป็นผู้ก่อการร้ายปล้นเครื่องบินของสายการบินประจำชาติที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศสารขัณฑ์ แต่ที่จริงแล้วมีจุดประสงค์เพื่อลักพาตัวนักวิทยาศาสตร์ที่จะนำเทคโนโลยี่ไปขายให้ฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นจำเป็นต้องยึด ข้อมูลในไดร์ท หรือชิบที่เป็นเทคโนโลยี่ เกี่ยวกับหลบการตรวจพบ หรือรบกวนสัญญาณเรด้าร์ ถ้าใครได้ไปเวลายิงขีปนาวุธใส่ฝ่ายตรงข้ามเรด้าร์จะตรวจจับไม่ได้ โดยผู้ก่อการได้นำเครื่องบินไปซ้อนไว้ที่เกราะดิเอโก้ การ์เซีย ทำไมชื่อคุ้นๆจังเหมือนของจริงเลยเหอๆๆ (ตอนนี้อาจจะล่องหนจากเกาะนี้ไปแล้ว) และระหว่างนี้จะมีเรือพิฆาตคุมระยะรัศมีโดยรอบของเกาะที่จอเครื่องบินไว้ เพื่อต้องการฝ่ายตรงข้ามเข้ามายุ่ง แต่ที่ผมสงสัยจาก series เรื่องนี้คือว่าทำไมมันไม่จัดการก่อนน่านี้ว่ะทำไมต้องรอมันขึ้นเครื่องบินก่อนว่ะ เรื่องนี้ผมอ่านแล้วก็งงอยู่ นิยายเรื่องนี้ยังไม่มีบทสรุปและเฉลยที่มาที่ไปน่ะครับ เพราะมันเป็นสไตล์ของ series จากของฝั่ง Hollywood เพราะมันจะให้เราสงสัยและเฝ้าดูว่าเมื่อไรมันจะออก Season ใหม่ มาสักที
ปล. อย่าคิดมากอ่านเอามัน เพราะมันเป็นแค่ series เขาอ่านกันบนโลกออนไลน์ครับ
ท่าน Odin ครับ ผมไม่เคยอ่านเคยดู series ที่ท่านว่ามาหรอกครับ
หากแต่ชอบเข้าไปดูข้อมูลจากเวปนั้นนี้โน้น แล้วเอามาปะติดปะต่อกัน
ถ้าเป็นการก่อการร้ายจี้ยึดเครื่องบินแบบที่ผ่านมา ต้องมีผู้อ้างความรับผิดชอบ หรือเรียกร้องข้อแลกเปลี่ยนไปแล้ว แต่ครั้งนี้เงียบกรืบ
ถ้าเป็นเครื่องตก ควรมีหลักฐานให้เห็นบ้าง แต่นี่ไม่มีเลย
ถ้าเครื่องระเบิด บรรดาเครื่องวัดบรรดามีในโลกน่าจะจับคลื่นการะเบิดได้บ้าง
แถมมีข้อมูลว่าเปลี่ยนเส้นทางบินตัดผ่านใกล้ไทยไปอันดามัน อันนี้ยิ่งแล้วใหญ่ RATD เราไม่รู้ไม่เห็นอะไรกับเค้าบ้างหรือ เครื่องบินออกใหญ่โต บินเป็นหมื่นฟุต
เครื่องอเลิท์ไม่ขึ้นไม่เป็นไร เข้าใจว่าเก่าและงบน้อย แต่เรดาร์ของเรายังไงก็ต้องเห็นต้องเตือน แต่ ทอ. บอกแค่ว่าไม่ได้บินเข้ามาในเขตไทย (ไม่ได้บอกว่าไม่เห็นสักหน่อย จริงไหม)
อะไรไ มันดูเข้าทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดกันหมด หมดก็เลยจินตนาการเอาว่า เครื่องคงไปลงื้ใดสักแห่งในมหาสมุทรอินเดีย เป็นที่ไม่มีพลเรือนอาศัย ต้องมีสนามบินยาวใหญ่รับ ตองเจ็ด ได้ ทั้งคนทั้งสินค้าสำคัญมากๆที่อยู่บนเครื่องโดนกักไว้ ที่เหลือเอาไปฉายแสง MIB ลบความจำก่อนเอาไปส่งบ้านแบบใครถามอะไรก็ตอบไม่ได้
ต้องขออภัยต่อท่านผู้ที่ยังสูญหายและครอบครัวญาติพี่น้องของท่านด้วย ผมมิได้มีเจตนาจะลู่เกียรติทุกท่านแต่อย่างใด เผอิญข้อมูลมันชวนให้คิดไปแบบนั้นจริงๆ ก็ขอให้ทุกท่านอยู่รอดปลอดภัยได้กลับมาหาครอบครัวท่านในเร็ววันนี้ละกันนะครับ
ท่าน Odin ผมไม่ชอบอ่าน series จากของฝั่ง Hollywood หรอกครับ ผมก็แค่คิดอะไรไปเลื่อย เห็นเพื่อน ๆ วิเคราะห์กันไป ต่าง ๆ นานา เหตุการณ์ก็ ซ่อนอำพรางซะอย่างงั้น
อันที่จริง เรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นจริง ๆ ด้วยซ้ำครับ สงสารญาติผู้โดยสารผมก็เคยโดยสารทางเครื่องบิน 4-5 เที่ยว รู้สึกหวิว ๆ แปลก ๆ เวลามองออกนอกหน้าต่างเครื่องครับ
ท่าน เสือใหญ่ กับ ท่าน Shooter ผมขอแก้นิดหนึ่ง อาจจะเข้าใจผมผิด ผมไม่ได้ว่าพวกท่านเพ้อน่ะครับ แต่พวกท่านวิเคราะห์นั้นได้ตรงจากสิ่งที่ผมได้เคยอ่านมาจากการวิเคราะห์เหมือนทั้ง 2 ท่าน แต่มีรายละเอียดลงไปเยอะมาก ส่วน "series จากของฝั่ง Hollywood" ผมใช้เป็นชื่อตัวแทนประเทศ ประเทศหนึ่งเท่านั้นครับไม่อยากจะพูดตรงๆ เพราะประเทศนี้มันชอบสร้างวีระกรรมแนว series แบบที่ฉายในบ้านของมันจริงๆ ส่วนสิ่งที่ผมอ่านมาเหมือนผู้รู้เขาจะสรุปกันแล้วว่ามันเข้าข่ายทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดกันจริงครับ นี้เด๋วบริเวณที่เครื่องบินหายนั้นอาจจะถูก "series จากของฝั่ง Hollywood" ให้เป็น สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าแห่งที่ 2 ก็เป็นได้ครับ อะไรที่ตอบไม่ได้ก็โทษ สิ่งเหนือธรรมชาติไว้ก่อนครับ
โอ้ ผมไม่มีปัญหากับคอมเม้นท์ของท่าน Odin ครับ เอาเป็นว่าต่างคนต่างเข้าใจกันและกันนะครับ
ก็คิดเห็นอย่างเดียวกันครับ เรื่องที่เกิดมันเอาตรรกะทั่วไปมาตอบโจทย์นี้ไม่ได้เลย คือมันไม่มีอะไรสัมพันธ์กันเลยกับการจี้ตัวประกันหรือการก่อการร้ายในอดีตแบบยึดเครื่องบินพุ่งชนอาคาร ฯลฯ นะครับ
แต่พอคิดแบบหนังฮอลลิวู๊ด เอาตระกูล บอร์น ก็ได้ กี่ภาคๆ มันมีอะไรซับซ้อนตลอด ใช่เลย มีอะไรที่เมกันมันจะทำไม่ได้ถ้าคิดแล้วคุ้มกับผลประโยชน์ของเค้า ยิ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติแล้วละก็ อะไรก็ทำได้ทั้งนั่นนะครับประเทศนี้
ถ้าสินค้าที่โหลดขึ้น MH370 เป็นต้นกำเนิดของอาวุธร้ายแรงในยุคหน้า และผู้โดยสารบางส่วนเป็นพนักงานระดับสูงของบริษัทที่คิดค้นสิ่งประดิษฐ์หรือจะเป็นนวตกรรมอะไรก็แล้วแต่นี้ได้ เป็นผมๆ ก็ซิวทั้งของทั้งคนไปทำงานต่อให้ผม หรือไม่ก็ตัดตอนไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ไป
คำถามคือ มันไม่มีวิธีอื่นที่ไม่เอิกเริกแบบนี้หรือ เดือดร้อนคนอื่นที่ไม่ได้รู้เรื่องด้วยแต่ซวยเพราะไปอยู่ไฟลท์เดียวกัน
ถึงบอกว่าอยากรู้ตอนจบจะจัดการกับผู้โดยสารทั้งหมดยังไง จะสร้างเรื่องว่าพบซากเครื่องบินพร้อมผู้โดยสารในเกาะร้างที่ใดที่หนึ่งผมว่าก็ออกจะโหดร้ายไป เผลอๆ เมกันอาจเล่นบทหน้าด้าน ยอมรับว่าทำ (แล้วจะทำไม) แล้วส่งคืนผู้โดยสารทั้งหมดกลับ KL ยกเว้นสินค้าและนักวิจัยเจ้าหน้าที่เทคนิคที่ตอนนั้นคงยอมเป็นพวกกับเมกันไปแล้ว ก็เป็นได้...
จินตนาการล้วนๆ เชื่อถืออะไรมิได้ครับ อิอิ...
ตามทฤษฎีสมคบคิด มันมีประเด็นที่อาจจะกลายเป็นเรื่องสะเทือนขวัญ สยดสยอง ถ้าหากเป็นจริงตามข้อมูลที่มีการระบุว่า หลังปิดระบบส่งสัญญาณเรดาร์ เครื่องบินได้เพิ่มระดับเพดานบินขึ้นไปที่ 45,000 ฟุต ซึ่งเป็นระดับที่มีออกซิเจน O2 เบาบางมาก หากไม่รีบใส่หน้ากาก O2 ได้ทันก็จะหมดสติและเสียชีวิตได้ ซึ่งมีการสันนิฐานว่าเป็นการเจตนาให้ผู้โดยสารหมดสติ หรืออาจตั้งใจฆาตกรรมหมู่กันเลย...!!! แต่ปกติหน้ากาก O2 มันก็มีอยู่ทุกที่นั่ง และมันก็น่าจะทำงานโดยอัตโนมัติทันทีที่ระดับ O2 ภายในเครื่องบินมีต่ำกว่าปกติ
ถ้าจะฆาตกรรมหมู่แบบนั้นคงต้องโรคจิตชอบทำอะไรแปลกๆแล้วแหละครับ
หน้ากากเด้งอัตโนมัติจริง เพราะงั้นถ้าจะหมดอากาศหายใจจนหมดสติ นักบินก็หมดเหมือนกัน เหมือนกรณีเครื่องบินของกรีก
เพดานบินสูงสุดของB777ไม่เกิน43000ftไม่ใช่เหรอครับ
http://abcnews.go.com/International/missing-malaysia-airlines-plane-ended-south-indian-ocean/story?id=23033246
นายกมาเลย์ยืนยันแล้วครับ ว่าตกที่มหาสมุทรอินเดีย
24มี.ค.2557 การค้นหาเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินเอ็มเอช 370 มีความคืบหน้าเรื่องการพบเห็นวัตถุต้องสงสัยเพิ่มมากขึ้นในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ โดยเฉพาะเมื่อลูกเรือเครื่องบิน พี-3 โอไรออน ของกองทัพอากาศออสเตรเลีย แจ้งพบเห็นวัถตุสองชิ้น ชิ้นแรกมีลักษณะกลมสีเทาหรือเขียว กับชิ้นที่สอง เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีส้มนั้น
เมื่อเวลา 21.00 น. นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงข่าวด่วนว่า จากผลวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ของดาวเทียม ทำให้พนักงานสอบสวนสรุปว่า เครื่องบินโบอิ้ง เอ็มเอช 370 ตกในมหาสมุทรอินเดีย และสันนิษฐานว่าไม่มีผู้โดยสารคนใดรอดชีวิต ขณะเดียวกันทางสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ได้ออกมาแจ้งข่าวร้ายให้แก่ญาติของผู้โดยสารที่เฝ้ารอข่าวแล้วว่า เครื่องบินประสบเหตุเครื่องตกตามที่นายกฯ มาเลเซียแถลง ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้เช่าเครื่องบินเหมาลำ เพื่อเตรียมพาญาติผู้โดยสารไปที่ออสเตรเลียแล้ว
http://www.komchadluek.net/detail/20140324/181577.html#.UzBCrKiSw0U
ด้วยความเคารพผู้เสียชีวิตทุกท่าน ซึ่งก็เป็นไปตามที่ผมได้ลากเส้นว่าน่าจะไปตกตรงจุดนั้น ขอให้ทุกท่านสู่สุขติครับ
ปรากฏการณ์ Doppler กับการไขปริศนาเส้นทางช่วงสุดท้ายของเที่ยวบิน MH370
ช่วงนี้กำลังเป็นข่าวฮือฮาเรื่องการที่บริษัท INMARSAT ใช้เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน (“groundbreaking technique”) เพื่อช่วยในการสรุปว่าเครื่องบินโดยสารสายการบินมาเลเซียเที่ยวบิน MH370 ใช้เส้นทางในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ และตกในทะเลบริเวณทิศตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย โดยระบุว่าใช้สัญญาณ “Ping” จากระบบสื่อสารของเครื่องบินดังกล่าว ร่วมกับการสังเกตปรากฏการณ์ Doppler ในการกำหนดเส้นทางและตำบลที่ของเครื่องบินเมื่อสัญญาณขาดหายไป แต่ที่จริงแล้วเทคนิคดังกล่าวมีใช้ในระบบดาวเทียมหาตำบลที่รุ่นโบราณสมัยก่อนมีระบบ GPS ตั้งแต่เมื่อ 50 ปีที่แล้วครับ
อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยครับ
หลักการ Doppler ถูกนำมาใช้ได้อย่างไร และระบบดาวเทียมโบราณใช้ปรากฏการณ์นี้ในการหาตำบลที่บนพื้นโลกอย่างไร ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ - http://kapitaennem0.wordpress.com/2014/03/25/inmarsatdoppler/
ผมว่าตอนนี้เหมือนกับมันยังไม่ชัดเพราะข้อมูลที่ได้มาจากดาวเทียมมันกระจัดกระจายมากเพราะเป็นข้อมูลสัญญาณที่ได้รับแบบผ่านๆไม่ได้มีการเตรียมการเก็บข้อมูลนะจุดนั้นๆที่เครื่องผ่านเป็นพิเศษ เหมือนหาเศษร่องรอยมาปะติดปะต่อ
เรื่องสัญญาณ ping ซึ่งก็คือ transponder ผมงงๆนะ เพราะอีตอนแรกบอกเครื่องบินตัดสัญญาณนี้ไปแล้วโดยเจตนาตั้งแต่ตอนหายจากจอเรดาร์ขาดการติดต่อครั้งแรก
ต่อ สรุปที่ผมไปอ่านตามลิงค์ข่าวของกัปตันฯ บอกว่าตัว ‘ACARS’ (aircraft communications addressing and reporting system) ซึ่งเป็นส่วนข้อมูลตำแหน่งฯลฯที่ระบบ classic aero จะส่งไปถูกตัดทิ้งแต่ยังมีสัญญาณวิทยุเปล่าๆจากระบบ Classic Aero ส่งออกมาเป็นระยะๆ แสดงว่าคนตัดสัญญาณมันไม่เป็นหรือว่ายังไง
ข่าวบอกอีกว่าข้อมูลความถี่สัญญาณนี้เอาไปเทียบกับดาต้าเบสสัญญาณไฟลท์อื่นๆของสายการบินมาเลย์แล้วสรุปว่าน่าจะไปลงใต้ไปลงทะเลไม่ได้ขึ้นเหนือไปลงจอดที่ไหน เอ๊ะก็ลำนี้มันออกนอกเส้นทางไปเป็นโยชน์แล้วจะไปเทียบกับไฟลท์ปกติได้ไง งง
จากข่าวเมื่อวานผมอ่านเท่าที่จำได้บอกว่าวิเคราะห์ว่าเครื่องทำการลดระดับอย่างรวดเร็วเหลือ 12000 ฟุตพร้อมกับหักหัวกลับ สอดคล้องกับทฤษฎีกัปตันอาจจะพยายามช่วยชีวิตเครื่องที่อาจเกิดปัญหาระบบความดันอากาศเจ๊งทำให้ต้องรีบลดระดับลงมาจนความดันภายนอกเครื่องกับภายในเท่ากัน
รู้สึกว่าจะออกซ้ายออกขวากันมั่วไปหมด ต้องรอจะเจอซากแล้วนั่นแหละถึงจะสรุปได้แบบมีน้ำมีเนื้อ
ผมว่าฟังยังไงก็แปลกๆครับ
1. ถ้าเครื่องมีปัญหา
- ทำไมกับตัลไม่วิทยุบอก
-และถ้าบอกว่าวิทยุเสีย จากเส้นทางการบิน มีสนามบินตั้งหลายแห่งทั้งในไทย เช่นสนามบิน หาดใหญ่ นครศรี สุราฏ เกาะสมุย กระบี่ ภูเก็ต บ่อทอง แล เขมร เวียดนาม มาเล อีก ทำไมบินหลงไปไกลจัง
2. ถ้าจี้เครื่องบิน
-จะบินไปทำไมแถวมหาสมุทรอินเดีย ไม่มีที่ให้ลงจอดซักหน่อย
3.ถ้าก่อการร้าย
- ทำไมไม่มีใครออกมาอ้างความรับผิดชอบ
- ถ้าจะระเบิดเครื่องบิน ตรงไหนก็เหมือนกัน จะลากไปทำไมไกลๆ
ผมเห็นด้วยกับท่าน toeytei และท่าน skysky ทุกประการครับ
มันไม่มีเห็นผลอะไรสนับสนุนสิ่งที่รัฐบาลมาเลย์ฯ แถลงเลยสักนิด
ลองให้ตำรวจหรือทนายความหรือท่านที่มีอาชีพสืบสวนสอบสวนลองให้ความเห็นดู
ทำสำนวนส่งท่านอัยการก็คงโดนตีกลับ
ขนาดจำเลยรับสารภาพ แต่โจทย์ไม่มีพยานหลักฐานพยานวัตถุที่มีน้ำหนักชัดเจนเพียงพอ ศาลท่านยังยกฟ้องเลย
สมัครใจรอดูตอนจบจริงๆ อีกทีครับ
ปล. ตั้งข้อสังเกตุว่ามาเลย์ฯ ยึดข้อสรุปจากมหามิตรอเมริกาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษหรือออสเตรเลีย
รัสเซียกับจีน เงียบกริบ ไม่มีความเห็นใดๆ