และจากสงครามอัฟกันมีC130อีกหลายสิบเครื่องถูกปลดและจอดเก็บเช่นกันน่าไปเลือกมาทำTankerนะครับ
-ไม่มีเงิน(และเอาAV-8Aมาผมก็ว่าไม่รู้จะเอามันไปทำอะไร เพราะมันใช้โจมตีบกได้อย่างเดียวด้วยจรวดและระเบิดไม่นำวิถีทั้งหลาย)
-สำหรับC-130น่าจะเพราะมีพอแล้วมั้งครับ แต่เครื่องที่จะมารับงานที่เบากว่า(อย่างไซส์G-222)ดันไม่มี
เห็น จขกท.ท่านว่าซื้อมาถอดเป็นอะไหล่ ผมว่าก็น่าสนนะ
AV-8A, AV-8C Harrier
Single-seat versions for the US Marine Corps. The USMC ordered 102 AV-8As (company designation: Harrier Mk. 50). The AV-8C was an upgrade to the AV-8A. 110 built.
AV-8S Matador
Export version of the AV-8A Harrier for the Spanish Navy, who designated them as VA-1 Matador. 10 built.
จากพื้นฐานแล้ว AV-8S ก็แค่แฮริเออร์ AV-8A รุ่นที่พัฒนาให้กับเสปน ดังนั้นอะไหล่หลายๆส่วนก็น่าที่จะใช้ร่วมกันได้ เช่นเครื่องยนต์ ระบบควบคุมการบินต่างๆ ส่วนซอร์ฟแวร์อาวุธต่างๆน่าจะใช้ของเดิมได้ เครื่องยนต์เป็นส่วนที่สึกหรอได้ตามอายุการใช้งาน ถ้าได้เครื่องบินมาแยกเป็นอะไหล่พวกเครื่องยนต์ต่างๆมาซ่อมกินตัวได้ในราคาถูกก็น่าจะคุ้มค่าในการฟื้นฝูงบินประจำเรือบรรทุกเครื่องบินจักรีนฤเบศขึ้นมาได้อีกครั้งนะครับ
คือจะเอาซากที่เราปลดไปแล้วมาใส่อะไหล่ใหม่เหรอครับ?
อย่างที่คุณ phu2000 บอกประเด็นคือสมรรถนะอาวุธต่างๆมันตกยุคไปแล้วไงครับ
ถ้าจะมีประโยชน์ก็อาจเอาไว้ฝึกให้มีองค์ความรู้ไม่ขาดตอนเผื่อวันข้างหน้ารวย
แต่ไม่รู้จะออกแนวเรือดำน้ำเปล่านะ ฝึกกันประจำทั้งฝึกปราบฝึกใช้งาน แต่ไม่มีเรือใช้
ทร.ได้ทำการขอสนับสนุนอะไหล่ AV-8A จากสหรัฐ มาเพื่อซ่อมบำรุงและให้ใช้งานได้ จำนวน 2 ลำ และ ครม.อนุมัติ งบประมาณจำนวนหนึ่ง แล้วครับ
และ สหรัฐ ก็จัดเตรียมให้แล้วครับ
แต่พอเกิดการรัฐประหารปี 2549 สหรัฐ ก็ระงับเรื่องการช่วยเหลือทางทหารกับไทย อะไหล่ก็เลยมาไม่ถึง แม้จะมีการเลือกตั้ง หลังจากนั้นในปี 2551 เรื่องก็ได้เงียบหายไป ประกอบกับ AV-8S ก็หมดสภาพไปหลายปีแล้ว แม้จะได้อะไหล่ ที่สหรัฐเตรียมไว้ให้ ก็คงเปล่าประโยชน์ไปแล้วครับ
เถียงกันไม่เลิกแฮะเรื่องอากาศยานบนเรือจักกรีฯ ตั้งกระทู้ใหม่เลยมั้ย ถกกันให้แจ่มแจ้งไปปักหมุดไปเลย
จะเอา AV8 , F-35 , ฮ.โจมตี , UAV หรือติดอาวุธเพิ่มเติม เพราะคนจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกว่าเรือจักกรีฯ ควรจะมีเขี้ยวเล็บให้สมศักดิ์ศรี
ซึ่งก็เข้าใจว่าข้อจำกัดนั้นคือเรื่องงบประมาณ และความเร่งด่วนเกี่ยวกับอากาศยานประจำเรือน่าจะเร่งด่วนน้อยกว่าเรื่องอื่นๆ
ตัวผมก็อยากให้มีกองบินประจำเรือเช่นกันแต่ก็คิดเหมือนท่านอื่นๆ คือ AV8 ก็เก่าเกินแกงแล้ว ไม่น่าจะคุ้มค่า เครื่องแบบอื่นๆก็มีข้อจำกัดของมัน ท่านอื่นๆคิดเช่นไรกันบ้าง
ถ้าจะซ่อมแฮริเออร์ผมว่าหันมามองพี่อ้วนดำสุดหล่อสุดที่รักของผมดีกว่า โครงสร้างอากาศยานยังมีอายุเหลืออีกมากสามารถซ่อมให้กลับมาบินได้อีกแน่ ทร.ไทยเคยทำเรื่องขอซ่อมกับอเมริกา4ลำตกลงราคากันแล้วแต่เขาขึ้น2เท่าในภายหลัง(มั้ง) เราเลยหันไปหากรีซที่เสนอราคาลดลงมาครึ่งหนึ่งแต่สุดท้ายโดนอเมริกากดดันอีกเลยอดไป ตอนนี้ก็เลยสำรองราชการอยู่รอเวลาชุบตัวเป็นพระสังข์อยู่ ได้มาซัก8ลำก็ยังดีอุตส่าห์ทำสีใหม่เสียสวยเชียว ชินเคยบินด้วยF-8แต่A-7ก็คือลำเดียวกันนี่แหละ หมั่นใส้ก็แต่มิกกี้ใช้ทอมแคทไปไล่ตบมิก17
ความเห็นของคนรุ่นเก่าหน่อยนึง ก็จะมีความเห็นว่า A7E , AV8A ยังน่าสนใจเอากลับมาประจำการ
ส่วนผมรุ่นกลางๆ เคยเห็นตอนทั้ง 2 รุ่นเพิ่งเข้าประจำการในไทยก็มีความเห็นว่า
A7E จำหรับภาระกิจโจมตีน่าจะไหว อย่างน้อยใช้ยิงจรวดนำวิถีโจมตีภาคพื้นดินแบบต่างๆได้ ถ้าสหรัฐยอมซ่อมคืนสภาพให้ ขอสัก 12 เครื่องก็พอ
ส่วน AV8A (S) ผมคิดว่าซ่อมเอาใช้ฝึกบินสัก 4 เครื่องให้มีความพร้อมสำหรับรุ่นใหม่ในอนาคต (ภาระกิจโจมตีไว้จำเป็นจริงๆค่อยใช้) โดยไม่ต้องประจำการบนเรือจักรีก็ได้ และการใช้งานก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นลงทางดิ่งทุกครั้ง อาจจะขึ้นลงแบบเครื่องธรรมดามากหน่อย ขึ้นลงทางดิ่งน้อยหน่อย ผมคิดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า AV8B plus II น่าจะมีมือสองให้เลือกซื้อได้
ส่วนเรื่องเรือดำน้ำนั้นสำคัญอันดับหนึ่งแน่นอน ผมคิดเองครับว่าหลังจากนี้ 5 ปีเมื่อเรือฟริเกตใหม่ลำแรกเสร็จ คงต้องมีโครงการเรือดำน้ำแน่ จะมือหนึ่งหรือสองก็อีกเรื่องนึง
A-7 ได้ยินว่าทร.ยังเอามาtaxiอยู่บนรันเวย์บ้างเพื่อรักษาสภาพด้วยนะครับ แต่ซอมแล้วจะเอามาทำอะไรดีล่ะเพราะชองที่เรามีมันติดได้แค่AIM-9 AGM-65 แล้วก็ระเบิดๆๆๆๆๆ ประขำการฐานบินบนบกผมว่ามันซ้ำซ้อนกับทอ.มากกว่าอีกนะครับ (อย่างกับAlphajet)
AV-8Bอีก10ปีข้างหน้าถ้าจัดหาตอนนั้นจะได้ใช้เกิน10ปีเหรอครับ? (เอ๊ะ แต่ก็ไม่แน่ ถ้าซ่อมทำทั้งลำและหาอะไหล่ได้ไม่ขาดช่วง)
ปล.รูปอวาตาร์ท่านsuperboy คือเรือตกป.ชุดหัวหิน?
เรื่องใช้งาน AV8B ผมคิดว่า นับจากปี 2014 เป็นต้นไป ประเทศที่ใช้งานคงใช้ได้อีกไม่เกิน 30 ปี ดังนั้นถ้าอีก 10ปีข้างหน้า ไทยมี AV8B ใช้ ก็ใช้ได้อีก 20 ปี และจะเป็นประเทศสุดท้ายที่ปลดประจำการด้วย แต่เรื่องอะไหล่ผมไม่ค่อยห่วง ของอะไรที่อเมริกาใช้อะไหล่มือสองเพียบ ครับ ส่วนเรื่องประสิทธิภาพต้องทำใจว่าถึงตอนนั้นแค่ใช้โจมตีเป็นหลัก และพอป้องกันตัวเองได้เท่านั้น จะไปไหนคงต้องให้ เครื่องบิน ทอ. บินนำกรุยทางไปก่อน ครับ
อยากไห้มีAV-8ไว้บนเรือ จักรี ไห้สมกับที่เป้นเรือบรรทุกเครื่องบินน่ะนะ ถึงเครื่องAV-8จะทำอะไรไม่ค่อยมาก แต่แค่มีจอดบนดาดฟ้าบินขึ้นบินลงบนเรือเล่นๆก็เท่กินขาดแล้วครับ
AV-8B ถ้าเรายังปกครองระบอบประชาธิปไตย ผมว่ารออีกนิดสัก 3-4 ปี หลังจากอเมริกา ทยอยประจำการ F35-B เวอร์ชั่นสำหรับเรือยกพลขึ้นบก เราน่าจะขอรับบริจากAV-8Bฟรีๆได้สบายๆ โดยแทบจะไม่มีใครแย่ง (เพราะไม่มีใครขับเป็นและซ่อมบำรุงเป็น) และสิ่งที่ A7- corsair ทำได้ ผมว่า AV-8B ทำได้ไม่น้อยหน้า ขึ้นกับว่าตอนนั้นทางกองทัพเรือจะมีเงินเพื่อใช้งานและซ่อมบำรุงได้กี่ลำ
AV-8 สามารถขนพวก Antiship missile อย่าง Harpoon Exocet หรือ RBS-15 ได้มั้ยอ่ะ?
ท่านภูทายแม่นมากครับ ผมขี้เกียจจินตนาการแล้วเลยไล่วาดรูปเรือเราไปเรื่อยๆนี่แหละ แต่ชอบเรือหลวงหัวหินมากที่สุดเลยแซงคิวเพื่อนๆก่อน
A-7 ใช้ทำอะไรไม่ได้นอกจากคงกองกำลังทางอากาศของราชนาวีเอาไว้ในราคาถูกที่สุด เพราะเราไม่ได้ซื้อใหม่แค่ซ่อมของเดิมให้ใช้งานได้เท่านั้นเอง โดยส่วนตัวก็ไม่ได้เห็นด้วยเท่าไหร่ที่ทร.จะขึ้นฟ้า เพียงแต่มันมีของอยู่แล้วนี่และดูเข้าท่ากว่าแฮริเออร์ที่เทคโนโลยีสุงกว่าและทนทานน้อยกว่า ซ่อมA-7 จำนวน8ลำคงใช้งบพอๆกับF-16 MLU 1ลำหละมั้งครับ(อันนี้เดาล้วนๆ)
AV-8B ของนย.อเมริกาเป็นอะไรที่เอาแน่ไม่ได้เหมือนการเมืองบ้านเราในตอนนี้ ผมก็อยากได้มาลงเรือหลวงจักรีซัก8ลำเหมือนกัน แต่ไม่กล้าคิดเดี๋ยวจะหายต๋อมแบบ206อีก
AV-8BติดAGM-84 Harpoonได้ครับ
ว่าแต่ท่านSuperboyครับ ถ้าอเมริกาปลดAV-8BเราเอาA-7ไปแลกจะได้ไหมเนี่ย? (อาจจะ18x A-7 + 2x TA-7 ต่อ 8xAV-8 + 2xTAV-8อะไรประมาณนั้น)
ตามข้อมูล AV-8B Harrier II+ มีขีดความสามารถในการใช้อาวุธปล่อย Hapoon โดยสามารถติดตั้งไปได้ 2 ลูกที่ไพล่อนใต้ปีก หรือถ้าจะติดตั้ง AIM-120 AMRAAM ก็สามารถติดตั้งไปได้มากถึง 6 ลูก ด้วยขีดความสามารถในการตรวจจับของเรดาร์ APG-65 ที่ระยะ 90-150 กม. แฮร์ริเออร์ ทู ที่ติดตั้งระบบเรดาร์นี้พร้อมด้วย AIM-120 และ AIM-9 ก็สามารถที่จะปฏิบัติภารกิจคุ้มครองกองเรือได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียวนะครับ
ปล.ถ้าทำการปรับปรุงแบบเดียวกับการทำ MLU ของ F-16 A/B โดยเพิ่มเติมระบบ DataLink , JHMCS และ Litening Pod ด้วยแล้วล่ะก็ เจ้าแฮร์ริเออร์นี่ก็ไม่ธรรมดาเลยนะครับ
กองทัพอเมริกาคงไม่เอาA-7หรอกครับ แต่ถ้าเป็นบริษัทเอกชนที่ให้บริการด้านอากาศยานอาจจะเอาก็ได้นะ เช่นบริษัทDraken International มีทั้ง a-4 MB-339CBและโดยเฉพาะMig-21มีถึง25ลำ เร็วๆนี้เพิ่งไปสอยL-159มาในราคาถูกโคตร แต่เขาคงกดราคาเราเต็มที่แน่ถ้าจะซื้อจริงๆนะ ซ่อมไว้ใช้สร้างนักบินและฝูงบินไปอีก10ปีน่าจะคุ้มกว่าหละมั้งครับ ก็แล้วแต่มุมมองผมแค่ชอบพี่อ้วนดำเฉยๆเท่านั้นเอง
อนาคตไกลเกิน5ปีอย่าเพิ่งไปคิดถึงเลย มาดูกันซิว่ากองทัพบกจะปิดดีลแลกชีนุกบินไม่ได้แล้วกับ M-171 จำนวน3ลำได้หรือไม่ ถ้าตกลงตามนี้เราจะมีฮ.รัสเซียถึง 3+2+3=8ลำเลยดีเหมือนกัน (แต่เครื่องที่ได้มาก็คงต้องติดอุปกรณ์เสริมในภายหลังเพิ่มอยู่ดี)
เมกามี a-7 กองเป็นขยะพะเนินเทินทึกน่ะครับ คงไม่อยากรับไปเพิ่ม
ถ้าให้ไปเลือกจากที่พี่กันเก็บสต็อคไว้ ขอเป็น f15 กับ c130 มือสองดีกว่าครับ
ไม่จำเป็นต้องเอา บ.อะไรไปไว้บน 911 อีกแล้ว แค่จัดหาระบบป้องกันตัวดีๆ กับ ฮ.ครบๆ ก็พอ
AV8B ยิง aim 120 ได้ด้วยเหรอครับ นึกว่าได้ aim 90 อย่างเดียว แบบนี้ถ้าได้มาก็ถือว่าเป็น Multi-Role เพิ่มแรงให้ราชนาวีไทยเลยนะครับ แต่ไม่รู้ว่าวัดกันจริงการรบบนท้องฟ้าแฮริเออร์B จะวัดกับ SU-30 หรือ F-18 ไหวไหมถ้าแบกลูกยาวอย่าง AIM-120 ไปแต่ผมก็อยากให้มี เครื่องบินไปอยู่บนจักรีนะครับ
ผมมองว่า ช่วงระยะเวลาอีกไม่เกิน 10 ปี อเมริกาจะประจำการ F-35B แทน AV8B ซึ่งตอนนี้ก็ต้องปรับปรุงระบบโดยรวมให้ทันสมัยอีกพอสมควรเพราะต้องใช้ระหว่างรอ F-35B
ดังนั้นเมื่อต้องปลด ผมคิดว่าน่าสนใจสำหรับ ทร.มาก
1. ราคาน่าจะไม่แพง ( เพราะจะกลายเป็น บ. ส่วนเกินไปแล้ว ) ด้วยงบเท่านี้ไม่สามารถหาเรือดำน้ำได้แน่นอน
2. สภาพโดยรวมปรับปรุงมาแล้ว ไม่ต้องเสียเงินทำเอง
3. สามารถใช้ได้อีก 10-15 ปี ผมว่าคุ้มแล้ว
4. ทำให้เรือจักรีกลับมาน่าเกรงขามอีกครั้ง โดยไม่ต้องปรับปรุงเพื่อรองรับ บ.แบบอื่นๆ
5. นักบินและช่างก็สามารถปฎิบัติงานได้ทันที
ผมยังเชื่อว่า การมี AV8B บนเรือจักรี ถ้าเกิดสถาณการณ์อะไรขึ้นมา ความรวดเร็วในการทำภารกิจเข้าถึงได้เร็วกว่า อย่างน้อยช่วยถ่วงเวลารอการมาช่วยของ ทอ.ก็ถือว่าประสบผลที่ดีมากแล้ว ต่อให้เครื่องเทพแค่ไหน ถ้ามาไม่ทันก็ไม่มีความหมายหมายครับ
ติดข้อ5นะครับ ปัจจุบันถึงช่างเดิมจะยังอยู่บ้างไม่อยู่บ้างแต่นักบินเดิมไปบินเครื่องพาณิขย์กันหมดแล้ว
เรื่งที่ว่ามี บ. อยู่บน 911 จะถึงเร็วกว่า ทันเหตุการณ์กว่า
ผมว่าไม่น่าจะต่างกันสักเท่าไกร่มั้งครับ
อย่าลืมว่าภารกิจของเรา ยังแค่ระดับป้องกันเชิงรับ ไม่ได้เน้นป้องกันเชิงรุก
ภัยคุกคามในภูมิภาคก็อยู่ในพิสัยที่บ.บนฝั่งสามารถปฏิบัติการครอบคลุมทั้งหมด
ถ้าอยากต่อระยะ เพิ่มระยะ ผมว่าแทงค์เกอร์น่าจะประหยัดกว่า แล้วแก้ไขปัญหาการแยกเหล่า รวมกำลังทุกทัพให้เป็นหนึ่งเดียว แก้ปัญหาการสื่อสาร การสั่งการ บังคับบัญชาให้ได้
ส่วน f35b ผมว่าลืมไปได้เลย ถ้าได้มาจรืงเผลอๆ เราคงปลด911 ไปก่อนแล้วล่ะ
ผมว่า911ทร.คงใช้จนอายุเกิน50ปีโน่นล่ะครับ เพราะมีแต่ฮ.มาลงก็ไม่ได้ทำให้ตัวเรือรับแรงกระแทกต่างๆเท่าการขึ้นลงของบ.ปีกตรึงขึ้นลงทางดิ่งตามที่ออกแบบมาแถมยังเข้าซ่อมบำรุงตามวงรอบทุกครั้ง 30-40ปีผมว่ายังมีโอกาสเห็นF-35Bนะครับ
แต่เรื่องการป้องกันภัยทางอากาศให้กับกองเรือด้วยบ.บนฝั่ง เรามีบ.ขนาดกลาง-ใหญ่ขนาดF/A-18มากพอไหมล่ะครับ? คำตอบคือไม่มีเลยแถมบ.ขนาดเล็กอย่างJAS-39ก็ดันมีจำนวนน้อยอีก แค่พื้นที่รับผิดชอบเหนือแผ่นดินก็หืดขึ้นคอแล้วครับจะให้มาบินคุ้มกันเหนือกองเรือนี่เลิกหวังได้เลย แถมจะรอบ.จสกฐานบนฝั่งมาในกรณีที่ไม่ได้บินตามกองเรือไปก็คงใช้เวลาหลายสิบนาทีป่านนั้นบ.อีกฝ่ายบินไปไหนต่อไหนแล้ว
และอีกอย่าง การจมเรือข้าศึกก่อนเข้าระยะยิงของฝ่ายนั้นก็เป็นวิธีหนึ่งในการทำให้กองเรือไม่ต่องไปเสี่ยงกับจรวดต่อต้านเรือนะครับ
ขอพาออกทะเลนิดหนึ่งไหนๆก็ขึืนเรือบรรทุกเครื่องบินแล้วนี่นา มีคนบอกว่าเรือหลวงหัวหินสวยด้วยแฮะนึกว่ามีแค่ผมอยู่คนเดียวเสียอีก เลยเอาเรือมาปรับปรุงใหม่ในอีก4-5ปีข้างหน้า ติดLink11 Link RTN Satcom ESMและเปลี่ยนปืนให้ใหม่ ด้านหน้าใช้oto 76/62 compact rebuild ควบคุมปืนด้วยElectro Opticที่กองทัพเรือพัฒนาเองและใช้จริงเป็นลำแรกราคา18ล้าน ขณะที่miradorปาเข้าไป120-150ล้าน ส่วนด้านหลังติดปืน Bofore 40/70 rebuild ควบคุมปืนด้วยElectro Opticเหมือนด้านหน้าเรือที่หลังคาชั้น2ด้านหลัง ถัดไปอีกหน่อยเป็นแท่นยิงจรวดต่อสู้อากาศยานท่อคู่ ที่มีพัฒนาขึ้นมาเองในประเทศเช่นกัน(เคยเห็นภาพแต่ไม่มีข้อมูลขติดไว้ก่อน) ติดจรวดQW-18 จำนวน2นัดสามารถยิงได้ทั้งแบบแมนนวลหรือใช้รีโมทโดยมีอุปกรณ์ช่วยเล็งติดอยู่ที่แท่นยิงด้วย หรือเชื่อมโยงเข้ามาใช้งานกับElectro Opticที่ใช้คุมปืนหลังอยู่แล้ว แต่คิดว่าเป็นแบบหลังเพราะประหยัดเงินค่าE/Oที่แท่นยิงจรวดไปได้อีก18ล้าน ใช้พลยิงในห้องควบคุมเพื่มแค่2คนแต่อาวุธด้านท้ายใช้ควบคุมได้แค่ทีหละ1ระบบเท่านั้น แต่เราก็ใช้คนไปนั่งเล็งยิงQW-18ได้เหมือนกันแหละ
ส่วนระบบCMS ใช้ 9LV ตัวล่างสุดก็ได้น่าจะถูกกว่าTACTICOS พอสมควร และใช้โปรแกรมเมอร์เชื่อมElectro Opticให้ใช้งานกับระบบอาวุธบนเรือให้ ที่จิ้นมาแบบนี้เพราะเห็นว่าเรือหลวงสัตหีบ3ลำอัพเกรดถึงลำหละ500กว่าล้านบาท แค่ติดmiradorกับTACTICOSแล้วเชื่อมให้ยิงปืนบนเรือได้ เข้ามาตราฐานกองทัพเรือก็จริงแต่แพงไม่ไหวอ่ะ ติดตามนี้ก็น่าจะซัก500ล้านเหมือนกันมั้งครับแต่ได้ของใหม่เต็มลำเรือเลย กำลังทำแท่นยิงQW-18อยู่ยังไม่สวยเท่าไหร่
ขออนุญาติท่านBatnightซักคห.นะครับ 541 HMTS Hua Hin อัพเกรดตามที่บอกไปแล้ว Electro Opticของจริงอาจจะเล็กกว่านี้อีกนะ ส่วน 542 HMTS Klaeng ปรับปรุงในแนวความคิดใหม่ทำเป็น Mini OPV ด้วยการต่อเติมด้านหลังเป็นลาจอดเฮลิคอปเตอร์รองรับได้ถึงS-76B ด้านไปซื้อ BAE Bofore 40/70 MK4. รุ่นใหม่มาติด ยิงได้ไกล12.5กม.อัตรายิง300นัด/นาที ใช้กระสุน3Pได้แต่เราใช้ของเดิมที่มีเยอะมากเนี่ยแหละมาตราฐานกองทัพเรือไทยดี เพราะป้อมปืนมีอุปกรณ์ทุกอย่างติดตัวมาอยู่แล้วจึงไม่ต้องจัดหาElectro Opticราคาแพงเพิ่ม เอาเงินมาลงที่ปืนรุ่นใหม่ใช้ป้องกันตัวทั้งบนอากาศและภาคพื้นดิน(พื้นน้ำสิ??)ดีกว่า แต่คงต้องถอดเครนและเรือเล็กออกทั้ง2ฝั่งเพราะเรือเรากว้างแค่9เมตรเอง ด้านท้ายสร้างห้องพักเพิ่มเติมสำหรับบรรทุกผู้ประสบภัยหรือหน่วยซีล ในยามปรกติจะมีUAVและโรงเก็บแบบพับได้เล็กๆไว้ใช้ลาดตระเวณในพื้นที่สุ่มเสี่ยง
มีเรือของเอกวาดอร์และอิรัคที่ขนาดใกล้เคียงและมีลานจอดแบบนี้ แต่ของเขามีทั้งแอสปิเด้และเอ็กโซเซ่ต์ด้วยราคาคงแพงน่าดู บางทีกองทัพเรืออาจนำเรือM58มาแทนแล้วเอาเรือหลวงหัวหินไปโมแบบที่ผมจิ้นก็ได้นะครับ Mini OPV