เราควรเสริมเขี้ยวเล็บให้กองเรือฝั่งอันดามัน (ทัพเรือภาคที่ 3) ให้เข้มแข็งมากกว่านี้หรือไม่ครับ?
เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและรักษาอธิปไตยทางทะเลฝั่งอันดามัน และเพื่อรับภัยคุกคาม
จากความขัดแย้งผลประโยชน์ทางทะเลที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
...........................................................................................................................................
โดยส่วนตัวผมมองกว่า...ทัพเรือภาคที่ 3 ไม่ค่อยทันสมัยเท่าที่ควร
ว่ากันตามตรง ทัพเรือเรามันก็ไม่ทันสมัยทั้งทัพแหละครับ คือไม่ค่อยครบเครื่อง เดี๋ยวรอชั้นนเรศวรปรับปรุงเสร็จก็จะมีสองลำที่ทันสมัยแล้ว
แต่โชคดีที่รอบบ้านเรามันก็ไม่ค่อยจะทันสมัยกันซํกประเทศ ไม่นับสิงคโปร์ นอกนั้นก็ไม่เห็นมีประเทศไหนที่กองทัพเรือสามารถปกป้องประเทศได้จริงๆ (นอกจากว่าเราตีกันเอง)
ผู้อนุมัติ ให้อย่าง 3 ลำ โอเคมัยครับ.....
ภารกิจของทัพเรือภาคที่ 3 ที่ต้องปฏิบัติ
ควบคุมทะเลและขัดขวางการปฏิบัติทางเรือของข้าศึก
สนับสนุนและร่วมมือกับเหล่าทัพและส่วนราชการอื่น ๆ ในการป้องกันประเทศ
คุ้มครองและช่วยเหลือเรือประมงไทยที่ได้รับภัยคุกคามจากฝ่ายตรงข้าม
ป้องกันภัยคุกคามที่ไม่เปิดเผย เช่น การแทรกซึมทางทะเล การลักลอบส่งคนและอาวุธยุทโธปกรณ์ขึ้นฝั่ง
ต่อต้านการก่อการร้าย ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเลและลำเลียงทางทะเล
ป้องกันการอพยพหลบหนีเข้าเมืองทางทะเล ป้องกันและปราบปรามโจรสลัดและการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด
ศุลกากร การประมง และกฎหมายอื่น ๆ
ป้องกันการทำลายและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและสิ่งแวดล้อม
ป้องกันและกำจัดมลพิษในทะเลและบริเวณชายฝั่ง
.ในยามปรกติจะมีเรือชั้นเรือหลวงตาปีและเรือหลวงปัตตานีมาปฎิบัติการลาดตระเวณในพื้นที่ไกลฝั่งร่วมกันเรือตรวจการใกล้ฝั่ง ว่าไปแล้วเรือOPVของเราลำหนึ่งค่อนข้างทันสมัยมีลานจอดและโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ส่วนอีกลำมีโซนาร์และตอร์ปิโดเบา ในอนาคตถ้าเรือหลวงปัตตานีได้รับการติดตั้งจรวดฮาร์พูน เป้าลวง และระบบจรวดต่อสู้อากาศยานใกล้ๆเช่นมิสตรัล(จะแท่นไหนก็เถอะ)ก็จะมีเขี้ยวเล็บมากกว่าพอสมควร ส่วนเฮลิคอปเตอร์ใช้งานหลักๆจะเป็นS76 อันนี้ผมเปิดดูจากในเว็บทัพเรือภาคที่ 3เลยนะครับ ในอนาคตถ้าเรามีเรือOPVเพิ่มเติมคงมาทำหน้าที่แทนเรือหลวงตาปีที่อายุ40ปีแล้ว ก็จะมีเรือรองรับเอลิคอปเตอร์เพิ่มมากขึ้น
ส่วนในยามสงคราม เราก็คงต้องส่งเรือรบจริงๆเข้าต่อสู้หละครับ อยู่ที่นโยบายกองทัพเรือหละว่าจะโยกเรือชุดไหนมาเตรียมความพร้อมไว้ ส่วนที่ผมคิดว่าขาดไปคือเรือขนาดใหญ่กว่านี้ที่ลำเลียงคนได้เยอะและเป็นฐานเฮลิคอปเตอร์กลางทะเล ให้มองไปที่เรือLPDเหมือนเรืองหลวงอ่างทองนี่แหละเพราะลำใหญ่และมีความเอนกประสงค์สุง แต่ถ้าต้องใช้เงินมากเกินไปดูแบบเรือstrategic sealift vesselsที่ฟิลิปปินส์จ้างอินโดนีเซียต่อให้ก็ได้ครับ ของเขาราคาไม่แพงเพราะน่าจะต่อมาตราฐานเรือพาณิชย์ และใช้หนักไปในเรื่องในเรื่องการให้บริการช่วยเหลือและกู้ภัยกลางทะเล SAR ส่วนภาระกิจทางทหารเช่นสันบสนุนการยกพลขึ้นบกเป็นเรื่องรอง
ทหารเรือของเรามีภาระกิจรวมหน่วยยามฝั่งเหมือนของต่างประเทศด้วย จะมีแต่เรือรบราคาแพงจรวดสุดยอดเรือดำน้ำโคตรเงียบแต่ไม่เคยช่วยเหลือประชาชนก็อยู่ไม่ได้นะครับ เหมือนช่วงนี้กระทู้สะสมอาวุธสงครามจะกลับมาเยอะพอสมควรนะ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่แต่ก็แค่เห็นต่างนะครับไม่ว่ากัน
ทัพเรือภาค 3 เป็นส่วนใช้กำลัง กองทัพเรือจะจัดกำลังไป ปฏิบัติการณ์ตามความเหมาะสม โดยสลับสับเปลี่ยนเรือหมุนเวียนกันไป
ยามปกติ ทัพเรือภาคจะปฏิบัติการณ์ด้วยเรือตรวจการณ์เป็นส่วนใหญ่ครับ
เมื่อมีภัยคุกคามกองทัพเรือกองทัพเรือจะจัดเรือเพิ่มเติมลงไป
ต้องยอมรับอย่างหนึ่งคือทะเลเรามีสองฝั่ง กองทัพเรือมีงบจำกัด ตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง กองทัพเรือไม่สามารถจัดหาเรือได้พอตามแผนเดิม
จนต้องยุบ กองบัญชาการกองเรือป้องกันฝั่ง(Coast Guard Command) งานส่วนนี้จึงกลายเป็นของทัพเรือภาคไปในยามปกติ
โดยส่วนตัว ผมเห็นว่า การขุดคลองกระ จะช่วยกองทัพภาคที่ 3 ได้มากกว่า และติดตั้งระบบป้องกันภัยอาวุธนำวิถึภาคพื้นดิน สู่พื้นน้ำ ใต้น้ำ และ อากาศ ที่ปากคลองทั้งสองฝั่ง น่าจะช่วยได้มาก การเคลื่อนกำลังจากอ่าวไทย ไปอันดามัน ก็จะง่ายและคล่องตัว ยามสงบก็สามารถช่วยในเรื่องเศรษฐกิจได้
2ล้านๆพอขุดไหม
2 ล้านล้าน เว่อร์ไปครับ ถ้าจำไม่ผิด มีบริษัทจากฝรั่งเศส เคยประเมินไว้ประเมินค่าขุดไว้ ประมาณ 140,000 ล้าน แต่นี่ราคาเมื่อ 10 กว่าปีมาแล้ว ในรูปแบบของการร่วมทุน หรือสัมปทาน ซึ่งตอนนั้น เราไม่ให้สัมปทาน เพราะห่วงความมั่นคง และผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ที่บอกว่า2ล้านๆเนี่ย.....ผมว่า คุณlfazuru จะแซวเหตุการณ์ทางการเมืองที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้มากกว่าครับ
คงไม่ได้หมายถึงค่าขุดคอคอดกระต้องใช้เงิน2ล้านๆหรอก
แต่ถ้าเราขุดคอคอดกระจริง...สิงคโปร์ กับ มาเลเซียเค้าจะเสียผลประโยชน์แน่ๆ
เพราะเรือต่างๆจากอันดามันจะแล่นทะลุไปฝั่งอ่าวไทย คงแล่นตัดทางคอคอดกระจะใกล้กว่า
ไม่ต้องไปอ้อมทางช่องแคบมะละกาให้เสียเวลา
ทางสิงคโปร์กับมาเลเซียคงหาทางไม่ยอมให้เราขุดง่ายๆแน่....อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ
ห้ามเสนอข้อความอันเป็นการท้าทาย ชักชวน โดยมีเจตนาก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท หรือก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น โดยมูลแห่งความขัดแย้งดังกล่าว ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นโดยเสรีเช่นวิญญูชน พึงกระทำ
หากตรวจพบข้อความใดเข้าข่ายดังกล่าวมาแล้ว ทางเราขอสงวนสิทธิ์ในการใช้ ดุลยพินิจที่จะลบกระทู้เหล่านั้นทั้งกระทู้ หรือข้อความเห็นเหล่านั้นออกไป โดยอาจแสดงเหตุผลหรือไม่แสดงเหตุผลก็ตาม รวมถึงการขยายผลในการดำเนินการอื่นๆ เพื่อปกป้องสิทธิของสาธารณชนตามสมควรจากผลแห่งความผิด หรือผลแห่งกิจกรรมนั้น / ADMIN
อย่างน้อยก็พัฒนาให้เท่ากับเพื่อนบ้าน
สวัสดีครับ
ผมสงสัยในเรื่องการป้องกันตัวเองของกองทัพไทย
คือผมได้อ่าน(อย่างเดียว)เกือบทุกหัวข้อเรื่อง แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร บ้างก็เสนอจะเอารถถัง เอาเครื่องบิน เอาเรือดำน้ำ เอาเรือบรรทุกเครื่องบิน อาวุธประจำยานรบอื่น หรืออื่นๆ
แต่ผมไม่ค่อยจะได้พบเห็นการเสนอซื้อระบบเรดาห์ หรือการพัฒนาระบบเรดาห์ของเราเอง หรือวางระบบเครือข่ายเรดาห์ทั่วประเทศของเรา
ในการรบปัจจุบันทุกๆที่ที่มีสงคราม ส่วนใหญ่โจมตีด้วยเครื่องบิน กับจรวด น้อยๆมากๆเลยที่จะนำรถถังมาลุย หรือทหารราบมายิงกัน นอกเสียจากมีพรมแดนติดกัน หรือต้องการยึดทรัพยากรที่คุ้มต่อการทำสงคราม แต่ถึงกระนั้นการโจมตีด้วยเครื่องบินหรือจรวดก็ทำให้ฝ่ายถูกกระทำแทบจะแพ้สงครามไปเสียแล้ว
ผมจึงอยากมาขอความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาด้านระบบเรดาห์ของกองทัพนะครับ ว่าเรามีแผนที่จะทำเอง ศึกษาเอง พัฒนาเอง หรือซื้อมาใช้ในระบบใหม่ นำเขาจากที่ใหม่ๆหลากหลายบ้างหรือป่าว และศักยภาพเพียงพอต่อการรับมือภัยคุกคามสมัยใหม่บ้างหรือไม่ เอาแค่แบบจำลองถ้าเราต้องเจอภัยคุกคามจาก S-300 หรือ Su-30 หรือ F16 ที่เพื่อนบ้านเรามี เราจะป้องกันได้หรือไม่ เพียงใด
ปล. คำถามนอกประเด็น สมัยนี้มีสงครามทางอิเล็กทรอนิค ทางกองทัพมีแนวคิดที่จะจัดตั้ง กองทัพ หรือ กรม หรือ หน่วยงาน เกี่ยวกับการป้องกันสงครามอิเล็คทรอนิค ที่รวบรวมบุคคลากรที่มีศักยภาพมาดูแลหรือไม่ครับ?
ทุกอย่างเป็นความสงสัยและอยากรู้นะครับ
ขอบคุณครับ
เว้นการเมืองซักที่ได้มั้ยครับมันเริ่มจะเยอะไปแล้วจะกัดกันทำไมแค่นี้ยังขายขี้หน้าเค้าไม่พอหรือครับ ขอล่ะครับขอเว็บนี้ซักเว็บ
กองทัพเรือประเทศอื่นที่ไม่ทันสมัย? มองข้ามมาเลย์ไปรึเปล่านะ ไหนจะเวียดนามที่Kiloจะเข้าทยอยประการ6ลำ จะมาเลาะขอบฝั่งอันดามันรึอ่าวไทยของเราก็ได้ใครจะไปรู้
คือไม่ได้อิงการเมืองนะครับจากแนวคิดผมคือเราต้องการเสริมการคมนาคมเพื่อสร้างรายได้ทางธุรกิจกับท่าเรือน้ำลึกทวายผมว่าผลประโยชน์ที่เราจะได้คงน้อยกว่าการขุดคลองกระ ถ้าขุดคลองกระขึ้นมาผมว่าคงมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่น้อยแต่จะเป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนอีกมาก แต่ผลประโยชน์โดยรวมที่จะเกิดขึ้นกับประเทศมหาศาล ไหนๆจะเป็นหนี้ตั้ง 50 ปี ใช้วิธีนี้น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า ส่วนเรื่องผลประโยชน์ของประเทศเพื่อนบ้านถ้าใช้วิธีร่วมทุนกันจริงๆคงจะดีมาก(แต่ถ้าทำเองคงต้องยืมมือมหาอำนาจเข้าช่วยหนุน) ซึ่งผมเชื่อว่ากำลังทางทหารในประเทศไทยปัจจุบันน่าจะรักษาพื้นทีี่ได้ถ้าการพัฒนาในเขตพื้นที่อาจทำให้ผู้คนตาสว่างมากขึ้น
ความเห็นส่วนตัว 2ล้านล้านกับรถไฟความเร็วสูงมันจะไปส่งผลดีให้ต่างประเทศมากกว่าที่จะตกกับประเทศเรา
สถานีรถไฟฟ้าบ้านเราใช่จะคึกคักทุกสถานีจะมีก็แค่สถานีสำคัญ เช่นกันในการส่งสินค้าสถานีที่สำคัญคือต้นทางและปลายทางและสถานีที่ระยะสั้นสุดมันไม่ใช่มาลงที่สถานีสุดท้ายที่เราทั้งหมด ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้ผู้ใหญ่หันมาสร้างคลองกระให้สำเร็จดีกว่าด้วยงบประมาณนี้
@ คุณ rachatagot เรดาห์เราก็ซื้อเรื่อยๆ นะครับ แต่มันไม่ค่อยเป็นข่าวใหญ่ เพราะมันไม่ได้เป็นหลายๆ พัน หรือเป็นหมื่นล้าน หรือมีอะไรแปลกใหม่เช่นเราผลิตเองอย่างในกรณี รยบ 1/4 ตัน หรือโครงการของ dti ต่างๆ ส่วนการจะทำเรดาร์เอง ผมว่ายากเกินไปสำหรับเราตอนนี้ครับ
ตอบคุณ oleomano ถ้าลองนึกตัวเองในฐานะประเทศเวียดนามหรือมาเลย์เซีย คุณจะรู้สึกว่าประเทศคุณมีกองทัพเรือที่พร้อมรับมือกับภัยคุกคามอย่างแท้จริงหรือเปล่า? มาเลย์เองประเทศแยกเป็นสองส่วน ติดกับอินโดฯ และไทย ซึ่งก็ไม่ได้ขี้หมูขี้หมาที่ไหน นอกจากเรือดำน้ำสองลำแล้ว ทัพเรือมาเลย์ดูด้อยกว่าเราเสียอีก ส่วนเวียดนามภัยคุกคามคือจีนใหญ่กว่าเรามากๆ ดังนั้นเวียดนามเองหากจะเอามาดวลกับเราหมดก็แปลว่าประเทศตัวเองไม่มีการปัองกันทางน้ำเลย จึงเป็นอย่างที่ผมว่าแต่แรกคือทัพเรือในภูมิภาคนี้พอยันๆ กันไปได้ เป็นการป้องปราม ไม่ได้มีใครโดดเด่นมีกำลังเกินตัวจะไปฟัดกับใคร นอกจากสิงคโปร์
@ คุณ idaho
ผมยอมเกรียนก็ได้ครับ ถ้ามันทำให้คุณมีความสุข ผมคิดว่าแค่การแสดงความคิดเห็นของคุณก็บ่งบอกวุฒิภาวะได้ชัดเจนอยู่แล้ว ต่อให้คุณอาจจะใกล้แซยิดก็ตามที
ทีนี้ผมเองยังไม่ได้พูดเรื่องรัฐบาลอะไรเลย ไม่ได้ว่ารัฐบาลโง่อะไรเลย คุณก็สีลอกซะก่อน แต่ที่ผมสงสัยคือฉลาดและข้อมูลแน่นแบบคุณ ไม่รู้จริงๆ เหรอครับว่าสมัครทหารเขาสามารถเลือกที่ลงได้? และทุกปีที่มีการจัดตั้งกรมกองอะไรเพิ่ม เขาก็เพิ่มจำนวนทหารที่จะเกณฑ์ในปีนั้นตลอดอะครับ ลงหนังสือพิมพ์ประจำ อย่างน้อยถ้าเคยอ่านหนังสือพิมพ์บ้างคงเคยผ่านตาแหละครับ
เรื่องขดคลองคอคอดกระ ผมเองก็สนับสนุนครับ ผมเพียงแต่จะชี้ให้คุณ idaho เข้าใจว่ามันไม่ใช่ส่งผลกระทบทางธรรมชาติเท่านั้น แต่ส่งในเรื่องอุตสหกรรมการท่องเทียวและประมงด้วย ซึ่งสองอันนี้ก็เป็นอุตสาหกรรมใหญ่ของประเทศทีเดียว
เรื่อง 2 ล้านล้านกับหนี้ 50 ปี ผมว่าอย่าไปพูดถึงเลยครับ มันการเมืองเจาะจงเกินไปครับ
เหอะๆ เลือกที่ลงตามใจชอบได้ งั้นทางใต้ก็หนีขึ้นมาเกือบหมดสิคุณ ข้อมูลอ้างอิงที่มาด้วย
ต้องจัดสร้างฐานทัพเรือภาคใตั ใชัเรืออู่ลอยน้ำขนาดใหญ่ในการซ่อมบำรุ่งเรือ
ภาคใต้ทหารแต่ละหน่วยจะถูกส่งหมุนเวียนลงไปประจำเป็น ระยะเวลาหนึ่ง (หกเดือนหนึ่งปีก็ว่าไป ผมจำระยะเวลาไม่ค่อยได้) ก็จริง แต่ถ้าสมัครใจลงก็ได้ครับ น่าจะมีเงินเพิ่มให้ด้วย
หรือบางคนอุดมการณ์สูงก็ลงไปก็มี
ปล.สมัครใจลงใต้ได้ แต่สมัครใจหนีขึ้นมาไม่ได้ครับ ก็เหมือนการสมัครเข้าเป็นทหารกองประจำการได้ แต่หนีเกณฑ์ไม่ได้กรณีจับได้ใบแดง
ต้องขออภัยครับ แอดมิน อารมณ์พาไปหน่อย _/\_
@ คุณ idaho สมัครทหารเลือกหน่วยได้ครับ เราไม่มีทางรู้ว่านโยบายในอนาคตของกองทัพไทยจะเป็นยังไงในเรื่องการ deploy ทหารในภาคใต้ อย่างก่อนยุค พล อ อนุพงษ์ ก็ทภ 4 แต่พอท่าน พล อ อนุพงษ์ มาก็ประกาศนโยบายว่าปัญหาชายแดนใต้เป็นปัญหาของทั้งประเทศ ดังนั้น จะให้ทัพภาคสี่รับผิดชอบคนเดียวไม่ได้ ต้องช่วยๆ กัน ทัพภาคสองภาคสามก็เลยต้องลงใต้มาด้วย น่าจะประมาณนี้นะ
คุณก็เลือกหน่วยที่คิดว่าจะไม่ต้องลงใต้สิครับ ทหารอากาศ ทหารเรือ ทหารม้า สรรพวุธ (โดนเปล่าหว่า?) อะไรก็ว่าไปครับ หรือไม่ก็เรียนให้จบปริญญา ลดเหลือหกเดือน เขาว่าว่าปรกติก็นั่งทำเอกสารประจำกรมกอง เพราะปลดไวเกิน เข้าใจว่าปกติทหารเกณฑ์ส่งลงใต้ปีที่สอง ใครในทีนี้ทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ก็ช่วยแก้ไข้ให้ด้วยละกัน หากผมมั่ว
ถ้าอยากไปใต้ชัวร์ๆ ก็ไปสมัครเป็น อส ทหารพราน ที่จะไปใต้สิครับ ปัดโธ่ หรือนาวิกฯ ก็ได้ คนสมัครลงไปภาคใต้เยอะแยะ ได้สวัสดิการสูง ได้ค่าเสี่ยงภัย ฯลฯ
ผมว่าเรากลับมาเข้าประเด็นเรือรบกันดีกว่าน่ะครับ สำหรับผมจะแบ่งกองเรือตามหลัก 3 ประการ คือ
1.ขนาดพื้นที่รับผิดชอบ ฝั่งอ่าวไทยจะมีพื้นที่มากกว่าฝั่งอันดามัน ประมาณว่า 2:1
2.ขีดความสามารถของประเทศที่มีพื้นที่ติดกัน ฝั่งอ่าวไทย มี มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม ส่วนฝั่งอันดามัน มี พม่า มาเลเซีย อินเดีย บังคลาเทศ ซึ่ง อินเดียมีขีดความสามารถสูงสุด รองลงมาคือมาเลเซีย
3. ความน่าจะเป็นในการเกิดความขัดแย้งจนต้องใช้กำลัง ฝั่งอ่าวไทยมีความขัดแย้งมากกว่าฝั่งอันดามันมาก
จากทั้ง 3 ข้อ ผมก็จะแบ่งกำลังเป็น 60:40 คือ ฝั่งอ่าวไทย 60 ฝั่งอันดามัน 40 (ที่ 40 เพราะมีกองเรือเดียวไม่สามารถจะรอกองเรือฝั่งอ่าวไทยมาช่วยได้) คราวนี้ก็แบ่งกำลังกันตามนี้ เช่น เรือฟริเกต ถ้ามี 10 ลำ ก็ไว้ฝั่งอ่าวไทย 6 ( สัตหีบ 4 สงขลา 2 ) และฝั่งอันดามัน 4 เป็นต้น ส่วนเรือ เครื่องบิน อาวุธ ต่างๆ ทหารนาวิก ฯ ก็จัดตามอัตราส่วนนี้ ครับ
เข้าใจว่าทัพเรือของเราไม่ได้แบ่งเป็นสองทัพคืออันดามันกับอ่าวไทย (หรือสาม อ่าวตอนเหนือ ใต้ และอันดามัน) กองทัพอย่างชัดเจน เนื่องจากพื้นที่ของเราถือว่าเล็กและเรือประจำการมีน้อย ปกติก็ผสมหมู่ตามภารกิจ การจัดกองเรือหรือหมวดเรือเป็นไปในลักษณะการจัดหมวดหมู่เฉยๆ มากกว่า เข้าใจว่าเรือฟริเกตส่วนใหญ่ก็กองๆ อยู่ที่ทัพเรือภาค 1 แหละ (ผิดถูกใครช่วยแก้ไขที)
ผมคิดว่าคงต้องพลิกแพลงตามสถานการณ์ เช่นถ้ามีเรื่องฮึ่มๆ กับพม่า เราก็ต้องเกณฑ์เรือรบไปเพ่นพ่านฝั่งอันดามันหน่อย แต่ถ้ากำลังจะโดนบุกก็คงต้องโกยมาปิดอ่าวโดยด่วน ฝั่งอันดามันทิ้งไปได้เลย เพราะตัวลักษณะทางภูมิประเทศด้ามขวานป้องกันจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ เช่นเมืองหลวง เมืองท่าทางตะวันออกและโรงงานอุตสหกรรม โรงกลั่นน้ำมัน จากการโจมตีทางน้ำจากทางอันดามันอยู่แล้ว อย่างมากเราก็ไปปิดๆ แถวช่องแคบมะละกาซึ่งไม่ได้กว้างขวางอะไร
อย่างทัพเรือสหรัฐ ที่แบ่งเป็นหกเจ็ดทัพ บางทัพก็ไม่ได้มีเรือประจำการณ์ตายตัว ขึ้นอยู่กับภารกิจและเหตุการณ์ ที่แบ่งๆ เหมือนเป็นเขตความรับผิดชอบของหน่วยบัญชาการเฉยๆ
การแบ่งสัดส่วนกองเรือรบปัจจุบันมันแบ่งกันตามกองทัพเรือภาค 1 ,2 และ3 อยู่แล้วไม่ใช้เหรอ แล้วแต่ตามพื้นที่รับผิดชอบแต่กองทัพภาคเป็นสัดส่วน ซึ่งผมจำได้ว่าเคยมีใครในเวปนี้เคยนำเอาแผนที่แสดงพื้นที่รับผิดชอบของกองเรือรบมาให้ดู
(ท่านจูดาสหรือเปล่านะ?)
ในฝั่งทะเลอันดามันภัยคุกคามมันค่อนข้างน้อย เพราะเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเลแต่ ถ้ามีการสร้างท่าเรือขึ้นจริงๆ ในอนาคตข้างหน้า ตามความคิดของผมกองทัพเรือควรจะมีเรือดำน้ำอย่างน้อย 3 ลำ คือในอ่าวไทย 2 และอันดามัน 1 ลำ
ในส่วนของภัยคุมคามทางทะเลจากพม่านั้นผมเรียนตามตรงว่า พม่าหวาดระแวงบังกลาเทศกับอินเดียเสียมากกว่าไทยเรา พอๆกันกับเวียดนามที่หวาดระแวงจีน
ส่วนที่ว่ากองทัพเรือภาคที่สามมีเรือรบที่ค่อนล้าสมัย อันนี้จริงแต่ทำงัยได้ ทุกเหล่าทัพก็เป็นแบบนี้เหมือนๆกันหมดนั้นแหละ กองทัพภาคอันดับท้ายๆมักจะไม่ค่อยจะได้รับการพัฒนาหรืองบประมาณซักเท่าไร
ถ้ามีเรือดำน้ำสามลำ ในสถานะการณ์ปกติคงต้องลาดตระเวณอันดามันหนึ่งลำ อ่าวไทยหนึ่งลำ สำรองอยู่หนึ่งลำที่สัตหีบ
สัดส่วนกองเรือรบ ผมเข้าใจว่าไม่มีการแบ่งว่าลำไหนประจำการทัพเรือภาคไหนถาวรนะครับ