อยากถามท่านผู้รู้ดังนี้ครับ
1) อย่างที่ทราบกันว่าเทคโนโลยีในการหาตำแหน่งของ ป. เพื่อการโต้กลับอย่างรวดเร็วนับวันจะมี ปสพ สูงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ป. แบบลากจูงจะยังคงมีคุณค่ามากน้อยเพียงใดครับ
2) ผมไปพบบทความที่เราทดสอบ GHN-45 APU โดย นย. ไม่ทราบว่าผลการประเมินเป็นไงบ้างครับ.
(ดูจากภาพแล้วเข้าท่าดีคร้บ ถ้าทดสอบแล้วดี เชียร์ให้เอาตัวนี้แหละมาเข้าสายการผลิต ต่อยอดโดยการพ่วงเอา คอมพ์ คคย ติดเข้าไป ทำตลาดส่งออกไป ประเทศที่ทุนไม่หนัก น่าจะดี)
3) M198 ชุดใหม่ที่ใด้มาปีที่แล้วทำแบบนี้ใด้มั๊ยครับ
ขอบคุณครับ
ghn45 a1-apu ก็เป็นลากจูงนะครับ เพียงแต่มีระบบขับเคลื่อนเพื่อช่วยให้เข้ามี่ตั้งยิงง่ายขึ้น และสามารถเคลื่อนที่ระยะใกล้ได้ อัตราจรก็ดี ในเรื่องของความรวดเร็วในการย้ายยิง แต่ก็ มีปัญหาเรื่องการบำรุงรักษาที่มากขึ้น หากรถวิ่งไม่ได้ เครื่องพัง ปืนก็ไม่ต้องยิงกันเลย แต่ลากจูง สามารถเปลี่ยนรถลากปืนได้ ที่สำคัญแพง .......... พอจะได้สาระบ้างนะครับ
คุณ uuhuto ครับใด้สาระครับ และก็จริงครับที่ว่า ป. อัตาจรมันแพง ผมเองไม่มีความรู้เรื่องเทคนิควิธีของปืนใหญ่ แต่คิดเอาตามประสาว่าถ้าป.ลากจูงมันต้องตั้งฐาน กว่าจะย้ายที่ยิงก็คงนาน เจอสวนมาก็เละเลย ในขณะที่ APUพอยิงเสร็จซักชุดก็หลบออกจากจุดยิงให้พ้นระยะปืนของข้าศึก ประมาณนี้ล่ะครับ ไม่รู้ว่าทางปฎิบัติเค้าทำกันแบบนี้หรือเปล่า...
และเราก็มี ป.ลากจูงอยู่พอประมาณ จะโละไปเลยก็คงไม่ไหว ถ้า APU มันตอบโจทย์ใด้ก็เชียร์ให้ทำให้หมดเลยครับ (ติดใจ คคย. คอมพ์ จริงๆ ถ้าเอามารวมกันใด้ก็สุดยอดเลยครับ)
ปืนใหญ่ L119 105 mm เคลื่อนย้ายง่ายกว่าเพราะขนาดที่เล็ก มีระยะยิงสั้น 10-20 km เพราะงั้นยิงแล้วต้องรีบเปลี่ยนตำแหน่ง
ปืนใหญ่แบบลากจูงยังมีคุณค่าอย่างมากครับ ปืนใหญ่แบบลากจูงยังเป็นแบบที่มีความง่ายและคงทน ไม่จุกจิก ในการใช้ทางยุทธวิธี เวลาที่ตั้งยิงจะตั้งเป็นหน่วยแล้วแต่ภาระกิจ มี ศอย.อยู่ด้วย เมื่อเข้าที่ตั้งยิงได้แล้ว จะยิงนัดแรกได้เร็วกว่าพวกปืนอัตตาจร คุณลักษณะเด่นของอาวุธวิธีโค้งประจำหน่วยกลุ่มปืนใหญ่ต่อการปฏิบัติทางยุทธวิธี คือ การรวมอำนาจการยิง ถ้าถูกเป้าหมายเพียงนัดเดียวเตรียมเละได้เลย เพราะจะมีการระดมยิงซ้ำเป้นชุด สำหรับการป้องกันจุดอ่อน การถูกตอบโต้กลับก็อาจจะมีหลายแบบ เช่นการวางระยะ(ที่ตั้ง) ให้คุ้มครองแค่ขอบหน้าพื้นที่การรบ หรือแค่เพียงถึงหน่วยทหารราบ ที่มั่นด้านหน้าของฝ่ายตรงข้ามที่ตั้งอยู่ด้านหน้า คือ ปืนใหญ่ยิงกันไม่ถึง ตรงนี้ปืนฝ่ายไหนที่มีระยะยิงไกลกว่าก็จะได้เปรียบ
เพื่อเป็นการอุดช่องว่างข้างต้น จึงมีการจัดหาปืนใหญ่อัตตาจร อย่างพวกล้อยางเพื่อให้เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว สามารถเข้าที่ตั้งยิงให้เข้าไปในทางลึกในเขตพื้นที่ข้าศึกได้มากขึ้น และถอนตัวเองให้พ้นจากรัศมีการตอบโต้ของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างรวดเร็ว
เรื่องประโยชน์ของปืนใหญ่มันขึ้นกับหลักนิยมในการใช้ครับ ปืนลากจูงเหมาะกับการวางเป็นแนวป้องกันเสียมากกว่าเมื่อเข้าตำบลยิงแล้วก็ซ่อนพรางด้วยอุปกรณ์พรางอยู่หลังแนวต้านของทหารราบ...แน่นอนครับด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อาจทำให้หาที่ตั้งของปืนได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะข้ามแนวมาทำลายกันได้ง่ายๆ เพราะของเราตั้งพร้อมยิงอยู่ ถ้าข้าศึกใช้ปืนลากจูงเหมือนกัน....กว่าจะเข้าตำแหน่งกว่าจะพร้อมยิงก็โดนของเราไปชุดสองชุดแลัวครับ...(ส่วนจะมาด้วยวิธีอื่นก็แล้วแต่ยุทธวิธีทั้ง 2 ฝ่ายที่จะวางแผนป้องกัน หรือโจมตีอย่างไร)
ดังนั้นจึงต้องมีปืนอัตตาจร ที่เข้าที่ยิงได้รวดเร็วและเริ่มทำการยิงได้ในเวลาที่สั้นกว่า.
หมายความว่าปืนลากจูงน่าจะเหมาะกับการตั้งรับ ส่วนปืนอัตตาจร เหมาะกับการบุกมากกว่า
ส่วนเรื่องการย้ายที่ตั้งเพื่อป้องกันการตรวจพบ ก็มีเหตุผลครับ แต่หากเรามี ปืนอัตตาจรเพียงชุดเดียวที่สนับสนุนการรบของทหารราบอยู่ แล้วเรามัวมาย้ายที่ตั้ง ก็จะทำให้มีช่วงเวลาที่เราจะไม่มีปืนสนับสนุนทหารราบ
ผมว่าออกจะเสี่ยงไปหน่อย แต่ถ้ามีหน่วยปืน สองชุด ก็ให้ชุดนึงคอยสนับสนุนแล้วอีกชุดย้ายที่ตั้ง พออีกชุดเข้าที่ ชุดที่สนับสนุนค่อยย้ายแบบนี้จะดีกว่า
สรุปผมว่าปืนลากจูงยังมีประโยชน์อยู่มากครับโดยเฉพาะในการรบแบบป้องกันยิ่งเรามีจำนวนมาก ฝ่ายจรงข้ามถึงจะหาเจอ ก็ต้องหาทางที่จะทำลายทิ้งให้ได้ซึ่งก็ต้องมีความเสี่ยงครับ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้ฝ่ายตรงข้ามและเพิ่มโอกาสให้ฝ่ายเราครับ..
อืมมมม... จากสองความเห็นข้างบน ผมเห็นคล้อยตามครับว่า ป.ลากจูงยังคงสำคัญสำหรับในการสนับสนุนทหารราบ ที่นี้ตัวอย่าง....
ข้อมูลปืนมาจากอาจารย์วิกิ ถ้าคลาดเตลื่อนช่วยแนะนำด้วยครับ ระยะของแนวกำลังก็สมมติให้เห็นเอาง่ายๆ... ไม่ใด้เจตนาจะไปเปรียบเทียบกับ ปท ใด นะครับ ผมแค่กำลังศึกษาเรื่องปืนใหญ่ ( เอามัน )... ถ้าตัวอย่างข้างล่างนี่เราแก้เกมส์ยังไงครับ
ป. ข้าศึก ทหารราบข้าศึก เส้นกึ่งกลางแนวปะทะ ทหารราบไทย ฐาน GHN45 + M198
+ 50Km +0.1Km 0Km -0.1Km -39Km
SH1 ระยะยิง 53 กม GHN45 ระยะยิง 40 Km
NORA B52 ระยะยิง 31- 67Km แล้วแต่ชนิดกระสุน M198 ระยะยิง 30 Km
อุ็ววววว ตัวอย่างผิด ตรงระยะฐานปืนใหญ่ ขอแก้ไขครับ....
ข้อมูลปืนมาจากอาจารย์วิกิ ถ้าคลาดเตลื่อนช่วยแนะนำด้วยครับ ระยะของแนวกำลังก็สมมติให้เห็นเอาง่ายๆ... ไม่ใด้เจตนาจะไปเปรียบเทียบกับ ปท ใด นะครับ ผมแค่กำลังศึกษาเรื่องปืนใหญ่ ( เอามัน )... ถ้าตัวอย่างข้างล่างนี่เราแก้เกมส์ยังไงครับ
ป. ข้าศึก ทหารราบข้าศึก เส้นกึ่งกลางแนวปะทะ ทหารราบไทย ฐาน GHN45 + M198
+ 20Km +0.1Km 0Km -0.1Km -30Km
<----------------------------------------------------------------- 50 Km ----------------------------------------------------------------->
SH1 ระยะยิง 53 กม GHN45 ระยะยิง 40 Km
NORA B52 ระยะยิง 31- 67Km แล้วแต่ชนิดกระสุน M198 ระยะยิง 30 Km
ส่วนตัวคิดว่า ถึงแม้เทคโนโลยีในการหาตำแหน่งจะพัฒนาไปไกลก็ตาม ป. ลากจูง ก็ยังมีประโยชน์น่ะ และไม่ใช่แค่ ป. ลากจูง แม้แต่ผู้ตรวจการณ์หน้าก็ยังมีความสำคัญอยู่ อยุ่ที่เราจะประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดครับ ทั้งหมดนี้อยู่ที่การเตรียมพร้อมครับ ทั้งกำลังพลที่มีความชำนาญในการใช้อาวุธนั้นๆ , ยุทธวิธี หรือแม้แต่ยุทธศาสตร์ ถ้าไม่มีการเตรียมพร้อมหรือประมาท ต่อให้อาวุธเทพแค่ไหนก็แพ้สงครามอยู่ดี สงครามเวียดนามเป็นที่พิสูจน์ได้ยังดีครับ
ผมมองว่าเรื่องนี้เราคงต้องดูที่ภารกิจแหละครับว่าต้องการความยืดหยุ่นขนาดไหน ถ้าเป็นตั้งยิงเพื่อสนับสนุนทหารราบตามปกติหรือตั้งยิงเพื่อสร้างแนวป้องกัน ป.ลากจูงก็ยังคงมีคุณค่าอยู่ แต่ถ้าเป็นการเข้าตั้งยิงเพื่อสนับสนุนทหารราบในขณะเข้าตีแบบฉับพลัก(ยิงแล้วหนี) ป.อัตราจรดูจะเหมากว่าเพราะมีความคล่องตัวสูง เคลื่อนย้ายได้ไว
เห็นด้วยครับว่ายุทธวิธืก็สำคัญมากๆ.. รบกวนลองดูที่ คำถามใน คห ที่ 8 ครับ... มันเป็นโจทย์ที่อ้างอิงมาจากความสามารถของ ปืนใหญ่ 155 มม รุ่นใหม่ๆที่มีระยะยิงใกล + อัตราจร + คำนวณ(และปรับ?)การยิงด้วยคอมพ์
เช่น SH 1 อัตารจร + คอมพ์ จากจีนยิงใกล 53กม ลุยกับ GHN45 ลากจูง ระยะยิง 40 กม. ผมดูแล้วมันจะกลายเป็นเป้าให้ SH1 สอยเอาง่ายๆมั๊ย ยิงเค้าก็ไม่ถึง แถมจะย้ายหนีก็ต้องเก็บอุปกรณืกันอีกพักนึง...
(ส่วนเรื่องแม่น ผมก็รู้ครับว่าทหารปืนใหญ่ไทยแม่น แต่คนยิงปืนใหญ่ SH1 ไม่ต้องฉลาดเท่าเรา มันก็ยิงใด้แม่นพอกันถ้ารู้ว่าจะต้องป้อนข้อมูลให้ระบบ คคย ของ SH1 ยังไง)
ขนาดหนังสติก มันยังมีคุณค่าทางยุทธศาสตร์ในตัวมัน แล้วนี่ปืนใหญ่เชียวนะ
ผมว่าขึ้นอยู่กับสถานะการนะครับ ป ลากจูงส่งทางอากาศได้ ปอัตตาจร ไม่เคยเห็น แปลว่าหากรถเข้าไม่ถึงป อัตตาจรก็ไปไม่ได้ ในขณะที่ป ลากจูงอาจจะใช้ฮยกไปวางได้ นอกจากนี้ต้องดูอีกว่าฝ่ายตรงข้ามีอะ/รอย่างไร ตอนรบกับเขมรเราก็ใช้ป ลากจูงยิง. ฝ่ายตรงข้ามมี จรวดหลายลำกล้องอัตตาจรเราก็สู้ได้นิครับ จะมองว่าปลากจูงหมดคุณค่าคงไม่ได้
แตหากเอาปลากจูงไปดวนกับปอัตตาจรคงไม่ไหว ซึ่งหากปะทะกับสมมุติว่าพม่าละกันที่มีปอัตตาจร. ก็คงใช้วิธีอื่น เช่นกำลังทางอากาศเข้าล่าปอัตตาจร แบบที่ อเมริกาใช้บไล่ล่าสกั๊ดของอีรัก
โอกาศที่ป.ลากจูงกับป.อัตราจรจะได้ดวลกันจริงๆก็อาจจะมีครับ อย่างเช่น ฝ่ายรับตั้งป.ลากจูงไว้คอยยิงปูพรมใส่แนวบุกของฝ่ายรุกเพื่อป้องกันไม่ให้โดนเข้าตีเอาง่ายๆ ฝ่ายรุกอาจแก้สถานการณ์ด้วยการขอการสนับสนุนจากป.อัตราจรที่มีระยะยิงไกลให้ช่วยยิงสนับสนุน ซึ่งตรงนี้ถ้าหากผู้ตรวจการณ์ไม่ทันระวังตัว แนวปืนใหญ่ของฝ่ายรับก็อาจโดนป.อัตราจรของฝ่ายรุกยิงถล่มเอาโดยที่ไม่สามารถหาได้ว่ายิงมาจากไหน
แต่กลับกันถ้าหากฝ่ายรับสามารถดักฟังวิทยุของฝ่ายรุกได้หรือผู้ตรวจการมองเห็นป.อัตรจรกำลังเคลื่อนที่มาเพื่อเตรียมตั้งยิง ตรงนี้ถ้าหน่วยปืนใหญ่ของฝ่ายรับมีความแม่นยำและป.อัตราจรของฝ่ายรุกนั้นไม่ระวังตัวเข้าไปอยู่ในระยะยิง ก็อาจจะโดนห่ากระสุนของป.155 ถล่มจนพังได้
พอดีไม่ได้ดูโจทย์ แต่ขอตอบว่า GHN45 แพ้ SH1 แน่นอน 100% ที่แพ้เพราะระยะยิง และสิ่งที่ท่านคิดนั้นถูกมากและถ้ามีงบประมาณเราควรจัดมาในอัตราที่เหมาะสม แต่โจทย์นี้ทหารเราเคยเจอมาแล้วสมัยญวนบุกช่องบก ที่ช่วงแรกเราใช่ยุทธวิธีแบบทุ่มกำลังทหารจำนวนมาก+การยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ และเครื่องบินทิ้งระเบิดใส่ข้าศึกไม่ได้ผลเราเลยเลยต้องปรับด้วยยุทธวิธีการรบแบบป้อมค่าย(คือขุดบังเกอร์เข้าเกาะติดข้าศึกเพื่อลดความสูญเสียจากปืนใหญ่ของญวนเนื่องจากญวนไม่กล้ายิงเพราะกลัวจะโดนพวกเดียวกัน) ตัวอย่างช่องบกนี้ อัตราจร(ขณะนั้นเราก็ไม่มีด้วย) ถึงมีก็ไม่มีประโยชน์เพราะเป็นป่าทึบ แล้วอีกอย่างชัยภูมิฐานปืนใหญ่ของญวนได้เปรียบบวกกับปืนใหญ่ที่ทันสมัยกว่าของทางไทยจากโซเวียต เราจำเป็นต้องส่ง ทหารพรานกับรพศ. เพื่อค้นหาฐานที่ตั้งปืนใหญ่ และทำลายระบบการส่งกำลังบำรุง + ทางไทยเราได้ทำการพรางที่ตั้งฐานปืนใหญ่ในการเข้าตีอย่างดีและจะยิงปืนใหญ่เมื่อเราจะพร้อมโจมตีกลับพร้อมกับเครื่องบินรบแบบเอฟ ๕ เอฟ เข้าทิ้งระเบิดอย่างหนัก ทั้งหมดที่ผมกล่าวมาคือ เราต้องเลือกใช้หรือปรับใช้ยุทธวิธีให้เหมาะกับสถานการณ์ครับ
อืมมมม ผมมาติดใจตรงที่ ป. อัตราจรเข้าทำการในป่าทึบไม่ใด้นี่ล่ะ.... จริงๆแล้วคงหมายความว่าปืนขนาดใหญ่ๆเข้าไปทำการไม่ใด้.. เพราะทั้ง ปอจ และ ปลจ ก็ต้องใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่เหมือนกัน และ ปลจ ดูเหมือนยิ่งยากกว่าอีกเพราะมันคือรถพ่วงเราดีๆนี่เอง
อีกอย่าง...พออ่าน คห ของท่าน Odin แล้วผมไปสังเกตุรูปถ่ายหรือวิดิโอเกี่ยวกับปืนใหญ่ (ลองพิมพ์ 155 Howitzer) ไม่มีรูปไหนถ่ายจากในป่าเลยครับ... แม้แต่ภาพโปรโมท ป. อัตราจรต่างๆ
มิน่า....หลังจากช่องบก ชาวไทยเราเลยถางป่าซะโล่งเลย เพื่อทำทางให้ ป ของ ทบ. เข้า พท.ยิงใด้ง่ายๆ (อันนี้ล้อเล่นนะ)เวลานั่งเครื่องบินผ่านมาทางเวียตนาม เห็นรอยต่อ ไทย - ลาว ไทย - กพช ชัดเลยนะ... ของไทยจะเป็นสีแดง (ดินลูกรัง) ของอีกฝั่งเป็นป่าเขียวๆ...
ว่าแตมีไครใด้เข้าไปดูกูเกิ้ลเอิร์ธ แถวๆที่มีการปะทะเมื่อ 2454 มั๊ยครับว่าตอนนี้กูเกิ๊ลมันลากเส้นยังไง..... ไปดูกัน นะ...
ระยะยิงghn45ผมว่าได้ไกลว่า40กม.นะครับถ้าใช้กระสุนต่อระยะ ถ้าจำไม่ผิดฐานยิงเราอยู่ห่างจากแนวชายแดนมากนะครับแต่เรายังส่งลูก155ข้ามฝั่งเข้าบ้านเขาไปอีกเป็นสิบๆโล อันนี้ว่าถึงเคสของชายแดนอีสานใต้นะครับ แล้วอีกอย่างผมมองว่าต่อให้พม่ายิง sh1หรืออีกแบบที่กล่าวมาใส่เราอย่าลืมว่าเขาต้องยิงข้ามเขาสูงๆระยะยิงมันลดลงเพราะชดเชยกับมุมโค้งข้ามเขาใช่ไหมครับงานนี้ดวลกันผมว่าไม่น่าแพ้ทางกันมากทีเด็ดทีขาดอยู่ที่การตรวจการและการตรวจจับกระสุนมากกว่า เทียบกันแล้วผมใช้เราเป็นต่อนิดหน่อยถ้าเอายูเอวี กับเราดาร์ค้นหาปืนใหญ่อาร์เธอร์ที่มีข่าวว่าเราจัดหา รวมถึงฝีมือการคำนวนการยิงของพลพรรคปืนโตของเราครับ
มาจากวิกิ ครับ ว่ายิงกระสุน เบสบลีด ซึ่งเป็นกระสุนที่ยิงใด้ใกลสุด 39.6 กม.
ถ้าแนวเขาทางด้าน ตต จะเอึ้อประโยชน์ให้เราอย่างที่ว่า ก็ในกรณีที่ฝั่งเราอยู่บน พท.ที่สูงกว่า แบบว่าปืนเค้าต้องเงยมากๆจึงจะยิงผ่านยอดเขามาใด้ แต่ถ้ายิงจากฝั่งเราไปเงยนิดเดียวก็ผ่านยอดเขาไปใด้ ทำให้ระยะกลับมาสูสี หรือเราอาจใด้เปรียบ คงประมาณนี้ถูกมั๊ยครับ...
ถ้าพูดถึงชายแดน ตต. ผมเข้าใจว่าเรามีพรมแดนธรรมชาติ 2 ลักษณะนะครับ คือแม่น้ำ และสันปันน้ำของ ทข ตะนาวศรี ในความเป็นจริง เราใด้เปรียบทางด้านชัยภูมิตลอดแนวชายแดนหืรอเปล่าผมไม่ทราบน่ะครับ
ท่าน Sam มุกเหลือร้ายจริงๆ "ชาวไทยเราเลยถางป่าซะโล่งเลย เพื่อทำทางให้ ป ของ ทบ. เข้า พท.ยิงใด้ง่ายๆ" หลังจากสมรภูมิช่องบกกับบ้านร่มเกล้า กองทัพบกเราค่อนข้างจะพัฒนากว่าเพื่อนบ้านเยอะ โดยเฉพาะหน่วยทหารปืนใหญ่ อย่างกรณีข้อพิพาทเขาพระวิหารหน่วยทหารปืนใหญ่เราที่ทำผลงานได้ประทับใจ พระเอกอย่างปืนใหญ่อัตราจร Caesar 155mm นี้ ขนาดไปไม่กี่หน่วยยิง ก็ทำให้เขมรสบสนยิงไม่ถูกกันที่เดียว ใจก็อยากให้ ทบ.จัดมารวดเดียวสัก 24 หน่วยยิง
ปล. ผมขอย้ำนะครับ ว่าผลงานที่ดีเยี่ยมในกรณีของข้อพิพาทเขาพระวิหาร มาจากแผนการป้องกันประเทศของไทยเราที่ได้ทำไว้หลังผ่านประสบการณ์รบที่ดีและไม่ดีในอดีต ที่ได้ทำการ mark จุดในการตอบโต้กลับไว้อย่างเป็นขั้นตอน แต่แผนจะสำเร็จไม่ได้ ถ้าไม่ได้ความยอดเยี่ยมของหน่วยทหารปืนใหญ่และหน่วยทหารแนวหน้า ที่มีการผสานงานกันอย่างดียิ่งจนทำให้ทางเขมรเสียหายเยอะขนาดนี้ ขอขอบคุณครับ
เห็นด้วยกับท่าน Odin ทุกกรณีครับ ที่ผมสนใจมาศึกษาเรื่องปืนใหญ่นี่ก็เพราะว่ามองย้อนไปสมัยร่มเกล้าเราเสียเปรียบเรื่องนี้... ผ่านมาเกือบ 30ปีเราพัฒนามาจนนำหน้าเมื่อมองไปรอบๆบ้านเรา...
เมื่อปี 44 เราใด้ทดสอบภาค ทฤษฏี+ปฎิบัติทาง ตต. ผลว่าผ่าน ใด้ เกรด เอ... ปี 54 ใด้เกรด (?) ก็เลยคิดต่อว่ามันจะมีอะไรมาทำให้ตำแหน่งจ่าฝูงเราถูกท้าทายมั๊ย... ตามที่ศึกษาผมว่ามีแล้วครับ... เลยเอามาคุยกัน... ขอบคุณในทุกความเห็นนะครับ
มีตารางเปรียบเทียบ ป 155มม ในอีกกระทู้นึงที่เก๊่ยวกับปืนใหญ่เชิญไปดูนะครับ ผมจะคอยอัพเดทเรื่อยๆ
ปี54ที่แถวๆชายแดนสุรินทร์ให้A+เลยครับลงกลางฐานได้ชมมาแล้วครับภาพจากยูเอวีนะครับ เอาว่าถึงขนาดฝังโน่นกลัวยูเอวีแล้วกันนะครับ พี่แกบินหายจากแถวผมอยู่ไปสักพัก สาวกปืนโตก็จะบรรเลงลูกยาวเสริฟให้บ้านโน้นอย่างหนักเลยครับ
มีท่านใดพอจะให้รายละเอียดทางทหารเราเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อปี54บ้างไหมครับ? ไม่มีข่าวออกมาเท่าไหร่เลย
ว่ากันว่าการปะทะกันด้วยทหารราบนั้นไม่มีไครใด้เปรียบอย่างชัดเจนครับ เจ็บ ตาย พอกัน... พอทางเราเรื่มรำคาญเลยซัดด้วยลูกยาวหนักๆ ผลละลาย BM21 รถถัง และทหารราบไปพอสมควร.... สำหรับท่านที่ ฮาร์ดคอร์ ก็หงุดหงิดว่าทำไมไม่จัดการให้เด็ดขาด แต่มันก็มีเหตุผลหลายอย่างครับ พิจารณาจากสถาณการณ์แล้วผมว่าทางเราต้องการให้การปะทะครั้งนี้จำกัดวงอยู่ที่ชายแดน เพราะปัญหาภายในของเราก็ยังนัวเนียอยู่ ใหนจะปัญหาทางใต้ ... เข้าทำนองว่า ยิงปืนใหญ่กันไปอีก 10ปีก็ใด้... แต่อย่ามาทึกทักเอาว่า 4.6 ตร กม เป็นของ กพช และที่คนไทยควรเข้าใจก็คือ ฮุนเซนครับ ที่บ้า แต่คนรับกรรมคือ ทหารกับ คน กพช. ซึ่งไทยต้องระวังอย่าให้คน กพช กลายเป็นเหยื่อของความบ้าของฮุนเซน ซึ่งจะกลายเป็นนวนสร้างความเกลียดังคลั่งชาติในระดับประชาชน
ส่วนรายละเอียดในการโจมตี และกลยุทธต่างๆ มันจะยังไม่มีการนำมาเปิดเผยอย่างเป็นในช่วงนี้หรอกครับ คงต้องรอ หลายปี... ตอนนีัคงพูดกันในเฉพาะทหารที่ทำหน้าที่ใน พท. และหน่วยเกี่ยวข้องต่างๆ
ขอบคุณคุณSamครับ