เครื่องต้นแบบเครื่องบินขนส่งขนาดหนัก Y-20 Glob Master ของจีนกำลังเทคออฟจากสนามบินไม่ทราบชื่อ สำหรับบินทดสอบเที่ยวแรกเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2013 [ ภาพ: Xinhua ]
จีนเริ่มทดสอบการบินครั้งแรกของเครื่องบินขนส่งขนาดหนักที่พัฒนาเองชื่อว่า Y-20 มีขนาดใกล้เคียงกับ IL-76 แต่เล็กกว่า C-17 ตามข่าวกล่าวว่าได้เริ่มทดสอบเมื่อวันเสาร์แต่ก็ไม่ได้แจ้งเรื่องสถานที่แต่อย่างใด
โครงการ Y-20 เป็นส่วนหนึ่งของการพยายามที่จะจะพึ่งตนเองในการพัฒนาเครื่องบินขนส่งขนาดหนักของตัวเองในระยะยาว
ที่จีนให้ความสำคัยเป็นอันดับแรง ๆ ตามแผนพัฒนา" วิทยาศาสตร์ แห่งชาติ ในระยะกลาง และระยะยาว และ โครงการพัฒนา เทคโนโลยี ( 2006-20 ) "
Y-20 ถูกพัฒนาโดยบริษัทซีอาน ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัท อุตสาหกรรมการบิน ของ ประเทศจีน ( AVIC ) ผู้ผลิต อากาศยาน ทหารชั้นนำของประเทศ
รายงาน ก่อนหน้านี้ บอกว่ามัน สามารถที่ จะรองรับ ยานพาหนะ ยานรบของกองทัพจีนรวมทั้งรถถังแบบ Type-99 หรือสามารถที่จะบรรทุกสัมภาระได้ราว 66 ตัน
http://www.indiandefence.com/forums/china/23632-chinas-first-heavy-transporter-y-20-takes-off.html
เทียบขนาด
แนวๆนี้น่ะครับ
ผมชอบเจ้า il-76มากที่สุด
ฮาเลย ออกแบบง่ายดี
หางสะดุดตามาก
1.ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา การพัฒนาระบบอาวุธของจีนก้าวหน้าไปได้ไกลมาก โดยเฉพาะการใช้วิธีวิศวกรรมย้อนกลับอาวุธที่ซื้อมาซึ่งส่วนใหญ่มาจากรัสเซีย ถึงแม้จะยังต้องใช้เวลาในการก้าวให้ทันกับตะวันตก ซึ่งไทยเราควรจะเรียนรู้วิธีการนี้ แทนที่จะไปด่าทอโจมตีเขาว่าก็อปปี้ (อ่านคอลัมน์หลาย ๆ คอลัมน์เห็นข้อความต่อว่าในลักษณะนี้) เพราะญี่ปุ่นก็ใช้วิธีการนี้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศช่วงหลังสงครามโลกใหม่ ๆ จนกระทั่งได้มายืนอยู่ ณ จุดที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในปัจจุบัน
2. ระบบอาวุธของจีนยังมีจุดด้อยในส่วนที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะหากเป็นอาวุธที่ต้องใช้เทคโนโลยีสูงมาก เช่น เครื่องบิน ได้แก่ส่วนของเครื่องยนต์ ซึ่งการทำวิศวกรรมย้อนกลับของจีนมีอุปสรรคสำคัญคือ ประเทศเจ้าของเทคโนโลยีไม่ยอมขายอาวุธที่ทันสมัยที่สุดให้ โดยเฉพาะรัสเซีย นอกจากนี้ยังมีสาระสำคัญในเรื่องของวัสดุที่ใช้ผลิตเครื่องยนต์ ทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ยังไม่เป็นที่น่าพอใจและไม่สามารถแข่งขันกับตะวันตกได้ ซึ่งจีนยังต้องพัฒนาในส่วนนี้อยู่ ปัจจุบันจะมีข่าวว่าจีนพยายามร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์เมกาในเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้นอกจากจะตอบสนองด้านการพาณิชย์แล้ว โดยส่วนตัวคิดว่าเขาก็อยากจะนำความรู้นี้ไปต่อยอดเทคโนโลยีเครื่องยนต์การทหารด้วยเช่นเดียวกัน
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ถ้าเริ่มเดินก้าวแรกก็ต้องหาคนพยุงก่อนล่ะครับ ไม่งั้นก็ล้มลุกคลุกคลาน กว่าจะเดินได้แข้งขาคงถลอกปอกเปิกหมดแล้ว
ครับจำเป็นต้องมีคนสอนครับ และผมว่าคราวนี้อุตสาหกรรมนี้ที่จะร่วมมือกับญี่ปุ่นคงไม่มีการแป๊กอีกนะครับ เพราะเป็นโครงสร้างอุตสาหกรรมพื้นฐานให้แก่อุตสาหกรรมทหารในส่วนของอากาศยานรบแบบต่างๆ และญี่ปุ่นน่าจะมีเทคโนโลยีดีเกินพอทีเดียว เราไม่น่าจะต้องปวดหัวแบบจีน