ขอชื่นชมกองทัพเรือที่มีงานวิจัยและพัฒนาแบบพึ่งพาตนเอง แต่ขออนุญาตติชมนิดนึงนะครับ

1.ขนาดเรือเล็กไม่มีความทนทานต่อคลื่นลม ทำให้ยิงไม่แม่น คลื่นมาทีเรือก็โคลงเคลง ยิ่งตอนวิ่งไปบนยอดคลื่นคงไม่ต้องเล็งกันเลยทีเดียว ปืนส่ายไปส่ายมา ถ้าไม่มีสเตบิไลเซอร์รักษาสมดุลของปืนก็ยากที่จะยิงโดนเป้าหมายครับ

2.ปืนที่ใช้เป็นปืนตระกูล M-16ซองกระสุนมาตรฐาน 20-30นัด ทำให้มีอำนาจการยิงที่น้อย ระยะยิงของกระสุน 5.56มม.ก็หวังผลได้แค่ 400ม. ยิ่งเรือโคลงเคลงขนาดนี้ยิ่งไม่ต้องหวังผลเลยครับ การอุดช่องโหว่เรื่องความแม่นยำก็ต้องสาดกระสุนเข้าไปแทนซึ่งถ้าจะใช้กระสุนขนาด 5.56มม.ก็น่าจะเป็นปืนกลเนเกฟ 5.56มม. ที่ใช้สายกระสุนหรือดรัม 100นัดน่าจะตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดีกว่า M-16 ไม่งั้นก็ ใช้ปืนกล M-60 ขนาด 7.62มม.ไปเลยก็จะมีระยะยิงหวังผลได้ไกลขึ้น อำนาจการยิงที่จะสามารถทำลายตัวเรือต้องสงสัยให้หมดสภาพใช้งานก็สูงกว่ากระสุนแบบ 5.56มม.มากอยู่ครับ

อุปกรณ์ รับส่งสัญญาณ น่าจะเป็น UBiQUiTi (ยูบิ-คิวตี้) M5

ว่าแต่ปืนมีอุปกรณ์ช่วยเล็งรึเปล่าเนี่ย

ก้าวแรก ของการเดินมันต้องมีข้อบกพร่องบ้างเป็นธรรมดา

ผมเห็นด้วยกับท่านกระทู้ด้านบนน่ะ เป็นการวิจารณ์ติชมอย่างสร้างสรรค์

ผมเชื่อว่าผู้สร้างคงจะเอาไปปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ

.. ไม่แน่ ต่อไปเรือนี้อาจจะติดระเบิด หากยิงไม่โดนเป้า ก็วิ่งแบบพลีชีพเข้าหาเป้าหมายก็เป็นได้

ขอชื่นชม ผู้สร้างเรือต้นแบบครับ

เครื่องนี้คงทำขึ้นมาทดสอบการขับเคลื่อน การเล็งยิง แบบง่ายๆ เพื่อเก็บข้อมูลก่อนกระมังครับ หลังจากนี้ค่อยปรับปรุงและขยายแบบกันอีกที

ระบบส่งสัญญาณเป็น Ubiquiti NanoStation M5 กำลังส่งสูงถึง  500 mW  
ระยะไกลได้ถึง 15 Km. (ระยะหวังผลไม่ควรเกิน 10Km. ในพื้นที่โล่ง และไม่มีสิ่งกีดขวาง)
ความเร็วได้ถึง 150 Mbps ใช้ติดตั้งแบบ Point To Point
เชื่อมเครือข่ายด้วยระบบไร้สายระยะไกล
ส่งสัญญาณ Internet , สัญญาณกล้องวงจรปิดแบบ IP

ผมว่าแค่เราเริ่ม ทำเอง ก็มีความมั้นใจขึ้นมาระดับนึงแล้วคับ  ที่เหลือจะเป็นอย่างไง ก็ลองผิดลองถูก เดี๋ยวมันก็ดีคับ  ตัวอย่างเช่น เรือหลวง กระบี่  และก็  จรวด DTR ภูมิใจที่สุดเลย   ประเทศเราไม่เคยแพ้ใครอยู่แล้ว  ทำต่อไป  สู้ ๆ

แต่ผมว่าสิ่งที่สำคัญไม่แพ้ระบบการเล็งเป้าหมายของอาวุธบนเรือ คือการป้องกันการแจมมิ่ง ซึ่งคิดว่าทางหน่วยวิจัยคงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว