ภาพวิดีโอการฝึกของกองกำลังป้องกันตนเองทางบกของญี่ปุ่นครับ // เห็นเจ้าชีนุกของเขาแล้ว อยากเห็นของเราบ้างจังตอนฝึกบ้างจังครับ
ดูจนจบแต่ก็อดนึกย้อนถึงภาพของทหารญีปุ่นสมัย ww2 ( รู้สึกแปลกๆ จริงๆนะครับ)
เพิ่งรู้ความจริงของญี่ปุ่น ว่าทำไมถึงฟื้นตัวจาก ww2 ได้ไวก็เพราะสงครามเกาหลีนี่เอง ^^
ผมว่าด้าน เศษฐกิจ ญี่ปุ่นโตมาก แต่ทำไม่ สภาพสังคมเขา ดูแย่จัง ดูจาก คลิปวีดีโอ ข้างบนแล้วห้องผมที่ว่ารก ดูบ้านคนญี่ปุนคนนี้แล้วห้องผมดุดีกว่าเยอะ.. เห็นตัวเลขการฆ่าตัวตายใน ญี่ปุ่นสูงมากจนผมตกใจ สงสารคนแก่มาก ไม่มีเงินแล้วก็หมดค่าทันที แล้วเขาจะใช้ชีวิตได้อย่างไร บนแผ่นดินที่มีค่าครองชีพ สูงติดอันดับโลกอย่างญี่ปุ่น ผมว่า เศษฐกิจบ้านเรา อาจดูแย่กว่า แต่สภาพสังคม ประเทศยังดูดีกว่าเยอะครับ โดยฉะเพราะ ตามชนบท เพราะผมคนบ้านนอกผมมีความสุขกับคนในหมู่บ้าน ในอำเภอของผมอย่างไรผมรู้ดี มองบ้านเขาแล้วนึกถึง คำที่พ่อหลวงของเราชาวไทยสอนไว้ ว่า พอดี พออยู่ พอกิน แล้วซึ้งใจผมมาก ใครจะว่าอย่างไงก็ช่าง แต่ผมว่าทางด้านจิตใจคนไทย เจริญกว่าญี่ปุ่นมาก..ครับ ถ้า(ไม่พูดถึงเรื่องการเมือง) ดีแค่ไหนแล้วที่ ได้เกิดบนแผ่นดินไทย
ประเทศไทย บ้านเรานี้ น่าอยู่ที่สุดในโลกครับ...
ที่พวกท่านเห็นว่า ห้องของคนญี่ปุ่นเล็ก ก็เพราะคนของญี่ปุ่นเยอะครับ คนเยอะแต่พื้นที่อยู่อาศัยน้อย การสร้างบ้านเรือน จึงออกมาแนวแบบนี้แหล่ะครับและคนญี่ปุ่น ไม่นิยมซื้ออาหารมาไว้เก็บในบ้านครับ อาจจะเป็นเพราะขนนาดบ้านด้วยมั้ง
ไม่งั้น ห้างต่างชาติพวกเทสโกโลตัส,บิ๊กซี,คาร์ฟรู คงไม่เจ้งกันเป็นแถบบหรอกครับ
ผม ชอบญี่ปุ่นนะ โดยเฉพาะการฝึกคนของชาติให้มีระเบียบวินัย สังคมที่มีการแข่งขันสูง-ย่อมที่จะมีค่าครองชีพที่สูงอยู่แล้วครับ
ต้องมองหลายๆ ด้านครับ...อย่าเพิ่งสรุปเร็วไปครับ...
ลองพิจารณาในแง่มุมที่ผมเสนอนี้ดูครับ
1. ประเทศญี่ปุ่น ยังรักษาป่าไม้ไว้ได้ถึง 70% ในขณะที่ประเทศไทยมีป่าเหลือเพียง 25%
2. ญี่ปุ่นผลิตไม้ (ส่วนใหญ่เป็นไม้เนื้ออ่อน) ได้เป็นอันดับที่ 10 ของโลก ของไทยเราผลิตไม้ยางพาราได้น้อยกว่ามาก
3. คนญี่ปุ่นที่ฐานะปานกลางขึ้นไปมีบ้านอยู่ดีๆ กันก็มากครับ ประเทศนี้คนจนมีน้อยมาก
4. คนญี่ปุ่นในเมืองใหญ่ ที่เป็นคนจากชนบทมาทำงานในเมืองก็จะอยู่กันแบบแออัด คับแคบแบบนีละครับ
แต่บ้านที่ชนบท ของเค้าก็อยู่กันอย่างสบายครับ
ที่คนญี่ปุ่นมีวินัยเสียสละเพื่อส่วนรวมสูงเพราะถูกปลูกฝังมา
ลัทธิบูชิโดเวอร์ชั่นดัดแปลงหลังจากสมัยเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง กับสมัยสงครามโลกฝังรากลึก
ผมว่าสังคมแต่ละที่ก็มีดีมีเสีย
สำหรับญี่ปุ่นผมว่าสังคมมันเหมือนสติแตกจากความกดดัน เป็นการปะทะของความสุดโต่งแบบคร่ำครึ(ดูไม่มีเหตุผล)กับแบบแหกคอกใจแตก ผมว่าค่อนข้างพิกลพิการพอตัว (ยิ่งพวกวิปลาสทางเพศนี่เฟื่องฟูเอามากๆ)จึงไม่แปลกใจที่การค่าตัวตายสูงมาก คล้ายๆกับจีนตอนนี้ที่เกิดการก้าวกระโดดหลังจากเปิดประเทศเป็นทุนนิยม
เอ๊ะเกี่ยวกับเทคโนโลยี่ทางทหารและความมั่นคงตรงไหนวะเนี่ย
สังคมไทยก็มีเรื่องเลอะๆเทอะๆความเชื่อแบบคร่ำครึหรือนิสัยที่ไม่ค่อยมีเหตุผลรองรับก็เยอะ (ก็มีกันทุกประเทศล่ะ)
เรื่องป่าไม้ไม่ใช่เรื่องแปลก ประเทศจนไม่รู้จักพัฒนาก็หากินกับทรัพยากรณ์ธรรมชาติไปเรื่อยๆ พอหมดก็ฉห. ประเทศเจริญๆเขาไม่ต้องมานั่งขุดทรัพยากรณ์ดิบไปหากินแล้ว เอาของคนอื่นมาทำกิน
อีกอย่างที่ญี่ปุ่นเหลือแต่คนแก่เพราะคนหนุ่มสาวแต่งงานช่วยกันทำมาหากิน ส่วนความสำราญไปหาเอานอกบ้านมันกว่าเยอะ จึงเอวังด้วยประการฉะนี้แล
ผมชอบเกือบทุกอย่างของญี่ปุ่น ทั้งเทคโนโลยี ทั้งนิสัยใจคอ ทั้งความมีระเบียบวินัย
แต่ ไม่ชอบญี่ปุ่นอย่างเดียว คือ อุปกรณ์เยอะ .. วี๊ วี๊ วี๊
มี 2 ประเทศ ที่ผมคิดว่า ไทย ควรคิดเอามาเป็นต้นแบบในการพัฒนาประเทศ นั่นคือ ญี่ปุ่น กะ สิงคโปร์ ครับ
ในคลิปนี้ อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่เป็นสิ่งแสดงให้เห็นว่า สังคมญี่ปุ่น มีการฝึกระเบียบวินัยให้กะคนในชาติแบบไหน (ผม ชอบนโยบาย คนต้องมาก่อนเสมอ - ที่เน้นความปลอยภัยของชีวิตผู้คนก่อนเสมอ) และความสามารถผสมผสานวัฒนธรรมของชาติให้เข้ากะยุคสมัยใหม่ได้เสมอๆ
ส่วน สิงคโปร์ นั้น แม้แต่พวกฝรั่ง ยังบินมาดูงานการพัฒนาประเทศของสิงคโปร์เลยครับครับ
ถ้าหาก ญี่ปุ่น สามารถผลิตอาวุธและส่งออกขายอาวุธได้เต็มที่หล่ะก็ คงเป็นพ่อค้าอาวุธที่น่ากลัวสำหรับเมกาแน่
สิงคโปร์ เป็นแค่เกาะเล็กๆ การเดินทางเข้าออกจึงมีการตรวจสอบได้ง่าย เกาะเล็กๆแค่นั้น
ติดเสาสัญญาณ 4 G ไม่กี่สิบเสาสัญญาณก็กระจายไปทั่วทุกซอกทุกมุมของเกาะ ติดกล้องวงจรปิด
ไม่กี่พันตัวก็แทบจะเห็นหมดว่าใครเดินทางไปใหนมาใหน ดังนั้น ตามสัญชาติญาณมนุษย์ เมื่อ
คิดว่า การกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่ ก็ไม่อยากจะทำอะไรที่ผิดกฏหมาย
ดังนั้นปัญหาอาชญากรรมในสิงคโปร์จึงมีน้อยมาก พอเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง
ทุกคนก็อยากไปเที่ยว ... ซึ่งมันแตกต่างกับ เกาะภูเก็ต หรือ เกาะสมุย ในบ้านเราอย่างสิ้นเชิง
โชคร้ายของประเทศไทยครับ ที่เราได้ผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์มาตลอดทุกรัฐบาล
เอาประเทศญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างประเทศเดี่ยวดีกว่ามั่ง เพราะนั่นมันของจริง เค้ารวยจากการทำงานหนักและใช้สมอง
ส่วนสิงห์ นี่รวยจากการใช้นโยบายที่มาเหนือเมฆ จากความบังเอิญเรื่องเมืองปลอดภาษีในอดีตของอังกฤษเดิม
การที่สิงห์กำหนดภาษีไว้ต่ำกว่าเพื่อนบ้านรอบๆ ทำให้นิติบุคคลจากโพ้นทะเลที่มาลงทุนสร้างโรงงานในภูมิภาคนี้
ล้วนต้องไปตั้งสำนักงานตัวแทน และสำนักงานการตลาดในสิงห์ทั้งสิ้น ตามคำแนะนำของสำนักงานกฏหมาย
ของคนอังกฤษในเมืองสิงหฺ์ เพื่อขายสินค้า หรือสั่งสินค้าผ่านเมืองสิง แทนที่จะไปซื้อขายสินค้าโดยตรง
กับประเทศที่มีโรงงานตั้งอยู่ เพื่อให้ผลกำไรมันไปโป่งที่เมืองสิงห์ จะได้เสียภาษีนิติบุคคลในอัตราที่ต่ำกว่า
เพราะถ้าภาษีมันโป่งที่ประเทศรอบๆ อัตราภาษีมันสูงกว่ามาก กำไรโดยรวมส่งกลับก็เลยน้อย
สำนักงานตัวแทน หรือสำนักงานการตลาดมันจะใช้คนทำงานกี่คนเชี่ยว....
สำนักงาน 3 คน 5 คน ก็ขายของได้เป็นพันเป็นหมื่นล้าน แล้วสำนักงานใหญ่ๆ มีคนเป็นร้อยมันจะขายได้เท่าไร ละนี่..
อยู่ดีๆ ไอ้สำนักงานพวกนี้ก็สร้างผลกำไรมหาศาล ทั้งที่มันไม่ได้ทำการผลิต "ห้า" อะไรเลย...
สินค้าก็ส่งจากต้นทางไปยังปลายทางเลยโดยตรง ไม่ได้ผ่านเมืองสิงห์ซักกะหน่อย
เจ้าของบริษัทก็ถือโอกาสโอนผลกำไร ไอ้ที่ควรจะอยู่ในประเทศที่มีโรงงานตั้งอยู่
ก็โอนไปเป็นผลกไรให้กับสำนักงานการตลาดในเมืองสิงห์แทน เมืองสิงห์ก็รวยเอารวยเอา
ทั้งที่ไม่มีกิจกรรมอะไรเลย มีเหมือนกันคือทำเอกสาร ซื้อๆ ขายๆ จอมปลอม
คนไม่รู้ก็ไปชื่นชมมัน เอามาสำทับใส่คนไทยเราด้วยกันอีก
มันทำแบบนี้มา 50 ปีแล้ว จนรวยไม่รู้เรื่องแล้ว คนรวยอะไรก็ดูดีไปหมดแหละ
อยากจะซื้อ F35 ซัก 10 ฝูงมันก็ซื้อได้แหละวะ โดยแพ่มันไม่ต้องทำงานหนัก....เลย (นอนเฉยๆ ยังรวยได้เลย)
ฉลาดโครษๆๆ แบบโง่ๆ ด้านๆ ....ประเทศไทยถึงต้องลดภาษีนิติบุคคลลงมา มันก็ลดภาษีหนีลงไปอีก
ลดภาษีลงมา 2-3 ครั้งแล้ว ก็มันใกล้เคียงกะมันซักที โอย..เหนื่อยโว้ย เล่นกับประเทศนี้...
ขนาดบริษัทสัญชาติไทยเอง มันยังเอาเป็นตัวอย่างทำตามเลย........
(สำนักงานกฎหมาย ของพวกฝรั่ง นี่ตัวดีละ ให้บริการได้สารพัด คิดค่าบริการก็แพง)
หิ้วกระเป๋ามาคุยกับโรงงานที่ตั้งใหม่ในเมืองไทย แปลบเดียวเท่านั้นละ เหมือนปล้นประเทศกันเลย
โรงงานทำงานหนักผลิตสินค้าแต่มีผลกำไรนิดเดียว บริษัทตัวแทนการตลาดทำงานเบาๆ กำไรมหาศาล
เสียภาษีให้ประเทศไทยนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ ขนกำไรไปโป่งที่เมืองสิงห์เสียภาษีต่ำกว่ามาก
เห็นว่ามันกำลังลดภาษีลงไปอีกแล้ว เหลือภาษีแค่ 12% สำหรับผม 5% ก็เหมือน แดกฟรีอยู่แล้วแหละ
จะชื่นจะชมต้องดมให้รู้...จริงๆก่อน ว่าของจริงหรือของปลอมครับ ไม่ง้ันเจอไม้ป่าเดียวกันจะสอึกในหัวอก ครับ
การโอนเงินกลับประเทศ จากเมืองสิงห์สะดวก กว่าแยอะครับ ไม่ต้องอิงหลักฐานอะไรมาก
อิงแค่หลักฐานการซื้อขาย และโชว์กระแสเงินเข้าออกก็โอเคแล้ว
ของเมืองไทยเราก็ไม่อยากเหมือนกันครับ แต่ไอ้ภาษีจากผลกำไรมันมากกว่าอีกที่ ที่เป็นเกาะนี่ซิ..มันทำใจยาก...
เมืองไทยเราจะไปเก็บภาษีกำไรต่ำๆ แบบมันก็ลำบาก เก็บสูงก็ไม่ได้ มันคือรายได้ของรัฐและข้าราชการไทยทุกคน
คนไทยเราไปชื่นชมเมืองสิงค์ว่าประชากรมีความสามารถมากๆๆ ประสิทธิภาพสูง เก่งในเรื่องเป็นตัวแทนค้าขาย (ระดับโลก)
คนสิงห์มีประสิทธิภาพสูงกว่าคนไทย 10 เท่า (โครษ เทวดาเลยเว้ย คนประเทศนี้)
เออนี่เค้ายังไม่ตื่นกันอยู่อีกหรือนี่ คนไทยที่รัก ของข้าพเจ้า (เชิญหลับต่อไปก็แล้วกันครับ)
สำหรับสิงคโปร์ ผม ชมในการพัฒนาประเทศในด้านการขยายพื้นที่ของประเทศและจัดการวางแผนผังของเมืองและการดิ้นรนและการพัฒนาในเรื่องน้ำดื่มน้ำใช้ของประเทศ ซึ่งเป็นจุดด้วยของสิงคโปร์ จนกลายเป็นผู้นำในเรื่องการจัดการน้ำ ผมสนใจการพัฒนาในส่วนนี้มากกว่า
ส่วนในเรื่องธุระกิจ ก็ความคิดส่วนตัวของใครของมันครับ เพราะพูดกันไป ก็เรื่องยาวเถียงกันเปล่าๆ
พูดในส่วนที่เขาพัฒนาดีกว่าครับ ดีกว่ามาพูดประชดแดกดันเข้าไป พลอยจะทำให้เถียงกันเปล่าๆ
....คุยกันแบบเพื่อนนะ เพื่อนคนไทยเค้าก็คุยกันแบบนี้แหละ (ไม่ใช่เหรอ)
ผมนับถือคุณเป็นเพื่อนนะครับ....ถึงคุยภาษาเพื่อนๆ กันนะ
(หวังว่าคุณน่าจะมีเพื่อนประเภทนี้อยู่ บ้างนะครับ) ถ้าไม่มีก็ขออภัยด้วยครับ
คุณกับผมรับรองไม่มีทางทะเลอะกันหลอกครับ เพราะถ้าคุณหนักมา ผมก็เฉย...
ผมรู้ดีกรี อารมณ์ดี ครับ ถึงจุด ที่ควรหยุด ผมจะหยุดกึกเลย ครับ (โดยยอมแพ้ อย่างไร้เงื่อนไข ครับ)
ขอบคุณมาก ครับ... หวังว่าคงเข้าใจผมดีขึ้น นะ ครับ (มันไม่ได้เสียด สีอะไร ใคร หนักหนา หรอก ครับ)
ต่อไปผมจะสุภาพกับคุณเป็นพิเศษนะครับ..ขอโทษอีกครั้ง นะครับ