“ชัค เฮเกล” แย้มสหรัฐฯ “เคลื่อนพล” พร้อมโจมตีซีเรีย รอแค่ “โอบามา” ไฟเขียว
เอเอฟพี – กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯสั่งเคลื่อนกำลังพลเข้าประชิดซีเรีย และพร้อมตอบสนองได้ทันทีหากประธานาธิบดี บารัค โอบามา มีคำสั่งโจมตี รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเผยวานนี้(23)
ชัค เฮเกล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยต่อผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินขณะเดินทางไปเยือนมาเลเซียว่า กระทรวงกลาโหมได้เตรียม “ทางเลือก” หลายประการไว้ให้ โอบามา ในกรณีที่ผู้นำสหรัฐฯเห็นควรส่งกำลังเข้าโจมตีดามัสกัส หลังมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด นำอาวุธเคมีออกมาสังหารประชาชนไปนับพันศพ เมื่อวันพุธ(21)
อย่างไรก็ดี เฮเกล ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับที่ตั้งของกำลังพล และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สหรัฐฯอาจจะใช้แทรกแซงสงครามกลางเมืองซีเรีย
“กระทรวงกลาโหมมีหน้าที่เสนอทางเลือกแก่ประธานาธิบดีเมื่อเกิดสถานการณ์คับขัน” เฮเกล ระบุ
ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า กองทัพเรือสหรัฐฯเตรียมเสริมกำลังพลในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วยเรือรบลำที่ 4 และขีปนาวุธแบบร่อน
กองเรือที่ 6 ของสหรัฐฯ ซึ่งประจำการอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตัดสินใจให้เรือ ยูเอสเอส มาฮาน ปฏิบัติภารกิจในน่านน้ำแถบนั้นต่อไป แทนที่จะส่งกลับไปยังท่าเรือเมืองนอร์ฟอล์ก รัฐเวอร์จิเนีย ส่วนเรือพิฆาตอีก 3 ลำคือ ยูเอสเอส เกรฟลี, ยูเอสเอส บาร์รี และ ยูเอสเอส แรมเมจ ก็ยังประจำการอยู่เช่นเดิม โดยเรือทั้ง 4 ลำล้วนติดขีปนาวุธแบบร่อน “โทมาฮอว์ก” จำนวนหลายสิบลูก
การเสริมกำลังรบครั้งนี้จะช่วยให้เพนตากอนตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว หาก โอบามา มีคำสั่งโจมตีซีเรีย อย่างไรก็ตาม เฮเกล และเจ้าหน้าที่เพนตากอนยืนยันว่า ขณะนี้กองทัพยังไม่ได้รับคำสั่งให้โจมตีระบอบอัสซาด
สื่ออเมริกันหลายฉบับชี้ว่า ผู้นำในรัฐบาลต่างกำลังถกเถียงเรื่องความเสี่ยง หากวอชิงตันจะส่งทหารเข้าแทรกแซงการเมืองในตะวันออกกลางอีกครั้ง
เฮเกล ซึ่งไปเยี่ยมฐานทัพนาวิกโยธินในรัฐฮาวายเมื่อวันพฤหัสบดี(22) ก่อนจะเริ่มภารกิจเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ชี้ว่า หน่วยข่าวกรองอเมริกันคงจะหาคำตอบได้อย่างรวดเร็วว่ารัฐบาลอัสซาดใช้สารเคมีทำลายระบบประสาทจริงหรือไม่
“ประชาคมโลกควรจะร่วมแรงร่วมใจกันตอบสนองต่อสถานการณ์เช่นนี้” เขากล่าว
หากสหรัฐบุกซีเรียจริง จะเป็นการตบหน้า รัสเซีย และ จีน หรือไม่ เพราะทั้งรัสเซียก็คงยังขายอาวุธให้ซีเรียอยู่
และหากรัสเซียและจีนใช้ความขัดแย้งนี้ เปิดแนวรบกับสหรัฐ มันจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนคับ
###
คงไม่พ้นเจ้านี่
สลดใจ
รัสเซียท่าทีเป็นยังไงบ้างอ่ะครับและก็อิหร่านด้วย เพราะล่าสุดอิหร่านสงทหารเข้าไปช่วยทหารซีเรีย อีกอย่างผมก็ไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่รัฐบาลซีเรียเค้าทำ อาจจะเป็นฝ่ายตรงข้ามทำก็ได้
ผมว่ามันทะแม่งๆนะครับ คณะผู้ตรวจอาวุธเคมีเข้า รัฐบาลจะบอมอาวุธเคมีโชว์ยูเอ็นทำไม และขณะนี้ฝ่ายรัฐบาลได้เปรียบในการศึก วิเคราะห์ดูแล้วมันไม่น่าจะใช่ แต่ก็อย่างว่าแหละครับอะไรมันก็ไม่แน่ แต่ความเห็นผมว่ามันไม่น่าเป็นไปได้
คิดว่า อัสซาดไม่ใช่คนโง่ถึงขนาดจะทุบหม้อข้าวตัวเองโดยใช้ระเบิดเคมีนะ มันน่าจะมีเงื่อนงำ เผลอๆก็ไอ้ประเทศที่ตั้งท่าจะบุกไปเอาแก๊สธรรมชาติของซีเรียนี่แหละ ตัวดี
สงสัย ใกล้จะปิดเทอมอีกแล้ว
สงสัยอเมริกาวางแผนปล้นทรัพยากรอีกแล้ว
แบบอีรัก
หลังจากที่ใส่ร้ายซัดดำซุกอาวุธร้ายแรง ผลตรวจสุดท้าย เจอแต่ฝุ่นกับทราย
นี่จะเอาอะไรอีก
อ้อลืมไป เจอแต่น้ำมัน
กระทู้แบบนี้เว็บอื่นใครก็ด่าอมเริกา ถ้าให้สวยผมว่าหาหลักฐานคนใช้อาวุธเคมีมาได้จะเยี่ยมกว่า เอะอะจะยึดประเทศอื่นท่าเดียว มันจริงที่ UN เข้าไปปุ๊ปมีเรื่องทันที เด็กตั้งเท่าไหร่ตายแบบทุกทรมานสุดๆ คนอยู่เบื้องหลังมันเลวเกินคนจริงๆ
นั่นนะสิ เอะอะก็ด่าอเมริกา ทั้งๆที่ต้นเหตุของปัญหามันอยู่ที่ปากท้องของชาวบ้านในซีเรีย
อัสซาดบริหารประเทศไม่เป็น พอชาวบ้านเดือดร้อนก็ออกมาต่อสู้เรียกร้อง
แต่ตัวเองหลงติดอยู่ในอำนาจ ใช้กำลังทำร้ายประชาชนจนผู้คนล้มตายกันเป็นเบือ
ลูกเล็กเด็กแดงอัสซาดก็ไม่เว้น
อ้อ .. ผมได้ยินเรื่องที่อเมริกาเข้าไปบุกตั้งแต่สมัยอิรักแล้ว เท่าที่ได้ฟังบางคนหาว่า อเมริกา
เข้าไปสูบน้ำมัน ต่อมาก็ในอัฟกานิสถาน ต่อมาก็เป็นลิเบีย แต่ พอผมถามหาหลักฐานที่
อเมริกาเข้าไปสูบน้ำมันก็ไม่เคยได้คำตอบที่ชัดเจนซักคน ส่วนมากจะพูดเอาตามความรู้สึกของตัวเองมากกว่า
อย่างกรณีของลิเบีย ผมรู้แค่ว่าสเปนได้รับสัมปทานบ่อน้ำมันในลิเบีย แล้วก็นานแล้วด้วย ก่อนที่อเมริกา
จะบุกลิเบียซะอีก
.. ทีนี้ ผมจะขอถามคนที่คิดว่าอเมริกาเข้าไปสูบน้ำมันในประเทศเหล่านั้น ว่าอเมริกาใช้วิธีเอาน้ำมันยังไง
ขอชื่อ บุคล และ บริษัท ด้วย ช่วยตอบให้ชัดเจนที
ถ้าจะตอบแบบ ได้ยินเค้าว่า .. เค้าว่ามา .. เพื่อนของเพื่อนเขาว่า ..คิดว่า .. ถ้าตอบแบบไม่มีหลักฐาน
ไม่ต้องมาตอบให้เปลืองกระทู้ รอผู้ที่รู้จริง อย่างหลายๆท่านที่คิดว่าอเมริกาไปสูบน้ำมันในกระทู้ข้างบน
ช่วยตอบให้ตรงคำถามนะครับ ไม่งั้นผมจะถามอีกจนได้ความจริง
ปืนใช้ควบคุมแค่ร่างกายประเดี๋ยงประด๋าว แต่ใช้ควบคุมจิตใจคนไม่ได้
เวรแท้พิมพ์ตั้งเยอะพอกดส่งหายหมดไม่พิมพ์แล้วไปหากันเองเหอะ
คิดว่าคงไม่ครับ แค่คำขู่ส่งสัญญาณเตือนให้ กองทัพ ซีเรียถอยบ้าง
ถ้าจะบุกจริงคงส่งเรื่องผ่านสหประชาชาติมากกว่า ส่วนตัวคิดอย่างนี้ครับ
คุณ soda77 เขียนอย่างนี้น่าเกลียดครับ จะให้บอกชื่อแซ่ลุงป้าน้าอาของซีอีโอหรือบอร์ดของทุกบริษัทที่ได้รับสัมปทานน้ำมันในอิรักมันคงไม่ไหวมั้งครับ
ถ้าเกิดผมสงสัยมั่งว่าฮิตเลอร์ไม่ได้สั่งให้ล้างเผ่าพันธ์ชาวยิว ถ้าใครจะพิสูจน์ว่าจริงต้องหาชื่อตำแหน่งและหน่วยของคนออกคำสั่งทุกระดับชั้นในทุกหน่วยของค่ายกักกัน ถึงผมจะเชื่ออย่างนั้นเหรอครับ? ตลกครับ
ชื่อคนไม่ได้หาได้ง่ายๆ คนเขาใต้โต๊ะกันใครจะไปรู้ชื่อครับ แค่ถามชื่อ กำนัน ผู้ใหญ่ นายก อบต อบจ สมาชิกสภา ตำบล จังหวัด รายชื่อบุคคลและบริษัทที่รับเหมาโครงการต่างๆ ในจังหวัดของคุณ อย่างนี้คุณหาได้มั๊ยครับ
ส่วนอัฟกันไม่ได้น้ำมันเยอะแยะอะไรครับ เผลอยังไม่เคยขุดมาก่อนที่บริษัทจีนจะเข้าไปด้วยซ้ำ แต่มีทองแดงสำรองที่อาจจะเยอะที่สุดในโลก แต่สาเหตุที่สหรัฐฯ บุกอัฟกานิสถานเป็นเรื่องการเมือง ประมาณว่าเป็นแพะจากเหตุการณ์ 11 กันยา เนื่องจากตอลิบันซึ่งเป็นรัฐบาลอัฟกานิสถาน สะเออะไปรับบินลาเดนมาไว้ใต้ปีกเอง หลังตึกถล่มไปแล้ว ทั้งๆ ที่สงครามนั้นไม่จำเป็นเลย ไม่ได้จับบินลาเดนได้ด้วยแต่ได้ใช้อาวุธ และได้มมีอิทธิพลในภูมิภาค บางครั้งอาวุธตุนๆ ไว้มันก็เสื่อมครับ ต้องคอยใช้ ฮา และยังเป็นการโฆษณาประสิทธิภาพอาวุธในการใช้จริงด้วย จำได้ใช่มั๊ยครับตอนที่ฝรั่งเศสเอาราฟาลเข้าไปสอยเครื่องบินสากกะเบือของลิเบียอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
นอกจากนั้นแล้วสหรัฐฯ เองยังเป็นประเทศที่ต้องทำสงครามอยู่เรื่อยๆ เพราะหากไม่ทำการซื้ออาวุธใหม่ๆ บริษัทอาวุธยักษ์ใหญ่จะเจ๊งเอา และบริษัทพวกนีัมีเส้นในรัฐบาลเยอะ ถ้าอ่านข่าว (ภาษาอังกฤษ) บ้างก็จะเจอ ยกตัวอย่างว่า northrop grumman ที่เป็นเจ้าของกิจการต่อเรือรบที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ต่อเรือ 70% ที่ประจำการในทัพเรือสหรัฐฯ - วิกิ ไปหาเองขี้เกียจลิ้งเดี๋ยวรกไปหมด) ยังต้อง spin off กิจการต่อเรือไปเป็น Hii เพราะกองทัพเรือรัดเข็มขัด
ถ้าดูๆ ประวัติศาสตร์ จะเห็นว่าตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองที่สหรัฐกลายเป็นมหาอำนาจทางทหารของโลก พี่แกก็ต้องคอยก่อสงครามทั้งทางตรงหรือด้วยการยุแยงตะแคงรั่วอยู่เป็นนิจ เพียงแต่ย้ายภูมิภาคไปเรื่อยๆ
เรื่องการสูบน้ำมันในอิรัก มันไม่ใช่ว่าบริษัทสหรัฐฯ เข้าไปแล้วก็สูบๆ ส่งกลับบ้านเฉยๆ ง่ายๆ แค่นั้น สหรัฐฯ เข้าไปเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน กล่าวคือให้ตัวเองสามารถนำเข้าน้ำมันมาจากอิรักได้ และอิรักจะไม่กวนตีนให้ราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งเหมือนอิหร่านได้
ทีนี้เข้าเรื่อง
Michael Makovsky เป็นเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงกลาโหมสมัยบุชและทำงานเกี่ยวนโยบายน้ำมันของอิรัก บ่นว่า "เราพ่ายแพ้ให้กับจีน จีนไม่ได้มีส่วนร่วมกับสงคราม (อิรัก) แต่ขณะนี้กำลังโกยผลประโยชน์อยู่ และกองเรือที่ห้าและกองทัพอากาศของเรากำลังช่วยรับประกันซัพพลายให้จีนอยู่" (http://www.nytimes.com/2013/06/03/world/middleeast/china-reaps-biggest-benefits-of-iraq-oil-boom.html?pagewanted=all) ชัดเจนมั๊ยครับ
Paul O'Neill ซึ่งเป็นรัฐมนตรีคลังสมัยบุช (ตอนหลังโดนบุชไล่ออก) เปิดเผยว่า ระหว่างการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติสองครั้งแรกของบุช ได้มีการพูดคุยเรื่องการบุกอิรัก มีเอกสารประกอบการประชุมอิรักชื่อ "ร่างแผนอิรักหลังจากยุคซัดดัม" ซึ่งพูดถึงหลายๆ เรื่องรวมทั้งการแบ่งสรรปันส่วนน้ำมันด้วย นอกจากนี้ยังมีเอกสารของกระทรวงกลาโหมลงวันที่ 5 มี.ค. 2001 "Foreign Suitors for Iraqi Oilfield contracts" ความหมายก็ประมาณว่าประเทศที่เหมาะสมมีความเป็นไปได้สำหรับสัมปทานน้ำมันในอิรัก แถมมีแผนที่เขตที่เหมาะแก่การสำรวจน้ำมันพร้อมสรรพ (http://www.cbsnews.com/8301-18560_162-592330.html)
ก่อนสหรัฐฯ บุกอิรัก พวกกิจการใหญ่ๆ เป็นของรัฐวิสาหกิจกันหมด และต่างชาติไม่สามารถเป็นเจ้าของบริษัทในอิรักได้ พอสหรัฐฯ บุกปุ๊บ คณะปกครองชั่วคราวเปลี่ยนกฎหมายทันที ทำการปฏิรูปกิจการเป็นของเอกชน เปิดประเทศให้กับการลงทุนจากต่างชาติ และยังระบุว่าต่างชาติเป็นเจ้าของบริษัทอิรักกี่เปอร์เซ็นต์ก็ได้ นอกจากนี้ยังอนุญาติให้ทำการถ่ายเงินจากกิจการออกนอกประเทศได้โดยไม่มีเงื่อนไข (โกย ว่างั้น) แม้แต่ประเทศไทยเรายังไม่อนุญาติอะไรบ้าบอขนาดนี้เลยครับ (http://www.iraqcoalition.org/regulations/20031220_CPAORD_39_Foreign_Investment_.pdf)
และตอนนี้ธุรกิจน้ำมันซึ่งแต่ก่อนเป็นของชาติล้วนๆ ก็ถูกแปรรูปเป็นเอกชนจะหมดละ
(http://edition.cnn.com/2013/03/19/opinion/iraq-war-oil-juhasz)
ทั้งนี้เป็นทีรู้ๆ กันว่า george bush กับ dick cheney ที่เป็นรองปธนใน ปธน บุช เป็นอดีตผู้บริหารบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ (เพื่อนพวกพ้องอีกกี่คน คิดดู) ที่เคยเป็นผู้บริหารก็ Arbusto, Harken Energy, Spectrum 7, Halliburton อีกทั้ง condoleezza rice ที่ตอนนั้นเป็นที่ปรึกษา ปธน ด้านความมั่นคง (ตอนหลังเป็นรมต. ต่างประเทศ) ก็ยังเป็นผู้บริหารของ chevron, David Evan รมต กระทรวงพาณิชย์ ก็เป็นผู้บริหารบริษํท Tom Brown Inc.
ล่าสุดนี้ exxon mobil ของสหรัฐ ก็กำลังจับมือกับบริษัทตุรกีสำรวจสำรวจน้ำมันในเขต kurdistan ของอิรัก (http://www.iraq-businessnews.com/2013/05/30/turkey-puzzled-by-us-stance-on-exxon-krg-oil-deal/)
และถึงแม้ว่าบริษัทส่วนใหญ่ที่ได้สัมปทานไปจากอิรักจะเป็นรัสเซียกับจีนมากกว่า (เขาไม่ค่อยงกเลยตกลงกับรัฐบาลได้ง่ายกว่า ส่วนเอกชนเมกางก เลยไม่ค่อยยอมโอเคกับเงื่อนไขต่างๆ) แต่สหรัฐฯ ก็ได้ความมั่นคงและอิทธิพลทางพลังงาน ปริมาณการผลิตน้ำมันของโลกก็ไม่ดิ่งเหวจากการแซงชั่นน้ำมันอิหร่าน
นอกจากนี้บริษัทสหรัฐฯ ยังรับจ้างงานจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในการก่อสร้างอะไรต่างๆ เยอะไปหมด แถมค่าจ้างก็แพงเพราะมีค่าเสียงภัย
พวกบริษัทที่เข้าไปรับงานในประเทศพวกนี้ก็ตั้งเป็นนอมินีหลายชั้น ทำให้ตรวจจับยาก เอาเป็นว่า halliburton มีบริษทัลูกอยู่ในอิหร่านซะงั้น เรื่องอย่างนี้มันไม่ยากไปหรอกครับ บริษัทสหรัฐยังลักลอบส่งชิ้นส่วนเครื่องบิน f-14 ให้อิหร่านได้เลย
เรื่องลิเบีย ตอนนี้ก็กำลังเตรียมเปิดประมูลสัมปทานน้ำมันใหม่อยู่ โดย รมต กระทรวงน้ำมัน Abdelbari al-Arusi เคยระบุว่าเป้าหมายแรกของแกคือการปรึกษากับบริษัทต่างชาติถึงหนทางในการทำให้สัญญาน่าดึงดูดใจมากขี้น
แถมมีแก้สัญญาเก่าๆ ให้เข้าทางบริษัทต่างชาติมากขี้นด้วย (http://www.libya-businessnews.com/2012/06/14/libya-to-offer-new-production-sharing-contracts/)
นาย Alain Juppé รมต ต่างประเทศ เคยให้สัมภาษณ์ว่า การที่บริษัทของฝรั่งเศสจะได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่ รัฐบาลชั่วคราวของลิเบียสัญญาก็ยุติธรรมและมีเหตุผลดี (http://www.theguardian.com/world/2011/sep/01/libya-oil)
ลิเบียมีน้ำมันสำรองอันดับต้นๆ ของโลก และน้ำมันดิบมีความบริสุทธิ์สูง และลิเบียยังจะขอเพิ่มโควต้าผลิตกับโอเปคจาก 1.5 ล้านบาเรลล์ต่อวันเป็น 1.7
เอาเป็นว่าประเทศที่มีน้ำมันสำรองมากๆ และคุยไม่รู้เรื่อง หรือไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลของสหรัฐฯ ตอนนี้ก็เหลือแค่อิหร่านกับเวเนซูเอล่าแล้วแหละครับ
เรื่องซีเรียคงไม่ใช่น้ำมัน และผมก็เพิ่งเคยได้ยินว่ามีคนคิดว่าสหรัฐฯ จะบุกซีเรียเพื่อนน้ำมันจากคุณเป็นคนแรกเนี่ยแหละครับ
กรณีซีเรียสหรัฐฯ จะยุ่มย่ามก็แค่เพราะรัฐบาลปัจจุบันเป็นศัตรูก็แค่นั้นแหละครับ ตอนสหรัฐฯ สะเออะพวกประเทศในอเมริกากลางและใต้ ก็ไม่เห็นจะต้องเกี่ยวกับน้ำมันเลยนิครับ
@ คุณ fighttt
UN เข้าไปก็จริง แต่ไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าไปในเขตที่อ้างว่ามีการใช้อาวุธเคมี และว่ากันตามจริง UN เข้าไปนาน อิ๊บอ๋ายแล้วครับ
ถ้าจะว่าใครน่าเกลียดกว่ากันในเรื่องนี้ ระหว่าง อเมริกากับรัสเซีย ผมว่ารัสเซียว่ะครับ ส่งฮ. โจมตีให้ ส่งอาวุธให้เป็นว่าเล่น
สหรัฐอเมริกา หรือเรียกแบบคนคอเดิมๆว่า ไอ้กัน เปรียบเทียบกับค่ายพี่เบิ้มสังคมนิยม รัสเซียและน้องจีน
เม็ดต่อเม็ด ความจริงใจให้กับประเทศไทยมากที่สุดแล้ว ถ้าไม่มีไอ้กัน ป่านนี้ไม่รู้ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร
เดาไม่ถูกจริงๆ
สงสัยครับ
1. ซีเรีย มีอาวุธเคมีจริงใช่ไหมครับ
2. ถ้ามีแล้วซีเรียแพ้แล้วอาวุธเคมีจะเป็นของใคร เป็นของกลุ่มต่อต้านหรือไม่
3. กลุ่มต่อต้านมีกลุ่มอัลเคด้า เป็นผู้สนับสนุนใช่หรือไม่
4. ถ้างั้น ถ้ากลุ่มต่อต้านชนะอาวุธเคมีบางส่วนมีโอกาสตกไปในมือของ อัลเคด้าใช่หรือไม่
5. ถ้างั้นแล้วทำไมอเมริกาถึงกล้าเสี่ยง หรือเขามั่นใจว่าอาวุธพวกนี้จะไม่หลุดไปในมือกลุ่มผู้ก่อการร้าย
6. ทำไมไม่เลี้ยงไข้แล้วปล่อยให้รบกันไปเรื่อยๆ โดยอเมริกา และรัสเซียอาจขอส่งคนไปคุมโรงงานอาวุธเคมี หรือทำความตกลงว่าจะช่วยฝ่ายที่ยินดีทำลายอาวุธเคมีแล้วสัญญาว่าจะไม่พัฒนาอาวุธนี้อีกต่อไป
ท่าน kabinblade ครับเปลี่ยนจากเมกาเป็นจีนจะน่าดูกว่านะครับเพราะที่รู้ๆมาเมกาก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเรามากนัก กั๊กนั่นกั๊กนี่มาตลอด
@ คุณ nok34
1. คงตอบยากแหละครับว่ามีหรือเปล่า และเป็นฝ่ายใดมีอาวุธเคมี แต่ส่วนตัวผมคิดว่ามีจริงๆ
2. ถ้ามีแล้วรัฐบาลซีเรียแพ้สงครามฝ่ายตะวันตกหรือนาโต้คงเข้ามายุ่มย่ามและระหว่างนั้น คงมีการทำลายอาวุธเคมีทิ้ง คล้ายกับกรณีลิเบียที่มีการทำลาย SAM ทิ้งล็อตมหึมา 5000 ลูก
3. กลุ่มต่อต้านมีอัลเคด้าสนับสนุนหรือไม่นั้น อาจจะมาแจมหรือฉวยโอกาสจากการลุกฮือมาปั้นที่มั่นตัวเอง กล่าวได้ว่า อาจจะมาปล้นสงครามประชาชนไป
4. ถ้ากลุ่มต่อต้านชนะ อาวุธเคมีมีโอกาสตกไปในมืออัลเคด้าหรือไม่ ผมคิดว่าไม่น่า เนื่องจากถ้ามีจริง คงจะไม่ได้มีกระจัดกระจายไปทั่วทุกค่าย และฝ่ายข่าวกรองตะวันตกน่าจะรู้และควบคุมแหล่งผลิตหรือคลังได้ก่อน
5. ทำไมอเมริกากล้าเสี่ยง สหรัฐฯ คงต้องพยายามทำลายอาวุธแหละ และพวกที่เป็นอัลเคด้า ไม่น่าจะมาเป็นใหญ่เป็นโตได้ แต่อาจจะมีอำนาจในระดับล่างที่ยังมั่วๆ อยู่ คล้ายๆ กับกรณีที่เยเมน ที่มาฉวยโอกาสจากการลุกฮือ
6. ไอ้เลี้ยงไข้จะว่ากันตามตรงก็เลี้ยงอยู่นะ คล้ายกับสงครามตัวแทนอย่างช่วงสงครามเย็น ชาวซีเรียก็ซวยไป หนักเลยด้วย การที่รัสเซียกับเมกาจะเจรจาขอส่งคนไปคุมอะไรคงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากอัสซาด(ถ้ามีอาวุธเคมีจริง)คงไม่ยอมให้มาเมกาที่เป็นศัตรูมายุ่ง ส่วนรัสเซียก็ซึ่งเข้าถึงซีเรียซึ่งเป็นพันธมิตรกันก็คงไม่ยอมให้สหรัฐมามีส่วนได้ส่วนเสียกับรัฐบาลซีเรียโดยตรงหรอก
ต่อให้รัฐบาลวิ่งมาหาตะวันตกบอกว่าให้ช่วยปราบกบฏหน่อยแล้วจะเลิกพัฒนาอาวุธเคมี ตะวันตกก็ไม่ช่วยหรอกครับ เพราะเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของทั้งฝ่ายเมกาและรัสเซียไม่ใช่โลกที่ปราศจากอาวุธอาณุภาพร้ายแรงอะไร แต่เป็นการช่วงชิงอิทธิพลและความเป็นใหญ่เหนือภูมิภาค ซึ่งขณะนี้ซีเรียเป็นฝ่ายรัสเซีย รัสเซียย่อมพอใจกับสภาพปัจจุบันมากกว่าความเปลี่ยนแปลงใดๆ ส่วนเมกาย่อมต้องการให้เกิดการเปลียนรัฐบาลนอกจากอัสซาดจะหักเหลี่ยมโหดมาแทงหลังรัสเซียมาเป็นลูกน้องสหรัฐฯ เองซึ่งก็คงเป็นไปไม่ได้ และอัสซาดไม่มีเหตุจูงใจให้ทำเช่นนั้น
@ คุณ Therminator
ทั้งเมกาและจีนไม่มีใครรักเราจริงหรอกครับ เป็นเรื่องของผลประโยชน์ล้วนๆ
สถานการณ์ล่าสุด!!!
ในวันอังคาร (27) คณะตรวจสอบอาวุธยูเอ็นซึ่งมีกำหนดไปเก็บหลักฐานยังสถานที่เดิมเพิ่มเติมอีก ได้ประกาศเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่า เพราะฝ่ายกบฏซึ่งยึดครองบริเวณดังกล่าวอยู่ ยังไม่ได้ยืนยันรับประกันความปลอดภัยของคณะ
ในวันจันทร์ นอกจากความเคลื่อนไหวของฝ่ายสหรัฐฯและทีมตรวจสอบของยูเอ็นแล้ว ทางประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการทูตต่อซีเรียหลายครั้งด้วยการใช้สิทธิ์ยับยั้งมติของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ได้กล่าวกับนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอนของอังกฤษ ระหว่างหารือกันทางโทรศัพท์ว่า ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมี
มอสโก พันธมิตรที่มีอิทธิพลที่สุดของดามัสกัส ยังเตือนว่าการใช้กำลังกับซีเรียจะทำให้เกิดผลลัพธ์เลวร้าย พร้อมเรียกร้องให้วอชิงตัน “รอบคอบ” และปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งแสดงความเสียใจที่อเมริกาเลื่อนการประชุมกับรัสเซียเพื่อหาทางคลี่คลายวิกฤตซีเรียที่กำหนดไว้ในสัปดาห์นี้
คาเมรอนนั้นได้รีบเดินทางกลับจากการพักร้อนสู่ลอนดอน เพื่อวางแผนตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรีย โดยอังกฤษและฝรั่งเศสกำลังแสดงตนเป็นแนวหน้าเรียกร้องให้ใช้มาตรการแข็งกร้าวกับอัสซาด
และเมื่อถึงวันอังคาร คาเมรอน แถลงว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรตกลงเห็นชอบให้เรียกประชุมสภาในวันพฤหัสบดี (29) เพื่ออภิปรายและลงมติเกี่ยวกับญัตติของรัฐบาล ในเรื่องวิธีการตอบโต้การโจมตีด้วยก๊าซพิษใส่บริเวณชานกรุงดามัสกัสในวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ มีรายงานว่านายทหารระดับสูงจากชาติตะวันตก และชาติมุสลิมเริ่มประชุมกันที่จอร์แดนเมื่อวันจันทร์ เพื่อหารือถึงผลกระทบจากสงครามในซีเรียที่มีต่อภูมิภาค ขณะที่ผู้แทนอาวุโสของอิสราเอลเยือนทำเนียบขาวเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับวิกฤตซีเรีย และโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะรัฐบาลสหรัฐฯว่า โอบามา กำลังพิจารณาโจมตีเป้าหมายในซีเรียแบบจำกัดเพื่อป้องกันไม่ให้อเมริกาถลำลึกเข้าสู่สงครามกลางเมือง โดยจะใช้เวลาไม่เกิน 2 วัน และเป็นการโจมตีด้วยจรวดร่อน “โทมาฮอว์ก” จากเรือรบ ซึ่งขณะนี้ประจำการอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว หรือไม่ก็เป็นการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล ต่อเป้าหมายทางทหารที่ไม่เกี่ยวข้องกับหัวรบอาวุธเคมี เพื่อป้องกันไม่ให้ก๊าซพิษแพร่กระจาย
ทั้งนี้การตัดสินใจดังกล่าวอิงกับ 3 ปัจจัย ได้แก่ รายงานการประเมินความผิดของรัฐบาลซีเรียจากการโจมตีด้วยอาวุธเคมีฉบับสมบูรณ์ การปรึกษากับพันธมิตรและรัฐสภาสหรัฐฯ และการพิจารณาความชอบธรรมภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
โอบามาที่เพิ่งถอนทหารออกจากอิรักและกำลังจะยุติปฏิบัติการในอัฟกานิสถาน ลังเลที่จะนำอเมริกาเข้าสู่สงครามอีก ในขณะที่ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปโซส์ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันเสาร์ (24) พบว่า ชาวอเมริกันราว 60% คัดค้านการแทรกแซงทางทหาร มีเพียง 9% ที่เห็นว่า โอบามาควรจัดการกับซีเรีย
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ 2 คนจากคณะบริหารที่ไม่ประสงค์ออกนามแย้มว่า อเมริกาจะประกาศการตัดสินใจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแนวทางต่อซีเรียในวันอังคาร
ดูท่าในไม่ช้านี้คงมีเหตุการณ์ระทึกใจชาวโลกเป็นแน่
ข่าวจาก http://www.manager.co.th
UN เข้าไปนานแล้วครับที่ UN[ทหารฟิลิปปิน]โดนกลุ่มต่อต้านจับไงครับ
เรื่องนี้ตอบยากครับว่ามีอาวุธเคมีจริงหรือไม่ และถ้ามีแล้วใครเป็นฝ่ายใช้กันแน่ ทุกฝ่ายต่างรู้กันดีว่าการใช้อาวุธเคมีเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ และถึงแม้ฝ่ายรัฐบาลจะโหดร้าย แต่ฝ่ายต่อต้านก็อาจจะโหดร้ายพอที่จะสร้างสถานการณ์เพื่อดึงให้ต่างชาติเข้าแทรกแซงเพื่อโค่นล้มรัฐบาลได้
ในส่วนของการเข้าไปตักตวงทรัพยากร ในกรณีอิรัคมีหลายฝ่ายออกมายอมรับกันว่าอเมริกาบุกอิรัคเพราะหวังน้ำมัน แต่หลังจากที่ต้องเอาทหารไปจมอยู่กับการสถาปนาความสงบและต่อสู้กับฝ่ายต่อต้านที่มองไม่เห็นตัว สหรัฐฯ ก็เริ่มมองว่าการเข้าไปยุ่มย่ามกับการโค่นรัฐบาลหนึ่งไม่ได้หมายความว่าการตั้งรัฐบาลใหม่ที่เป็นฝ่ายเดียวกับตนจะเป็นเรื่องง่ายเสมอไป เห็นได้จากกรณีลิเบียที่สหรัฐฯ พยายามผลักภาระให้อังกฤษและฝรั่งเศส และจนถึงตอนนี้กัดดาฟีจะเสียชีวิตไปแล้วแต่ลิเบียเองก็ไม่ใช่จะเรียกได้ว่าสงบสุข เป็นเหตุให้ตอนนี้สิ่งที่ออกจากปากสหรัฐฯ จึงมีแค่คำขู่แต่ยังไม่มีระเบิดหรืออาวุธปล่อยนำวิถีออกมาแต่อย่างใด
แต่สหรัฐฯ พลาดตรงที่ประกาศเส้นตายออกไปว่าจะไม่ทนต่อการใช้อาวุธเคมี และตอนนี้ก็มีข่าวการใช้อาวุธเคมีออกมา ดังนั้นจึงต้องมี action อย่างใดอย่างหนึ่งออกมาจากทางสหรัฐฯ อย่าแน่นอนเพื่อไม่ให้คำประกาศดังกล่าวกลายเป็นแค่เสือกระดาษ แต่สหรัฐฯ จะหลีกเลี่ยงสงครามอิรัคครั้งใหม่ในซีเรียได้อย่างไรเราคงต้องตามดูกันต่อไป...
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.facebook.com/kapitaennem0
ไม่แปลกเลยที่ประชาชนอเมริกาจะต่อต้านการบุกซีเรีย
คนที่เดือดร้อนจากสงครามก็พลทหารตาดำๆกับครอบครัวเท่านั้นแหละ เจ็บมาเยอะ จะเรียกว่าชนะก็ทะแม่งๆ
โอบาม่า พลาดเองที่ไปประกาศ Red Line เรื่องอาวุธเคมีไว้ ตอนนี้เมื่อมีมาแล้วจะทำไงได้ก็คงต้องโชว์กำลังไว้ แต่อาจจะไม่โจมตีเหมือนตอนอิหร่านปีที่แล้วก็ได้ ที่ส่งเรือรบไปช่องแคบ แต่ถ้าโจมตีจริงๆก็ต้องดูรัสเซียว่าจะทำไง ถ้าไม่ช่วยอาจจะทำให้ชาติพันธมิตรเสียความรู้สึกได้ และอิหร่านคงไม่ย่อมง่ายๆแน่ๆ ไม่งั้นคงโดนล้อม
เรื่องของอาวุธเคมีอันนี้พูดยากครับ ยังไม่สามารถพิสูจน์ฝ่ายที่ลงมือกระทำได้
ให้ข้อคิด
1. ลูกเล็กเด็กแดงที่นอนตายกันอยู่นั้นล้วนแล้วแต่เป็นพลเรือนของทางฝ่าย กบฎหรือฝ่ายต่อต้าน(เท่าที่ทราบข้อมูลจากทาง สื่อของสำนักข่าวรอยเตอร์เพราะจากภาพข่าวดังกล่าวถ่ายได้จากทางฝั่งของกลุ่มกบฎ ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล) คือถ้าเป็นพลเรือนที่เป็นกลางหรือฝ่ายรัฐบาลภาพข่าวก็น่าจะมาจากทางฝ่ายรัฐบาล แต่รัฐบาลอัซซาส กลับออกมาปฎิเสธแบบนิ่งเฉยไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใดแถมยังออกมาตอบโต้แบบเชิงท้าทายประเทศสหรัฐอีกด้วย
2. อัซซาส คือ ผู้นำและรัฐบาลเผด็จแบบเบ็ดเสร็จ ของประเทศซีเรียที่ครองอำนาจมาอย่างยาวนาน ไม่ยอมลงจากอำนาจและเปิดให้มีการเลือกตั้ง ไม่สนใจและใยดีกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนประเทศตนเองมากนักโดยเฉพาะชนชั้นกรรมกรและแรงงาน แต่ที่ยังมีอำนาจอยู่ได้ก็เพราะได้รับการหนุนหลังจากรัสเซียมาโดยตลอด
3. เหตุที่ประเทศซีเรียไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาลสหรัฐมาตั้งแต่ต้นนั้นก็เพราะซีเรียไม่ได้มีทรัพยากรอะไรมากมายเหมือนกันกับประเทศอิรัก อีกทั้งชายแดนไม่ได้อยู่ติดกับประเทศจีน(แต่อยู่ติดกับรัสเซีย) ไม่มีผลในเรื่องของการกดดันหรือทางด้านยุทธศาสตร์กับประเทศจีน
4. เชื่อว่าอเมริกาจะไม่ส่งทหารเข้าไปอย่างแน่นอน คงจะแค่ส่งเสียงขู่คำรามเท่านั้น เพราะนอกจากจะส่งคนไปตายเฉยๆแล้วยังไม่ได้ประโยชน์อะไรตอบแทนจากประเทศซีเรียนี้มากนักและที่สำคัญงบประมาณที่ไม่มีจะใช้ทำสงครามด้วย แถมยังส่งผลเสียในด้านการทูตกับประเทศจีนและรัสเซียแบบโดยตรงซึ่งๆหน้า
5. เชื่อว่าสหรัฐจะใช้ยุทธวิธีการส่งอาวุธให้กับฝ่ายกบฎช่วยรบกับรัฐบาลอัซซาสโดยสั่งผ่านทั้งประเทศอิสราเอลและนาโต้จากนั้นก็จะเปิดการเจรจาอย่างลับๆกับบรรดาหัวหน้านายกองทั้งหลายทั้งนายพลและนายพันซึ่งเป็นทหารของทางฝ่ายรัฐบาลอัซซาสให้แปรพักตร์มาเข้ากับฝ่ายกบฎ คือ ใช้วิธีการแบบเดียวกันกับประเทศลิเบีย
6. สุดท้ายแล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นสงครามตัวแทนในรูปแบบเดียวกันกับสงครามกลางเมืองของประเทศลิเบียครับ ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ให้ติดตามดูกันเอาเองครับ
ปล. แต่ผมมีความเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วผู้ที่เป็นผู้นำเผด็จการกดขี่ประชาชนมักจะมีจุดจบที่ไม่ดีอยู่เสมอๆในประวัติศาสตร์โลกทุกๆครั้งที่ผ่านมา
หวังว่าคงไม่เกิดสงคราม นะครับ
ผมว่านะ มันจะดูที่ประสิทธิภาพของอาวุธ ของสองประเทศอย่างเดียวไม่ได้หรอก ถ้าสองประเทศรบกันขึ้นมา
ย่อมมีประเทศอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอยู่แล้ว ซึ่งเป็นตัวแปรว่าใครจะชนะ คือ ประเทศเกี่ยวดองกันเป็นตัวมีผลสูงต่อชัยชนะของฝ่ายนั้นๆ
แต่ผมอยากให้คุณดูความคิดเห้นของผมเอาไป 2 ข้อคือ
1.ถ้าฝ่ายรัสเซียชนะ ระบบการปกครองประเทศส่วนใหญ่ของแต่ละประเทศ จะโดนเปลียนแปลงไปตามรัสเซียหรือไม่ และกล่มการค้าของ โลกจะกํากัดไว้เฉพาะกลุ่มนี้มีอํานาจชี้ขาดเศษฐกิจโลกหรือไม่ และประเทศไทยจะมีการปฎิวัติให้ใช้ระบบเดียวกันหรือไม่
2.ประเทศที่มีนิวเคลียร์ไว้ในมือ ถ้ารู้ว่าตัวเองเสียเปรียบหรืออาจจะแพ้ได้ คุณคิดว่าประเทศเหล่านั้นจะใช้นิวเคลียร์หรือไม่ แต่ข้อ 2 นี้ผมคิดว่าทุกคนคงตอบได้เอง ถ้าเกิดขึ้นก็เตรียมตัวกันไว้ดีๆแล้วกัน
ผมคิดว่า 13 ก.ย. 2013 นี้ เลขมันน่ากลัวนะ 13/../ ..13 ถ้าผมทายถูกแล้วเรามาคุยกันนะ
ผมคิดว่าถ้าใช้นิวเคลียร์ใส่กันจนโลกแทบแตก หลังจากนั้นต้องมีการ ปล้น ขู่รีด ไถ่ หรือ อะไรก็ตาม ที่เป้นทรัพยากรของประเทศอื่น
เพื่อฟื้นฝูประเทศตัวเองแน่นอน
ส่วนตัวคิดว่าฝ่ายรัฐบาลไม่น่าเป็นคนทำ เพราะถ้าทำไปแล้ว เข้าทางฝ่ายต่อต้านแน่ๆให้สหประชาชาติเข้ามาแทรกแซง ต้องดูที่ผลของการกระทำ ฝ่ายรัฐบาลคงไม่โง่ขนาดนั้น อาวุธ รถถัง เครื่องบินก็มีมากกว่าเยอะไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเคมี ผมเชื่อว่า ฝ่ายต่อต้าน หรือ มือที่สาม น่าจะเป็นคนทำมากกว่า ถ้าดูจากผลที่จะเกิดขึ้นต่อไปของการกระทำนี้
http://www.livetradingnews.com/un-official-syrian-rebels-used-sarin-nerve-gas-assads-army-6636.htm
ไม่มีทางใช้อาวุธนิวเคลียร์ล้างโลกอะไรแน่นอนครับ มันจะติ๊งต๊องครับ
เรื่องการปกครองจะกลายเป็นแบบรัสเซียอะไรไม่น่าเกี่ยว เพราะรัสเซียไม่ได้เข้าไปยึดซีเรียครับ ซีเรียเป็นพวกอยู่แล้ว แล้วรัสเซียก็ไม่ใช่คอมมิวนิสต์นะครับ ไม่ใช่ยุคโซเวียตแล้วครับ
ความเห็นที่ว่ารัฐบาลไม่น่าโง่ใช้อาวุธเคมี ในอดีตก็มีแต่ฝ่ายรัฐบาลประเทศต่างๆ เนี่ยแหละที่ใช่อาวุธเคมีล้างประชาชน
ข่าวอัฟเดตล่าสุดกองเรือรบสหรัฐประจำอ่าวเปอร์เซียเคลื่อนกำลังมุ่งหน้าไปทะเลแดงแล้วครับ
ข่าวแจ้งว่าสหัรฐจะใช้ยุทธวิธีเพียงแค่การโจมตีโดยขีปนาวุธ tomahawk และใช้อากาศยานเข้าโจมตีทางอากาศเท่านั้น โดยไม่ได้มีเจตนาจะโค่นล้มรัฐบาลของนาย อัล อัสซาด แต่อย่างใด (จริงหรือ????)
ทางโฆษกทำเนียบขาวของสหรัฐได้มีการยืนยันในเบื้องต้นแล้วว่าจะไม่ส่งกองกำลังทหารเข้าไปอย่างเด็ดขาด
**** น่าจะเข้าอีหรอปเดียวกันกับ กรณีของอดีตผู้นำการ์ดัฟฟี่ผู้ล่วงลับของลิเบียเลย นึกเอาไว้อยู่แล้วเชียว เมื่อโจมตีทางอากาศจนสร้างความเสียหายต่อกองทัพทหารของ อัล อัสซาด จนย่อยยับแล้วส่ง CIA เข้าไปเกลี้ยกล่อมให้นายพลในกองทัพซีเรีย ให้หันมาแปรพักตร์มาเข้ากับฝ่ายกบฎในภายหลัง คิดว่าสหรัฐน่าจะใช้ยุทธวิธีนี้อย่างแน่นอน ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย
ตามข้อมูลข่าวที่ว่า UN ได้สอบสวนและพิสูจน์ได้แล้วว่าอาวุธเคมีดังกล่าวไม่ได้เป็นฝีมือของฝ่ายรัฐบาล อัล อัสซาส ดังนั้นก็จะเหลือตัวแปรอยู่ตัวเดียว คือ มือที่มองไม่เห็นหรือมือที่สามนั้นเอง
อันนี้ความรู้สึกโดยส่วนตัวนะครับ ตัวแปรที่น่าจะเป็นมือที่สาม มีดังนี้คือ
1. หรือจะเป็นฝัมือของอิสราเอล เหตุผลเพราะ ยิวไม่ชอบนายอัล อัสซาดอยู่แล้ว เพราะอิสราเอลเคยกล่าวหาว่าทางซีเรียคอยส่งอาวุธให้การช่วยเหลือกับพวกกลุ่มปาเรสไตร์อยู่บ่อยๆ และยังใกล้ชิดกับประเทศอิหร่านอีกด้วย
2. หรือจะเป็น ซาอุฯ เพราะ ซาอุฯเป็นฝ่ายเดียวกันกับสหรัฐมาโดยตลอด สหรัฐอาจจะขอยืมมือคนของซาอุ ในฐานะชาวมุสลิมเหมือนกันเข้าไปก่อวินาศกรรมก็อาจจะเป็นไปได้
3. ตุรกี หรือเปล่าเหตุผลก็จะเหมือนกันกับทางซาอุฯครับ
ถ้ายืนยันแล้วว่าฝ่ายรัฐบาลไม่ได้ใช้อาวุธเคมี ก็เหลือ กบฏกับมือที่สาม แล้วอเมริกาจะถล่มกบฏหรือมือที่สามมั้ย อืมนะ ไหนว่าใครล้ำเส้นจะนวด
ผมคิดว่าอาวุธเคมีน่าจะเป็นของรัฐบาลมากกว่า เพราะกบฎคงผลิตเองไม่ได้ และผมไม่เห็นว่าใครจะเอาอาวุธเคมีไปให้กบฏ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ก.ค. ปีที่แล้ว รมต ต่างประเทศซีเรียเคยบอกว่ามีอาวุธเคมี แต่จะใช้เฉพาะกับศัตรูต่างชาติที่คิดจะรุกรานซีเรีย
รัสเซียส่งเรือรบไปแล้วครับ 2 ลำ เรือติดขีปนาวุธ กับ เรือต่อต้านเรือดำน้ำ ใครพอจะทราบว่าเป็นเรือชั้นไรบ้างครับ
มีความเป็นไปได้หรือครับที่มะกันจะส่งพวกรบพิเศษเข้าไปรอแล้ว เพื่อระบุเป้าหมายทางทหารหรือชี้เป้าให้ tomahawk
คงจะยากที่อเมริกาจะเข้าไปเพราะอังกฤษก็ไม่เอาด้วย ต้องดูว่า UN จะเอาไง
เรือรัสเซียที่ว่าคือ
เรือครูซเซอร์ชั้น มอสคว่า น้องๆของคิรอฟ อาวุธหลักก็ ขีปนาวุธต่อต้านเรือบรรทุกเครื่องบิน ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์16นัด อิกลำก็
เรือพิฆาติติดอาวุธนำวิถีชั้นอูดาลอย ปราบล่าทำลายเรือดำน้ำ
ส่วนสหรัฐส่งเรือพิฆาตไปอิกลำ คือ USS Stout
ล่าสุด
ที่ประชุมรอบใหม่ของ 5 ชาติสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติต่อวิกฤตอาวุธเคมีเมื่อวันพฤหัสบดี(29) ยุติลงโดยไม่มีความคืบหน้าใดๆ ท่ามกลางรายงานข่าวที่ระบุข่าวกรองที่สหรัฐฯมีอยู่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า
ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด มีความเกี่ยวข้องพัวพันอย่างชัดเจนกับการโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่ทำให้มีผู้ถูกสังหารไปนับร้อยคนเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว
ตัวโหด
USS Stout
ขออภัย
รูปไม่มา USS scout
คร่าวๆ
ได้เวลาล้าง..บาป..ของมวลมนุษย์แล้ว จิตใจของมนุษย์นับวันยิ่งไร้ซึ่งความเมตา ไร้ซึ้งความปราณี โดยมี เงินตรา ทองคํา เป้นตัวควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์ ให้ทําลายกัน คุนยอมรับไมว่า เงินตรา ทองคํา มีค่ามากขนาดเห็นแล้วจิตนั้น มีอาการแปรปวนในทันใด สามารถเห้นได้ด้วยแววตาคนที่จ้องมองมันเต็มไปด้วยความลุ่มหลง แต่บัดนี้ข้าพเจ้าได้ส่งสารอ้อนวอนต่อ พระผู้เป็นเจ้า ว่า อภิมหาสงครามเท่านั้นที่จะล้าง.. ..บาป.. และคืนสติให้เหล่ามวลมนุษย์ได้
1.เมื่อเงินไม่มีค่าอีกต่อไป เพียงแค่มีอาหารและที่อยู่อาศัยปราศจากภัยอัตราย ก็มีค่ามากยิ่งแล้ว เหตุใดยังต้องฆ่ากันเพื่อเศษกระดาษต่อไปอีก แต่อาอาจฆ่ากัเพื่อแย่งอาหารดีกว่าไม
2.เมื่อลัทธิใด ลัทธิหนึ่งเป้นฝ่ายชนะอย่างเด็ดขาด เพื่อครองเจ้าโลกได้แล้ว นิวเคลียร์นั้นจะไม่มีผู้ใดกล้าสะสมอาวุธอันสยองขวัญนี้ได้อีกต่อไปเพราะเราสูญเสียมากจึงฉลาดมาก เพราะเจ้าโลจะขอให้อาวุธนี้เพราะไม่อยากให้มีรังสีเพิ่มในโลกแค่นี้ประชากรก็ต้องลี้ภัยรังสีแทบแย่แล้ว นั้นก็คือเราจะปลอดภัยจากอาวุธนี้ตลอดไป หมายถึงเราฉลาดขึ้น
ดังนั้นข้าพเจ้าเห้นสมควรว่า วัตถุในยุคนี้ เช่น เงิน อยู่สูงกว่าจิตใจของมนุษย์จนไม่สามารถควบคุมตนเองและกิเลศได้จนต้องทําลายกัน จึงขออภิมหาสงคราม เพื่อล้าง บาป และปลดปล่อยสิ่งที่พันธนาการจิตใจของมนุษย์ไว้ ให้หลุดพ้น ให้วัตถุเหล่านั้นอยู่ตํ่ากว่าจิตใจ ความสูญเสียอันใหญ่หลวงเท่านั้น ที่จะช่วยได้
ข้าพเจ้า 13/../..13