กองทัพเรือจีนได้เริ่มทำการทดสอบทดลองเรือบรรทุกเครื่องบิน Liaoning มาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.2554 ซึ่งทำให้หลายคนมองว่าเป็นการเริ่มขยายอิทธิพลทางทะเลของจีน แต่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเรือบรรทุกเครื่องบินแค่ลำเดียวไม่เพียงพอสำหรับการขยายอิทธิพลทางทะเล และจีนยังขาดประสบการณ์ในการปฏิบัติการของเรือบรรทุกเครื่องบิน ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่มีความซับซ้อนและการสะสมประสบการณ์เพื่อให้มีความเชี่ยวชาญอาจต้องใช้เวลาเป็นสิบปี ดังนั้นเรือบรรทุกเครื่องบิน Liaoning จึงอาจเป็นได้เพียงแต่สัญลักษณ์ของศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของกองทัพเรือจีนเท่านั้น
หลังจากผ่านไปเกือบ 2 ปี จีนก็ยังคงใช้เรือ Liaoning เป็นเรือฝึกและทดสอบทดลองการปฏิบัติการบินในทะเล แต่ก็ยังเป็นที่สนใจและมีข่าวออกมาอย่างสม่ำเสมอ ดังเช่นข่าวการ Certify นักบินและเจ้าหน้าที่ดาดฟ้าประจำเรือบรรทุกเครื่องบินชุดแรกของจีน และมีข่าวลือว่าจีนกำลังเริ่มสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สองด้วยตัวเอง ซึ่งจริงอยู่ที่เรือรบหลักที่มีขีดความสามารถสูงมักเป็นที่สนใจของสื่อและนักวิเคราะห์ แต่สิ่งบอกเหตุที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการขยายอิทธิพลทางทะเลของจีนอาจไม่ใช่เรือบรรทุกเครื่องบินหรือเรือพิฆาต แต่เป็นเรือที่คนทั่วไปให้ความสนใจน้อยกว่า คือเรือส่งกำลังบำรุง!
เรือส่งกำลังบำรุงช่วยยืดระยะปฏิบัติการของกำลังทางเรือได้ไกลขึ้น และช่วยให้สามารถปฏิบัติการในทะเลต่อเนื่องได้นานขึ้น โดยจีนได้เรียนรู้จากการซื้อเรือ Vladimir Peregudov จากยูเครน ซึ่งเป็นเรือที่อยู่ระหว่างการสร้างให้กับกองทัพเรือโซเวียตแต่ยังสร้างไม่เสร็จจนกระทั่งสหภาพโซเวียตล่มสลายเสียก่อน โดยจีนซื้อตัวเรือจากยูเครนและลากไปสร้างต่อในจีน ในขณะเดียวกันก็ได้รับประสบการณ์จากการต่อ ร.ล.สิมิลัน ให้กับ ทร.ไทยในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งจากประสบการณ์ดังกล่าวจีนได้นำมาพัฒนาเป็นเรือส่งกำลังบำรุงชั้น Qiandaohu (Type 903) ในเวลาต่อมา โดยล่าสุดจีนได้ปล่อยเรือ Chaohu ซึ่งเป็นเรือ Type 903 ลำที่ 4 ลงน้ำเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่ขึ้นระวางประจำการเรือ Taihu ซึ่งเป็นเรือ Type 903 ลำที่ 3 ก่อนหน้านั้นไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 จีนมีเรือส่งกำลังบำรุงที่สามารถส่งได้ทั้งของเหลว (น้ำมันเชื้อเพลิง) และของแข็ง (อาวุธ อะไหล่ และเสบียง) เพียงลำเดียวที่ซื้อมาจากยูเครน กับเรือน้ำมันที่ต่อในจีนอีก 1 ลำ แต่ในปัจจุบันจีนได้เร่งพัฒนาขีดความสามารถด้านการส่งกำลังบำรุงจนทำให้มีเรือส่งกำลังบำรุงจำนวนทั้งสิ้น 6 ลำ (นับรวมเรือน้ำมันและเรือ Chaohu ซึ่งอยู่ในระหว่างการทดสอบทดลอง) สำหรับสนับสนุนเรือรบหลักจำนวนกว่า 80 ลำ ซึ่งเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดภายในเวลาสิบกว่าปี แต่จำนวนเรือส่งกำลังบำรุงของจีนก็ยังนับว่าน้อยเมื่อเทียบกับ ทร.สหรัฐฯ ที่มีเรือส่งกำลังบำรุง 16 ลำ (นับเฉพาะเรือ AOR และ AOE) สำหรับสนับสนุนเรือรบหลักจำนวนประมาณ 100 ลำ
ในปี พ.ศ.2551 จีนได้ส่งกำลังทางเรือไปในภารกิจคุ้มกันเรือสินค้าจากโจรสลัดโซมาเลียในอ่าวเอเดน ประกอบด้วยเรือพิฆาตจำนวน 2 ลำ กับเรือส่งกำลังบำรุง 1 ลำ และจนถึงปัจจุบันจีนได้ส่งกำลังทางเรือไปปฏิบัติภารกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยกำลังผลัดเปลี่ยนชุดที่ 15 ได้เดินทางถึงอ่าวเอเดนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งในการปฏิบัติภารกิจคุ้มกันเรือจากโจรสลัดทั้ง 15 ครั้ง จะมีเรือส่งกำลังบำรุง 1 ลำ ในจำนวนเรือ 3-4 ลำเสมอ ซึ่งการปฏิบัติภารกิจห่างไกลจากจีนเป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่องเป็นสนามทดสอบขีดความสามารถของเรือส่งกำลังบำรุงของจีนเป็นอย่างดี และยังเป็นโอกาสในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการส่งกำลังบำรุงในทะเลอีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่านอกจากจีนจะเพิ่มปริมาณเรือส่งกำลังบำรุงแล้วยังแสวงหาโอกาสในการปฏิบัติงานจริงเพื่อเพิ่มความชำนาญอีกด้วย ซึ่งจะทำให้จีนมาความพร้อมมากยิ่งขึ้นในการปฏิบัติการในทะเลในพื้นที่ห่างไกลต่อเนื่องเป็นเวลานาน การเพิ่มขีดความสามารถด้านเรือส่งกำลังบำรุงจึงนับเป็นสิ่งบอกเหตุที่ชัดเจนในความพยายามขยายอิทธิพลทางทะเลของจีน
บทความจาก
กัปตันนีโม
วิทยาการและเทคโนโลยีฉบับเข้าใจง่ายแบบไทยๆ
เครื่องบิน J-15 กำลังฝึกลงจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบิน Liaoning
เรือรบจีนชุดที่ 15 ปฏิบัติภารกิจคุ้มกันเรือสินค้าในอ่าวเอเดน
ความคิดเห็นที่ 1
ขอบคุณครับ
มีบทความเกี่ยวกับการทหารจีนแบบ
ภาษาไทยให้อ่านไหนครับเว็บไหนหรอครับ
โดยคุณ dragonchun เมื่อวันที่
25/08/2013 02:09:37
ความคิดเห็นที่ 2
โดยคุณ
กัปตันนีโม เมื่อวันที่
25/08/2013 13:00:07
ความคิดเห็นที่ 3
รูปที่ 2 มันเรือสิมิลันไม่ใช่หรือครับ
โดยคุณ tantawanlove เมื่อวันที่
26/08/2013 03:30:09