สวัสดีครับ พลเรือนครับ ลองตั้งกระทู้ตามความรู้สึกของคนที่ไม่ได้คลุกคลีอยู่กับกองทัพ ผิดพลาดหรือมีข้อคิดเห็นยังไง ติชมได้ครับ
คือตามความรู้สึกผมกองทัพจะจัดซื้ออาวุธแต่ละครั้งผมรู้สึกว่ายากมาก จากเท่าที่ลองคิดประมวลผลดูพอจะสรุปได้ตามนี้
1.ผู้อนุมัติงบประมาณ หัวข้อนี้ไม่ขอลงรายละเอียดครับ ทุกท่านคงจะรู้ดีกว่าผม
2.กระแสจากประชาชน
- ผมคิดว่าการจัดซื้อหรือจัดหาอาวุธ ถ้าอยู่ในกระแสจะซื้อได้ค่อนข้างง่าย เช่นช่วงปัญหาปราสาทพระวิหาร ถ้าจัดหาช่วงปัญหาน่าจะได้รับการอนุมัติงบง่ายกว่าหรือเปล่าครับ
-คนรุ่นใหม่ไม่เคยผ่านยุคสงครามแบบใกล้ตัว หรือแม้แต่คนรุ่นเก่าที่ไม่เคยรับรู้ว่าสงครามมาใกล้ตัว อย่างผมอายุ33ผมพึ่งรู้เมื่อเดือนที่แล้วว่าเวียดนามเคยขนกองทัพมาบุกไทยเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนแม้แต่พ่อแม่ผมยังไม่รู้เรื่องเลย คนทั่วไปเลยไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องจัดหาอาวุธ เวลาจัดหาล๊อตใหญ่จึงมักมีกระแสต่อต้าน
3.การประชาสัมพันธ์ ผมเห็นการประชาสัมพันธ์ โฆษณาของกองทัพ ผมมีความเห็นว่าวิธีการและภาษาค่อนข้างเป็นทางการและล้าสมัย คนทั่วไปฟังแล้วไม่เข้าใจหรือไม่สนใจ
การแก้ไข
-ปลูกฝังให้คนทั่วไปรู้ซึ้งหรือตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันประเทศแบบเข้าใจง่าย ผมคิดว่าควรเริ่มจาก นักศึกษาวิชาทหาร สื่อสารดีๆเด็กๆจะเอาไปบอกต่อเรื่อยๆ คนที่ได้รับการบอกต่อก๊จะบอกต่อไปเรื่อยๆ วิธีนี้แทบจะไม่ต้องใช้งบประมาณเลย
-ปรับวิธีการสื่อสารให้เข้าใจง่ายมากขึ้นโดยใส่การตลาดผสมเข้าไป เช่นการโฆษณาทางโทรทัศน์ ปรับลักษณะการนำเสนอจากรูปแบบสารคดีเป็นละครสั้น ทำเป็นละครออนไลน์แบบฮอร์โมนก๊น่าจะดีครับ
-ปลูกฝังให้คนไทยมีความชาตินิยมแบบเหมาะสม อาจจะไม่เกี่ยวเนื่องกับกองทัพในทางตรง แต่สุดท้ายแล้วจะวกกลับมาหากองทัพ เช่นถ้าคนไทยช่วยใช้ของไทย เศรษฐกิจดีงบกองทัพก๊อาจจะมากขึ้น หรือเวลามีการจัดหาอาวุธหรือลงทุนผลิตเอง การต่อต้านจะน้อยลงจนอาจจะเปลี่ยนมาสนับสนุนเลยก๊เป็นได้
ตามความเห็นครับผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ
หลัก ๆ ก็พวกสื่อต่าง ๆ ขาดความรู้ครับ ถ้าสื่อมีความเป็นกลาง มีความเข้าใจก็จะไม่ตีไข่ใส่สีครับ
นี่สื่อหลัก ๆ ไม่มีความเข้าใจอะไรเลย พอออกข่าวมาว่าจะซื้อก็ไปสาดโคลนซะเรียบร้อยแล้ว เรื่องดี ๆ ไม่เคยเอามาตีแผ่กันหรอก
แต่กลับกันพอเครื่องบินตกนักบินสละชีพ ก็เอาอีกแล้วเขียนข่าวโจมตีกองทัพอีกแล้ว ว่าไม่ยอมดูแล
ที่บ้านเมืองเราวุ่นวายทุกวันนี้ก็เพราะสื่อที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพนี่แหละครับ
อาวุธแต่ละชนิดมีราคาที่สูงครับ ของการซื้อของแพง คนซื้อก็ต้องระมัดระวังมากเป็นธรรมดา ว่าการจ่ายเงินซื้อของแพงๆ มาในครั้งนี้ ประเทศเราจะได้รับผลประโยชน์ที่คุ้มค่า
ปัญหามันอยู่ที่ การวิเคราะห์ว่าคุ้มค่าหรือเปล่านี่แหละครับ เพราะว่าอาวุธไม่ใช้ของที่จะซื้อมาตั้งโชว์เฉยๆ แต่เป็นซื้อมาใช้ใน กิจการทหาร (ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่าใช้คำถูกไหม แต่ผมอยากสื่อว่า มันต้องมีเหตุจำเป็นอะไรสักอย่างในทางทหาร เราถึงต้องการอาวุธชนิดนั้นๆ) ซึ่งเรื่องพวกนี้ผมว่า ต้องอาศัยองค์ความรู้เฉพาะเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่คนที่เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงก็จะไม่เข้าใจครับ เมื่อไม่เข้าใจเวลาจะวิเคราะห์ถึง เหตุผล/ความจำเป็น ในการจัดซื้ออาวุธ ก็จะวิเคราะห์ไปกันคนละทางเลย
แต่จะไปโทษคนที่ไม่เข้าใจเพียงฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนัก ก้อย่างที่บอกหละครับ เขาเป็นคนนอก ไม่ใช่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง จะไปเข้าใจได้อย่างไร (แม้ทหารเหมือนกัน แต่อยู่กันคนละเหล่า ก็ยังอาจมีความไม่เข้าใจการทำงานของอีกเหล่าได้เลยครับ) ทางแก้ไขในเรื่องนี้ จึงมีทางเดียวคือการประชาสัมพันธ์และให้ข้อมูลกันให้มากๆ ครับ เวลามีงานอะไร เช่น มีงานซ้อมรบประจำปี อะไรอย่างนี้ ก็ของเชิญ คนในภาคอื่นๆ เช่น เชิญฝ่ายการเมือง (สส. สว.) สำนักงบประมาณ สื่อมวลชนต่างๆบ้าง เข้าชม อาจจะจัดบรรยายเล็กๆ ให้เขาเข้าใจว่า เรากำลังทำอะไรกัน และทำเพื่ออะไร ฯลฯ
แมื่อทุกฝ่ายเข้าใจทหารมากขึ้น เรียกว่า เราคุยกันภาษาเดียวกันแล้ว เวลาจะของบซื้ออะไร ก็อาจจะง่ายขึ้นครับ
เห็นด้วยครับ...เรื่องคนรุ่นใหม่(และคนรุ่นเก่าอีกหลายๆคน)เห็นว่าสงครามเป็นสิ่งที่ไกลตัว
ผมว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากคนรุ่นใหม่ๆเติมโตมากับความสบายและความสงบสุขจนคิดว่า
ยุคนี้,สมัยนี้ไม่มีใครทำสงครามกันแล้ว...แต่พอมีเหตุปะทะกันตามแนวชายแดน เช่น เหตุการณ์ปะทะกับ
ประเทศเพื่อนบ้านครั้งล่าสุดพวกที่ไม่มีความรู้และข้อมูลทีี่แท้จริงก็มักจะวิจารณ์ทหารเสียๆหายๆโดยหารู้ไม่ว่า
พี่น้องทหารเค้าอุตส่าห์เสียสละให้คนอื่นๆได้นอนหลับสบาย
ปีที่แล้วผมเคยได้ยินนักศักษาชาย 2 คน ของมหาลัยชั้น1ของหาดใหญ่...คุยกันว่า
" แ_'ง(ขออนุญาตเซ็นเซอร์)..ประเทศไทย...นี่มันยุคไหนแล้ว..ยังมาฝึกทหารกันอยู่อีก....เอาเวลาไปผลิตนิวเคลียร์ดีกว่า...
ประเทศอื่นเค้าพัฒนานิวเคลียร์กันแล้ว...มัวแต่มาฝึกทหารถือปืนวิ่ง..พอโดนเค้ากดปุ่มยิงนิวเคลียร์ใส่ก็ต่ายห่_หมด"
จากคำพูดที่ทั้ง 2 คนพูดมา...แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าคนสมัยนี้ไม่มีความรู้หรือข้อมูลทางการทหารเลย...
หรือ พูดง่ายๆคำพูดเหล่านี้เป็นแค่คำพูดหาข้ออ้างเพราะไม่อยากจะเกณฑ์ทหารเท่านั้นเอง
หลังจากที่ตามเวปนี้มาได้ซักพัก ลองอ่านย้อนหลังดูหลายหน้าหลายกระทู้เข้าทำให้ผมเกิดอาการจิตตกเข้าขั้น จากที่ผมดูข้อมูลในhttp://www.globalfirepower.com/countries-listing.aspประเทศไทยมีอันดับทางการทหารอยู่ที่20
แต่รอบบ้านเราเห็นหาอาวุธเพิ่มกันอุตลุตในอนาคตอีกซัก10ปีเกิดปะทะกันขึ้นมาเราจะไหวไหม เลยเกิดข้อสงสัยเรื่องการจัดหาขึ้นมา
แต่ถ้าเราปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่รู้จักเรื่องทหารมากขึ้นแบบเกาหลีใต้ที่เค้ารู้จักคำว่ารับใช้ชาติค่อนข้างลึกซึ้ง น่าจะทำให้การทหารง่ายขึ้นในระดับหนึ่ง
ทุกวันนี้สื่อไทยยังแยก-เรียกประเภทหรือชื่ออาวุธยุทโธปกรณ์ไม่ค่อยจะถูกเลยครับ