ASTVผู้จัดการออนไลน์ - รัสเซียต่อเรือลำน้ำลำที่ 3 ให้แก่เวียดนามใกล้จะแล้วเสร็จ คาดว่าจะสามารถปล่อยลงน้ำได้ภายในสิ้นเดือน ส.ค.นี้ เพื่อเริ่มกระบวนการทดสอบใต้น้ำ และรายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆ สื่อของทางการรัสเซียรายงานเพียงไม่กี่วันหลังจากรัฐมนตรีกลาโหมเวียดนาม พล.อ.ฝุ่งกวางแทง (Phung Quang Thanh) ไปเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการสัปดาห์ที่ผ่านมา 
       
       รัฐมนตรีกลาโหมเวียดนาม ได้นำคณะพบหารือกับฝ่ายเจ้าภาพที่นำโดย พล.อ.เซอร์เก ชอยกู (Sergie Shoigu) รมว.กลาโหมรัสเีซีย ในกรุงมอสโก เกี่ยวกับความสัมพันธ์ร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างสองฝ่าย
       
       การทดสอบเรือนครหายฝ่อง (HQ-184 Haiphong City) กำลังจะเริ่ม ขณะที่ฝ่ายรัสเซียเตรียมการส่งมอบเรือดำน้ำลำแรกในเดือน พ.ย.ศกนี้ หลังทดสอบดำเนินไปจนครบกระบวนการตามมาตรฐาน สำนักข่าวโนวอสติรายงานอ้างแหล่งข่าวในบริษัทอู่ต่อเรือแอดมิรัลตี (Admiralty Shipyard) ในนครเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก
       
       อู่ต่อเรือแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐวิสาหกิจต่อเรือสังกัดกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เป็นอู่เก่าแก่ที่ต่อทั้งเรือรบ และเรือดำน้ำให้กองทัพโซเวียตในอดีต ปัจจุบัน เป็นอู่ต่อเรือดำน้ำหลายรุ่นให้แก่กองทัพเรือรัสเซีย รวมทั้งชั้นคิโล กับชั้นลาดา (Lada-Class) ด้วย
       
       นครหายฝ่อง อยู่ในเรือดำน้ำชั้นคิโล “รุ่นปรับปรุง” (Improved Kilo-Class Submarine) จำนวน 6 ลำ ที่เวียดนามเซ็นสัญญาซื้อจากรัสเซียก่อนสิ้นปี 2552 สองลำที่ต่อแล้วเสร็จก่อนหน้านี้ได้แก่เรือนครฮานอย (HQ 182) กับเรือนครโฮจิมินห์ (HQ 183) การส่งมอบจะดำเนินไปจนถึงปี พ.ศ.2559
       
       ตามรายงานของสื่อรัสเซีย เรือนครฮานอย ซึ่งจะเป็นลำแรกจะออกเดินทางในอีกไม่นานนี้ โดยข้ามทะเลบอลติก มุ่งสู่ทะเลเหนือ ออกมหาสมุทรแอตแลนติกลงใต้ไปอ้อมทวีปแอฟริกาไปยังมหาสมุทรอินเดีย แล่นผ่านช่องแคบมะละกา ออกสู่ทะเลจีนใต้ไปยังเวียดนาม
       
       น่ายทหาร กับลูกเรือชาวเวียดนามราว 50 นาย ที่ผ่านการเรียนกับการฝึกอบรมในรัสเซียชุดแรกจะนำเรือดำน้ำลำแรกเดินทางกลับประเทศเอง โนวอสติกล่าว
       
       สื่อของทางการรัสเซียรายงานเรื่องนี้โดยไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นใดอีก สำหรับการเดินทางเพื่อส่งมอบที่เปลี่ยนไปจากวิธีเดิมเมื่อครั้งนำเรือดำน้ำชั้นคิโลรุ่นก่อนไปส่งให้แก่จีน โดยบรรทุกในเรือลำเลียงขนส่งขนาดใหญ่ฝ่าทุ่งน้ำแข็งใกล้ขั้วโลกเหนือ ออกสู่ช่องแคบแบริ่ง ตัดเข้ามหาสมุทรแปซิฟิก และทะเลจีนตะวันออก
       
       “ตอนนี้กระบวนการติดตั้งทั้งหลายทั้งปวงใกล้แล้วเสร็จ รวมทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มอเตอร์ไฟฟ้า ระบบเชื้อเพลิง และอื่นๆ คาดว่าอีกราว 2 สัปดาห์ เรือลำที่ 3 จะลงน้ำได้ เพื่อเริ่มกระบวนการทดสอบภายในอู่” โนวอสติอ้างคำพูดของแหล่งข่าว
       
       เรือดำน้ำทั้ง 6 ลำ สร้างขึ้นตามโครงการที่เรียกว่า “วาร์ชาฟยันกา” (Verchavyanka) หรือ “โครงการ 636M” ซึ่งก็คือ เรือดำน้ำคิโลรุ่นปรับปรุงที่กองทัพเรือสหรัฐฯ เรียกว่า “หลุมดำในทะเล” เนื่องจากเป็นเรือชนิดเครื่องยนต์ดีเซล-มอเตอร์ไฟฟ้าที่เงียบกว่ารุ่นเก่า และหลบเลี่ยงการตรวจจับได้ดีกว่า

   ตามรายงานของสื่อรัสเซียก่อนหน้านี้ เรือดำน้ำชั้นคิโล ของเวียดนามกำลังจะเป็นเพียงรุ่นเดียวในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีขีดความสามารถโจมตีเป้าหมายภาคพื้นทวีปได้ด้วยจรวดร่อนตระกูล “คลับ” (Klub) ติดหัวรบน้ำหนัก 400 กิโลกรัม และมีความเร็วระดับซูเปอร์โซนิก
       
       ตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยเวียดนามซื้อเรือดำน้ำ 6 ลำ รวมมูลค่าราว 2,000 ล้านดอลลาร์ ในแพกเกจที่รวมทั้งการฝึกอบรมบุคลากรประจำการบนเรือ การสนับสนุนด้านวัสดุอุปกรณ์ และการซ่อมบำรุง ขณะที่สื่อในรัสเซียรายงานก่อนหน้านี้ว่า แพกเกจมีมูลค่าทั้งหมด 3,800 ล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจจะหมายรวมถึงระบบอาวุธต่างๆ ตลอดจนการจัดสร้างอู่จอดด้วย
       
       ตามข้อมูลของอู่แอดมิรัลตี เรือชั้นคิโลรุ่นปรับปรุงมีระวางขับน้ำ 3,000 ตัน ยาว 74 เมตร กว้าง 9.9 เมตร ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 6,800 แรงม้า กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 1,000 กิโลวัตต์ ทำความเร็วสูงสุด 12 นอต (1 นอต = 1.852 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ดำน้ำได้ลึก 300 เมตร ใช้ลูกเรือรวม 52 นาย มีรัศมีปฏิบัติการ 12,000 กม.
       
       เรือติดท่อยิงตอร์ปิโดขนาด 533 มม. จำนวน 6 ท่อเป็นมาตรฐาน ติดจรวดนำวิถีได้หลายรุ่นสำหรับสงครามผิวน้ำ กับสงครามใต้น้ำ รวมทั้งรวดร่อนโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินด้วย และตามข้อมูลด้านอาวุธของรัสเซีย จรวด 3M-54E “คลับ” ที่ติดตั้งในเรือดำน้ำรุ่นนี้ สามารถจมเรือรบข้าศึกขนาดใหญ่ได้ด้วยนัดเดียว. ย้ำนะครับว่า จมเรือรบข้าศึกขนาดใหญ่ได้ด้วยนัดเดียว!!!!