หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


รวมข่าวของกองทัพเรืออินเดียในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา - เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ - เรือบรรทุกเครื่องบิน - และอุบัติเหตุเรือดำน้ำ

โดยคุณ : กัปตันนีโม เมื่อวันที่ : 14/08/2013 21:48:13

การขยายตัวของกองทัพเรืออินเดีย ความก้าวหน้ากับอุปสรรคในการดำเนินการ

Leave a reply

ธงกองทัพเรืออินเดีย (ภาพจาก Wikipedia)

 

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยข่าวความเคลื่อนไหวของ กองทัพเรืออินเดียทั้งที่เป็นข่าวดีและข่าวไม่สู้จะดี ดังนั้นในฐานะ Blog การทหารถ้าไม่เขียนเรื่องอินเดียสัปดาห์นี้ก็คงจะเป็นเรื่องแปลกอยู่

เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ INS ARIHANT (ภาพจาก The Diplomat)

 

เริ่มจากข่าวการเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ปรมาณูของเรือ INS ARIHANT จนถึงจุดวิกฤติเมื่อ 4 วันก่อน เรือ INS Arihant เป็นเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธ (SSBN) ที่อินเดียออกแบบและดำเนินการสร้างเองในประเทศ โดยอินเดียเริ่มโครงการศึกษาการสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ด้วยตนเองมา ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990′s ภายใต้โครงการ ATV (Advanced Technology Vessel) และได้ทำการปล่อยเรือลงน้ำไปเมื่อปี พ.ศ.2552 โดยได้มีการทดสอบทดลองในท่าอยู่เป็นเวลา 4 ปี จุดวิกฤติของเตาปฏิกรณ์ปรมาณูหมายถึงจุดที่ปฏิกริยา Fission สร้างนิวตรอนที่มากพอสำหรับการรักษาระดับของปฏิกริยาอย่างต่อเนื่อง และสามารถให้พลังงานอย่างสม่ำเสมอได้ ซึ่งความสำเร็จในการเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ของเรือถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ ทดสอบทดลองเรือในทะเลต่อไป นอกจากนี้อินเดียยังเพิ่งประสบความสำเร็จในการทดลองยิงขีปนาวุธ K-15 จากใต้น้ำ ซึ่งขีปนาวุธ K-15 มีระยะยิง 700 กม. และสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ (อินเดียกำลังพัฒนาขีปนาวุธที่สามารถยิงจากได้น้ำได้ไกลมากขึ้นอยู่) โดยเรือ INS Arihant สามารถติดตั้งขีปนาวุธ K-15 ได้ 12 ลูก และอินเดียมีแผนที่จะสร้างเรือดำน้ำ SSBN ชุดนี้จำนวนทั้งหมด 3-4 ลำ ซึ่งจะทำให้อินเดียสามารถมีเรือดังกล่าวปฏิบัติการอยู่ในทะเลได้อย่างน้อย 1 ลำอยู่ตลอดเวลา การพัฒนานี้ถือเป็นก้าวสำคัญของกองทัพเรืออินเดียและประเทศอินเดียซึ่งจะ เป็นประเทศแรกที่ไม่ใช่สมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน) ที่มีขีดความสามารถในการสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์ด้วยตัวเองและยิงขีปนาวุธ หัวรบนิวเคลียร์จากใต้น้ำได้

ส่วนประกอบภายในเรือ INS Arihant และการยิงขีปนาวุธ K-15 (ภาพจาก TheHindu.com)

 

พิธีปล่อยเรือ INS Vikrant ลงน้ำ (ภาพจาก The American Interest)

 

สองวันให้หลังจากข่าวเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของอินเดีย ก็มีข่าวการปล่อยเรือบรรทุกเครื่องบิน INS VIKRANT ลงน้ำ โดยถึงแม้ว่าอินเดียจะมีประสบการณ์กับเรือบรรทุกเครื่องบินมากว่า 50 ปี แต่เรือ INS Vikrant เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกที่อินเดียสร้างเองในประเทศ และมีแผนจะขึ้นระวางประจำการภายในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งประสบการณ์ในการปฏิบัติการของเรือบรรทุกเครื่องบินอินเดียเริ่มจาก INS Vikrant ลำแรก ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินมือสองจากอังกฤษที่อินเดียใช้ประจำการระหว่าง ปี พ.ศ.2504 – 2540 และปัจจุบันอินเดียมีเรือบรรทุกเครื่องบินประจำการอยู่ 1 ลำ คือเรือ INS Viraat ซึ่งเป็นเรือมือสองจากอังกฤษเช่นกัน นอกจากนี้อินเดียกำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบทดลองเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikramaditya ซึ่งปรับปรุงมาจากเรือ Admiral Gorshkov ของรัสเซีย และมีกำหนดส่งมอบในปลายปีนี้ และอินเดียยังมีแผนที่จะสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินอีก 1 ลำ ต่อจากเรือ INS Vikrant ซึ่งเรือลำใหม่ล่าสุดนี้มีแผนจะเปลี่ยนระบบการรับ-ส่งเครื่องบินจาก STOBAR (Short Take-Off But Arrested Recovery) เป็น CATOBAR (Catapult Assisted Take-Off But Arrested Recovery) อีกด้วย

เรือ INS Vikramaditya (ภาพจาก  The Diplomat)

จะเห็นได้ว่าการเสริมสร้างกำลังรบของกองทัพเรืออินเดียในปัจจุบันเน้นการ พึ่งพาตนเองมากกว่าการสั่งซื้อจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเรือบรรทุกเครื่องบิน การสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ รวมถึงการสร้างเรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้าชั้น Scorpene จำนวน 6 ลำ ซึ่งเป็นโครงการ Technology Transfer โดยเรือทั้ง 6 ลำจะสร้างที่อู่ต่อเรือ Mazagon Docks Limited ของอินเดีย ภายใต้การควบคุมของบริษัท DCNS จากฝรั่งเศส ทั้งนี้ความพยายามในการพึ่งพาตนเองของอินเดียไม่ใช่เรื่องง่ายและกลายเป็น การลงทุนที่สูงทั้งในด้านเม็ดเงินและเวลา โดยอินเดียต้องประสบปัญหายุ่งยากจากความพยายามดังกล่าวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความล่าช้าในการสร้างเรือ INS VIKRANT ซึ่งเริ่มดำเนินการสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 และมีแผนจะขึ้นระวางประจำการได้ในปี พ.ศ.2557 แต่ประสบปัญหาต่างๆ มากมายจนเพิ่งจะสามารถปล่อยเรือลงน้ำได้ในปีนี้ (ช้ากว่ากำหนดเดิม 3 ปี) และต้องเลื่อนกำหนดขึ้นระวางประจำการไปเป็นปี พ.ศ.2561 (ช้ากว่ากำหนดเดิม 4 ปี) ทำให้มีค่าใช้จ่ายเกินกว่าที่ประมาณไว้เดิมถึง 4 เท่า กับ ความล่าช้าของโครงการเรือดำน้ำชั้น Scorpene ซึ่งเกินกำหนดเวลาไปหลายปีและมีค่าใช้จ่ายที่เกินกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ เดิมไปกว่า 25% ไม่นับรวมถึงความล่าช้าในการปรับปรุงเรือ Admiral Gorshkov (ซึ่งเป็นปัญหาของอู่ต่อเรือรัสเซียร่วมกับความไม่มีประสิทธิภาพในการดำเนิน โครงการของอินเดีย) นอกจากนี้ปัญหาอีกประการหนึ่งของกองทัพเรืออินเดียคือข้อจำกัดด้านงบประมาณ ซึ่งในปัจจุบันกองทัพเรืออินเดียได้รับจัดสรรงบประมาณน้อยที่สุดในบรรดา 3 เหล่าทัพ

การจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหมอินเดียในปี 2013 – 2014 (ภาพจาก IDSA)

ข่าวสุดท้ายเป็นข่าวร้ายของกองทัพเรืออินเดีย คือข่าวเรือดำน้ำ INS Sindhurakshak เกิดเหตุระเบิดและไฟลุกไหม้ขณะ จอดอยู่ในท่าเรือเพียง 2 วันหลังข่าวการปล่อยเรือ INS Vikrant ลงน้ำ เหตุระเบิดและไฟไหม้ดังกล่าวทำให้ตัวเรือจมลงในท่าและมีลูกเรือติดอยู่ใน เรือจำนวน 18 คน เรือ INS Sindhurakshak เป็นเรือดำน้ำชั้น Kilo ที่อินเดียสั่งต่อจากรัสเซียเมื่อทศวรรษที่ 1990′s เรือลำนี้เคยเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้เนื่องจากมีก๊าซ Hydrogen รั่วจากแบตเตอรี่เมื่อปี พ.ศ.2553 ทำให้ลูกเรือเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บอีก 2 คน หลังจากนั้นอินเดียได้ส่งเรือดังกล่าวไปทำการปรับปรุงยังอู่ต่อเรือ Zvezdochka ของรัสเซีย เป็นเวลา 2 ปี โดยเรือ INS Sindhurakshak ได้เดินทางกลับถึงอินเดียเมื่อปลายปีทีแล้ว และกองทัพเรืออินเดียได้รับมอบเรือคืนหลังเสร็จสิ้นการทดสอบทดลองเมื่อต้นปี ที่ผ่านมา แรงระเบิดของเรือ INS Sindhurakshak ทำให้เรือดำน้ำ INS Sindhuratna ซึ่งจอดอยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายเล็กน้อย ส่วนลูกเรือจำนวน 18 คนที่ติดอยู่ในเรือในขณะนี้ทางกองทัพเรืออินเดียกำลังเร่งหาทางช่วยเหลือ

ภาพข่าวการระเบิดของเรือ INS Sindhurakshak (ภาพจาก BBC)

ประเทศที่กำลังจับตามองการขยายตัวของกองทัพเรืออินเดียมากที่สุดในขณะนี้ น่าจะเป็นประเทศจีน ซึ่งจีนและอินเดียกำลังเร่งแข่งกันขยายอิทธิพลทางทะเลของตน นอกจากนี้จีนและอินเดียยังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับดินแดนทางบกอีกด้วย โดยจีนมองอินเดียว่าเป็นประเทศที่คั่นอยู่ตรงกลางระหว่างศูนย์กลางทาง เศรษฐกิจและท่าเรือที่สำคัญของจีนทางชายฝั่งตะวันออกของประเทศ กับแหล่งทรัพยากรที่สำคัญในแอฟริกาและตะวันออกกลาง ซึ่งทำให้อินเดียอยู่ในสถานะที่อาจปิดกั้นเส้นทางการคมนาคมขนส่งจากแอฟริกาและตะวันออกกลางไปยังจีนได้ ส่วนอินเดียเองก็มองว่าการที่จีนกำลังมีความต้องการสร้างฐานส่งกำลังบำรุงในพื้นที่มหาสมุทรอินเดียเป็นการคุกคามพื้นที่ภายใต้อิทธิพลของอินเดีย

 

ที่มา - http://kapitaennem0.wordpress.com/

เชิญติดตามเทคโนโลยีทางทหารและข่าวความมั่นคงทางทะเลได้ที่เพจกัปตันนีโมครับ -  https://www.facebook.com/kapitaennem0





ความคิดเห็นที่ 1


เรือดำน้ำ “อินเดีย” ระเบิดและจมดิ่ง เพิ่งให้รัสเซียซ่อม-มีทหารติดอยู่ 18 (ชมคลิป)
เอเจนซีส์ - เรือดำน้ำใช้เครื่องยนต์ดีเซลของอินเดีย ซึ่งเพิ่งได้รับกลับมาจากการส่งไปปรับปรุงซ่อมแซม่ให้ทันสมัยครั้งใหญที่รัสเซียเมื่อต้นปีนี้ ได้เกิดระเบิดและจมลงขณะจอดอยู่ที่ท่าเรือเมืองมุมไบเมื่อวันพุธ (14 ส.ค.) โดยที่มีทหารเรือติดอยู่ 18 คน ซึ่งคาดหมายกันว่าคงมีจำนวนหนึ่งเสียชีวิต ถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงของกองทัพแดนภารตะที่กำลังเร่งยกระดับแสนยานุภาพไว้รับมืองกับการคุกคามจากชาติเพื่อนบ้ายยักษ์ใหญ่อย่างจีน
       
       ภาพที่เผยแพร่ในเว็บไซต์สื่อสังคมเผยให้เห็นลูกไฟขนาดใหญ่เหนือท่าเรือนาวีในเมืองมุมไบ (บอมเบย์) ซึ่ง “ไอเอ็นเอส สินธุรักษัก” เรือดำน้ำใช้เครื่องยนต์ดีเซลจอดอยู่ และหลังจากการระเบิดเรือได้จมลงเกือบมิดลำ ขณะที่กองทัพเรือแดนภารตะแถลงว่า เรือดำน้ำซึ่งมีชื่อภาษาฮินดีที่แปลว่า “ผู้พิทักษ์ทะเล” ลำนี้ อยู่ในสภาพปักหัวทิ่มลงน้ำ เหลือเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้นที่ยังโผล่พ้นผิวน้ำ
 
       ทีมนักประดาน้ำกองทัพเรือถูกส่งลงไปค้นหาผู้รอดชีวิต และรถดับเพลิง 16 คันร่วมกันดับไฟ ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 4 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คนซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณที่เรือดำน้ำจอดอยู่ขณะเกิดระเบิด
       
       อย่างไรก็ดี เรือลำน้ำอื่นๆ ที่จอดอยู่ใกล้เคียงในท่าเรือยุคอาณานิคมที่มีพนักงานกว่า 10,000 คน ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
       
       เอ.เค.แอนโธนี รัฐมนตรีกลาโหมอินเดีย กล่าวในเวลาต่อมาว่า มีทหารบางคนที่ติดอยู่ในเรือดำน้ำลำนี้เสียชีวิต แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพียงกล่าวย้ำว่า โศกนาฏกรรมนี้เป็นความสูญเสียครั้งสำคัญ
 
       หลังจากนั้นในช่วงเย็นวันเดียวกัน กองทัพเรือได้แถลงว่าทีมประดาน้ำสามารถเข้าไปภายในเรือสินธุรักษัก ได้แล้ว และยังไม่พบสัญญาณใดๆ เกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่ของลูกเรือทั้ง 18 คน
       
       ก่อนหน้านี้ ทัพนาวีแดนภารตะระบุว่า การระเบิดที่เกิดขึ้นในช่วงหลังเที่ยงคืนวันอังคาร (13) มีแนวโน้มเป็นอุบัติเหตุ โดยขณะนี้กำลังเร่งสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง รวมทั้งเร่งช่วยเหลือลูกเรือที่ติดอยู่
       
       ทางด้านนายทหารเรืออาวุโสผู้หนึ่งชี้ว่า สาเหตุอาจมาจากระบบแบตเตอรี่ แต่สำทับว่า เป็นเพียงสมมติฐานเบื้องต้นเท่านั้น
       
       ขณะที่ พีวีเอส สาธิต โฆษกกองทัพเรือยืนยันว่า จุดที่เกิดไฟไหม้คือส่วนหน้าของเรือที่มีระบบแบตเตอรี่และตอร์ปิโดติดตั้งอยู่
 
       ราหุล เบดี ผู้เชี่ยวชาญด้านกลาโหมของนิตยสารรายสัปดาห์ ไอเอชเอส เจนส์ ดีเฟนซ์ ตั้งข้อสังเกตว่า เรือดำน้ำลำที่เกิดเหตุนี้สร้างโดยรัสเซียในปี 1997 จึงไม่มีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัยบางอย่าง เช่น ทางหนีฉุกเฉิน
       
       เหตุการณ์นี้ถือว่ารุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นกับเรือดำน้ำของกองทัพเรืออินเดีย อีกทั้งชวนให้นึกย้อนไปถึงการระเบิดของเรือดำน้ำโจมตีติดอาวุธนิวเคลียร์ชื่อ “เคิร์สต์” ของรัสเซีย ที่จมลงใต้ทะเลบาเรนต์ในปี 2000 และลูกเรือ 118 คนเสียชีวิตทั้งหมด
       
       สำหรับเรือสินธุรักษัก เพิ่งกลับสู่อินเดียเมื่อต้นปีนี้หลังจากถูกส่งไปปรับปรุงซ่อมแซมให้ทันสมัยครั้งใหญ่ในรัสเซียเป็นเวลาถึง 2 ปีครึ่ง เรือดำน้ำลำนี้เคยประสบอุบัติเหตุคล้ายๆ คราวนี้ในปี 2010 ที่ทำให้ทหารเรือเสียชีวิต 1 นายขณะจอดอยู่ที่ท่าเรือวิสาขปัตนัม ทางตอนใต้ของประเทศ
 
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000101210
โดยคุณ kaypui42 เมื่อวันที่ 14/08/2013 21:46:42


ความคิดเห็นที่ 2


อุบัติเหตุเรือดำน้ำ

โดยคุณ kaypui42 เมื่อวันที่ 14/08/2013 21:48:13