ในงาน Kormarine Expo 2011 Naval & Defense Show ที่จัดขึ้นที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปลายเดือน ธันวาคม ปีที่ผ่านมา South Korea’s Agency for Defence Development (ADD) ได้เปิดเผยถึงโครงการต่อเรือดำน้ำขนาดเล็กหรือที่เรียกกันว่า Midget Submarine ขึ้นใช้เองภายในประเทศ ซึ่งเหนือการคาดการณ์ของคนในแวดวงทหารไปไม่น้อย เนื่องจากโครงการนี้อยู่นอกโครงการพัฒนากองกำลังเรือดำน้ำโจมตี (Korean Attack Submarine program) ของเกาหลีใต้ ซึ่งตั้งเป้าไปที่การผลิตเรือดำน้ำโจมตีขนาด 3,000 ตัน
เรือดำน้ำขนาดเล็กของเกาหลีใต้ที่จะต่อขึ้นเองนี้ มีรหัสว่า KS 500A มีขนาดระวางขับน้ำที่ผิวน้ำ 510 ตัน กว้าง 4.5 เมตรยาว 37 เมตร ดำน้ำลึก 250 เมตร ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และใช้แบตเตอร์รี่ลิเธียมไอออนจำนวน 2 ชุด เป็นแหล่งพลังงาน โดยไม่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในตัว ระยะเวลาปฏิบัติการนาน 21 วัน รัศมีทำการ 2,000 ไมล์ทะเล ที่ความเร็วเดินทาง 5-7 น็อต แต่ก็มีความสามารถที่จะเร่งความเร็วได้ถึง 20 น็อตเลยทีเดียว โดยตลอดระยะเวลาปฏิบัติการ เรือไม่ต้องลอยตัวขึ้นเหนือน้ำ (Snorkeling) บ่อยๆ เหมือนเรือรุ่นเก่าด้วย
ส่วนของระบบขับเคลื่อนนั้น ยังไม่ได้รับการเปิดเผยจาก ADD แต่จากแบบจำลองของเรือ เราจะมองไม่เห็นใบจักรของเรือที่ปลายสุดของตัวเรือ เช่นเดียวกับเรือดำน้ำแบบอื่นๆ แต่ในภาพขยายของท้ายเรือ เราจะเห็นข้อความ Integrated Motor Propulsion และในภาพตัดขวางจะเห็นส่วนประกอบของมอเตอร์อยู่ทางฝั่งซ้าย ถัดไปที่เห็นเป็นท่อทรงกระบอกคือ Flexible Payload Module (FPM) เป็นช่องสำหรับปล่อยชุดปฏิบัติการพิเศษ , นักประดาน้ำ , ยานใต้น้ำของชุดปฏิบัติการพิเศษ และยานใต้น้ำไร้คนขับ ถัดไปเป็นหางเสือแบบ X-Shaped ซึ่งส่วนที่เป็นมอเตอร์ อันประกอบไปด้วย Rotot , Stator และ Shroud น่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนของเรือรูปแบบใหม่ที่นำมาใช้ในเรือดำน้ำ ผู้เขียนสันนิษฐานว่า อาจจะเป็นระบบ Water Jet แบบใหม่ หรือเป็นลักษณะคล้ายๆ กับเครื่องยนต์เจ็ทในเครื่องบิน (Podded Motor)
โครงสร้างที่เป็น Podded Motor ที่ท้ายเรือ
ตัวเรือแบ่งออกเป็น 4 ส่วน (Compartments) คือ ส่วนศูนย์ยุทธการ (CIC) และสะพานเดินเรือ , ส่วนห้องเครื่องจักร , ส่วนห้องพัก และห้องพักผ่อนของประจำเรือและชุดปฏิบัติการพิเศษ และ ส่วนอาวุธและโซนาร์
KS 500A ใช้กำลังพลทำงานเพียงแค่ 5 คน แต่เพื่อการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง จึงต้องมีคนจำนวน 10 คน สำหรับยาม 2 ผลัด นอกจากนี้ยังสามารถรองรับชุดปฏิบัติการพร้อมอาวุธครบมือได้อีก 14 คน
ระบบอาวุธประกอบไปด้วย ตอร์ปิโดใหญ่ 2 ลูก และตอร์ปิโดเล็กอีก 4 ลูก นอกจากนี้แล้วก็ยังติดตั้งแท่นยิงอาวุธปล่อยแนวตั้ง และทุ่นระเบิดได้ด้วย อย่างละ 1 ลูก หรืออย่างใดอย่างหนึ่งจำนวน 2 ลูก ส่วนของหอบังคับการหรือ Conning Tower เป็นที่ติดตั้งของเสาที่ทำหน้าที่ต่างๆ ได้แก่ เสาเรดาร์, เสาวิทยุสื่อสารผ่านดาวเทียม เสา Electronic Security Measures System ,เสาเพอริสโคปแบบ Electro-optic และเสา Payload สำหรับปล่อยอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็กหรือใช้ในการปล่อยอุปกรณ์อื่นๆ
ระบบโซนาร์ ประกอบด้วย โซนาร์หัวเรือ (Conformal Array Sonar) , โซนาร์ด้านข้าง (Flank Array Sonar) , โซนาร์ดักจับสัญญาณโซนาร์ (Intercept Sonar) และชนิดสุดท้ายคือ โซนาร์หลบหลีกทุ่นระเบิด (Mine-Avoidance Sonar) ส่วนในห้องศูนย์ยุทธการ ตัวแบบจำลองเผยให้เห็นถึงหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่จำนวน 4 หน้าจอ และคอนโซลแยกอีก 2 ตัว กับโต๊ะแผนที่อีกหนึ่งโต๊ะ
เรือรุ่นนี้ มีความมุ่งหมายที่จะสร้างขึ้นมาทดแทนเรือดำน้ำขนาดเล็กชั้น Dolgorae ซึ่งต่อจากประเทศอิตาลี ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1980 จำนวน 3 ลำ ซึ่งปัจจุบันปลดระวางไปแล้ว 1 ลำ โดยเรือชั้น KS 500A นี้จะต่อจำนวน 5 ลำ โดยการผลิตจะเริ่มต้นในปี ค.ศ. 2012 นี้
ภารกิจของเรือดำน้ำขนาดเล็กนี้ ก็คือการลาดตระเวนป้องกันในเขตชายฝั่ง โดยเฉพาะบริเวณทะเลเหลือง ใกล้พรมแดนเกาหลีเหนือ อีกทั้งยังใช้เพื่อแทรกซึมหาข่าว ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษขึ้นบนชายฝั่งด้วย
สำหรับโครงการนี้ ผู้เขียนมีความคิดว่า เกาหลีใต้ต้องการเริ่มต้นจากโครงการเล็กๆ ก่อน แม้ว่าเกาหลีใต้โดยอู่ต่อเรือ Hyundai Heavy Industries และ Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering จะมีประสบการณ์ในการต่อเรือและอัพเกรดเรือดำน้ำชั้น Type-209 และ Type-214 มาแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นการต่อเรือโดยใช้สิทธิบัตรของอู่ต่อเรือ Howaldtswerke-Deutsche Werft GmbH (HDW) จากประเทศเยอรมนี แต่สำหรับเรือดำน้ำชั้น KS 500A นี้เป็นการออกแบบ และสร้างโดยอู่ต่อเรือในเกาหลีใต้เองทั้งหมด ซึ่งหากโครงการนี้สำเร็จ เกาหลีใต้ ก็จะมีความมั่นใจมากขึ้นในการต่อเรือดำน้ำขนาด 3,000 ตัน ตามที่ตั้งเป้าไว้ในโครงการ Attack Submarine
สำหรับโครงการนี้ ผู้เขียนมีความคิดว่า เกาหลีใต้ต้องการเริ่มต้นจากโครงการเล็กๆ ก่อน แม้ว่าเกาหลีใต้โดยอู่ต่อเรือ Hyundai Heavy Industries และ Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering จะมีประสบการณ์ในการต่อเรือและอัพเกรดเรือดำน้ำชั้น Type-209 และ Type-214 มาแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นการต่อเรือโดยใช้สิทธิบัตรของอู่ต่อเรือ Howaldtswerke-Deutsche Werft GmbH (HDW) จากประเทศเยอรมนี แต่สำหรับเรือดำน้ำชั้น KS 500A นี้เป็นการออกแบบ และสร้างโดยอู่ต่อเรือในเกาหลีใต้เองทั้งหมด ซึ่งหากโครงการนี้สำเร็จ เกาหลีใต้ ก็จะมีความมั่นใจมากขึ้นในการต่อเรือดำน้ำขนาด 3,000 ตัน ตามที่ตั้งเป้าไว้ในโครงการ Attack Submarine
โครงการ Korean Attack Submarine program คือโครงการก่อตั้งกองเรือดำน้ำโจมตีขนาดใหญ่ ที่สามารถทำให้เกาหลีใต้ เป็นประเทศผู้ใช้เรือดำน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงประเทศหนึ่งในโลก โดยโครงการนี้แบ่งออกเป็น 3 เฟส ดังนี้
เฟสที่ 3 (KSS-III) คือการต่อเรือดำน้ำขนาด 3,000 ตัน โดยอู่ต่อเรือในประเทศ ซึ่งอู่ต่อเรือที่มีความสามารถในขณะนี้คือ Hyundai Heavy Industries และ Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering พร้อมด้วยบริษัท SAAB สำหรับระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งทั้งหมดเคยต่อเรือและปรับปรุงเรือดำน้ำชั้น Chang Bo-go และชั้น Sohn Won-il มาแล้ว รวมถึงต่อเรือชั้น Chang Bo-go รุ่นปรับปรุงใหม่ ให้กับกองทัพเรืออินโดนีเซีย จำนวน 3 ลำอีกด้วย
โ
ภาพแสดงโครงสร้างและส่วนประกอบภายในเรือดำน้ำชั้น Type-214
ปัจจุบัน โครงการนี้ยังอยู่ในเฟสที่ 2 โดยมีเรือในชั้น Sohn Won-il เข้าประจำการแล้วจำนวน 3 ลำ กำลังต่ออยู่อีก 3 ลำ ส่วนในเฟสที่ 3 ก็กำลังจะเริ่มควบคู่ไปด้วย โดยที่แต่เดิมจะเริ่มโครงการใน ปี ค.ศ. 2007 แต่ก็ต้องยืดระยะเวลาออกไป โดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ก็คาดการณ์ได้ว่าน่าจะเป็นเรื่องของความไม่พร้อมของอู่ต่อเรือ และเทคโนโลยีที่มีอยู่ เพราะในปัจจุบันก็ยังต่อเรือในเฟสที่ 2 ไม่แล้วเสร็จ
เรือดำน้ำ ROKS Choi Museon ชั้น Chang Bo-go
นอกจากโครงการต่อเรือดำน้ำ KS 500A จะเป็นโครงการทดลองเพื่อก้าวต่อไปยังเรือดำน้ำชั้นใหม่ของเกาหลีใต้เองแล้ว ประโยชน์อีกทางหนึ่งก็คือ เกาหลีใต้จะมีเรือดำน้ำขนาดเล็กเพื่อทดแทนเรือดำน้ำชั้น Dolgorae ที่ใช้งานมานานเพิ่มขึ้นอีกถึง 5 ลำ ซึ่งจากเหตุการณ์จมเรือคอเวต โชนัน โดยคาดว่าจะเป็นการโจมตีด้วยตอร์ปิโดจากเรือดำน้ำขนาดเล็กของเกาหลีเหนือนั้น ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดี ถึงความน่ากลัวของเรือดำน้ำขนาดเล็กนี้
ภาพความเสียหายของเรือ ROKS Cheonan
ที่มา : http://zedth.exteen.com/20130112/entry-1
****************************************
คิดว่าเรือดำน้ำใหม่ของ ทร.ไทย คงเป็นเรือดำน้ำเกาหลี + SAAB ไม่ผิดจากนี้เป็นแน่ครับ
ถ้ามันยิงตอปิโดได้ก็ถือว่าใช้ได้แระคับ รูบทรงสวยดูดีผมว่ามันดูเท่กว่า 206 เยอะเลยนะ แถมคุยจ้อกับ ย๊าส์จ ได้ด้วย
สอยมาสัก 6 ลำ แล้วดีลหน้าค่อยไปเอาKSS-IIIไม่ก็209ธรรมดาๆ
ถ้าราคาไม่แรงจนเกินไป ผมว่าตัวนี้ก็น่าสนใจดีครับ
และถ้าได้แบตรี่ กับมอเตอร์ ตัวชาร์ด ระบบอาวุธ ฯลฯ
จะน่าสนใจอีกมาก
น่าสนใจครับ มาฝึกมาใช้จนชำนาญแล้วค่อยซื้อลำที่ใหญ่กว่าทันสมัยกว่ส
เทคโนโลยีเรือดำน้ำขนาดเล็กที่ไม่มีเครื่องยนต์กำลังเป็นที่สนใจของผู้ผลิตเรือดำน้ำครับ เนื่องจากมอเตอร์ขับเคลื่อนได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งปัจจุบันมีแนวคิดในการใช้เรือดำน้ำขนาดเล็กที่มีเพียงแบตเตอรีและระบบ AIP ซึ่งสามารถทำให้เรือดำน้ำสามารถออกปฏิบัติการได้นานถึง 20-30 วัน โดยไม่ต้องทำ Snorkel เลย แต่ในก็ยังมีประเด็นในเรื่องของความเชื่อถือได้ ซึ่งระบบทางทหารส่วนมากแล้วจะมีระบบสำรองอยู่เสมอ เช่น เครื่องยนต์ 2 เครื่อง, แบตเตอรี 2 ชุด หรือเรือดำน้ำบางแบบมีมอเตอร์ขนาดเล็กเป็น Auxiliary Propulsion สำหรับกรณีฉุกเฉินอีกด้วย ซึ่งการถอดเครื่องยนต์ดีเซลออกไปทำให้ลดโอกาสถูกตรวจจับได้มากเนื่องจากไม่มีความจำเป็นต้องทำ Snorkel แต่ก็ทำให้มีความเสี่ยงในการออกปฏิบัติการระยะไกลมากขึ้น เนื่องจากมีระบบสำรองที่ลดลง นอกจากนี้การพัฒนาแบตเตอรีแบบ Lithium Ion สำหรับเรือดำน้ำก็ยังเป็นเรื่องใหม่ ซึ่งถึงแม้ว่าแบตเตอรี Lithium Ion จะมีใช้ตามบ้านมานานแล้ว แต่ความเสี่ยงของการระเบิด-ติดไฟด้วยตัวเองอย่างในกรณีของเครื่องบิน 787 ก็ยังทำให้กองทัพเรือหลายประเทศเลือกที่จะรอจนกว่าจะเป็น Proven Technology เสียก่อน โดยเฉพาะกับเรือดำน้ำที่การเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุขัดข้องอาจส่งผลต่อการสูญเสียชีวิตลูกเรือได้
ไม่เห็นนานเลยนะครับท่าน Ricebeanoil ผมกด LIKE ให้หนึ่งเสียงครับ
เป็นเรือดำน้ำรุ่นที่ผมเชียร์สุดใจครับ แม้ว่ามีสเปกบางอย่างไม่ตรงตามความต้องการของทร. หลายอย่าง แต่ผมว่าราคาน่าสนใจจนถึงน่าสนใจที่สุดแน่ๆ ขนาดก็ใกล้เคียง type-206A มาก
แต่เนี่องจากมันมีระบบที่ไม่ตรงตามความต้องการของ ทร.หลายรายการ ดังนั้นผมจึงเสนอว่าเป็นรุ่น KSS-500A mod for RTN ครับ
ขยายขนาด เป็น 600 - 800 ตัน อยากได้เครื่องยนต์ดีเซลไว้กันเหนียวก็ยัดใส่ลงไป อยากได้ท่อตอร์ปิโดหนักมากกว่านี้ ก็ยัดใส่เข้าไป อยากเปลี่ยนห้องพักสำหรับหน่วยซีลไปเป็นห้องพักสำหรับนักเรียนฝึกหัดก็สร้างไว้ อยากได้ระบบอำนวยการรบแบบ type - 209 ก็ยัดใส่เข้าไป หรือถ้าคิดจะเลือกซื้อ DW-1400T เป็นเรือรบหลักในอนาคต ก็สามารถจัดระบบภายในให้คล้ายๆกันได้ ทั้งเครื่องยนต์ CMS ระบบอิเลคทรอนิค เพราะผลิตจากอู่ต่อเรือเดียวกันครับ แถมเรือฟรีเกตที่จัดหาใหม่ ก็มาจากอู่นี้เช่นกัน รวมถึง K-ASROC ด้วย ซึ่งก็น่าจะสามารถเรียกร้องให้ใช้งานมันได้ในเรือดำน้ำ KSS-500A mod นี้
แต่น่าสนใจตรงที่มี SAAB มาแจมด้วย นี่ถ้า KOCKUMs มาแจมด้วยคนยิ่งน่าสนใจครับ เพราะเป็นเจ้าของระบบ stirling AIP ครับ ถ้าแบบนี้ไม่ต้องมีเครื่องดีเซลไปเลยก็ดี เรียกว่าลองของใหม่ หรือว่ามีเครื่องปั่นไฟดีเซลใช้ไปก่อนเพื่อความมั่นใจ เมื่อระบบตระกูล AIP ได้รับความมั่นใจกว่านี้ ก็อาจจะถอดถอนออกแล้วนำระบบ Stirling AIP มาใช้งานเลย
ผมว่าเกาหลีกำลังโหมเจาะตลาดอุตสาหกรรมทหาร เพื่อสร้างยอด GDP ประเทศให้ติด 1 ใน 10 แบบนี้ เขาน่าจะใจกว้างคุยง่ายครับ
ปล.
สำหรับเครื่องยนต์ ในความเห็นส่วนตัวของผม ผมว่าน่าจะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีการออกแบบระบบใบพัดใหม่ทั้งหมด น่าจะคล้ายๆคอมเพรสเซอร์ของเครื่องยนต์เครื่องบินครับ และสามารถให้แรงดันออกไปได้สูง จะว่าไปก็น่าจะเป็นวอเตอร์เจ๊ตที่มีลักษณะคล้ายๆคอมเพรสเซอร์ของเครื่องยนต์เครื่องบิน
ถ้า ทร. ไม่อยากเสี่ยงในระบบเครื่องยนต์แบบนี้ ก็น่าจะสามารถเลือกใช้ระบบดีเซลและระบบใบจักรแบบเดิมๆได้ โดยน่าจะยึดแบบอย่าง,kจาก type -209 type -214 ด้วย เพราะอู่เรือนี้ก็ต่อเรือทั้ง 2 ชั้นมาแล้วน่าจะรู้รายละเอียดดีมาก
และน่าจะเผื่อสำหรับการถอดถอนเครื่องยนต์ดีเซลออกไปเพื่อติดตั้งระบบ stirling AIP ได้ในอนาคต ผมค่อนข้างมั่นใจว่าระบบ stirling AIP นี้น่าจะให้พลังงานมากกว่า Fuel cell ที่ทางเยอรมันพัฒนาอยู่ แม้ว่าเสียงอาจจะดังกว่า Fuel cell นี่มันไม่มีเสียงเลยเพราะไม่มีส่วนเคลื่อนไหว
ส่วนช่องเข้าออกของนักประดาน้ำก็ไม่ต้องมีไปซะ แต่มาแปลกนะสำหรับเรือรุ่นนี้ที่ให้หน่วยซีลออกทางตูด ยังกะขี้ปลาทองเลย
lสำหรับเพื่อนๆ TFC ใหม่ๆ อาจจะยังไม่ทราบหลักการดีนัก สรุปสั้นๆว่า
เครื่องยนต์ดีเซลแบบเดิม ใช้ทำหน้าที่ปั่นไฟเพื่อประจุไฟเข้าแบต โดยต้องพึ่งพาอากาศภายนอกในการประจุไฟ ดังนั้นจึงต้องลอยขึ้นไปใกล้ผิวน้ำแล้วใช้ท่อดูดอากาสเข้ามาเพื่อเดินเครื่องยนต์ดีเซล เมื่อแบตเต็มแล้ว ก็จะดำลงใต้น้ำ แล้วใช้แบตตารี่ในการส่งไฟให้มอเตอร์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนใบจักรเรือ เป็นระบบที่ได้รับความน่าเชื่อถือที่สุดแล้วในปัจจุบัน แต่มีข้อเสียและเสี่ยงมาก คือ ต้องลอยลำขึ้นมาประจุไฟ
ระบบ Stirling AIP ก็ คือ เครื่องยนต์ดีเซลแบบ Stirling แต่เป็นระบบปิด คือ แพคส่วนผสมอากาศอัดถังลงไปใช้ใต้น้ำเลย เวลาเดินเครื่องดีเซล stirling เพื่ออัดไฟ ก็ไม่ต้องลอบลำขึ้นไปดูดอากาศครับ ใช้อากาศอัดกระป๋องที่เตรียมเอาไว้ มาใช้งานเลย เสียงของเครื่องดีเซล stirling เบากว่าเครื่องดีเซลปกติพอควร เหมือนเครื่องเบนซินที่เสียงเบากว่าเครื่องดีเซลนะครับ และน่าจะเป็นไปได้ที่แท่นรองเครื่องยนต์ stirling น่าจะมีเครื่องหักล้างคลื่นเสียงอยุ่ด้วย และคงใช้เวลาในการอัดไฟ 1-2 วัน
ทำให้เรือมีความเสี่ยงน้อยลงไปมากครับ และควรจะน่าให้พลังงานมากกว่าระบบ fuel cell ซึ่งระหว่างอัดไฟก็น่าจะสามารถส่งพลังงานไปที่มอเตอร์ขับเคลื่อนหลักได้ดีกว่า fuel cell ด้วย และน่าจะใช้เวลาในการประจุไฟได้สั้น
มีข้อสงสัยครับ
จากที่สเปคระบุ เรือลำนี้คชถือว่ามีความสามารถในการทำสงครามใต้น้ำ(ปราบเรือดำน้ำ) และยุทธการ ใต้น้ำ-สู่-ผิวน้ำ/พื้นดิน(ปราบเรือผิวน้ำ และปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบก ด้วยกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษ) ได้ในระดับไหนครับ? ถือว่าเทียบเท่าเรือดำน้ำขนาดกลางได้ไหม(ไม่นับระยะปฏิบัติการ)?
ในความคิดเห็นของผมนะ ผมว่าเรือชั้นนี้น่าจะรองรับ K-ASROC ในภาระกิจต่อตีเรือดำน้ำได้ด้วย เพราะมีท่อตอร์ปิโดหนัก 2 ท่อ ส่วนท่อ VLS นี่ผมยังสงสัยมันจะมีได้เหรอเพราะมองไม่เห็น เห็นแต่ท่อปล่อยขี้ปลา เอ้ย...นักประดาน้ำ ซึงน่าจะทำการปล่อยวางทุ่นระเบิดไปได้ด้วยช่องนี้ครับ
ส่วนในภาระกิจต่อตีเรือผิวน้ำ เรือน่าจะรองรับ Sub harpoon หรือ จรวดของเกาหลีที่ลอก harpoon มาน่ะแหล่ะ(ผมจำชื่อไม่ได้) ส่วนจะยิง Hyunmoo - 2/3 ได้หรือเปล่าผมไม่แน่ใจครับ
ส่วนหน่วยซีลนั้น รองรับเจ้าหน้าที่แค่สิบกว่าคน น่าจะออกแนวแทรกซึมหาข่าว เสียมากกว่า
ประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับเรือดำน้ำขนาดกลางอย่าง type 214 type-209 หรือ แมงป่องทะเล ผมว่าเรือ KSS-500 A น่าจะออกแนวเป็นฝ่ายตั้งรับในเขตน้ำตื้นมากและในเขตพื้นที่เศรษฐกิจทางทะเลมากกว่า แม้เรือจะสามารถรองรับระบบอาวุธทันสมัย แต่บรรทุกไปได้น้อยมาก ถ้า ทร. ต้องการให้ทางเกาหลี mod ให้ อย่างเก่งก็ได้แค่ 6-8 ท่อยิงตอร์ปิโดหนัก และแบกทุ่นระเบิดทั้งภายในภายนอกได้ 4-6 ลูกเท่านั้นครับ
ยากที่จะทำหน้าที่ไปปิดเส้นทางลำเลียงและประจำพื้นที่ได้เป็นเวลานานๆ หรือ สามารถยิงอาวุธ ครุซส์สำหรับต่อตีเป้าหมายบนภาคพื้นดิน หรือทำการลาดตระเวนคุ้มกันกองเรือรบที่ออกไปปฎิบัติการนอกบ้านได้ยากครับ แบบเรือดำน้ำขนาดกลางและเรือดำน้ำนิวเคลียร์ทำได้
มันออกแบบมาเพื่อการตั้งรับและรักษารั้วบ้านเป็นหลักมากกว่าครับ หรือจะทำการแทรกซึมหาข่าวก็ไม่เลวเลย หรือจะดอดไปวางทุ่นระเบิดในเส้นทางเดินเรือข้าศึกก็เข้าท่าครับ
หรือจะใช้ฝึกลูกเรือใหม่ก็เข้าท่านะครับ เพราะค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติการและการบำรุงรักษาน่าจะต่ำ
อันนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนตัวครับ