เข้าใจว่าท่านดูหนังมากเกินไป+อารมกำลังขึ้น ใจเย็นๆครับ XD

ทุกหน่วยงานด้านความมั่นคงมีแนวคิดนำ UAV มาใช้ในการลาดตะเวนที่ภาคใต้หมดหละครับแต่ไม่มีการนำชนิด missile carrier มาใช้ในพื้นที่แน่นอน  อีกอย่างการจัดซื้อ UAV มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนะครับ

บ้านเราเป็นป่าการใช้uavใช้ได้เพียงบางส่วนเท่านั้นส่วนที่อเมริกาใช้นั้นเป็นพื้นที่ทะเลทรายเป็นส่วนใหญ่ ส่วนuavติดอาวุธนั้นเราคงไม่มีงบประมาณจัดซื้อหรอกครับแพงเหลือเกิน

MQ-9 Reaper เป็นUAVติดอาวุธได้ราคาตามวิกิว่าไว้เครื่องเปล่าลำหละประมาณ17ล้านเหรียญเท่ากับ 527 ล้านบาท
 ฉะนั้นโอนเงินให้อเมริกา527,000ล้านบาท เราจะได้เครื่องเปล่าๆมา1,000ลำพอดี

แต่มันยังใช้รบไม่ได้ครับ ต้องมีค่าน้ำมัน อาวุธ การฝึกอบรม ซ่อมบำรุง รวมไปถึงทำสนามบินโรงเก็บและการป้องกันอย่างดีอีกด้วย
เฉพาะ อาวุธ การฝึกอบรม ซ่อมบำรุง ตามสุตรทั่วไปให้เอา2คูณครับแล้วจะได้ระบบที่สามารถใช้งานได้ประมาณ2-3ปี

ตอนนี้เป็นเงิน1,054,000ล้านบาทแล้ว แต่ต้องมีสนามบิน โรงเก็บการดูแลอย่างดีเยี่ยมและค่าน้ำมันในการบินลาดตะเวณ
นอกจากนี้บริวเณรอบสนามบิน(จะกี่แห่งก็เถอะ) ต้องตั้งด่านสกัดอย่างเต็มที่ไม่อย่างนั้นมีข่าวปล้นUAVหรือฐานทัพโดนถล่มขึ้นมาอีกยิ่งไปกันใหญ่เลย

นี่ผมพูดในกรณีอเมริกายอมขายให้เรานะ คุณSkuLLPunKโอนมาก่อน1ล้านล้านบาทแล้วเราค่อยว่าเรื่องสนามบินกันอีกทีครับ แล้วSPYROBOTจะเอาเท่ากันหรือเปล่าเตรียมไว้อีก5แสนล้านก่อนเดี๋ยวผมไปถามราคาให้อีกที

ตามท่าน SuperBoy ถ้ารัฐงบถึงก็จัดเลยครับ เห็นด้วยเต็มที่ 

ผมเข้าใจถึงเจตนารมณ์ที่ท่าน SkuLLPunK  นำเสนอครับ

บางท่านอาจจะไม่เข้าใจ .. ผมเดาว่า ท่าน SkuLLPunK คงจะหมายถึง

มีทีม UAV อยู่ในทุกอำเภอ สามารถควบคุมพื้นที่ครอบคลุมทั้ง 3 จังหวัด

โดยเฉพาะการสอดแนมในเวลากลางคืน

UAV คงไม่กับต้องราคาแพงถึงขั้นติดอาวุธ แค่ เป็นแบบใช้มอเตอร์ขับ เพราะสียงจะเงียบ

แล้วติดกล้องกลางคืนก็พอ ส่งไปสอดแนมในพื้นที่ ที่คิดว่าเป็นจุดเสี่ยงที่จะขุดฝังระเบิด

เพราะไอ้พวกนี้มันจะขุดเวลาตอนเย็นหรือเวลากลางคืน

ถ้ามัวแต่คิดแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซื้อรถฮัมวี่กันระเบิด 10 โล , 20 โล , 30 โล ...ไปเรื่อยๆ

พวกโจรมันก็ฝังขนาดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ สรุปแล้ว ต่อให้ซื้อฮัมวี่ซักล้านคันก็โดนระเบิดพังหมดอยู่ดี

ถึงบางรุ่นอาจจะป้องกันทหารในรถได้ แต่รถก็พัง .. คันนึงกี่ล้าน พังไปแล้วกี่คัน ลองคิดดู

เราต้องไปอยู่บนฟ้าบ้าง ลาดตระเวณด้วยพารามอเตอร์ ใช้ UAV สอดแนม

ซึ่ง UAV ขนาดเล็ก อุปกรณ์พร้อม ซัก 100 ลำ ราคาคงเทียบกับ ฮัมวี่ซัก 1 คันได้มั๊ง

ส่วนพารามอเตอร์ เอาของธรรมดาๆ เครื่องนึงประมาณ 2 แสน .. 1000 เครื่อง แค่ สองพันล้าน

ถือว่าจิ๊บๆ กับงบทหารที่ใช้ในสามชายแดนใต้ทั้งปี

ตลอดเวลา 10 ปี ที่ไฟใต้เริ่มปะทุ เรามีแต่ผู้นำประเทศแต่ละคน ที่อดีตเป็นลูกคุณหนู ไม่เคยรู้ว่า

ต้องแก้ปัญหายังไงหากปัญหามันตัน ไม่รู้จักการวางแผนพลิกแพลงในเกมส์ต่อสู้

ทั้งๆที่อำนาจรัฐมีอยู่ล้นเหลือ ถือความได้เปรียบกว่าโจรไต้ไม่รู้กี่เท่า ... คำตอบ = 10

ไม่ใช่มาจากแค่  5 + 5 อย่างเดียว

พวกโจรใต้ มันก็หางบหลักๆมาจากการค้ายาเสพติด น้ำมันเถื่อน ของหนีภาษี และ งบบริจาค

จากเครือข่ายตะวันออกกลาง .. โอเค งบบริจาค เราไม่อาจควบคุมได้ แต่งบด้านอื่นๆ

เราก็ส่งเจ้าหน้าที่ของเราไปทำเองซะเลย เพราะใหนๆก็ควบคุมไม่ได้อยู่แล้ว

บางพวกใช้วิธีกองทัพมด วิ่งข้ามไปเติมน้ำมันเต็มถังฝั่งมาเลย์ แล้ววิ่งกลับมาถ่ายฝั่งไทย

วิ่งกันเป็นร้อยคัน วันละหลายเที่ยว ซึ่งส่วนมากดัดแปลงถังน้ำมันให้ใหญ่ขึ้นเกือบเท่าตัว

ส่วนพวกรายใหญ่ ก็ใส่เรือขนมาเลย .. ถ้าใครไปสามชายแดนใต้ ร้านขายน้ำมันขวดข้างถนน

เต็มไปหมด เดี๋ยวนี้น้ำมันเถื่อนจากมาเลย์แบบขวดเริ่มลามมาถึงหาดใหญ่ สตูล กระบี่ แล้ว

ส่วนคุณภาพน้ำมันไม่ต้องพูดถึง พวกทหารในพื้นที่รู้ดี ส่วนมากจะเอาไว้เติมรถหลวง

เพราะเครื่องจะพังช่างมัน แต่ ถ้าเป็นรถส่วนตัวส่วนมากพวกทหารเค้าจะไม่เติมน้ำมันเถื่อน

ผมมาช่วยเสริมท่าน superboy ครับ

เครื่อง UAV 1000 ลำ ก็ต้องการนับบิน 1000 คน (ถ้าต้องการให้ออกลาดตระเวนได้หมดทั้ง 1000 ลำนะครับ) เป็นอย่างน้อย ซึ่งก็หมายความว่านักบิน 1000 คนนี้ ห้ามลา ห้ามป่วย ห้ามตาย แต่เป็นไปไม่ได้ ที่นักบิน 1000 คน จะทำงานได้ 24 ชั่วโมง ถ้าทำงาน 3 ผลัด ผลัดละ 8 ชั่วโมง เราก็ต้องมีนักบิน 3000 คน (ผมไม่รู้ว่า จะต้องมี นักบินภายนอก - นักบินภายใน เหมือนของที่ผมเคยไปดูทึ่ตาคลีหรือเปล่านะครับ ถ้ามีก็เพิ่มเข้าไปอีก)

อ่า นอกจากนักบินแล้ว เจ้าหน้าที่ช่างก็สำคัญ UAV 1 เครื่อง มีเจ้าหน้าที่ช่าง และผู้เกี่ยวข้องกี่คน ก็คูณเข้าไปครับ ยังไม่นับเจ้าหน้าที่สนับสนุนอื่นๆ เช่น ATC (กรณีมีสนามบินของ UAV เป็นการเฉพาะ) ฝ่ายธุรการของกองบิน ไปยันคนทำกับข้าวเลี้ยงเจ้าหน้าที่ทั้งหมดนั่น

ผมกำลังพูดถึง ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคคล คืองบบุคลากร เช่น เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง ค่าฝ่าอันตราย เงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ค่าเช่าบ้าน ค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ที่จะเกิดขึ้น หากมีการจัดตั้งฝูงบิน UAV ขนาดใหญ่อย่างนั้นขึ้นมา ค่าใช้จ่ายนี้ จะต้องมีอยู่ตลอดเวลา จ่ายอย่างต่อเนื่องทุกเดือน และมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น เมื่อภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป

แม้ภายหลังเจ้าหน้าที่เหล่านี้ ออกจากราชการไปแล้ว ก็ยังมีเรื่องของเบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ ต่อให้เสียชีวิตไปแล้ว ก็ยังมีเรื่องของบำเหน็จตกทอดให้ทายาท เรื่องของเงินช่วยพิเศษค่าทำศพ อีก 

งบประมาณที่จะใช้เพื่อการนี้ จึงมหาศาลมากๆ เลยครับ และท่านต้องไม่ลืมว่า งบประมาณเหล่านี้มาจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ หากเราเอาภาษีจำนวนมหาศาลทุ่มลงไปในพื้นที่ เพื่อจะ "ดักฆ่า" ผู้ก่อความไม่สงบ จะมีความคุ้มค่าแค่ไหน และจะแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่

ถ้าไม่แน่ใจว่า ใช้จ่ายไปแล้วจะคุ้มค่า ผมคิดว่า รับบาลไม่สามารถอนุมัติงบประมาณให้ได้หรอกครับ

ผมเข้าใจครับที่ว่ามาแต่ถามบ้านเรามันป่าไม่ใช่ทะเลทรายกล้องมันมองทะลุต้นไม้ไม่ได้-เงินก็ไม่มีส่วน

UAV ที่ไม่ติดอาวุธน่ะเราใช้มานานแล้วผมว่าสู้เอาเงินที่มีอยู่น้อยนิดเอาไปซื้อเครื่องตรวจระเบิดดีกว่าไหม ?

ส่วนที่โดนดักยิงหรือระเบิดผมเคยถามในเว็บว่าระบบการลาดตระเวนเป็นยังไงไป เดี๋ยวๆ หรือไปเป็นขบวน

เพราะทุกทีที่ผมดูข่าวเห็นโดนคันเดียวโดดๆเลย ก็ไม่มีใครบอกซักคน

หรือถ้าจะเอากันจริงๆจะดูให้ได้สู้ไปเอาเรือเหาะติดกล้องแบบสหรัฐที่ใช้ในอัฟกันเลยดีกว่าติดกล้องบินอยู่เหนือฐาน

[แบบที่มีอยุ่นี่ไม่เอาน่ะ]ผมไม่รู้ว่ามันชื่ออะไรใครทราบบอกทีครับ

ตามที่ท่านเจ้าของกระทู้ได้นำเสนอแนวความคิดเรื่องการใช้UAVและ Spy Robot ช่วยในการปฎิบัติภาระกิจใน 3จชต.นั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้หรือเป็นเรื่องจินตนาการฝันกลางวัน  หลายๆท่านอาจมองเรื่อง Spy Robot เป็นภาพของหุ่นรบบินได้ซึ่งมันมีแต่ในโลกภาพยนต์เท่านั้น แต่จริงๆแล้ว Spy Robot นั้นอาจหมายถึง เซ็นเซอร์ขนาดเล็กที่สามารถรวบรวมสัญญาณต่างๆที่ออกแบบไว้แล้วประมวลผลส่งข้อมูลให้นักวิเคราะห์สัญญาณทำการสรุปเพื่อทำนายสถานการณ์ แล้วส่งความเห็นไปให้ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ได้รับทราบเตรียมความพร้อม อาจอยู่ในรูปแบบเซ็นเซอร์ที่วางไว้กลางถนนตรวจจับแรงสั่นสะเทือนหรือหรือแบบอื่นๆ ฝ่ายตรงข้ามนั้นใช้เวลาใช้เครื่องไม้เครื่องมือต้องมีสัญญาณอะไรมาให้ตรวจจับได้บ้างหละ เมื่อฝ่ายตรงข้ามขุดถนนฝังระเบิดได้เราก็ฝังเซ็นเซอร์ได้เหมือนกัน นี่อาจเป็นจินตนาการเล็กๆของผมก็ได้แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริงมันก็ดีไม่น้อย
ในส่วนของUAVนั้นผมเองเคยเห็นในรายการโทรทัศน์ว่าทางกองทับอากาศก็มีโครงการวิจัยอยู่หลายโครงการ น่าจะได้ใช้โอกาสนี้ปฏิบัติการร่วมกันทั้งหน่วยบิน งานข่าวกรอง ผู้ควบคุมภาระกิจ ผู้ปฏิบัติงานภาคสนาม ขั้นตอนปฎิบัติใดที่มันล่าช้าหรือสับสนก็จะได้รับการแก้ไขสรุปเป็นวิธีปฏิบัติเพื่อนำไปให้กับกำลังรบในภูมิภาคอื่นๆ ถึงแม้ว่าUAVที่เรามีอยู่จะมิได้มีประสิทธิภาพล้ำเลิศสามารถทำงานยากๆได้ เเต่วัตถุประสงค์นั้นก็เพียงเพื่อกดดันให้ฝ่ายตรงข้ามทำงานได้ยากขึ้นใช้เวลามากขึ้น การมีตาอยู่บนฟ้านั้นย่อมทำให้คนที่อยู่ข้างล่างอุ่นใจได้มากกว่าเป็นคนตาบอดคลำทาง ไม่ต้องว่ากันถึงจำนวนเป็นร้อยลำขอสักสิบลำก่อนก็ทำให้คนข้างล่างเบาใจไปได้มากแล้ว เรื่องเงินนั้นอยู่ที่ผู้มีอำนาจในการจ่ายจะกล้าลงทุนหรือไม่ ขนาดเรือเหาะ350ล้านเรายังซื้อมาจอดเฉยๆได้ ไม้ล้างป่าช้าอันละเป็นเเสนๆเราก็ซื้อกันมาแล้ว จะไปกลัวอะไรกับโครงการวิจัยของเราเอง ที่ตอบสนองกำลังงบประมาณของเราเอง อย่าไปกลัวที่จะเริ่มต้นแล้วต้องจบด้วยความล้มเหลว อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าเรามีช่องโหว่ตรงไหน
โลกใบนี้มีเทคโนโลยีให้เลือกใช้มากมาย เราจะอาศัยเพียงกำลังรบเพียงอย่างเดียวไม่ได้เสียแล้ว ต้องอาศัยเทคโนโลยีช่วยรบ มาช่วยรักษาชีวิตทหารของเรา ชีวิตคนเงินเเทนกันไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ล้มตายกันเป็นใบไม้ร่วงอยู่แล้ว ผมยังมั่นใจว่าจินตนาการของท่านเจ้าของกระทู้เป็นจริงได้เเน่นอนอยู่ที่ผู้มีอำนาจจะกล้าตัดสินใจหรือไม่
 

จากความเห็นของคุณ soda77

    UAV แบบธรรมดาไม่ติดอาวุธ ติดกล้องกลางคืน ตรวจจับความร้อน มาใช้ลาดตระเวณ ตรงนี้ภาคใต้มีใช้งานมาหลายปีแล้วครับ หากติดตามข่าวดีๆ หรืออยู่ในพื้นที่   บ.อย่าง AU-23 ที่ติดกล้องตรวจการก็ยังปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัด เพียงแต่พวก UAV กับ บ.ที่ติดอปกรณ์เราไม่ได้มีเป็นจำนวนมาก เลยยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพราะส่วนหนึ่งต้องเอาไปใช้ลาดตระเวณยังพื้นที่อื่นด้วย เช่นตามเขตชายแดน แต่สำหรับด้านภูมิประเทศที่เป็นป่า ส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่ปัญหาของกล้องตรวจจับความร้อนแต่อย่างใด 

   ส่วน UAV ติดอาวุธ ปัจจุบันก็ไม่ได้มีตัวเลือกมาก เพราะหลายๆ แบบก็ยังอยู่ในขั้นตอนพัฒนาอยู่ จะมีที่ใช้งานมาหลายสมรภูมิก็พวก MQ-1 , MQ-9 ซึ่งราคาถือว่าค่อนข้างแพงอยู่ครับ  

 UAV ที่ใช้อยู่เนี่ยทำข่าวให้เราได้ดีแล้วไหมครับไม่รู้มันช่วยเราได้มากแค่ไหน  เอาเป็นว่าโครงการวิจัย UAV ของเราติดกล้องหรือซื้อเพิ่มคงจะดีกว่า ส่วนแบบติดอาวุธเนี่ยเราจัดหาในจำนวนไม่ต้องมากเอาแบบ มีสแตนบายขึ้นบินบ้างหรือบินตรวจ บ้างรอคำสั่งชี้เป้าจาก UAV สอดแนบแล้วค่อยส่งไปทิ้งบอม เอาไม่เยอะ ใช้ทดสอบก่อน 5 ลำ ก่อน สำหรับถนนคถ้าใช้แล้วดีจะขยายที่หลังหรือก่อนก็ได้ แค่เขารู้ว่าเรามีก็เป็นการข่มขวัญศัตรูได้เยอะและถ้าได้ยิงก็จะทำให้ศัตรูทำภาระกิจต่างๆลำบากมากขึ้นอีก

แต่อีกแหละเราขอซื้อเพื่อปราบกลุ่มก่อการร้ายน่าจะทำให้ USA เห็นใจปล่อยให้เราไ้ด้ ราคา ต่อลำ พร้อมบินติดอาวุธ เฟสแรก ห้า สัก 2,000-3,000ล้านบาท

     ถ้าจะไล่ล่ากันจริง ๆ คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร ถ้าจะต้องรอ UAV ติดอาวุธ มันก็ช้าไปต้องฝึกกำลังพลเพิ่มสร้างหน่วยติดตามภาคพื้นอีก ใช่หน่วยพิเศษต่าง ๆ ที่กำลังพลเป็นข้าราชการประจำการ เปิดหน้าใส่กันได้เลย ทั้ง ศสพ. นาวิก ใช้งบเพิ่มไม่มากด้วย ป้องกันเป้านิ่ง ได้ดีกว่าด้วย เป้านิ่งคือ บุคคลพลเรือน ที่สำคัญคือครู เพราะมีผลต่อจิตใจทางความรู้สึกมากว่า จริง ๆ แล้วปัญหาตรงนี้มีมานานแล้ว ในอดีตเวลา พวกกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ตอนถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ก็จะต่อรองให้ปล่อยตัว ถ้าไม่ปล่อยก็ขู่ว่าจะฆ่าครู และก็เป็นปัญหาต่อเนื่องเรื่อยมา เรื่องเหล่านี้ฝ่ายรับผิดชอบวางแผนก็คงคิดไว้แล้ว และคงวางแผนหลายตลบแล้ว แต่โดยส่วนรวมจะทำอย่างไร ให้เรากำจัดเชื้อร้ายเหล่านี้ลงไปได้อย่างหมดสิ้นและไม่ให้เชื้อนั้นแพร่กระจายเพิ่มขี้นไปอีกต่างหาก อเมริกาเขารบนอกบ้าน แต่เรารบในบ้านเราเอง

ความเห็นเฉพาะตัวผมนะครับ

ผมไม่ได้คิดว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เป็นการดีหรอกครับ แต่ผมมองว่า การแก้ปัญหาเรื่องนี้ควรวิเคราะห์ให้รอบคอบในทุกด้านได้ เพื่อไม่ให้เกิดการ “แก้ปัญหาหนึ่ง แล้วไปเกิดปัญหาหนึ่งขึ้นแทน”

กรณีที่ท่าน จขกท. เสนอก็คือ ให้มี อุปกรณ์อย่างหนึ่ง (ผมใช้คำรวมๆละกันนะครับ อุปกรณ์นี้อาจจะเป็น UAV Skyrobot Senser หรือ อะไรก็ตามที่ทำงานได้ในลักษณะเดียวกัน) จำนวนมาก อย่างมีนัยสำคัญ เพียงพอที่จะ “สแกนพื้นที่ได้ทุกตาราง” และตลอดเวลา เพื่อการหาข่าวและเฝ้าระวัง

เอาจุดนี้ก่อนนะครับ ตรงนี้ ผมอ่านแล้วเข้าใจว่า จขกท. ท่านต้องการให้มี อุปกรณ์เช่นนี้ บินว่อนเต็มท้องฟ้า ทั้งวันทั้งคืนเลย ไม่ใช่การมีแค่ประจำหน่วยหรือประจำฐาน จุดนี้ ผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ครับ ถ้าผมเข้าใจถูกต้อง ผมจึงติงเรื่องภาระงบประมาณ เพราะเป็นเรื่องที่ผมพอมีความรู้จะให้ความเห็นได้ แต่ถ้าไม่ใช่ ความเห็นผมก็ตกไปครับ

ประการต่อมา ท่าน จขกท ก็เสนอต่อไปว่า อุปกรณ์นี้ ต้องสามารถติดอาวุธได้ด้วย และหากพบ “กำลังก่อเหตุให้ยิงได้ทันที”

จุดนี้ ผมมี 2 ประเด็นครับ ประเด็นแรก ผมเข้าใจว่า อุปกรณ์ที่สามารถติดอาวุธและทำการยิงได้ ต้องมีราคาแพงกว่าชนิดที่ติดอาวุธไม่ได้ ก็เป็นเรื่องภาระงบประมาณอีกเช่นกัน

ประเด็นที่สองคือเรื่องของปัญหาความชอบด้วยกฎหมายครับ เพราะนี่ไม่ใช่ภาวะสงคราม ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้รับการประกาศว่าเป็นข้าศึก การทีทหารหรือผู้บังคับอุปกรณ์ติดอาวุธนั้น จะตัดสินใจใช้อาวุธ “วิสามัญ” เรียกกันง่ายๆอย่างนั้นนะครับ จะเกิดปัญหาทางกฎหมายขึ้นทันทีว่า เขาทำได้หรือไม่

ถ้ากรณีชัดเจนมากๆ เช่น UAV พบเหตุ คนชาย 3 คน ขับรถกระบะ มาจอดหน้าจุดเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ แล้วใช้อาวุธสงครามกราดยิงทันที ผู้บังคับ UAV อาจจะถือว่าเป็นการกระทำโดยป้องกัน คือ ป้องกันชีวิตของทหารในจุดเฝ้าระวังนั้น แล้วไม่ต้องรับโทษตามกฎหมายได้

แต่ ถ้ามันไม่ชัดเจนอย่างนั้นหละครับ จะทำอย่างไร ถ้าเขายังไม่ลงมือกระทำความผิด “เจ้าหน้าที่รัฐ” จะเอาสิทธิอะไรไปฆ่าเขา ต่อให้เขาเป็นบุคคลตามหมายจับ เจ้าหน้าที่รัฐ ก็ต้องนำกำลังไปจับกุม ถ้าเขาต่อสู้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้ายังไม่ถึงขั้นนั้น ท่านไปสังหารเขาไม่ได้ หลักนี้การนี้เป็นการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ซึ่งมีบัญญัติอยู่ในรัฐธรรมนูญของเราเองนะครับ

หากรัฐไทยทำลงไป ก็อาจเป็นเหตุให้แนวร่วม เอาไปอ้างว่า รัฐบาลไทย ออก License to kill ให้ทหาร ยิ่งส่งเสริมภาพลักษณ์ “นักล่าอาณานิคมสยาม” ตามที่ฝ่ายโน้นเขาอ้างอยู่เลย แล้วข้ออ้างอย่างนี้ จุดติดง่ายเสียด้วยซีครับ NGO ต่างชาติ รอจังหวะเข้ามาเสียบตาเป็นมันอยู่แล้ว เท่ากับเป็นการยกระดับเรื่องภายใน ให้เป็นประเด็นโลกเรียบร้อย นี่ยังไม่นับกรณีที่การปฏิบัติการเกิดผิดพลาดนะครับ ถ้าพลาดไปโดนผู้บริสุทธิ์เข้า ยิ่งเข้าทางแนวร่วมในพื้นที่เต็มๆ เลยครับ “นั่นไง เห็นไหม ทหารไทยมันอยากฆ่าพวกเราอยู่แล้ว” ปัญหาที่น่าจะค่อยๆ สงบ ก็จะยิ่งรุนแรงเพิ่มขึ้นได้ครับ

อเมริกาเอง ที่เที่ยวเอา Drone ติดอาวุธไปไล่ยิงใครต่อใครนั้น ก็ถูกประณามในเรื่องนี้เหมือนกันครับ แต่เพราะเขาคืออเมริกา จึงทำเป็นไม่สนใจเสียงประณามเหล่านั้นแล้วทำต่อไป ซึ่งทำไมเขาจึงทำอย่างนั้นได้ ท่านคงเข้าใจอยู่แล้ว ก็ถ้าประเทศเล็กอย่างไทยแลนด์ทำบ้าง เราคงทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอย่างเขา คงไม่ได้หรอกครับ  

เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ ผมจึงมองว่า เป็นเรื่องที่ปฏิบัติได้ยาก ทั้งในแง่งบประมาณ และในแง่ความชอบธรรมครับ เสี่ยงต่อการทำให้ปัญหาลุกลามบานปลาย เข้าทำนอง “แก้ปัญหาหนึ่ง แล้วไปเกิดปัญหาหนึ่ง” อย่างที่ผมได้กล่าวไว้ในตอนแรก ผมคิดว่า เรื่องนี้ แพ้-ชนะ วัดผลกันที่การ ดึงมวลชน ไม่ใช่การทำลายล้างครับ ผมจึงไม่เห็นด้วย กับกรณีที่ท่าน จขกท. เสนอขึ้นมาครับ 

งบพิเศษ งบลับหมดไปเรื่อย  แต่ถ้าทำแบบ จขกท แนะนำ สรุปปัญหามันคืองบประมาณนะเท่าที่ดู ไอ้ส่วนจำนวนบุคลากร ผมว่าก็สร้างขึ้นมา ยังไงจากนี้อีกเป็นสิบปีไม่จบง่ายๆ เพราะหนักขึ้นทุกวัน สังเกตุไหม ว่าเลวร้ายขึ้น เราไม่ทำก็ไล่ไม่ทัน ผมไม่สนตอนที่จะเอา UAV ไล่ถล่มหรอกครับ ผมสนที่เวลา ตีหนึ่ง ตรวจพบ กลุ่มคนมาขุดคูน้ำข้างถนน  ตีสองพบกลุ่มคนรวมตัวชายป่า ตีสามพบรถน่าสงสัยบรรทุกคนเข้าใกล้เขตทหารและสงสัยว่ามีอาวุธมาด้วย ตีสี่ตรวจพบกลุ่มคนเดินลงมาจากภูเขา ตีห้าพบบุคคลน่าเชื่อได้ว่ามีอาวุธพรางตัวริมทาง หรืออะไรก็ได้ ที่ดูแล้วคนธรรมดาเค้าไม่ไปทำกัน หรือเกิดเหตุ ตรงไหน UAV เข้าเวรอยู่ บินไปซักสิบนาที มืดๆอาจส่องเห็นคนร้ายหนีก็ได้ แถมรู้ด้วยหนีไปไหน ดังนั้นมันก็ต้องมีจำนวนมากพอสมควร ตรงไหนใช้เยอะใช้น้อย ก็ตามแผนของเจ้าหน้าที่ว่า หมู่บ้านไหน อำเภอไหนโหดสุด ผมว่าลงทุนไปเทียบกับรอให้ทหารตาย รถพัง เมืองถูกเผา วางระเบิด กันรายวัน คุ้มกว่าเห็นๆ ปีแรกไม่เวิร์คก็รอปีต่อไป ปรับปรุงเสริมทัพซักสี่ห้าปี ผมว่าทหารก็เทพแล้ว ทุกวันนี้ไปแบบดุ่มๆ มืดๆ ใครจะออกก่อน ใครจะระวังหลัง ลำบากจะแย่ 

ขออนุญาตส่ง Black hornet เข้าประกวดครับ ทบ. อังกฤษ ประจำการในอัฟกานิสถานเมื่อต้นปีนี้ครับ

เห็นข่าวใน ที.วี. วันนี้ บอกว่า UAV ที่กองทัพเรือที่กำลังพัฒนาจะมีรุ่นติดอาวุธด้วยนี่ครับ  ไม่รู้มันจะใช้ได้คล่องหรือเปล่า

แต่เอาเข้าจริงคงหวังไม่ได้หรอก ครับ เรื่องติดอาวุธนี่.....

ผมว่าสิ่งสำคัญ ควรให้ กรมทางหลวงชนบท ทำการถางต้นไม้และใบหญ้า ริมถนนใน 3 จังหวัดให้เตี่ยน ให้หมด

แบบถนนชนบทเมื่อ 30 ปีก่อน จะได้ประโยชน์ เมื่อใช้ UAV ก็จะได้ใช้ลาดตระเวณ ตามถนนนั่นก่อนละครับ

เพื่อไม่ให้ใครมาขุดถนน ฝังอะไรได้ง่ายๆ...จะดีกว่า.....

UAV หรือ Drone  สมัยนี้ทุกประเทศสามารถออกแบบหรือผลิตเองได้

เพราะระบบขับเคลื่อนมันไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก

แต่ ระบบคลื่นสัญญาณที่ใช้ควบคุมนี่สิ ที่ต้องมีทีมวิจัยพัฒนา หรือ ซื้อ

ระบบควบคุมมาใส่ เพราะ ยูเอวีที่ใช้ในทางทหารคงไม่ได้ใช้คลื่นสัญญาณ

แบบเฮลิคอปเตอร์บังคับทั่วไปที่ขายตามสะพานเหล็ก

ส่วนวิธีการบังคับ ผู้ที่ยังไม่คล่องก็คงต้องฝึกจากคอมก่อน ไม่งั้นหล่นพังหมด

พอเก่งแล้ว ก็ไปเข้าฝึกกับชมรมเครื่องบินบังคับ ซึ่งผมเคยไปดูชมรมที่ชลบุรี

ในซอยชัยพฤกษ์  แต่ละคนเทพๆทั้งนั้น หลายท่านน่าจะเป็น ทหารหรือตำรวจ ด้วยซ้ำ

ไปกันใหญ่! อัยการสูงสุด เล็งซื้อ ดาวเทียม-เครื่องบินล่องหน ตามจับโจรใต้ เผยหน่วยลับสหรัฐฯ เคยใช้ได้ผล รับแพงแต่คุ้มค่าแน่

วันนี้ 9 ส.ค. 56 ผู้สื่อข่าว MThai News รายงานว่า ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.สุรชาติ จิตต์แจ้ง หัวหน้าประชาสัมพันธ์ส่วนประชาสัมพันธ์และสารสนเทศ สำนักรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและประธานอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วยผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข่าว

โดย พ.อ.จรูญ อำภา ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)กล่าวถึงกรณีคลิปที่อ้างข้อเสนอสของบีอาร์เอ็นให้ยุติการพูดคุยเพื่อสันติภาพว่า อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการพิสูจน์ทราบ อาจเป็นกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการพูดคุย แต่ถือว่าการเสอผ่านทางยูทูบไม่เป็นทางการ เพราะจะต้องเสนอผ่านผู้อำนวยความสะดวก คือ มาเลเซีย

ซึ่งเราได้สอบถามไปผ่านทางมาเลเซียแล้ว และกำลังรอคำตอบอยู่ หากเป็นมติของกลุ่มบีอาร์เอ็นจริง นายฮัสซัน ตอยิบ รองเลขาธิการบีอาร์เอ็น จะต้องประสานผ่านทางมาเลเซียว่า ขอเลื่อนการพูดคุยในวันที่ 18 ส.ค.นี้ไปก่อน โดยฝ่ายไทยมีกรอบการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นในครั้งต่อไปว่า จะประมวลเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนรอมฎอน และข้อเรียกร้องของบีอาร์เอ็นว่า ได้ดำเนินการอย่างไรไปบ้าง ที่สำคัญ คือ ต้องคำนึงถึงเสียงของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ส่วนกรณีที่นายฮัสซัน ยื่นให้ฝ่ายไทยตรวจสอบการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงช่วงเดือนรอมฎอนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยนั้น เราได้แจ้งถึงหลักการปฏิบัติงานที่เน้นในเชิงรุก และเชิงรับไปแล้ว โดยเฉพาะช่วงเดือนรอมฎอนเราได้หยุดติดตามคดีต่างๆ แต่หากมีเหตุการณ์ขึ้นก็จำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการ โดยได้แจ้งไปทางมาเลเซียแล้ว

ส่วนที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงมองว่าเป็นการต่อรองเพื่อให้เรารับข้อเสนอทั้ง 5 ข้อนั้น ถือเป็นข้อสังเกตการณ์ ซึ่งบีอาร์เอ็นเขารอว่าทางการไทยจะตอบรับข้อเสนอทั้ง 5 ข้ออย่างไร ในบางส่วนของข้อเสนอนี้เราปฏิบัติไปหลายข้อแล้ว

ส่วนข้อเสนออื่นๆ ต้องรอการหารือ ซึ่งในสัปดาห์หน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( กปต.จชต.) โดยจะนำประเด็นนี้ไปหารือเพื่อหาข้อยุติว่าจะดำเนินการอย่างไร

ขณะที่ ด้าน ดร.วิชญ์ จีระแพทย์ อธิบดีสำนักงานวิชาการอัยการสูงสุด กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับสภาความมั่นคงแห่งขาติ (สมช.) ถึงแนวทางการหาเครื่องมือในการเก็บหลักฐานและพยานเพื่อช่วยในกระบวนการด้านคดีในการเอาผิดกับผู้ก่อความรุนแรงในพื้นที่ โดยจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของกปต.จชต. เพื่อดำเนินการต่อไป

และในวันที่ 1 ต.ค.นี้จะมีการตั้งสำนักอำนวยความยุติธรรมพิเศษขึ้นในพื้นที่เพื่อเร่งรัดการดำเนินการด้านคดีที่ค้างอยู่ นอกจากนี้จะเสนอให้จัดซื้อดาวเทียมเพื่อรายงานสถานการณ์ติดตามการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่เวลาผู้ก่อเหตุเหตุ โดยเจ้าหน้าที่จะส่งเครื่องบินล่องหน(drone )ลงไปบันทึกภาพเป็นหลักฐานแบบเรียลไทม์

เหมือนหน่วยราชการลับในสหรัฐอเมริกาเคยใช้ได้ผลมาแล้ว แม้ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่เมื่อเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต้องบอกว่า คุ้มค่า จึงจำเป็นและเร่งด่วนที่หน่วยงานความมั่นคงจะต้องมีเครื่องมือตัวนี้ หากได้เครื่องมือเหล่านี้มาจะส่งผลให้การอำนวยความยุติธรรมมีประสิทธิภาพมากขึ้น และส่งผลต่อภาพรวมในพื้นที่ให้เกิดความสงบเรียบร้อยเร็วขึ้น

ไปกันใหญ่! อัยการสูงสุด เล็งซื้อ ดาวเทียม-เครื่องบินล่องหน ตามจับโจรใต้ เผยหน่วยลับสหรัฐฯ เคยใช้ได้ผล รับแพงแต่คุ้มค่าแน่

วันนี้ 9 ส.ค. 56 ผู้สื่อข่าว MThai News รายงานว่า ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.สุรชาติ จิตต์แจ้ง หัวหน้าประชาสัมพันธ์ส่วนประชาสัมพันธ์และสารสนเทศ สำนักรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและประธานอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วยผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข่าว

โดย พ.อ.จรูญ อำภา ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)กล่าวถึงกรณีคลิปที่อ้างข้อเสนอสของบีอาร์เอ็นให้ยุติการพูดคุยเพื่อสันติภาพว่า อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการพิสูจน์ทราบ อาจเป็นกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการพูดคุย แต่ถือว่าการเสอผ่านทางยูทูบไม่เป็นทางการ เพราะจะต้องเสนอผ่านผู้อำนวยความสะดวก คือ มาเลเซีย

ซึ่งเราได้สอบถามไปผ่านทางมาเลเซียแล้ว และกำลังรอคำตอบอยู่ หากเป็นมติของกลุ่มบีอาร์เอ็นจริง นายฮัสซัน ตอยิบ รองเลขาธิการบีอาร์เอ็น จะต้องประสานผ่านทางมาเลเซียว่า ขอเลื่อนการพูดคุยในวันที่ 18 ส.ค.นี้ไปก่อน โดยฝ่ายไทยมีกรอบการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นในครั้งต่อไปว่า จะประมวลเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนรอมฎอน และข้อเรียกร้องของบีอาร์เอ็นว่า ได้ดำเนินการอย่างไรไปบ้าง ที่สำคัญ คือ ต้องคำนึงถึงเสียงของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ส่วนกรณีที่นายฮัสซัน ยื่นให้ฝ่ายไทยตรวจสอบการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงช่วงเดือนรอมฎอนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยนั้น เราได้แจ้งถึงหลักการปฏิบัติงานที่เน้นในเชิงรุก และเชิงรับไปแล้ว โดยเฉพาะช่วงเดือนรอมฎอนเราได้หยุดติดตามคดีต่างๆ แต่หากมีเหตุการณ์ขึ้นก็จำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการ โดยได้แจ้งไปทางมาเลเซียแล้ว

ส่วนที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงมองว่าเป็นการต่อรองเพื่อให้เรารับข้อเสนอทั้ง 5 ข้อนั้น ถือเป็นข้อสังเกตการณ์ ซึ่งบีอาร์เอ็นเขารอว่าทางการไทยจะตอบรับข้อเสนอทั้ง 5 ข้ออย่างไร ในบางส่วนของข้อเสนอนี้เราปฏิบัติไปหลายข้อแล้ว

ส่วนข้อเสนออื่นๆ ต้องรอการหารือ ซึ่งในสัปดาห์หน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( กปต.จชต.) โดยจะนำประเด็นนี้ไปหารือเพื่อหาข้อยุติว่าจะดำเนินการอย่างไร

ขณะที่ ด้าน ดร.วิชญ์ จีระแพทย์ อธิบดีสำนักงานวิชาการอัยการสูงสุด กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับสภาความมั่นคงแห่งขาติ (สมช.) ถึงแนวทางการหาเครื่องมือในการเก็บหลักฐานและพยานเพื่อช่วยในกระบวนการด้านคดีในการเอาผิดกับผู้ก่อความรุนแรงในพื้นที่ โดยจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของกปต.จชต. เพื่อดำเนินการต่อไป

และในวันที่ 1 ต.ค.นี้จะมีการตั้งสำนักอำนวยความยุติธรรมพิเศษขึ้นในพื้นที่เพื่อเร่งรัดการดำเนินการด้านคดีที่ค้างอยู่ นอกจากนี้จะเสนอให้จัดซื้อดาวเทียมเพื่อรายงานสถานการณ์ติดตามการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่เวลาผู้ก่อเหตุเหตุ โดยเจ้าหน้าที่จะส่งเครื่องบินล่องหน(drone )ลงไปบันทึกภาพเป็นหลักฐานแบบเรียลไทม์

เหมือนหน่วยราชการลับในสหรัฐอเมริกาเคยใช้ได้ผลมาแล้ว แม้ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่เมื่อเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต้องบอกว่า คุ้มค่า จึงจำเป็นและเร่งด่วนที่หน่วยงานความมั่นคงจะต้องมีเครื่องมือตัวนี้ หากได้เครื่องมือเหล่านี้มาจะส่งผลให้การอำนวยความยุติธรรมมีประสิทธิภาพมากขึ้น และส่งผลต่อภาพรวมในพื้นที่ให้เกิดความสงบเรียบร้อยเร็วขึ้น

MThai News

ความฝันของจขกท.ไกล้เป็นจริงแล้วนะครับ

สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของระบบเฝ้าระวังแบบยูเอวีและแบบสัญญาณอิเลคทรอนิคในสามจ.ก็มีอยู่แล้วครับ ตลอดจนการลาดตระเวณในพท.ต้องสงสัยด้วยกำลังพลก็มี แต่ที่เราท่านได้ข่าวการสูญเสียมากเพราะสื่อเล่นข่าวฝ่ายเราฝ่ายเดียว ข่าวการสูญเสียของฝ่ายตรงข้ามมีเป็นระยะ แต่ไม่ค่อยปรากฏทางสื่อสิ่งพิมพ์ เพื่อนๆสามารถหาข้อมูลได้จากFBของทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพท.ซึ่งหลายอย่างเป็นข้อมูลทางลึกที่เจ้าตัวปล่อยออกมาโดยไม่ไดัตั้งใจ

คำถามคือ ถนนหลัก,รอง,ในหมู่บ้านฯลฯ ทั้ง จชต.ยาวรวมกันกี่ กม. คิดเป็นพื้นที่กี่ ตร.กม.

ต้องใช้ UAV เท่าไหร่ถึงจะคลอบคลุมทั้งหมด ราคาเครื่องยังไม่เท่าไหร่แต่ราคา กล้องEO/FLIR นี่สิ(ถ้าจะเอาเฝ้าตรวจทั้งกลางวัน,กลางคืน)

ถ้าใช้ FLIR ส่องตรวจเจอเงาในพื้นที่ต้องสงสัยจะทำอย่างไรต่อ,พิสูจย์ฝ่ายจากกลางอากาศอย่างไร  สุดท้ายไม่พ้นส่งชุดภาคพื้นเข้าตรวจสอบ  

ชุดภาคพื้นเดินเข้าไปใช้ NVG,Termal ส่อง พบเงาคนทำอย่างไร ยิงเลยได้มั๊ย  ถ้ายิงแล้วเข้าตรวจสอบดันเป็น ปชช.ธรรมดาไม่มีอาวุธ จะทำอย่างไรต่อ

ใช้ พารามอเตอร์ ในภารกิจอะไร 

ภารกิจในหมู่บ้าน  ตำบลขึ้น ตำบลลง กำหนดยังไง ลงพื้นแล้ว จะเอาพารามอเตอร์ไปเก็บที่ไหน จัดคนเฝ้าก็เสียคนทำงานแถมอาจโดนรวบตี  ทิ้งไว้ ขากลับโดน พารามอเตอร์บอมบ์แน่ๆ

ภารกิจตรวจสอบ,คุ้มครองเส้นทาง  ตำบลขึ้น กำหนดยังไง การตรวจการณ์จากทางอากาศทำได้แค่ไหนโดยเฉพาะเส้นทางที่ต้นไม้สองข้างทางปกคลุมผิวถนนจากมุมมองบนฟ้าหมก   ถึงบนฟ้าจะปลอดภัยแต่ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ต้องคุ้มครองที่ใช้ถนนอยู่ด้านล่างโดนโจมตี จำทำอย่างไร   การใช้อาวุธจากพารามอเตอร์ดีแค่ไหน  กำหนดขอบเขตจำกัดการยิงได้หรือไม่   เป็นในทางตรงกันข้าม ให้ครูบินพารามอเตอร์ไป รร. ยังจะดูดีกว่า(มั้ง)

อีกนิด

ช่วยตอบคำถามผมทีเทอะ เรื่องการใช้งานพารามอเตอร์เนี่ย  ฟัง เอ๊ย อ่านมาหลายครั้งแล้ว เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผมหน่อย

ยังไม่ต้องคิดแผนระดับยุทธศาสตร์หรอกครับ

ผมขอแค่ แผนยุทธวิธีง่ายๆ จากคำถาม(ที่ยังไม่ครอบคลุมเท่าไหร่)ข้างบนนี้ครับ

ถ้าอ่านแล้วเห็นว่ามัน อาจเป็นหนทางปฏิบัติ ที่มีคะแนนดี เดี๋ยวผมเขียนแผน เสนอหนทางปฏิบัติจริงเลย

อีกสัดนิด 555

การเฝ้าตรวจทางอากาศด้วย UAV หรือ อากาศยานติดอุปกรณ์เฝ้าตรวจ  ปัจจุบัน จนท. ก็ปฏิบัติใน จชต.

แต่ปัญหาหลักเรื่องการ "พิสูจน์ฝ่าย" เป็นสิ่งที่จำกัดพื้นที่การใช้

เซ็นเซอร์เฝ้าตรวจก็มีการใช้  แต่ปัญหาเรื่อง สภาพภูมิอากาศกับการใช้งานเป็นแรมเดือนแรมปี ก็ส่งผลต่อการส่งกำลัง

และสภาพพื้นที่ปฏิบัติการที่มี ปชช. อยู่ร่วมด้วย ปัญหา "พิสูจน์ฝ่าย" ด้วยเครื่องมือ ก็ตามมา  พื้นที่การใช้จึงจำกัด

ส่วนตัวไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีโดยสิ้นเชิงนะครับ  แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด  ต้องเอาหลายๆอย่างมารวมกันและต่อสู้ในสงครามหลายๆมิติ

ตอบข้อ1.นะครับ เรื่องตำบลขึ้น ลง ผมมองว่าไม่จำเป็นต้องมีเยอะ จังหวัดละ 1 สนามบิน เพราะ uav สามารถบินได้ไกลครอบคลุมเป็นจังหวัดอยู่แล้ว และไม่ต้องเปลื่องชุดคุ้มกันสนามบินด้วย

^

^

อ่านดีๆครับว่าผมถามถึง UAV หรือ พารามอเตอร์ครับ 

UAV มีหลายประเภท หลายขนาดครับ   ขนาดกลาง,ใหญ่ที่ต้องอาศัยทางวิ่งทางขับเหมือนอากาศยานนั้นเรามีปฏิบัติการอยู่แล้วจำนวนหนึ่ง   UAV ทางยุทธวิธี ขนาดเล็กที่บินขึ้น-ลง ได้โดยไม่ต้องใช้สนามบินนั้น เราก็มีจำนวนหนึ่ง แต่ไม่พอ  และข้อจำกัดเยอะมากในการใช้งานจริง  เพราะมันไม่ใช่การรบตามแบบที่มีแนว,แบ่งฝ่ายชัดเจน        และที่สำคัญที่สุดสภาพอากาศมีผลอย่างมากต่อการปฏิบัติงานด้วยอากาศยานหรือสิ่งบินได้ทุกประเภท    รวมไปถึง พารามอเตอร์ด้วย     ในสภาพอากาศที่เรียกกันว่า ฝนแปดแดดสี่ นั้น ถามว่าจะมีผลขนาดไหน   ใช้พารามอเตอร์เป็นหลัก  ฝนตกติดต่อกันสักอาทิตย์หนึ่งก็ไม่ต้องทำงานกันเลยสิครับ   แต่ก็ดีนะ สบายดี 55555

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ระบบพิสูจน์ฝ่าย ผมมองว่า uav สามารถจับพฤติกรรมต่างๆได้ จับกิจกรรมขณะคนร้ายลงมือ เมื่อคนร้ายมีอาวุธ หน่วยuav ต้องหาก่อนว่าใช่ฝ่ายเดียวกันไหม โดยสอบถามไปยังฝ่ายดูแลกองกำลัง(อันนี้ผมไม่แน่ใจนะว่าหน่วยไหน) เมื่อยืนยันว่าไม่ใช่ ค่อยลงมือ

^

^

สิ่งที่ใช้ตรวจการณ์และเฝ้าตรวจคือ อุปกรณ์ตรวจการและเฝ้าตรวจที่ติดอยู่กับ UAV แบบนั้นๆ ไม่ใช่ UAV ตัว UAV เป็นเพียงพาหะนำพาเท่านั้น 

คำว่า มีอาวุธ อาวุธที่ว่าคืออะไร

ปืน  ตรงนี้ชัดเจนถ้าถือปืนอยู่ในมือ  แต่การมองเห็นเป็นเพียงแค่ภาพเงาขาว มันไม่ง่ายขนาดนั้นนะครับที่จะแยกได้   หรือแยกได้จริง ถ้าปืนอยู่ในมือเด่นขนาดนั้นแสดงว่า ฝ่ายตรงข้ามเตรียมก่อเหตุภายในไม่เกิน 5 นาที  คำถามคือ กว่าจะตรวจสอบ(พิสูจน์ฝ่าย) ว่าฝ่ายไหน ถ้าพูดหยาบๆตรงๆคือ "ไม่ทันแดก" ครับ     และในขั้นตอนการเคลื่อนย้ายเข้าพื้นที่ก่อเหตุ ฝ่ายตรงข้ามคงไม่ถือปืนหรามาตั้งแต่ไกลหรอกมั้งครับ    ถ้าซ่อนไว้ใต้เสื่อหลังท้ายกระบะรถแล้วนั่งทับอยู่ คุณคิดว่า ภาพที่มองจอกกล้อง FLIR บน UAV จะแยกออกไหมครับว่ามีปืนหรือไม่  

ระเบิดที่ประกอบเรียบร้อยเตรียมก่อเหตุ    อันนี้ยิ่งยากเข้าไปใหญ่  ไอ้เงาที่เห็นจะแยกออกไหมว่ามันคืออะไร

การเตรียมการก่อเหตุ เช่น ขุดหลุม    คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่เห็นจากกล้อง FLIR ที่อยู่ตรงนั้นคือ คนที่กำลังเตรียมการก่อเหตุ ไม่ใช่กลุ่มวัยรุ่นขี้ยาที่จับกลุ่มกันอยู่ตรงสะพาน  และก็ย้อนกลับไปที่เรื่องขีดจำกัดของ UAV เรื่องสภาพอากาศ และปริมาณ ที่เราไม่มีทางทำให้ UAV อยู่บนอากาศได้ 24 ชั่วโมง ทั้งปี และทุกพื้นที่ได้   สภาพอากาศขมุกขมัวหรือช่วงหลังฝนตก(แต่ฟ้ายังครึ้มอยู่) นี่แหละตัวดีในเรื่องการขุด เพราะขุดและแต่งง่าย 

ส่วนตัวที่กล่าวมานี่ ไม่ได้หมายความว่า ใช้ UAV ไม่ได้ มันใช้ได้ และเราก็ใช้อยู่ แต่มันมีข้อจำกัดของมันครับ   

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผมเห็นข่าวล่าสุด ที่ทหารได้รับแจ้งมามีคนร้ายเข้ามาในพท. แล้วทหารได้ไปโจมตี คนร้ายตาย 2 หนีได้4 ผมเห็นข่าวแล้วคิดว่า หนีได้4 เลยหรอ ถ้ามี uav คงไม่รอดสักคน เห็นข่าวแล้วหงุดหงิดจริงๆ ได้รับแจ้งขนาดนี้แล้วยังทำได้แค่นี้

^

^

บอกตรงๆเลยนะครับว่าถ้าผมตอบแบบเกรียนๆละก็ผมจะตอบว่า "ถ้าหงุดหงิดมากนักละก็ ขออนุญาตเรียนเชิญมาร่วมปิดล้อมในครั้งหน้าถ้ามีภาพข่าวนะครับ"  แต่ตอนนี้อารมณ์ดียังไม่เกรียน 5555555

ก่อนอื่นส่วนตัวผมเชื่อว่าไม่มีเรื่อง "ได้รับแจ้งมา" แน่นอน(เชื่อหัวไอ้เรืองเทอะ) อันนั้นมันเป็นตัวอักษรในการเสนอข่าว   แต่ที่เชื่อแน่ๆคือการปิดล้อมครั้งนั้นได้มาจากแหล่งข่าวทั้ง บุคคล และ เครื่องมือ แน่นอน  

และก็ขอออกตัวแทนเพื่อนนักรบ(เพราะไม่ใช่หน่วยผม)ที่ปฏิบัติครั้งนั้นว่า "ขอกราบประทานอภัยเป็นอย่างสูงที่ พวกข้าพเจ้า ยิงมันตายแค่ 2 และเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ปล่อยมันหนีไปได้ตั้ง 4  ทั้งๆที่อยากจะยิงมันให้แดดิ้นทั้งครึ่งโหลนั้น"   

การเข้าปิดล้อมติดตามจับกุมเป็นใครก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องได้ตัว  แต่การปฏิบัติมันไม่ง่ายอย่างที่คิด

1 จะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะมีตัวจริงๆหรือไม่

2 ถ้ามีตัวจะแน่ใจได้อย่างไรว่า มีอาวุธและพร้อมต่อสู้หรือไม่  และการเข้าตัวบ้านมันไม่เหมือนจัดชุดสแต๊กเข้ากวาดล้างอาคารที่ขว้างระเบิดนำเข้าไปก่อน ตูมตาม ได้  ที่ทำได้คือ จัดชุดที่ล้อมไว้ และชุดที่เข้าหาที่ตัวเป้าหมาย  อย่างเก่งก็ไปตระโกนเรียกหน้าบ้านให้เปิดบ้าน 

  2.1 ถ้ามีตัวแต่ไม่มีอาวุธ ก็เข้าง่าย เข้าตรวจสอบและเชิญตัวอะไรก็ว่าไป

  2.2 ถ้ามีตัวและมีอาวุธ อันนี้เป้าหมายคงไม่ตะโกนออกมาบอกก่อนหรอกว่า "เห๊ย กุมีอาวุธนะ อย่าเข้ามา" มันคงจะส่ง ตระกั่วหุ้มแข็ง หรือ ลูกเหล็กที่มันแตกได้ ออกมาต้อนรับเป็นคำตอบแทน  และนั่นแหละถึงจะรู้ตัวละว่า "ปะทะ และใช้อาวุธ" ได้แล้ว

ไอ้ 4 หนัง ที่รอดไปได้ จะแน่ใจได้อย่างไรว่ามีอาวุธอยู่ ถ้ายิงตอนมันวิ่งหนี แล้วเสือกดันทะลึ่งไม่มีอาวุธละ จะทำยังไง 

และถึงแม้จะมี UAV อยู่บนหัว แต่สภาพการปะทะ ณ ตอนนั้นที่มีคนถืออาวุธและไม่ถืออาวุธอยู่ใกล้กันในระยะไม่เกิน 50 เมตรเต็มไปหมด  ถ้าไอ้คนที่ดูภาพจากกล้อง FLIR อยู่แล้วสามารถแยกแยะออกได้ละก็ ผมนับถือเลยละ

จริงๆมันก็มีวิธีการอยู่นะครับ ถ้าเรามีอุปกรณ์สำหรับรบกลางคืนเพียงพอ เช่น IFF ที่เป็นแสง IR กระพริบที่ติดที่หมวกทหารทุกนาย  แต่ก็อย่างว่าต่อให้มี แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ไอ้เงาคนที่วิ่งหนีอยู่นะ คือ โจร หรือ ชาวบ้านที่วิ่งหนีลูกหลง

ขอยกตัวอย่างเล็กๆน้อยๆนะครับจากความฝันของผมเอง 55555

เรื่องในฝันมีอยู่ว่า  จากภาพการข่าว หน่วยๆหนึ่งกำลังสะกดรอยขับรถตามรถยนต์ต้องสงสัยมา (เหมือนในหนังไหม 5555)  มาถึงจุดหนึ่งผู้ต้องสงสัยคงตื่นตัวแล้ว เลยจอดรถ ทิ้งรถ กระโดดลงคลองแล้วว่ายข้ามหนีไปอีกฝั่ง(เหมือนจับวงไพ่เลยไหม 555) หน่วยนั้นเลยประสานหน่วยในพื้นที่ทำการปิดล้อมพื้นที่ เรียกว่า แม้แต่ทากดูดเลือด ก็ไม่ให้ออก     

และช่วงกลางคืนก็ขอสนับสนุนอากาศยานติดกล้อง EO/FLIR นี่แหละมาสนับสนุน  แต่น่าแปลกว่า หาไม่เจอ(หรือแยกไม่ออกหรือเปล่าก็ไม่รู้) เรียกได้ว่า เล่นทำเอาตกอกตกใจ คิดว่า อดได้ตัวมันแน่ๆ   แต่ด้วยความหน้าด้าน เลยล้อมมันต่ออยู่ 2 วัน 2 คืน(อากาศยานก็บินอยู่ 2คืน แต่ไม่นานเพราะติดสภาพอากาศ)  สุดท้าย ผู้ต้องสงสัยคนนั้นก็เดินชูมือออกจากวงล้อมมาให้จับกุมเอง เหตุเพราะทนหิวข้าวอดน้ำ โดนริ้น ยุง ทาก กัด ไม่ไหว ครับ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้คำตอบเรื่องพารามอเตอร์เสียทีครับ

อยากรู้ข้อดีของมันที่เป็นข้อเท็จจริงไม่ใช่คำที่เขียนลอยๆจะแย่แล้วครับ

2. ระบบพิสูจน์ฝ่าย ผมมองว่า uav สามารถจับพฤติกรรมต่างๆได้ จับกิจกรรมขณะคนร้ายลงมือ เมื่อคนร้ายมีอาวุธ หน่วยuav ต้องหาก่อนว่าใช่ฝ่ายเดียวกันไหม โดยสอบถามไปยังฝ่ายดูแลกองกำลัง(อันนี้ผมไม่แน่ใจนะว่าหน่วยไหน) เมื่อยืนยันว่าไม่ใช่ ค่อยลงมือ

**********************************************************************************************************

พิสูจน์ยังไงละครับ ส่วนใหญ่มันเอาปืนซุกในเสื้อแจ๊กเก็ต หรือไม่ก็แต่งตัวเหมือนผู้หญิงมุสลิมที่คลุมไปทั้งตัว ขนาดเจ้าหน้าตั้งด่านยังดูลำบาก แล้วนี่เอา UAV บินพิสูจน์จากมุมบนจะเห็นหรือเปล่าครับ เพราะเห็นๆอยู่ มันยิงปั๊บมันก็สลายเข้าไปกับฝูงชนหรือพื้นที่ป่าทันที คนที่ปฏิบัติงานในพื้นที่มาตอบเองแ้ล้วคงกระจ่างขึ้นนะครับ 

ผมคิดว่าการใช้ UAV หรือ dron เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับภาคใต้ อาจจะซื้อจำนวนไม่มากแต่เน้นคุณภาพแทน  ถนนในภาคใต้ที่เกิดเหตุบ่อย และมีหญ้าและต้นไม้ปกคลุมต้องถางให้เตียนหรือเอารถไปเกรดก็ได้ ช่วง 4-5 เมตร ข้างๆ ถนน ต้องโล่ง เกรดให้หมด ยกเว้นต้นไม้ใหญ่  เพราะจะทำให้มองเห็นเวลาใช้ uav  ใช้ลาดตะเวนวันละครั้ง สองครั้ง หรือสามครั้ง ต่อวัน 1-3 ชั่วโมง ต่อครั้ง  โดยไม่ต้องแจ้งเวลาให้ทราบล่วงหน้าว่าจะลาดตะเวนตอนไหน  โจรที่จะขุดถนนวางระเบิดต้องพะว้าพะวงละว่า  uav จะมาตอนไหน จะเห็นเราหรือเปล่า ถึงมันจะไม่ได้ช่วย 100% แต่มันช่วยได้แน่นอน วันดีคืนดีอาจจะจ๊ะเอ๋  โจรที่กำลังขุดหลุมอยู่ หรือทำอะไรผิดสังเกตุอยู่บนถนนก็ได้ มันช่วยกดดันได้ทางหนึ่ง
แล้วสแกนถ่ายรูปไว้  ส่งให้ทางหน่วยเหนือทราบ  เรารู้ว่าประเทศเราไม่ทำเหมือนอเมริกาแน่นอน  แต่เราเน้นถ่ายรูป ดูสิ่งผิดสังเกตุบนท้องถนน ที่ป่า หรือที่ต่างๆ ที่น่าสงสัย

 และอย่างที่สองก็คือ ใช้  uav ในการช่วยเจ้าหน้าที่ในการปิดล้อมตรวจค้น จะปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านไหน ตำบล อำเภอ อะไร ตามที่สายลับแจ้งมา  อย่างที่เราเห็นข่าวว่า ปิดล้อมแล้่วปะทะกับโจรก็มีหลายครั้ง บางส่วนจับเป็น บางส่วนจับตาย บางส่วนหนีไปได้  ส่วนที่จับ เป็น ตาย ไม่มีปัญหา แต่ที่หลบหนี  uav ช่วยเราได้ในการติดตาม จะหนีไปไหน uav รู้หมด เพราะว่าอยู่ในพื้นที่อยู่ก่อนแล้ว สมมุติว่ามีการปะทะ ส่วนหนึ่งหนีไปได้ uav ก็จะติดตามว่าตอนนี้หลบไปทางไหน อยู่ที่ไหน แอบเข้าไปหลบบ้านใคร หรือ เข้าป่าหรือเปล่าก็จะสามารถมองเห็น แล้วแจ้งไปยังหน่วยที่ตรวจค้นได้ทันทีว่า ที่หลบหนีไปได้ตอนนี้อยู่ที่นี่แล้ว  กำลังหนีไปทางนี้ หรือ กำลังขึ้นภูเขา เราก็ส่งกำลังออกติดตามทันที  พร้อมประสานกับทีม  uav อย่างใกล้ชิด ในการติดตามไล่ล่า

การอธิบายอาจจะไม่ชัดเท่าไรแต่ถ้าคนที่ได้ทำงานด้านนี้อยู่แล้ว ก็จะมีความชำนาญมากขึ้น ทำงานได้ประสิทธิภาพ และรวดเร็วมากขึ้นครับ

รายละเอียด :

จัดตั้งกองกำลัง UAV บินครอบคลุมทุกส่วนของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้24 ชม ใช้เป็นพันลำก็ยอม สแกนพื่นที่ทุกตารางติดกล้องกลางวัน กลางคืน ติดอาวุธให้ uav เมื่อเจอกำลังก่อเหตุให้ยิงได้ทันที ส่ง SPYROBOT เข้าไปในพื่นต้องสงสัยเพื่อหาข่าวแทน ถ้าเจอตัวคนร้ายก็จัดการขั้นเด็ดขาด ถล่มไม่ให้เหลือ ใช้ uav ยิงถล่มเลย ไม่ต้องใช้คนไปเสี่ยงแล้ว เงียบ เร็ว เฉียบขาด ได้เปรียบกว่าเยอะ แถมกำลังใจเพิ่มขึ้นเป็นกอง 

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

มีความเป็นไปได้ไหม ว่าติดอาวุธให้uav เพราะทุกวันนี้โจรใต้โหดเหี้ยมจริงๆ คงต้องเอาจริงกะเค้าบ้าง

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ทำแบบพม่าครับได้ผลแน่ แบบuavใกล้เคียงการแก้ปัญหาสุดแระ เจอปุ๊ปยิงปับ เพราะคุยกับพวกนี้ไม่ได้แล้ว

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คิดว่าที่เป็นอยู่ทุกวันแบบนี้ดีอยู่แล้วใช่ไหมครับ ที่คนตายกันทุกวัน เปิดหน้าให้เค้ายิงก่อน ทำไมไม่เอาเทคโนโลยีเข้าช่วยหาข่าว ที่ดักฟัก กล้องจิ้ว หรือ uav ช่วยกันประสานหาข่าว แล้ว โจมตีก่อน ที่เค้าจะมายิงเรา

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

โดยส่วนตัวผมมองว่า การที่เรามีuavและสปายบอททำงานร่วมกัน 1. uav จะทำงานตอนที่คนร้ายลงมือ มีภาพเป็นหลักฐาน เราก็สามารถอ้างความชอบธรรมได้ว่าป้องกันตัว หรือสอดส่องพฤติกรรมน่าสงสัย ส่วน เครื่องดักฟัง หรือกล่องจิ้วค่อยติดตามหาข่าว ปกป้องกันภัยล่วงหน้า แล้วจับคุมคนร้ายก่อนลงมือ โดยใช้ความได้เปรียบจากงบประมาณนี้แระ ที่มีมากว่าคนร้ายเยอะ ปล. uav ติดอาวุธ ไม่จำเป็นต้องมีเยอะ ส่วนมีเยอะ ก็พวก ไม่ติดอาวุธ ค่อยติดตามพฤติกรรมน่าสงสัย แล้วส่งuav ติดอาวุธจัดการเมื่อยืนยันว่าคนร้ายลงมือ ส่วนสปายบอทก็กำจัดวงแคบลงมาเมื่อสงสัยใคร ก็ส่งเข้าไปติดตามเป้าหมาย แจ้งเตือนก่อนคนร้ายลงมือ ผลคือ 1.สามารถจับคนร้ายได้ก่อนลงมือ 2. สามารถจัดการคนร้ายได้ทันถ่วงที 3. เจ้าหน้าที่ปลอดภัยในการทำงาน มีความได้เปรียบมากมาย แต่ทำไม ไม่ใช้กัน

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หนือยพิมพ์สองครั้ง หายสองครั้งเลย เอาเป็นว่า กระทู้นี้พูดถึงuav กับ สปายบอททำงายร่วมกัน เครื่องมือทุกชนิดมีข้อจำกัดของมัน อยู่ที่ว่าจะหาเครื่องมืออันไหนมาลดข้อจำกัดเหล่านั้น ปล. ผมอธิบายยาวมากเป็นข้อๆเลย แต่หายหมด และกรุณาอ่านทั้งหมดก่อนเม้นนะครับ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

^

^

^

ผมสำเนามาให้เลยสำหรับความเห็นที่เกี่ยวข้อง

ผมพยายามใช้รอยหยักในสมองอันน้อยนิดของผมวิเคราะห์อยู่ว่าผมอธิบาย "ข้อเท็จจริง" คร่าวๆ ตามเนื้อหากระทู้ผิดประเด็นตรงไหนไปหรือไม่  หรือผมใช้ศัพท์แสงที่ง่ายเกินกว่าผู้ที่มีรอยหยักในสมองมากกว่าผมยากจะเข้าใจ

งั้นเอาใหม่ๆ

เท่าที่ผมวิเคราะห์ เนื้อหากระทู้ของเจ้าของกระทู้ตีความหมายสั้นๆได้ว่า

"ใช้ UAV กับ Spy Robot ลาดตระเวณและเฝ้าตรวจเพื่อรวบรวมข่าวสาร(ใช้ศัพท์ง่ายไปอีกหรือเปล่าหว่า กลัวไม่เข้าใจ) หากพบเป้าหมาย ก็ใช้ UCAV เข้าโจมตีเพื่อทำลายเป้าหมายทันที"

ถูกไหมครับ

ถ้าผมวิเคราะห์ถูก ผมก็เชื่อว่าผมได้พิมพ์ให้อ่านไปแล้วนะครับ(ถ้าอ่านแล้ววิเคราะห์เป็น  จนเข้าใจ)   ไม่เป็นไร งั้นเอาใหม่ สรุปให้ใหม่สั้นๆว่า  "จากขั้นตอนวิธีการข้างต้นนั้น มันขาดไป 1 ขั้นตอนซึ่งสำคัญมากในการทำงานใน จชต. นั่นคือ ก่อนที่จะทำลายเป้าหมายนั้น มันจะต้องพิสูจน์ฝ่ายให้ได้ชัดเจนเสียก่อน  เพราะกฏหมายมีผลบังคับใช้อยู่ในพื้นที่"    ยิงให้ตายนะไม่ยากหรอกครับ  ไม่ต้องใช้ UCAV ด้วย เปลือง แต่ที่มันยากกว่าคือการ พิสูจน์ฝ่ายเนี่ยแหละครับ  ซึ่งผมว่าผมพิมพ์ให้อ่านแล้วนะครับ   

หรือจะลองพิมพ์ที่บอกว่าอธิบายเป็นข้อๆนั่นมาอีกทีก็ได้ ผมอยากอ่าน  ซึ่งผมก็ขอแนะนำหนทางปฏิบัติให้ 2 อย่าง เพื่อกันระบบล็อคเอาท์อัตโนมัติแล้วข้อความที่พิมพ์หาย

หนทางฯที่1    พิมพ์ข้อความไว้ก่อนใน word  เสร็จแล้ว Copy แล้วมากด Ctrl v ลงในช่องข้อความเพื่อโพส

หนทางฯที่2    พิมพ์ในช่องข้อความเพื่อโพสได้เลย เมื่อพิมพ์เสร็จอย่าพึ่งกด Submit  ลากเคอร์เซอร์คล่อมข้อความทั้งหมดแล้วกด Ctrl c เพื่อ Copy ไว้ก่อน ถ้า Submit แล้วมันหาย Log in เข้ามาใหม่แล้ว Ctrl v ข้อความที่ Copy ไว้ แล้วค่อยโพสอีกครั้ง

ง่ายๆ ไม่อยาก  พิมพ์มาครับ   จะได้วิเคราะห์แนวความคิดถูกและจัดประเภทของ "บัว" ไม่พลาด 

ผมคิดว่าการใช้ UAV หรือ dron เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับภาคใต้ อาจจะซื้อจำนวนไม่มากแต่เน้นคุณภาพแทน  ถนนในภาคใต้ที่เกิดเหตุบ่อย และมีหญ้าและต้นไม้ปกคลุมต้องถางให้เตียนหรือเอารถไปเกรดก็ได้ ช่วง 4-5 เมตร ข้างๆ ถนน ต้องโล่ง เกรดให้หมด ยกเว้นต้นไม้ใหญ่  เพราะจะทำให้มองเห็นเวลาใช้ uav  ใช้ลาดตะเวนวันละ ครั้ง สองครั้ง ครั้งละ สามครั้ง 1-3 ชั่วโมง ต่อครั้ง  โดยไม่ต้องแจ้งเวลาให้ทราบล่วงหน้าว่าจะลาดตะเวนตอนไหน  โจรที่จะขุดถนนวางระเบิดต้องพะว้าพะวงละว่า  uav จะมาตอนไหน จะเห็นเราหรือเปล่า ถึงมันจะไม่ได้ช่วย 100% แต่มันช่วยได้แน่นอน วันดีคืนดีอาจจะจ๊ะเอ๋  โจรที่กำลังขุดหลุมอยู่ หรือทำอะไรผิดสังเกตุอยู่บนถนนก็ได้ มันช่วยกดดันได้ทางหนึ่ง
แล้วสแกนถ่ายรูปไว้  ส่งให้ทางหน่วยเหนือทราบ  เรารู้ว่าประเทศเราไม่ทำเหมือนอเมริกาแน่นอน  แต่เราเน้นถ่ายรูป ดูสิ่งผิดสังเกตุบนท้องถนน ที่ป่า หรือที่ต่างๆ ที่น่าสงสัย

 และอย่างที่สองก็คือ ใช้  uav ในการช่วยเจ้าหน้าที่ในการปิดล้อมตรวจค้น จะปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านไหน ตำบล อำเภอ อะไร ตามที่สายลับแจ้งมา  อย่างที่เราเห็นข่าวว่า ปิดล้อมแล้่วปะทะกับโจรก็มีหลายครั้ง บางส่วนจับเป็น บางส่วนจับตาย บางส่วนหนีไปได้  ส่วนที่จับ เป็น ตาย ไม่มีปัญหา แต่ที่หลบหนี  uav ช่วยเราได้ในการติดตาม จะหนีไปไหน uav รู้หมด เพราะว่าอยู่ในพื้นที่อยู่ก่อนแล้ว สมมุติว่ามีการปะทะ ส่วนหนึ่งหนีไปได้ uav ก็จะติดตามว่าตอนนี้หลบไปทางไหน อยู่ที่ไหน แอบเข้าไปหลบบ้านใคร หรือ เข้าป่าหรือเปล่าก็จะสามารถมองเห็น แล้วแจ้งไปยังหน่วยที่ตรวจค้นได้ทันทีว่า ที่หลบหนีไปได้ตอนนี้อยู่ที่นี่แล้ว  กำลังหนีไปทางนี้ หรือ กำลังขึ้นภูเขา เราก็ส่งกำลังออกติดตามทันที  พร้อมประสานกับทีม  uav อย่างใกล้ชิด ในการติดตามไล่ล่า

การอธิบายอาจจะไม่ชัดเท่าไรแต่ถ้าคนที่ได้ทำงานด้านนี้อยู่แล้ว ก็จะมีความชำนาญมากขึ้น ทำงานได้ประสิทธิภาพ และรวดเร็วมากขึ้นครับ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

^

^

รู้สึกว่าตัวผมเองทำงานไร้ประสิทธิภาพไปในบัดดล   สงสัยต้องพิจารณาตัวเองซะแล้วว่าประสบการณ์อันน้อยนิดมันช่างไร้ค่าเสียเหลือเกิน

ผมว่าผมยกตัวอย่างเล่นยันกล้อง EO/FLIR (หรือคุณไม่รู้จักเครื่องมือตัวนี้หว่า) แล้วนะ  ขนาดมันเทพซะขนาดนั้น ชนิดที่ว่าไม่ต้องถางหญ้าฆ่ามด มันก็มองเห็น    แต่ปัญหามันคืออะไร กรุณากลับไปอ่านแล้วคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ให้ดีๆครับ

งั้นพูดใหม่อีกที UAV ปัจจุบันเราใช้อยู่ 

การพัฒนาภูมิทัศน์(วู้ ศัพท์ยากอีกแระ) สองข้างทาง ให้เหี้ยน เตียนโล่ง ก็พยายามทำให้ครอบคลุม จุดเสี่ยง พื้นที่เสี่ยง ให้มากที่สุด

กรุณากลับไปย้อนอ่านที่ผมพิมพ์ดีๆอีกครั้ง    บางอย่างมันพูดหรือพิมพ์ดูเหมือนจะง่าย สวยหรู แต่ปฏิบัติจริงนะมันยากครับ  

จริงๆผมไม่อยากจะมาพิมพ์เท่าไหร่ครับ เพราะบางอย่างถ้าอธิบายข้อเท็จจริงมากไปก็ไม่ดี    แต่เห็น  เพ้อฝัน กันไปเรื่อย   จริงๆมันก็ไม่ผิดหรอกครับเรื่อง เพ้อฝัน เพราะผมก็เคย เพ้อฝัน มาก่อน    แต่ด้วยเพราะความเคย เพ้อฝัน มาก่อน เลยพยายามมาช่วยปลุกให้ตื่นจากฝันสักเล็กน้อย  เดี๋ยวจะ สำคัญผิด จนกลายเป็น สมคบคิด กันไปใหญ่

อีกนิด

แล้วพารามอเตอร์ผมไปถึงไหนแล้วละเนี่ย

ขี้เกียจอธิบายแล้วครับ หายไปอีกแระ ทำอย่างท่านว่า ctrl +c ยังหายแม้งไม่เก็๋บข้อมูลไว้ เซ็งจิงๆๆๆๆๆๆ

Ctrl+c แล้วให้ใช้ Ctrl+v ครับ ถ้าใข้คลิกขวาแล้วกดPastไม่ได้ครับ/admin

ขออนุญาตนะครับ ผมเองเป็นพลเรือนไม่ได้มีความรู้ทางทหาร

แต่เห็นด้วยกับแนวคิดของคุณ SkuLLPunK เพราะเราได้แต่ตั้งรับอย่างเดียว(หรือเปล่า?!?)

พอได้ยินได้เห็นข่าวภาคใต้ทีไรก็รู้สึกหดหู่ใจทุกครั้ง ซึ่งก็คงเหมือนกันกับคนไทยทุกๆคน 

แต่หลายหลายๆท่านก็มักจะออกมาบอกทางทีวี ว่าสถานการณ์ดีขึ้น(ตรงไหนครับ?)

จริงๆผมว่าน่าจะแสดงความเห็นเชิงสร้างสรรค์กันมากกว่า เพราะผมคิดว่าเป็นกระทู้ที่มีประโยชน์

ไม่ใช่แบบว่าจะเอาชนะกันให้ได้จากความคิดส่วนตัว

สำหรับผมคิดว่าน่าจะทำเป็นโปรเจคกำหนดซักพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งที่มีสถานะการณ์แรงๆทดลองกันไปก่อน ผลเป็นอย่างไรก็ค่อยมาวิเคราะห์แก้ไขกัน แล้วค่อยขยายไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่ายังไม่ได้เริ่มเลย นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ มันเสี่ยงไม่ได้ผลหรอก เปลืองงบบ้างล่ะ

ตอนนี้ผมว่าเราไม่มีอะไรจะเสียแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นเวลาหรืองบประมาณ

ทำเถอะครับจะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน

ก่อนอื่นต้องแยกให้ออกก่อนนะครับว่า ขอบเขตการปฏิบัติการของกำลังเจ้าหน้าที่ทหารอยู่ตรงไหน และต้องมองในหลายมิติด้วย นี่ขนาดผู้ที่คร่ำหวอดพิมพ์มาให้อ่านตั้งเยอะแยะ จนจะออกอาการท้อใจแล้ว หน่วยที่ปฏิบัติงานอยู่จะเป็นหน่วยที่ช่วยรักษาความสงบสุข รักษาคนดี ต่อสู้คนร้าย เรายังไม่ใส่หน่วยไล่ล่าไปอย่างเต็มรูปแบบลงไปเลย ถ้าจะให้ไล่ล่ากันจริง ๆ หน่วยทหารสามารถทำได้มากกว่านี้ ต้องแยกผู้ก่อความไม่สงบ ออกจากพลเรือนปกติให้ได้ คนร้ายก็ถูกฝึกมาและมียุทธวิธีของเขาเหมือนกัน ถ้าใช้ UAV ตรวจการณ์ ให้มากกว่านี้ บินถี่ขึ้น หาเครื่องมือให้ไฮเทคสุด ๆ  ซื้อดาวเทียมมาช่วยนำล่องมาเลย ก็คงพอได้ แต่ก่อนหน้านี้หน่วยปฏิบัติงานก็คงเสนอแล้ว มันอาจจะมีเหตุผลที่ลึกซึ้งและละเอียด อ่อนกว่าที่เราท่านจะนำมาคิดก็ได้ ส่วนเรื่อง UAV ติดอาวุธหรือพวกเครื่องจักรฆ่าคนผมว่าเลิกคิดเถอะ ระบบอาวุธเรายังไม่ไฮเทคขนาดนั้นหรอก มันใช้ได้ดีกับเป้าหมายบางแบบ กับบางพื้นที่ ยิ่งเป้าหมายอยู่ไกลนอกสายตาเวลาใช้มันไม่ง่ายหรอก ขนาดข้างล่างมีผู้นำอากาศยานหน้าคอยติดต่อวิทยุชี้เป้าหมายให้นักบิน ยังไม่ง่ายเลย อย่าลืมว่าเครื่องต้องเคลื่อนที่ตลอดเวลา

                                     เรากำลังทำให้ไฟดับ เราต้องไม่ทำให้ไฟโหมขึ้นหรือเติมเชื้อไฟเสียเอง

ขออนุญาตนะครับ ผมเองเป็นพลเรือนไม่ได้มีความรู้ทางทหาร

แต่เห็นด้วยกับแนวคิดของคุณ SkuLLPunK เพราะเราได้แต่ตั้งรับอย่างเดียว(หรือเปล่า?!?)

พอได้ยินได้เห็นข่าวภาคใต้ทีไรก็รู้สึกหดหู่ใจทุกครั้ง ซึ่งก็คงเหมือนกันกับคนไทยทุกๆคน 

แต่หลายหลายๆท่านก็มักจะออกมาบอกทางทีวี ว่าสถานการณ์ดีขึ้น(ตรงไหนครับ?)

จริงๆผมว่าน่าจะแสดงความเห็นเชิงสร้างสรรค์กันมากกว่า เพราะผมคิดว่าเป็นกระทู้ที่มีประโยชน์

ไม่ใช่แบบว่าจะเอาชนะกันให้ได้จากความคิดส่วนตัว

สำหรับผมคิดว่าน่าจะทำเป็นโปรเจคกำหนดซักพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งที่มีสถานะการณ์แรงๆทดลองกันไปก่อน ผลเป็นอย่างไรก็ค่อยมาวิเคราะห์แก้ไขกัน แล้วค่อยขยายไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่ายังไม่ได้เริ่มเลย นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ มันเสี่ยงไม่ได้ผลหรอก เปลืองงบบ้างล่ะ

ตอนนี้ผมว่าเราไม่มีอะไรจะเสียแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นเวลาหรืองบประมาณ

ทำเถอะครับจะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

^

^

^

ถ้าลองอ่านและพิจารณาดีๆจะรู้ว่า สิ่งที่ผมพยายามจะสื่อสารนั้นมาจาก "ความคิดเห็นส่วนตัว" หรือมาจาก "การที่ได้มีโอกาสปฏิบัติจริงในพื้นที่จริง" ครับ

สมาชิกในบอร์ดนี้จะพลเรือนหรือทหาร มีสิ่งหนึ่งที่เราเหมือนกันถ้าพูดง่ายๆก็คือ ชอบอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารและการปฏิบัติการทางทหาร เหมือนๆกัน   ซึ่งเรานำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน    ซึ่งก็อาจจะมาจากการคิดวิเคราะห์เองจากข้อมูลเท่าที่ตัวเองมีหรือจากสิ่งที่ตนเองได้เคยทำหรือแลกเปลี่ยนข่าวสารมาจากที่อื่นๆ  แล้วนำมาแลกเปลี่ยนกันเพื่อให้ได้มาซึ่ง "ข้อเท็จจริง" ให้มากที่สุดตามเท่าที่ข้อมูลเรามี นี่แหละครับคือ "เชิงสร้างสรรค์"   

การปฏิบัติการทางทหารมันไม่ได้ง่ายๆเหมือนเราเล่นเกมส์ครับ  ก่อนจะทำอะไรสักอย่าง ก่อนจะวางแผนเพื่อให้ได้มาซึ่งคำสั่งเพื่อการปฏิบัตินั้น  จะมีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำก่อนเลยคือ การประมาณสถานการณ์หรือประมาณการณ์   ซึ่งจะนำข้อมูลทั้งหมดที่มีในพื้นที่รับผิดชอบหรือพื้นที่ปฏิบัติการ,พื้นที่สนใจ  ในหลายๆด้านมาประมวลผลตามกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่ง หนทางปฏิบัติแต่ละหนทาง แล้วมาเลือกหนทางปฏิบัติที่เหมาะสมที่สุด จึงมาเริ่มเป็นแผนและคำสั่งต่อไป   และเมื่อลงมือปฏิบัติถ้าพบปัญหาข้อขัดข้อง ก็จะแก้ปัญหานั้นๆไป เพื่อให้บรรลุสำเร็จภารกิจนั้นๆให้ได้   

ซึ่งมันไม่ง่าย ไม่ใช่นึกอะไรออกก็มานั่งเขียนนั่งพิมพ์ไม่กี่บรรทัดแล้วจะมาทึกทักเอาเองว่า "มันทำได้" 

แล้วลองย้อนกลับไปอ่านแล้วจับประเด็นให้ดีครับว่าสิ่งที่ผมพิมพ์ไปข้างต้นนั้นมาจากที่คุณว่า "ไม่ใช่ว่ายังไม่ได้เริ่มเลย นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ มันเสี่ยงไม่ได้ผลหรอก เปลืองงบบ้างล่ะ"  หรือมาจากการที่ผมเคยเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติจริง

ประเด็นกระทู้นี้ของ จขกท. คือ เสนอว่าทำไมไม่ใช้ UAV,Spy Robot เฝ้าตรวจ,รวบรวมข่าวสารแล้วโจมตี  คำตอบสั้นๆคือ

UAV เราใช้อยู่ครับและใช้มานานแล้วด้วย

Spy Robot เราก็ใช้ครับ พวกอุปกรณ์เซ็นต์เซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวตามช่องทางบังคับ พื้นที่เสี่ยงต่างๆ   แต่มันก็มีข้อจำกัดของมัน  ช่วยได้ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้ทั้งหมด  และเกือบจะไม่เป็นผลเลยด้วยซ้ำ

ถ้าถามผมว่า สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นไหม ถ้าผมตอบในมิติเท่าที่ปฏิบัติจริงและเท่าที่รับทราบ  ผมตอบว่าดีขึ้นจากช่วงแรกมากแต่ก็ยังทรงๆเล็กๆ ต่างฝ่ายต่างพยายามเอาชนะกันในทุกมิติของสนามรบอยู่        ถ้าเปรียบเทียบกับการรบตามแบบ ตอนปี47 คือฝ่ายเราโดนเข้าตีแบบไม่ทันตั้งตัว  และเราพยายามยับยั้งการขยายผลจากการเข้าตีนั้นและสร้างสภาวะเกื้อกูลเพื่อเข้าตีโต้ตอบ ซึ่ง ณ ตอนนี้เราผ่านจุดนั้นมาแล้วและทำได้ดีระดับหนึ่งคือ ณ ตอนนี้เปรียบเหมือนเรายันกลับจนมาตั้งแนวเผชิญหน้ากัน คล้ายๆสงครามสนามเพลาะในสงครามโลกครั้งที่ 1  ซึ่งตอนนี้ต่างฝ่ายต่างพยายามหาวิธีการเพื่อเข้าตีอีกฝ่ายจนแตกหักให้ได้ ครับ

เราไม่ได้ตั้งรับอย่างเดียว ทุกภารกิจมีทั้งเชิงรุกและเชิงรับ  แต่ที่เราสูญเสียส่วนมากเกิดจากภารกิจเชิงรับ(ซึ่งก็ไม่แปลกถ้าหลายๆคนจะตีความไปว่าฝ่ายเราตั้งรับอย่างเดียว)  แต่ในภารกิจเชิงรุกเช่น ติดตามจับกลุมต่างๆ ก็มีผลปฏิบัติออกมาเช่นกัน ทั้งจับเป็นและจับตาย รวมถึงการพยายามยับยั้งการผลิตแนวร่วมรุ่นใหม่ๆของฝ่ายตรงข้าม   ซึ่งมันมีหลายวิธีการที่เราทำอยู่  แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่แนวทางที่ จขกท. เสนอมาแน่ๆ  ยังไม่ต้องปฏิบัติหรอกครับ แค่ ประมาณสถานการณ์ก็ทราบแล้วว่า "เกณฑ์เสี่ยง" สูงไป และปฏิบัติจริงไม่ได้ในพื้นที่ จชต.(แต่ถ้าเป็นที่อื่นเช่นการกระทบกระทั้งด้วยกำลังกับกำลังต่างชาติที่มี การจัดกำลัง การวางกำลังที่ชัดเจน อันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่งครับ)

ส่วนเรื่องจะเอาชนะกันในกระทู้นั้น  สำหรับผมไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องเอาชนะในกระทู้   เพราะอย่างไรผมก็ต้องปฏิบัติจริงตาม "ข้อเท็จจริง" อยู่ดี    จริงๆผมก็อ่านผ่านๆตามกระทู้ "เสนอแนะ" หนทางปฏิบัติต่างใน จชต. มาตลอด    ถ้ามีเวลาหรือโอกาสก็จะพยายามเอา "ข้อเท็จจริง" มาพูดเล่าสู่กันฟัง   เช่นคราวนี้ครับ    ไม่ได้ต้องการเอาชนะเพราะไม่จำเป็นเลย  ซึ่งถ้าผู้มีความคิดวิเคราะห์ได้ผมเชื่อว่าเข้าใจในสิ่งที่ผมสื่ออยู่แน่นอนครับ

ขี้เกียจอธิบายแล้วครับ หายไปอีกแระ ทำอย่างท่านว่า ctrl +c ยังหายแม้งไม่เก็๋บข้อมูลไว้ เซ็งจิงๆๆๆๆๆๆ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

^

^

ใจเย็นๆครับ พยายามหน่อย ไม่ยากเกินความสามารถหรอกครับ   ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้นครับ

**********************************************************************************************************

ปักหมุดให้แล้วจ่าย มาด้วย 20

ป.ล. เฮ้ยบอมโทษที กดผิดดันไปลบความเห็นสุดท้ายนะ ขออภัยด้วย ไม่ได้ตั้งใจ/Admin

    ท่าทางท่าน  จขกท  จะยังวัยรุ่นอยู่เลยใจร้อนไปหน่อย  

เทคโนโลยีชดเชยได้ไม่ทุกรายการหรอกครับ    แต่ถ้าต้องการบันทึกภาพคนร้ายก่อนการลงมือก่อเหตุ   เช่น  ขุดหลุมฝังเพื่อวางระเบิด    หรือบันทึกเพื่อเป็นหลักฐาน     แต่ถ้าเป็นการบันทึกเพื่อติดตามผู้ต้องสงสัยหลายหมื่นคนนี่   คงจะงานใหญ่มากทีเดียวครับ

   แต่ที่เห็นข่าวและบันทึกภาพได้อยู่ประจำ คือ กล้องวงจรปิดครับ    ไม่ต้องลงทุนมากขนาด  UAV  หรือ  ดาวเทียมสปายเลยก็ได้ครับ       และเพราะเจ้ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพได้บ่อยมาก    มันจึงโดนอีกฝ่ายเผาทำลายเป็นประจำครับ    

   แบบนั้นกล้องวงจรปิดน่าสนใจกว่า    และเพื่อป้องกันการเผาทำลาย   ควรจะเป็นกล้องที่ซ่อนหรือพรางได้ง่ายด้วยครับ    และควรมีระบบแบตที่ใช้กับมันได้ยาวนาน   ส่งข้อมูลกลับที่ตั้งแบบไร้สายเหมือนมือถือ   รวมถือสามารถบันทึกภาพในเวลากลางคืน   จะดีกว่าครับ     และน่าจะใช้เงินและกำลังพลน้อยกว่ามากครับ

 แต่จากข่าวที่ท่าน  Akula  ลงไว้   ท่าทางจะจัดหาดาวเทียมสปายกันจริงๆหรือนี่   เป็นหมื่นๆล้านบาทเลยนะนั่น    และต้องมีระบบภาคพื้นดินรองรับด้วย    ถ้าจะให้ติดตามแบบ  realtime  กันเลย   โอ้ววววว........สุด  ไฮเทค      แบบนี้ถ่ายภาพทุกจุดของเพื่อนบ้านได้ทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ     แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพื่อนบ้านจะไปหาเมียน้อยก็คงรู้

เรื่องการใช้ UAV ติดอาวุธนี่มันยากไปไหม อย่างอเมริกา ใช้เครื่องบินมีคนบังคับยังมีการยิงผิด สร้างปัญหามากมายทั้งในอิรัก กับอัฟกัน นะครับ ยิงประชาชนผิดตายไปมากนะครับ หาดูได้ในยูทูป ชีวิตคนตายแล้วตายเลยนะ แล้วในสามจังหวัด ก็เป็นคนไทยเหมือนกันนะครับ แล้วอย่างที่คุณfw190 กับหลายๆท่านว่า สงครามที่เราสู้อยู่ตอนนี้มันเป็นสงครามแย่งชิงประชาชนกัน ถ้าเราพลาดอย่างอเมริกา แล้วเราจะดึงคนสามจังหวัดมาอยู่ข้างเราได้อย่างไร ตย. อย่างเหตุการณ์ที่ มีโจรใต้บุกฐานนาวิกโยธิน เขายังเอาไปขยายผลเลยว่าทางการไทยล้อมฆ่าคนมุสลิม ทั้งๆที่หลักฐานเห็นกันชัดเจน เขาพยายามยกหัวหน้าเป็นฮีโร่ เพื่อดึงเยาวชนมาสนับสนุน

จริงอย่างท่านว่า ... พารามอเตอร์เอามาทำไมหว่า  เอามาให้โจรมันซ่อมยิงเป้าอากาศหรือครับ  แล้วเรื่องงบประมาณที่ใช้นี้ ไม่มีใครรู้จริงๆ มีแต่คลาดการทั้งนั้น  ปัญหาแบบนี้เราพูดได้ลำบากเพราะเราไม่รู้ครับ แนวทางคนทำงานที่นั้นรู้ดีที่สุดตามลำดับชั้น ครับ หมายถึงอะไร หมายความว่า ถ้าคุณถามทหาร ที่ทำงานที่นั้น 100 คนก็ได้คำตอบ 100 แบบเห็นปัญหาไม่เหมือนกัน ยากไม่เหมือนกัน ง่ายไม่เหมือนกัน เพราะงั้นถึงได้ มีคนคอยว่างแผน ให้ไงครับ ที่นี้มันก็มีผิดหรือถูกได้บ้างไม่แปลก ก็คนทำงานนี้ครับ

แต่ถ้ามองในแง่ของการเสนอความคิดก็ไม่ว่ากันครับผม เพราะความคิดไม่ผิดไม่ถูกไปซะทุกเรื่องหรอกครับ ขึ้นอยู่กับอันไหนใช้ได้จริงหรือเหมาะสมในตอนนั้นๆ

ทีนี้เอาของผมบ้าง  ผมเห็นว่าเรื่องมวลชนคือหัวใจสำคัญ เพราะงั้นที่ผมคิดคือ เป็นผม จะส่งชุดมวลชนสัมพันธ์เพิ่มลงไปอีก จัดกิจกรรมรอบด้านครอบคลุมเลย เรียกได้ว่าผู้ใหญ่เจอชุดมวลชนสัมพันธ์ เด็กนักเรียนเจอกิจกรรม เรียกได้ว่า เด็กๆ แทบไม่ได้อยู่บ้านเลย มีกิจกรรม พาเที่ยว ชม บ้านเมืองทั่วไทยให้เขาเห็นความหลากหลายความเป็นชาติไทยไม่ติดกับภาพเดิมๆรอบๆบ้านและชุมชน โตมาหน่อยจัดทุนให้เรียนใน มหาลัย ต่างภาค จบให้ทุนกลับไปทำงานในท้องถิ่นบ้านเกิด

ด้านกำลังผม จะให้เพิ่มหน่วยเพิ่มฐานในป่า เอา ให้ทั่ว แนวชายแดนเลย ที่มีก็ เสริมกันเข้าไปอีก ให้แน่นหนา 

ปล.เบื่อพิมแล้ว คงพอเข้าใจคอนเซปผมนะครับ ฝันดีครับทุกท่าน

ทิ้งท้ายด้วยเรื่องผิดที่ไม่สามารถทำได้ ...แต่ขอพูดคือแผนตัดท่อน้ำเลี้ยง ถ้ารู้จริงๆว่าใครเป้นเจ้าพ่อ ผู้มีอิทธิพล ส่งเงินให้พวกนี้ทำงานซึ่งพวกนี้มีมากกว่าพวกทำโดยอุดมการ  ไล่ยิงทิ้งให้หมดล้างบางอย่าให้เหลือ แบบนี้ก็จะสงบเร็วขึ้นไปอีก ใน10 ปีคงเป็นปกติเหมือนที่อื่นๆในประเทศไทย

ต้องขออภัยท่าน FW190  ด้วยครับ

ผมเองไม่ได้มีเจตนาที่จะพาดพิงหรือวิจารณ์ใดๆ

แต่เนื่องจากในมุมของประชาชนทั่วไป เมื่อได้ยินข่าวทางภาคใต้ครั้งใดก็รู้สึกเจ็บแค้น และอึดอัดมากๆ

จึงอยากให้หายุทธวิธีที่เป็นเชิงรุกมากกว่านี้ ผมเห็นใจนายทหารที่ปฏิบัติการณ์ในพื้นที่ซึ่งเรียกได้ว่าเสี่ยงชีวิตทุกวินาที

เราได้รับฟังแต่ข่าวเิดิมๆซ้ำๆเกือบจะทุกวัน จนอาจจะเรียกได้ว่าชินชาไปซะแล้วเกี่ยวกับเหตุลอบยิง ลอบวางระเบิด

ต้องขอขอบคุณนายทหารทุกท่าน และขอเป็นกำลังใจนะครับ
ขออภัยหากได้เอ่ยพาดพิงแก่ท่านใดก็ตาม

ถ้าเราใช้พวกเครื่องร่อน FPV จะพอช่วยได้ไหมครับ ราคา / ชุดไม่กี่หมื่น บังคับได้ด้วยคนเดียว หรือ สองคน  ใช้กล้องที่มีประสิทธิภาพสูงหน่อย  ผมคิดว่า ทบ. เองน่าจะมีประจำการอยู่บ้างแล้ว  

ส่วนตัวเคยทำเล่นเองดู

เสียงเงียบมา แทบไม่มี เพราะเป็นมอร์เตอร์ไฟฟ้า ถ้ากล้องมันใหญ่ ก็เพิ่มขนาดปีกกับมอร์เตอร์  เครื่องพวกนี้ พอติดลมบน ก็แทบจะไม่ต้องเดินมอร์เตอร์แล้ว  เร่งมอร์เตอร์แค่เวลาจะเปลี่ยนทิศเท่านั้นเอง   แบตเตอรี่ บ้านๆ ยังได้ตั้งครึ่งชั่วโมง  เพิ่มความจุ สักหน่อย น่าจะบินได้เป็นชั่วโมงครับ  เราก็ขึ้น ลว. เฉพาะเวลาที่เป็นช่วง กลางคืน หรือหัวรุ่ง  ภาพที่เห็นเป็น Real Time  ระหว่างการ ลาดตระเวณ ถ้าเราตรวจพบก็ส่งชุดภาคพื้นเข้าไปเลย  โดยให้ทีม UAV แจ้งสถานการณ์ตลอดเวลา ...  ส่วนมาก ทหารฝ่ายเราจะโดนเขาทำ ในเวลาที่เขาเตรียมพร้อม ซุ่มเราก่อนแล้ว  ถ้าเราเห็นก่อน  ดัดหลังพวกมันบ้าง เข้าทำมันก่อนระหว่างที่มันกำลัง เซตตำแหน่ง โน่นนี่นี่นั่น  อาจจะได้ผลบ้างไหมครับ 

ด้วยความเคารพ เจ้าของกระทู้น่าจะดูหนังมากไปหน่อยครับ

ท่านผู้กองไปตามในกระทู้โน้น ก็เลยมาตอบ

ขอออกตัวก่อน ว่าผมแค่เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการ ลาดตระเวณด้วยพารามอเตอร์แทนการเดินเท้า

หรือด้วยรถกระบะ หรือ มอเตอร์ไซค์ เพราะเวลาเจ้าหน้าที่ของเราโดนระเบิดที่แอบฝังไว้ใต้ถนนจนเสียชีวิต

ผมคิดว่า .. เราไม่มีวิธีลาดตระเวณด้วยวิธีที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ หรือว่า เจ้าหน้าที่ของเรารับได้กับการโดนระเบิด

ที่แบบฝังไว้ใต้ถนน หรือ โดนเอากระบะประกบยิงเจ้าหน้าที่ ..

การลาดตระเวณด้วยพารามอเตอร์ ในอุดมคติของผม คือ

1  ขึ้นบินทีละ 2-3 ลำ เว้นระยะห่างกันพอสมควร หรือ บินเลียบข้างถนน เพื่อป้องกันโดนโจมตี หากโดนโจมตี

   อีกลำจะได้ช่วยเหลือ ยิงลงมา หรือ บินติดตามเป้าหมาย

2 บางภารกิจ อาจจะขึ้นบินลำเดียว คอยคุ้มกันชุดลาดตระเวณด้วยรถยนต์อีกที

3 พารามอเตอร์ทุกลำ ต้องติดตั้งระบบขอความช่วยเหลือ จากศูนย์บัญชาการได้ตลอดเวลา มีระบบจีพีเอส

  ติดตาม ศูนย์บัญชาการสามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปสนับสนุนจุดเกิดเหตุได้ทันท่วงที

4 พารามอเตอร์ ที่ใช้ในทางทหาร ต้องเป็นแบบ 2 ที่นั่ง มีคนขับ 1 คน คนยิง 1 คน มีอาวุธครบมือ

   อย่างน้อยต้องมี m79 ด้วย ยิงจากด้านบน โอกาศพลาดเป้ามีน้อย ยิ่งมันรวมกันเป็นฝูงยิ่งดี จะได้ตายหมู่

5  ชุดที่นั่งพารามอเตอร์ ต้องเป็นแบบกันกระสุนได้ ป้องกันการโดนลอบยิงจากข้างล่าง แต่ไม่ได้หมายความว่า

   ต้องเป็นเหล็กกล้าทั้งชุด ไม่งั้นคงหนักจนบินไม่ขึ้น

6  เข้าใจว่า อัตตราการกินน้ำมันคงจะสูงกว่าการลาดตระเวณด้วยรถ แต่ เพื่อความปลอดภัย และ ประสิทธิภาพ

    ผมคิดว่าคุ้มค่า

7  ผู้ที่จะบินด้วยพารามอเตอร์ ต้องฝึกบินให้ได้ตามกำหนดชั่วโมงบินก่อน ป้องกันการเกิดโศกนาศกรรมจากเครื่องตก

8 การบินลาดตระเวณด้วยพารามอเตอร์ ไม่จำเป็นต้องบินให้สูงลิบลิ่ว แค่บินให้เลยยอดไม้หน่อยๆก็ได้ หรือ บินตาม

   สภาพภูมิประเทศ หากตรงใหนที่ผู้บินคิดว่าเป็นจุดเสี่ยง ก็บินเลี่ยงไปทางอื่น หรือ บินให้สูงขึ้น

9  หากเกิดการโจมตีเจ้าหน้าที่ตรงจุดใหนก็ได้ เราสมารถใช้พารามอเตอร์ติดตามคนร้ายได้ ไม่ว่ามันจะวิ่งไปทางใหน

    เราก็ได้เปรียบ เพราะมันวิ่ง แต่ เราบิน ถึงมันจะหลบอยู่นิ่งๆ เราก็สามารถแจ้งให้ปิดล้อมพื้นที่ได้ ไม่ใช้เหมือนที่เป็นข่าว

    ที่ฝ่ายคนร้ายใช้ความชำนาญในพื้นที่หนีรอดไปได้บ่อยครั้ง

10  ร่มบิน หรือ พารามอเตอร์ ถึงจะโดนยิงจนร่มทะลุ มันก็ไม่ได้ตกลงทันที เพราะร่มบินสมัยนี้มีความเหนียวไม่ขาดง่าย

      มันแค่เป็นรู เราสามารถประคองร่มลงฉุกเฉินในตำบลที่เราคิดว่าปลอดภัยหรือได้เปรียบได้ อย่างน้อยคนร้ายคงไม่กล้า

     บุกเข้าไปยิงซ้ำ เพราะเราก็มีอาวุธ อีกอย่าง มันก็รู้ว่าต้องมีเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือแน่นอน

...  ทั้งหมดนี้ เป็นแค่ ข้อเสนอความเห็นเท่านั้น ถ้าคิดว่าความเห็นของผมมันไร้สาระ ก็ควรลืมเรื่องนี้ไปได้เลย

แต่ ถ่าคิดว่า มันพอจะมีประโยชน์บ้าง ก็ควรจะลองดูก่อน ถ้ามันไม่ได้ผลจริงๆ ก็มาด่าผมในนี้ได้เลย ผมยอม

รับคำด่าไว้แต่เพียงผู้เดียว

แต่ สมมุติว่า ผมเป็นผู้ก่อการร้าย ถ้าเล่นเอา UAV หรือ ชุดติดตามไล่ล่าทางอากาศ  ผมคงกลัวจนขี้แตก

เพราะไม่รู้จะหนีไปทางใหน

ตอบคุณ sekseree เราไม่เคยตั้งรับถ้าคุณเป็นคนในกองทัพหรือคนในพื้นที่จะรู้ว่าเราล่าเขาตลอดปิดกั้นการลงมือเขาหลายครั้ง

ทั้งหลังม่านและหน้าม่านแต่แน่นอนมันกันไม่ได้ 100% หรอกครับยิ่งเขาเป็นกองกำลังขนาดเล็กชุดล่ะ 6 คนอย่าง RKK คือมันสงคราม

กองโจรเหมือนกรณีอัฟกัน สหรัฐกับตาลีบันพอๆกันเลยกับเราถามว่าเค้าคุมได้ 100% ไหมก็ไม่ครับแม้แต่

สหรัฐยังจบสงครามนี้ไม่ได้เลย ปล.โดยเฉพาะหลังม่านผมเชื่อว่าเล่นกันหนักแน่นอน

กระทู้แบบนี้มีเยอะจนขี้เกียจตอบแล้ว ทั้งในนี้และพันทิบ

สงสารก็แต่ท่าน FW190, neosiamese2 ที่ต้องมาอธิบายถึงเหตุผลและความเป็นไปได้ในการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ในพื้นที่

เรื่องพารามอเตอร์ผมคิดว่าไม่เวิร์คครับเป้าซ้อมยิงดีๆนี่เอง

------------------------------------------------------------------------------

กลับมาที่ จขกท.ผมว่าท่าน FW190 ก็อธิบายไปหมดจนแจ่มแจ้งแล้วน่ะครับผมก็เคยคิดแบบคุณครับแต่หลังจาก

มาเป็นมาเป็นสมาชิกทั้งเว็บ TFC TAF แล้วเนี่ยถึงรู้ว่ามัน ยาก ถึง เป็นไปไม่ได้เลยนี่ "กองทัพไทย" ไม่ใช่ "กองทัพมะกัน"

ปัจจัยพื้นฐานเราไม่พร้อม เราไม่ได้มีโดรนเป็นร้อยเป็นพันลำ เราไม่ได้มีเงินมากมายถึงขนาดจะออกค่านู่นนี่นั่นให้โดรนออกบิน

มันทุกชั่วโมงไม่ต้องไปพูดถึงลักษณะการออกปฏิบัติการณ์การวางกำลังเลยด้วยซ้ำ SPYROBOT อะไรเอยก็พอกันเขาจะขายให้หรอ

ครับถ้าขายเงินล่ะจากไหนอ่านดีๆครับไม่มีใครในนี้บอกไม่เห็นด้วยซักคนเดียวแต่ถามว่าปัจจัยพื้นฐานเราพร้อมหรือเปล่า

ด้วยความเคารพจากเด็กคนนึงครับ

---------------------------------------------------------------

ถามท่าน FW190 พอจะบอกได้ไหมครับว่าลักษณะการออกลาดตระเวนของเราแต่ล่ะครั้งเนี่ยออกกันเดี่ยวๆหรือไปเป็น CONVOY

ครับสงสัยมาหลายปีแล้วตอบผมเอาบุญหน่อยครับ

แหมม กลายเป็นคนหัวโบราณซะแล้ว

ประเทศไหนเจรจากับผู้ก่อการร้าย /  ตอนนี้อเมริกายังขอเจรจากับตาลีบันเลยครับ

ตกเป็นรองซะงั้น / วัดจากอะไรครับ ทำไมผมคิดไม่เหมือนคุณล่ะ

สงครามก่อการร้าย สงครามแย่งชิงมวลชน คุณเข้าใจว่าอย่างไรหรือครับ คิดว่าการแก้ไขปัญหา ใช้เวลา ปี 2 ปีหรือ ??

แน่ใจหรือว่าเครื่องมืออย่าง UAV จะเป็นทางออกทางเดียวในการลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ ???

พารามอเตอร์ กันกระสุน lol

ใบพัด เครื่องยนต์กันด้วยมั๊ยครับ

งั้น ก็ไม่ต้องทำอะไรหรอก .. ใช้วิธี เอามอเตอร์ไซค์กับรถกระบะลาดตระเวณแบบเดิมๆไปเถอะ

อย่าไปคิดใช้ UAV หรือ วิธีอื่นๆเลย เปลืองงบประมาณและยุ่งยาก เปล่าๆ

โดนระเบิดพัง เราก็ค่อยซื้อคันใหม่ สบายใจกันทุกฝ่าย ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวด้วย

" เป็นไปไม่ได้ ทำไม่ได้  หรือ  ยังไม่ได้ทำ "

จบน่ะครับ ผมขี้เกียจกลับมาตอบแล้วด้วย ผมพูดไปก็เหมือนคนไร้สาระ

ในเมื่อคนส่วนมากไม่เห็นด้วย ผมก็ขอยอมรับว่าผมคิดผิด ถ้าทุกคนคิดว่า ใช้รถลาดตระเวณ

เป็นวิธีที่ดีที่สุด ก็เอาตามนั้น

เอ่อ .. ท่าน tongwarit ครับ

แล้วใบพัด เฮลิคอปเตอร์ กับ เครื่องยนต์เครื่องบินเจ็ท ที่ใช้กันทั่วโลก

มันกันกระสุนด้วยหรือเปล่าครับ ...

ผมเห็น แค่นกบินเข้าไปในเครื่องยนต์เครื่องก็ร่วงแล้ว

..ก่อนจะถามคิดก่อนน่ะ ไม่ใช่ตั้งคำถามเอาชนะหรือมันส์

ครับท่าน Exocet  ผมคงผิดเอง ที่เคยเสนอความเห็นเรื่องการลาดตระเวณด้วยพารามอเตอร์

งั้นก็ใช้แบบเดิมๆไปเถอะครับ เพื่อความสบายใจกันทุกฝ่าย

ผมผิดไปแล้วครับ ที่คิดในสิ่งที่มันยุ่งยากและเป็นไปไม่ได้ พอดีว่าเห็นข่าวเจ้าหน้าที่ของเรา

โดนระเบิดฝังไว้ใต้ถนนเกือบทุกวัน พารามอเตอร์มันเลยแว๊บขึ้นมาในสมอง

ไม่คิดว่า เรื่องมันจะยาวแบบนี้

จบน่ะครับ ..ในเมื่อทุกคนคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ผมจะไม่พูดถึงพารามอเตอร์อีกแล้ว

และผมจะไม่กลับมาดูกระทู้นี้อีก

อารมณ์เหมือนถูกเหม็นขี้หน้าเลยแฮะแค่เห็นว่าไม่เวิร์คเนี่ยพารามอเตอร์เนี่ยถ้าเอาจริงเรานี่ชาติแรกในโลกเลยน่ะผมว่า

คือมันไม่มีอะไรป้องกันตัวเลยน่ะกันกระสุนก็ไม่ได้เป็นผมรอดักยิงเลยด้วยซ้ำไม่ต้องวางระเบิดอีกตะหากไม่เสี่ยงด้วย

ลอยมายิงเสร็จหลบเข้าบ้านนั่งกินข้าวต่อสิ่งที่เราต้องการจริงๆตอนนี้ไม่ใช่ UAV หรือยานบินอะไรเลยผมว่าที่เราต้องการคือพวก

รถตรวจกับระเบิด เครื่องมือต่างๆของหน่วย EOD เค้าครับขับนำหน้าแบบพี่มะกันเขานั่นล่ะไปกันเยอะๆไม่ใช่ขับไปเดี่ยวๆโดน

เสร็จคว่ำมันก็เข้ามาซ้ำสิมาคันเดียวคือท่าน ด้วยความเคารพพิมพ์เป็นเด็กเลยครับพอคนไม่เห็นด้วยก็เกิดอาการงอแงซะงั้น

พอดีผมไม่ว่าง เลยไม่ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างยาวๆ เลยเข้ามาสักหน่อย เดี๋ยวจะว่าหาย

ขอติดไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวว่างจะเข้ามาครับ แต่ขอทิ้งไว้สั้นๆ ครับ

อยากจะบอกว่า พารามอเตอร์ ใช้ได้ไหม  คำตอบคือ ได้ครับ แต่ภารกิจที่เป็นไปได้สุด และเคยลองได้เห็นรูปมาบ้าง และคิดว่าใช้ได้คือ การบินพารามอเตอร์ เพ่ือถ่ายรูปภาพทางอากาศ เพื่อนำมาใช้ประกอบการวางแผนครับ

ส่วนเร่ือง จยย. กับ รยบ. กระบะ เดี๋ยวถ้าว่างจะนำขอคิดมานำเสนอในอีกมุมครับ แต่เกริ่นสั้นๆ ไว้ก่อนว่า วันนี้พึ่งมี จนท. รอดตาย เพราะใช้ รถ จยย. ครับ หุๆๆๆ

ผมไม่ได้บอกว่าเครื่องบินกับ ฮ. กันกระสุนซักคำครับ คุณ soda77 

ผมกำลังฮาเรื่องที่คุณว่า พารามอเตอร์กันกระสุนก็เพราะแม้แต่เครื่องบินกับ ฮ. ยังสามารถโดนยิงตกได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับพารามอเตอร์จะกันได้ครับ 

นี่ไม่ได้พูดถึงว่าบินกันคนละ altitude ด้วยซ้ำ

ผมพอเข้าใจกรอบคร่าวๆเรื่อง พารามอเตอร์ ตามแนวความคิดของคุณ soda 77 แล้วละครับ

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า  การ ลว. ด้วยยานพาหนะภาคพื้นในลักษณะ แสดงกำลังนั้น ปัจจุบันเราแถบจะไม่ปฏิบัติดังกล่าวแล้ว เพราะ ได้ผลน้อยและเกณฑ์เสี่ยงสูง

แต่การใช้ยานพาหนะจะเป็นไปในลักษณะการเคลื่อนย้ายเข้า-ออก พื้นที่เป้าหมายปลายทางในการปฏิบัติภารกิจนั้นๆ    ผมจึงตีความหมายการใช้งาน พารามอเตอร์ตามแนวความคิดของคุณ soda77 ว่าคือการใช้ พารามอเตอร์เพื่อการเคลื่อนย้ายหน่วยเข้าปฏิบัติภารกิจ  ซึ่งถ้าวิเคราะห์แล้วมีปัญหาข้อขัดข้องคร่าวๆดังนี้

1.พารามอเตอร์จำเป็นต้องใช้พื้นที่เพื่อการวิ่งขึ้น  ซึ่งถ้าดีที่สุดคือต้องสามารถวิ่งขึ้นจากพื้นที่ฐานฯได้เลย แต่เท่าที่วิเคราะห์ ขนาดพื้นที่ปฏิบัติการที่ค่อนข้างเป็นพื้นที่ราบ ในบรรดาจำนวนฐานฯที่มีเป็นสิบ ไม่มีฐานฯไหนเลยที่มีพื้นที่โล่งที่สามารถใช้พารามอเตอร์วิ่งขึ้นได้ (พื้นที่ป่าภูเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง)   ดังนั้นหมายความว่าหากจะใช้งานพารามอเตอร์จำเป็นต้องหาพื้นที่ที่เหมาะสม  ซึ่งหมายความว่าต้องมีการเคลื่อนย้ายด้วยรถยนต์จากฐานฯไปยังพื้นที่ดังกล่าว  จะเห็นว่าเกณฑ์การเสี่ยงในการใช้ยานพาหนะภาคพื้นดินก็ยังไม่หมดไป และจำเป็นต้องเพิ่มภารกิจในการ รปภ.สนามขึ้น-ลง พารามอเตอร์ เข้าไปอีก

2.ด้วยข้อจำกัดตามข้อ1 ส่งผลถึงเรื่องพื้นที่ร่อนลงด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งไม่ครอบคลุมทุกภารกิจอย่างแน่นอน รวมถึงภารกิจการ รปภ. สนามร่อนลงและอุปกรณ์ที่ต้องมีเพิ่มขึ้น

3.ภารกิจการตรวจสอบเส้นทางเพื่อหาสิ่งผิดปกติตามจุดเสี่ยงต่างๆ  ไม่สามารถทำจากบนอากาศได้

4.สภาพอากาศที่มีผลต่อการปฏิบัติด้วยพารามอเตอร์  จะทำให้ไม่สามารถตอบสนองต่อภารกิจได้

การใช้งานพารามอเตอร์ในภารกิจ เฝ้าตรวจ,คุ้มครองขบวน มีปัจจัยให้วิเคราะห์กันเล่นๆดังนี้

1.การตรวจการณ์ จากบนพารามอเตอร์ทำได้ดีแค่ไหน โดยเฉพาะพื้นที่สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมเป็นจำนวนมาก(ซึ่งเป็นลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่ใน จชต.) ถ้าใช้เพดานบินต่ำเพื่อเพิ่มการตรวจการณ์ที่ดีขึ้น ก็ต้องรับเกณฑ์เสี่ยงจากการถูกโจมตีด้วยปืนเล็กจากภาคพื้นมากขึ้นตามไป  แต่ถ้าใช้เพดานบินสูง การตรวจการณ์ยิ่งทำได้ยาก

2.ความเร็วของพารามอเตอร์มีเท่าไหร่   สามารถติดตามยานพาหนะภาคพื้นที่ใช้ความเร็วได้หรือไม่  รวมไปถึงการไล่ติดตามยานพาหนะฝ่ายตรงข้ามที่ใช้ก่อเหตุ

3.การใช้อาวุธปืนเล็กจากบนพารามอเตอร์ทำได้ดีแค่ไหน ทั้งความแม่นยำ และมุมยิงที่จำกัด  ถ้าใช้เพดานบินต่ำก็ช่วยเพิ่มความแม่นยำแต่ก็หมายความว่าต้องเข้าไปอยู่ในระยะยิงด้วยปืนเล็กของฝ่ายตรงข้ามด้วยเช่นกัน   โดยเฉพาะการยิงในพื้นที่แหล่งชุมชน

การใช้งานพารามอเตอร์ในภารกิจเฝ้าตรวจ,คุ้มครองขบวน ดูจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด แต่ปัญหาหลักๆคือ พื้นที่ขึ้น-ลง และสภาพอากาศตามที่กล่าวข้างต้น

แต่ที่ใช้ได้แน่ๆเลยคือ การบินถ่ายภาพทางอากาศเพื่อการวางแผนในการปฏิบัติภารกิจบางอย่าง ครับ ประหยัดและใช้ได้บ่อย,ง่ายกว่าการร้องขอ ฮ.  เคยเห็นภาพถ่ายลักษณะดังกล่าวครับ

ใจจริงว่าจะไม่พิมพ์แล้ว พิมพ์ๆไปสักพักก็ให้ล็อคอินไหม่ข้อมูลหายหมด แต่ก็ไม่ไหวโดนพวกไม่เห็นด้วยเล่นงานซะหนัก สงสัยเค้าคิดว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ดีสุดแล้ว คนตายทุกวันชั่งมัน หัวก้าวหน้ามาก ขอตอบนะครับ 1. เรื่องพารามอเตอร์มาตอนไหน แล้วมาให้ผมตอบเรื่องนี้ แถมผมยังไม่ค่อยเห็นด้วยกับการใช้งาน ขึ้นบินที่คนร้ายก็เห็น และมันจะลงมือไหม ปกติใช้วิธีซุ่มโจมตี 2. เรื่องข้อจำกัดการใช้งาน 2.1 ภูมิอาาศ เรื่องนี้ผมเห็นด้วยครับ ว่ามันเป็นข้อจำกัด ของ uav ผมสงสัยว่าภาคใต้ มีหน้าฝนทั้งปีเลยหรอ ไม่มีวันที่อากาศดีบ้างเลยหรอ... ส่วนช่วงอากาศไม่ดีก็ต้องปรับกลยุทธตามความเหมาะสม จะประจำตำแหน่งตามจุดต่างๆอะไรก็ว่าไป เพิ่ง uav อาจเดียวไม่ทำให้ชนะหรอก 2.2 การมอง ในกระทู้นี้ ผมพูดถึง uav กับสปายบอท ทำงานร่วมกัน uav จับภาพพฤษติกรรมน่าสงสัยได้ (เอาแบบไม่แน่ใจว่าใช่คนร้ายหรือไม่เพราะมันคงไม่ถือปืนออกมาโจงแจ้ง) ให้ส่ง พวกสปายบอท พวก เครื่องดักฟัง กล้องจิ้ว หรืออาจเราถึงการดักฟังโทรศัพท์ อะไรก็แล้วแต่ที่หาข้อมูลได้ เมื่อสืบจนยืนยันได้ว่าเป็นคนร้าย หรือกำลังจะลงมือ ให้ส่ง จนท เข้าจับคุม ส่วนไอ้พวกที่แสดงโจงแจ้งก็สบายเลยครับมีภาพยืนยันได้100เปอเซนไม่ต้องมานั่ง หาลายนิ้วมือหรือตรวจหาดีเอ็นเอ จะยิงทิ้งตอนนั้นเลยก็ได้ หรือจะส่ง จนท เข้าไปจับคุม ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเยอะ ตอนนี้ผมกำลังฝนอยู่เลย แต่มือมันพิมพ์เองได้ งงเหมือนกัน ที่พูดถึงทั้งหมด เครื่องมือทุกเครื่องมือมันมีข้อจำกัดของมัน อยู่ที่ว่าจะหาเครื่องมือตัวไหนมาลดข้อจำกัดเหล่านึ้น เพื่อมาเพิ่มประสิทธิภาพของ จนท. จินตนาการของผมใช่ว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน มันมีใช้จริงอยู่ทุกวันนี้ ขอให้เปิดตัว เปิดใจ รับสิ่งใหม่ๆ ของถามว่า ลองใช้งานแบบเต็มประสิทธิภาพหรือยัง เน้นนะครับเต็มประสิทธิภาพตามแผนการที่ผมบอกไปข้างต้น ถ้าไม่ได้ค่อยมาเถียง อย่ามาแบบว่ายังไม่ทำแล้วบอกไม่ได้ จินตนาการนั้นแระที่ทำให้โลกพัฒนาอยู่ทุกวัน

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------^

^

ผมยังสงสัยอยู่ว่า ทำไมถึงคิดว่า โดนกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยเล่นงาน  เท่าที่ผมอ่านๆมาแล้วใช้สมองคิดวิเคราะห์ ผมว่ามีแต่คนที่เสนอความคิดเห็นบน “ข้อเท็จจริง” เพื่อให้ใช้ สมอง คิดวิเคราะห์ ทั้งนั้นเลยนะครับ

ผมขอแสดงความคิดเห็นเพื่อให้ใช้สมอง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ  เป็นข้อๆตามคุณเลยนะครับ

1 เรื่องพารามอเตอร์ ถ้าคุณอ่านและวิเคราะห์ดีๆจะรู้ว่าผมพยายามสื่อสารอยู่กับใครครับ

2.1 ผมอ่านข้อความคุณแล้วผม “งง” ตกลงคุณเข้าใจหรือไม่เข้าใจกันแน่     กรุณาย้อนกลับไปอ่านข้อความของคุณเองอันแรกสุดอันเป็นที่มาของกระทู้นี้เลยนะครับ

ผมคัดสำเนาของคุณมาส่วนหนึ่ง “จัดตั้งกองกำลัง UAV บินครอบคลุมทุกส่วนของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้24 ชม”  จากตรงนี้จึงเป็นที่มาที่ผมพูดถึงเรื่องสภาพอากาศไงครับ

และก็ขอย้ำอีกครั้งว่าเราใช้ “UAV” ปฏิบัติการอยู่ครับ และปฏิบัติมานานแล้วครับ

จากความคิดเห็นข้อนี้ของคุณ สรุป คุณยอมรับแล้วใช่ไหมครับว่าการใช้ UAV มันไม่ได้ทำให้ชนะ  แล้วมันขัดแย้งกับสิ่งที่คุณพยายามนำเสนอมาเรื่อง UAV อันเป็นที่มาของกระทู้นี้หรือไม่

2.2 ไอ้สิ่งที่คุณอธิบายมานะ จนท. เขาทำกันอยู่ครับ  และย้ำอีกครั้งว่าสิ่งที่ผมสื่อนะมาจากการปฏิบัติจริง หรือ ยังไม่ปฏิบัติ

สำเนามาอีกครั้ง

“จัดตั้งกองกำลัง UAV บินครอบคลุมทุกส่วนของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้24 ชม ใช้เป็นพันลำก็ยอม สแกนพื่นที่ทุกตารางติดกล้องกลางวัน กลางคืน ติดอาวุธให้ uav เมื่อเจอกำลังก่อเหตุให้ยิงได้ทันที ส่ง SPYROBOT เข้าไปในพื่นต้องสงสัยเพื่อหาข่าวแทน ถ้าเจอตัวคนร้ายก็จัดการขั้นเด็ดขาด ถล่มไม่ให้เหลือ ใช้ uav ยิงถล่มเลย ไม่ต้องใช้คนไปเสี่ยงแล้ว เงียบ เร็ว เฉียบขาด ได้เปรียบกว่าเยอะ แถมกำลังใจเพิ่มขึ้นเป็นกอง”

เพราะคุณนำเสนอเริ่มต้นแบบนี้ ผมเลยพยายามสื่อถึงปัญหาข้อขัดข้องว่า ไอ้ที่คุณเพ้อมานะ มันทำไม่ได้จริง ไงครับ(ถ้ายัง สงสัย กรุณาย้อนกลับไปอ่านซ้ำอีก)   พอมาถึงความเห็นนี้คุณว่า

“การมอง ในกระทู้นี้ ผมพูดถึง uav กับสปายบอท ทำงานร่วมกัน uav จับภาพพฤษติกรรมน่าสงสัยได้ (เอาแบบไม่แน่ใจว่าใช่คนร้ายหรือไม่เพราะมันคงไม่ถือปืนออกมาโจงแจ้ง) ให้ส่ง พวกสปายบอท พวก เครื่องดักฟัง กล้องจิ้ว หรืออาจเราถึงการดักฟังโทรศัพท์ อะไรก็แล้วแต่ที่หาข้อมูลได้ เมื่อสืบจนยืนยันได้ว่าเป็นคนร้าย หรือกำลังจะลงมือ ให้ส่ง จนท เข้าจับคุม ส่วนไอ้พวกที่แสดงโจงแจ้งก็สบายเลยครับมีภาพยืนยันได้100เปอเซนไม่ต้องมานั่ง หาลายนิ้วมือหรือตรวจหาดีเอ็นเอ จะยิงทิ้งตอนนั้นเลยก็ได้ หรือจะส่ง จนท เข้าไปจับคุม” 

ดูมันขัดแย้งในความคิดพิกลครับ

การทำงานใน จชต. ปัจจุบันนั้นถ้าพูดกว้างๆคือมันเป็น Law Enforcement ครับ ไม่ใช่ War  เป็นการบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับที่ประกาศใช้    การปฏิบัติทุกอย่างต้องอ้างอิงตัวบทกฎหมาย ไม่อย่างนั้น จนท. จากผู้บังคับใช้กฎหมายจะกลายเป็น ผู้ถูกดำเนินการตามกฎหมายเสียเองครับ   บางอย่างมันถึงทำไม่ได้ทั้งๆที่ในใจอยากทำใจจะขาดครับ

เรื่องมันไม่จบแค่การจับกุม หรือ ยิงให้ตายครับ  หลังจากนั้นก็ต้องเป็นขั้นตอนทางกฎหมาย แม้แต่เจ้าหน้าที่ที่เข้าปิดล้อมแล้วปะทะกับฝ่ายตรงข้าม  ฝ่ายตรงข้ามตาย  จนท.ชุดนั้นจะต้องถูกฟ้องข้อหา “กระทำเกินกว่าเหตุ”  ต้องขึ้นลงขึ้นศาลเพื่อสืบพยานจนศาลเห็นว่า เป็นการกระทำสมควรแก่เหตุ ศาลก็จะยกฟ้องไปเองครับ      รายงานผลทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น ดีเอ็นเอ  เป็นพยานที่หนักแน่นศาลจะฟังมากกว่า วัตถุพยานอย่าง ภาพถ่าย  ครับ     ส่วนเรื่องเครื่องดักฟัง,ดักฟังทางโทรศัพท์ คุณรู้หรือเปล่าว่ามันผิดกฎหมายและไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลได้ (แต่ผมก็ไม่บอกนะว่าเราใช้วิธีการดังกล่าวหรือเปล่า 55555)

อย่าว่าแต่ยิงทิ้งเลยครับ  ปะทะกันด้วยอาวุธอย่างโจ่งแจ้ง ถ้าที่ศพฝ่ายตรงข้ามมีร่องรอยว่า จนท. ยิงซ้ำ เท่านี้ จนท. ก็ซวยแล้วละครับในเรื่องกฎหมาย

สรุป ไอ้สิ่งที่คุณบอกว่าเป็น แผนการของคุณในข้อ 2.2 นะ โดยรวมๆแล้ว จนท. ใน จชต. เขาทำกันอยู่ครับ  และบางอย่างมันลึกล้ำซ่อนเงื่อนเพื่อนทรยศ มากกว่าที่คุณคิดอยู่เยอะครับ  ซึ่งผมคงไม่สามารถมาอธิบายในนี้ได้ทั้งหมด  และพื้นที่ปฏิบัติการใน จชต. นั้นแค่ต่าง อำเภอ  วิธีการด้านต่างๆก็เปลี่ยนไปแล้วครับ  มันคงไม่ง่ายเหมือนแผนการของคุณที่พิมพ์เพียงแค่ 10 กว่าบรรทัดกระมังครับ  แค่คำสั่งยุทธการกองร้อยแค่ภารกิจเดียวยังมีรายละเอียดเป็นสิบๆแผ่น A4 เลยครับ

เอาง่ายๆ ที่เป็นข่าว เรื่องตำรวจวิสามัญคนร้าย จนท.ตำรวจต้องตกเป็นผู้ต้องหาก่อนครับ ส่วนมี่เหลือก็ตามที่ ผู้กอง FW190 บอกไว้ เอะอะจะใช้ความรุนแรง มันไม่ง่ายครับ  ลองคิดดูดีๆนะครับว่าทำไมตอนนี้หลังการจับกุม แกนนำหรือแนวร่วมหลายคน ถึงไม่มีม็อบที่เอาผู้หญิงกับเด็กมาบังหน้า และมีพวกมันบางคนแต่งเป็นผู้หญิงมาร่วมด้วยแล้ว เพราะอะไร ฝากให้ เจ้าของกระทู้ไปคิดด้วยครับ

ป.ล.คงไม่ต้องมาอธิบาย Ctrl+c หรือ Ctrl+V อีกนะครับ เพราะทั้งผู้กองทั้งแอดมินอธิบายวิธีการทำจนกระจ่างแล้วครับ

****พารามอเตอร์ผมว่าตลกนะที่จะเอาไปขี้ไรจับโจรตลกไปป่าว ผมถามทีเถอะเคยเล่นมันรึป่าว  ถ้าอยากเล่นมาที่จันทบุรีบ้านผมครับเค้าเล่นกันวันศุกร์-อาทิตย์ เกลื่อนเลย

ระดับความสูงที่บินได้ คือชั้นโทรโพสเฟียร์ 15 กม.จากพื้นโลก  
ปัจจัยที่เกียวข้องกับระดับความสูงในการบินคือ
1.ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ พารามอเตอร์ส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์ 2 จังหวะ
2.ความแข็งแรงของร่างกาย 
3.ความหนาแน่นของอากาศ มีผลโดยตรงกับครื่องยนต์ ไม่มีออกซิเจนในการเผาไหม้
4.อุณหภูมิจะลดลง 2 องศาเมื่อความสูงเพิ่มขึ้น 1000 ฟิต (ข้างบนหนาวมาก)
คงมีอีกมากมายหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ขอสรุปสั้นเลยก็แล้วกันครับ กฏหมายกำหนดให้บินได้ไม่เกิน 
1000 ฟิตครับ 

ต่อให้บินสูงยังไงก็เห็น เสียงนี้มาก่อน 15 นาทีได้ กว่าจะมาถึงป่านั้นโจรคงกลับไปนอนกินโจ๊กแล้วมั่ง 

ผมถามหน่อยเถอะเอาไปให้โจรยิงเล่นหรออย่าบอกนะว่ายิงไม่โดน คุณไปหาคลิปสงครามในซีเรียซิ ขนาด  ฮอลิคอปเตอร์ ยังโดนสอยเป็นว่าเล่น ผมว่าจะทำให้ทหารตายในสภาพคล้ายโดนตบยุงมากกว่า 

ผมเห็นบ้างท่านอ้างว่าใช้สมองในการคิดวิเคราะห์วิจัยพัฒนา อะไรของท่านผมว่ามันก็แค่คำสวยหรูแต่เห็นแล้วน่ารำคาญมากกว่า คนไม่มีสมองวิเคราะห์อย่างผมเห็นแล้วคันหูจริงๆ  ผมว่านะคุณลองใช้พารามอเตอร์ไปขับแถวพื้นที่สีแดงก่อนแล้วถ้ารอดมาได้ค่อยมาเสนอผมเห็นแล้วรำคาญจริงๆ ฮาด้วยเห็นคุณตอบแบบมีหลักการแบบน้ำๆไม่มีเนื้อ เหมือนว่าตนเองรอบรู้พยายามที่จะฉลาดกว่าคนนี้อื่นแต่ดูเป็นคนไม่ได้ฉลาดหรอกครับ ผมว่าเป็นตัวตลกมากกว่า 555 ผมเห็นด้วยครับที่ต้องมี UAV ไม่ต้องคิดมากหรือคิดคำสวยหรูเลยเพราะคำพวกนี้ ทำให้ทหารแล้วครูและพลเรือนตายไปแล้วกว่า 8000 คน ณ บัดดล

เห็นด้วยกับพี่ FW190 ครับ ขอพูดในประเด็น UAV เพียงอย่างเดียว เพราะผมทำงานกับมัน (แต่ปัจจุบันไม่ได้รับผิดชอบใน ๓ จชต)

๑. เครื่องบิน UAV ในจชต.ใช้มาตั้งแต่ปี ๔๘ จนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันมีหลายหน่วยงานมากทั้ง UAV จริงๆ ของศบบ.(seacher mkII) ของ ทอ.(AEROSTAR)  และ ขกท. MINI UAV ของทหารราบ แม้จำนวนไม่เยอะ อาจไม่ถึงสิบลำ แต่ก็มีใช้

๒. UAV มีข้อจำกัดในตัวเอง อย่างแรก ถ้าเป็น UAV จริงๆ จะลำใหญ่มาก ไม่ใช่แค่เท่าๆเครื่องบินบังคับ แต่ลำมัน น้องๆ เครื่องบินจริงเลยล่ะ ใช้ จนท.เยอะมาก ต่อ๑ ระบบ เอา จนท.หลัก ก่อนนะ มี นักบินภายนอก นักบินภายใน จนท.ช่างแมคคานิค จนท.ช่างอิเล็กโทรนิค ๔ คนไม่รวม หน.และ ผช. ต่อโ€‹๑ ระบบ และทำงานจะต้องมีสภาพร่างกายและชั่วโมงในการทำงานไม่ต่าง จาก นักบินจริงๆ ในเรื่องการบริหารทรัพยากร UAV ใช้น่้ำมันเบนซิน๙๕ บินครั้งนึงได้ไม่นาน อย่างมากก็ 20 ชม.(ใช้น้ำมันเท่าไหร่?) บินได้ไกล 300 Km 

๓. ข้อจำกัดในพื้นที่ คือ ภูมิอากาศ ที่เป็นฝนตก เกือบตลอดปี ไปถามหาข้อมูลเอาได้ครับ ว่าในภาคใต้ มีUAV ตกมาแล้วกี่ลำ 

ภูมิประเทศ ป่ารกทึบ ป่ายาง ภูเขา กล้องUAV ส่องเห็นหรือไม่ หรือถ้าส่อง เห็น จะรู้ได้ไหม ว่าทำอะไร อยู่ ว่าคนข้างล่างขุด ถนน หรือวางระเบิด จะเห็นได้ชัดขนาดนั้นไหม ถ้าเห็นได้ชัด ก็ต้องส่งกำลังเข้าไปพิสูจน์ ถ้าหนีเข้าป่า ล่ะ กล้องส่่องไม่เห็นอีก 

และปัญหาสุดท้ายคือ จะรู้ได้ไงว่าคนที่เห็นในUAVจะแยกได้ไงว่าใครเป็นโจร 

สรุป เรามีใช้ และมีประสบการณ์การใช้มาแล้ว มันก็ได้ประสิทธิภาพในระดับนึง แต่ยังไม่คุ้มพอที่จะใช้ทั้งระบบ เนื่องด้วยข้อจำกัดต่างๆที่ได้กล่าวไป การวางแผนการใช้ สิ่งต่างๆ ต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ เพราะ พื้นที่ สมรภูมิ แต่ละที่ไม่เหมือนกัน จะเอาสูตรสำเร็จของคนอื่นมาใช้ไม่ได้ 

แนวคิดพารามอเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธเคยมีไหม แล้วทำไมไม่สานต่อ ถ้ามันดีป่านนี้คงใช้กันเกลื่อนแล้วล่ะ